บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 189 กลับบ้านอีกครั้ง
หยู่เหวินเห้าไม่เข้าใจ กล่าวอย่างอารมณ์เสีย:”ไม่เคยมาเลยงั้นหรือ งั้นข้าจะบอกกับเสด็จย่าว่าเจ้าน่าจะท้องแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางเผยออกมาได้”
ลู่หยาแทรกขึ้น:”ไม่ใช่นะเพคะ ทำไมจะไม่เคยมาล่ะเพคะพระชายา? เคยมา แต่ประจำเดือนของท่านผิดปกติ มีบางครั้งสองสามเดือนจึงจะมาทีหนึ่ง”
“เคยหรือ?” หยวนชิงหลิงผงะ
หยู่เหวินเห้ามองนางถามอย่างประหลาดใจ:”เคยหรือไม่เคย ตัวเจ้าเองก็ไม่รู้หรือ?”
หยวนชิงหลิงเงียบไปครู่หนึ่ง “มาน้อย ใครจะไปรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่?”
“ยังจะพูดเช่นนี้อีก?” หยู่เหวินเห้ามองนาง “เจ้าหยวน เจ้ามีเรื่องปิดบังข้าใช่หรือไม่?”
“มีอะไรน่าปิดหรือ?” หยวนชิงหลิงเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเรื่องชายารองก็เป็นไปตามนี้หรือ? เสด็จพ่อไม่พูดอะไรเลยหรือ?”
“เสด็จพ่อรู้อยู่แก่ใจแล้ว ไม่ได้พูดอะไร” หยู่เหวินเห้าตอบ
หยวนชิงหลิงยืดตัวขึ้น “ถ้าเสด็จพ่อไม่พูดอะไร พวกเราก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
นางตะโกนขึ้น:”ตอเป่า เราไปกันเถอะ”
ตอเป่าวิ่งออกมา หยวนชิงหลิงสั่งลู่หยา “เจ้าไปกับข้า”
ลู่หยาตอบรับแล้วออกไปพร้อมกับหยวนชิงหลิง
เมื่อเห็นว่าหยู่เหวินเห้าไม่ได้ตามมา หยวนชิงหลิงถามเสียงเบา:”จริงสิลู่หยา ประจำเดือนข้า……สองสามเดือนจะมาหนหนึ่งใช่ไหม?”
“พระชายา ท่านไม่รู้ตัวเองหรือ?” ลู่หยาถามอย่างประหลาดใจ
“รู้ รู้สิ” หยวนชิงหลิงโบกมือไปมา “ท่านอ๋องไม่รู้ว่าข้าต้องการปิดบัง จริงสิ พวกเจ้ามาเดือนละครั้งหรือ?” นางแกล้งเป็นไม่รู้เรื่องประจำเดือน จงใจถาม
“ใช่เพคะ ทุกหนึ่งเดือนจะมาหนึ่งครั้ง” ลู่หยาตอบ
หยวนชิงหลิงไม่คาดคิดว่าตัวเองจะมีประจำเดือนไม่ปกติ เฮ้อ ความลับเกือบหลุดออกมาแล้ว
“พระชายาท่านต้องการให้หมอมาตรวจดูไหมเพคะ?” ลู่หยาถามขึ้น ตอนนี้ทุกคนกำลังหาวิธีบำรุงรักษาร่างกายพระชายา เพื่อให้กำเนิดรัชทายาทในเร็ววัน
หยวนชิงหลิงโบกมือ “ผ่านช่วงนี้ไปค่อยตรวจก็ได้”
นางยังรู้สึกว่าการมีบุตรตอนอายุสิบเจ็ดนั้นไร้มนุษยธรรม
แต่เดิมคิดว่าตัวเองยังไม่มีประจำเดือน จึงรู้สึกว่ายังโชคดีอยู่ แต่ดูแล้วหลังจากนี้คงต้องระวังตัวเองมากขึ้น
แต่ควรระวังอย่างไรเล่า?
การคุมกำเนิดในยุคที่ล้าสมัยนี้ แล้วคนผู้นั้นก็กำลังเหลือเฟือ เป็นเรื่องยากจริงๆ
หยู่เหวินเห้าตามมาถึง ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับตอเป่ามั่นคงจนสามารถเล่นไล่ตามกันได้แล้ว เขาค่อยๆ ก้าวออกจากความกลัวสุนัขแล้ว
หยวนชิงหลิงเห็นว่าพวกเขาเล่นกันสนุกสนาน ก็เข้าไปเล่นด้วย
นางหยิบกิ่งไม้มาขว้างออกไปหนึ่งกิ่ง ตอเป่าก็รีบวิ่งตามไป
นางตั้งใจขว้างไปทางหยู่เหวินเห้า ตอเป่าวิ่งตรงไปที่ตัวของหยู่เหวินเห้า งับกิ่งไม้ไว้แล้วคาบกลับมาให้หยวนชิงหลิง
หยู่เหวินเห้าก็ขว้างมาหานาง แต่ไม่กล้าขว้างกิ่งไม้ เพียงแค่ขว้างใบไม้เท่านั้น
ใบไม้เคลื่อนไหวช้า หยวนชิงหลิงสามารถโยกศีรษะหลบได้ ตอเป่าจึงไม่ได้วิ่งใส่นาง
อีกทั้งตอเป่านั้นแสนรู้ รู้ว่านายหญิงต้องการแกล้งหยู่เหวินเห้า ดังนั้นจึงเจตนากระโดดใส่เขา
สองคนหนึ่งตัวเล่นกันครึ่งชั่วโมงเต็มๆ หยวนชิงหลิงเหนื่อยจนหอบแฮ่กๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าให้หายเหนื่อย
ตอเป่าหมอบลงข้างเท้าของนางอย่างน่าเอ็นดู หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปลูบขนของมัน
หยู่เหวินเห้าก็นั่งลง เช็ดเหงื่อออกให้นาง มองดูแก้มที่แดงเพราะกิจกรรมเมื่อครู่ของนาง ถามพลางหัวเราะ:”เหนื่อยมากเลยสิ?”
“ไม่เหนื่อย มีความสุข!” หยวนชิงหลิงซุกตัวอยู่ข้างๆ เขา ลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดมาเย็นสบายให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก
นางคงต้องออกกำลังกายบ้างแล้วจริงๆ
“มีความสุข? งั้นดีเลยต่อไปจะเล่นกับเจ้าและตอเป่าฝึกไว้รอเจ้ามีลูก ข้าจะได้เล่นกับลูก”
พูดเรื่องมีลูกอีกแล้ว!
หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ว่าจะไปไหนก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้
ในยุคนี้ไม่มีอะไรดีเลย ตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง หลังแต่งงานหนึ่งปีถ้ายังไม่มีบุตรถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง
คนรอบข้างจะว่าอย่างไรก็ช่าง เขาก็ยังคงพูดเรื่องนี้อยู่ปาว ๆ
หยวนชิงหลิงห่อเหี่ยวเป็นที่สุด
วันต่อมาไม่มีธุระ หยวนชิงหลิงจึงกลับบ้านไปเยี่ยมท่านหญิงแก่
นางยังคงกลับไปขณะที่เจ้าพระยาจิ้งไม่อยู่เช่นเคย แต่กลับไปคราวนี้นางหลวนและฮูหยินรองไม่ได้พูดหยามหรือปฏิบัติต่อนางอย่างเย็นชา อีกทั้งยังเรียกคนมาจัดหาอาหารกลางวันให้
อาการของฮูหยินใหญ่ยังคงอยู่ตัว หยวนชิงหลิงรู้ว่าเป็นเพราะนางไม่ให้ความสำคัญกับร่างกายตนเอง กินยาก็ไม่ใส่ใจแน่นอน
เมื่อถามซุนมามาแล้ว ซุนมามาบอกว่านางหลวนไม่ได้มาถามเรื่องยาอีกต่อไปแล้ว แต่หยวนชิงหลิงก็พบว่ายาที่นางให้มายังเหลืออีกเยอะ เห็นได้ว่าเสด็จย่าทานไปไม่เท่าไหร่
“ท่านย่า ควรบอกท่านอย่างไรดี? ร่างกายนี้เป็นของท่าน ท่านไม่ดูแลใครจะช่วยท่านได้?” หยวนชิงหลิงกล่าวแผ่วเบา
ฮูหยินใหญ่ตอบเรียบๆ :”จะเกิดหรือตายเมื่อข้าต้องไป กินยาไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าต้องการมีชีวิตอยู่จริงๆ ไม่ใช่เพราะยาจึงจะมีชีวิตอยู่ได้”
“นี่คือตรรกะอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว เสด็จย่าผู้นี้ดื้อดึงนัก
“ไม่ต้องพูดเรื่องข้าหรอก พูดเรื่องเจ้าดีกว่า ภายนอกท้องฟ้าเป็นอย่างไรข้าก็รู้ เจ้ากับท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง” เสด็จย่าถาม
“ภายนอกอะไรท้องฟ้าอะไรเล่า? มันเกี่ยวกับเรื่องข้ากับท่านอ๋องอย่างไร?” หยวนชิงหลิงสับสนมึนงง
ซุนมามาหัวเราะก่อนกล่าว:”ฮูหยินใหญ่หมายถึงคนภายนอกมาส่งข่าวอยู่เรื่อยๆ ฝ่าบาทประสงค์จะแต่งตั้งบุตรชายที่ได้กำเนิดเป็นคนแรกขึ้นเป็นรัชทายาท จึงต้องการถามท่านกับท่านอ๋องเมื่อใดจะมีสักคนเพคะ
หยวนชิงหลิงลมแทบจับ
ทำไมตอนนี้ไปที่ใดก็มีแต่เรื่องนี้เล่า?
นางถอนหายใจยาว “ขึ้นกับโชคชะตากำหนดไม่ได้เพคะ ท่านย่าไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ช่วงนี้หลานได้ยินจนหูจะเป็นรังไหมแล้ว”
“ข้าไม่ถาม พ่อเจ้าก็ถามอยู่ดี ช่วงนี้เขายิ่งมีความคิดจะไปหาเจ้าที่จวนอ๋องอยู่” ฮูหยินใหญ่กล่าวเรียบๆ
หยวนชิงหลิงตกใจพรวดพราดขึ้น “ข้าต้องไปแล้วจะให้เขาจับข้าไม่ได้”
ฮูหยินใหญ่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “อะไรกัน? ” ถามก็ไม่ได้หรือ ท่านย่าของเจ้าไม่คาดหวังคนอื่น แต่หวังว่าเจ้าจะสามารถให้กำเนิดลูกชายลูกสาวสักคน หรือรักษาตำแหน่งในจวนอ๋องให้มั่นคงเพื่อไม่ให้ถูกรังแก”
“วางใจเถิด” หยวนชิงหลิงเก็บข้าวของเตรียมกลับแล้วหันมากล่าวกับฮูหยินใหญ่ “ถ้าหากหลานเขยของท่านรังแกข้า ข้าก็จะออกจากตำแหน่งซมซานกลับมาพึ่งพิงท่าน”
“เจ้าอย่าทำเช่นนั้นเด็ดขาด เพราะข้าไม่รับ!” ฮูหยินใหญ่หัวเราะ
มาพบท่านย่าทำให้มีกำลังใจขึ้น ตอนจากกันหยวนชิงหลิงก็ยังรู้สึกสบายใจ
แต่ตอนออกมากลับบังเอิญพบนางหวงผู้เป็นแม่เข้า
นางหวงหยุดนางไว้ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “เจ้ากลับมาแต่ไม่ไปคารวะข้า ข้าไม่มีตัวตนสำหรับเจ้าหรือ? หรือว่าพอได้เป็นพระชายาก็เอาตาไว้บนหน้าผากเสียแล้ว
หยวนชิงหลิงไม่ชอบแม่ของนางผู้นี้จริงๆ งมงายทั้งเลอะเทอะ ยังไม่ฟังความเห็นก็ชอบเอะอะไปก่อน
“ท่านแม่ ข้าเพิ่งคิดจะไปคารวะท่าน แต่ก็เผอิญมาพบท่านที่นี่เสียก่อน” หยวนชิงหลิงจำใจตอบ
“แล้วไป ในสายตาเจ้ายังเห็นแม่คนนี้อยู่ไหม?” นางหวงจ้องนางเขม็ง
หยวนชิงผิงเข้ามาช่วย “ท่านแม่ อย่าทำให้พี่ใหญ่ลำบากใจเลย นางไม่ใช่คนเช่นนั้นเสียหน่อย”
แม้นางหวงจะรักใคร่หยวนชิงผิง แต่วันนี้มองนางก็รู้สึกโกรธกล่าวอย่างเคืองๆ :”เจ้าก็ด้วย ไม่โตขึ้นไม่รู้ความ พ่อของเจ้าอยากให้เจ้าได้ดี วิ่งวุ่นเรื่องงานแต่งงานของเจ้า เจ้าไม่ซาบซึ้งในพระคุณแถมยังกล้ากระด้างกระเดื่องกับเขา? เจ้าคิดว่าทุกวันนี้ได้ดังใจทุกอย่างแล้วสินะ?
หยวนชิงผิงไม่สบอารมณ์ “พอเถิด ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะไปส่งพี่ใหญ่กลับ”
พูดจบก็จับมือหยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่ออกเสียงว่า:“ไปกัน!”