บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 769 ชายในชุดคลุมโลหิต
บทที่ 769 ชายในชุดคลุมโลหิต
บทที่ 769 ชายในชุดคลุมโลหิต
ชั้นที่สามสิบเก้า
ชั้นที่สี่สิบเก้า
…
เมื่อเฉินซีมาถึงชั้นที่ห้าสิบห้าของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงนัก ชายหนุ่มจึงสามารถสลายแรงกดดันนี้ได้ โดยโคจรปราณแท้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สถานที่แห่งนี้เป็นขีดจำกัดสำหรับผู้บ่มเพาะที่ขอบเขตสถิตกายา และความแข็งแกร่งของวิญญาณโลหิตที่ลึกลงไปกว่านี้ก็เทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี กล่าวอีกนัยหนึ่ง… นับตั้งแต่ชั้นที่ห้าสิบหกเป็นต้นไปคือสถานที่ที่อันตรายอย่างแท้จริง!
ฟุ่บ!
แสงสีเลือดสาดส่องลงมาเหมือนลูกศร พร้อมกับเปล่งเสียงคำรามอันแหลมคม ขณะที่มันพุ่งทะลุท้องฟ้า พุ่งมาทางด้านหลังศีรษะของเฉินซี!
เฉินซีไม่แม้แต่หันหลังกลับ เขาคว้าแสงสีเลือดไว้ในมืออย่างไม่ตั้งใจ นี่คือวิญญาณโลหิตที่เดือดดาลด้วยปราณโลหิต และมีรูปร่างบิดเบี้ยว ดวงตาสีแดงเข้มดุร้าย อีกทั้งความแข็งแกร่งก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายา ซึ่งสามารถใช้พลังต่อสู้ได้ถึงห้าเท่า
แต่ตอนนี้เฉินซีกลับถือมันไว้ในมือเหมือนผ้าขี้ริ้ว และมันไม่มีโอกาสที่จะดิ้นรนขัดขืน ปากขนาดใหญ่ที่เปื้อนเลือดและเต็มไปด้วยเขี้ยวของมันทำได้เพียงปล่อยเสียงคำรามเป็นระลอกออกมา
“วิญญาณโลหิตประเภทนี้น่าจะเป็นวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขาม ซึ่งไม่สลายตัวไปหลังจากที่มันได้ตายลง และกลายเป็นปราณชั่วร้ายที่น่ากลัวซึ่งถูกผนึกไว้ที่นี่ ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่ถูกสะกดอยู่ด้านล่างของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตแห่งนี้ บางทีอาจทำให้สถานที่นี้เต็มไปด้วยวิญญาณโลหิตที่มีความแข็งแกร่งแตกต่างกัน…” เฉินซีพินิจพิเคราะห์วิญญาณโลหิตนี้อย่างระมัดระวังอยู่ชั่วครู่ และครุ่นคิดสั้น ๆ ก่อนจะนำน้ำพุใต้พิภพออกมาหนึ่งหยดและหยดเข้าไปในร่างของวิญญาณโลหิต
เฉินซีได้รับน้ำพุใต้พิภพนี้จากมหาสมุทรที่อยู่ในเหวเงาทมิฬ ซึ่งมันก็เป็นน้ำที่น่าอัศจรรย์และมีพิษร้ายแรงมาก แต่มันมีความสามารถในการชำระโอสถวิญญาณและสมบัติวิเศษ หรือชำระวิญญาณให้บริสุทธิ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ในเวลานั้น เฉินซีสามารถรวบรวมน้ำพุใต้พิภพได้หลังจากที่เรียนรู้ศาสตร์เต๋า ‘การผนึกมิติจองจำ’ ซึ่งหม้อใบจิ๋วได้ถ่ายทอดให้กับเขา มิฉะนั้น เขาก็คงไม่สามารถครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ได้
เหตุผลก็คือฤทธิ์ของมันรุนแรงเกินไป มันสามารถกัดกร่อนสมบัติวิเศษชิ้นใด ๆ ก็ได้ ดังนั้นหลังจากหลายปีผ่านไป แม้แต่สมบัติอมตะก็ยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากมัน
ฟู่!
ทันทีที่หยดน้ำจากน้ำพุใต้พิภพถูกกรอกเข้าไปในวิญญาณโลหิต ร่างกายของมันก็เริ่มปล่อยปราณสีเลือดออกมาทันที ในขณะที่ความแค้นและปราณชั่วร้าย หรือความอาฆาตพยาบาทที่มองเห็นได้ด้วยตาต่างถูกขจัดจนหมด
เฉินซีสร้างผนึกขึ้นมาสองสามชิ้น และรวบรวมปราณโลหิตเหล่านี้ ก่อนที่จะควบแน่นมันจนเป็นเม็ดเลือด นี่เป็นสิ่งที่อัดแน่นเต็มไปด้วยปราณโลหิต และมันมีประโยชน์อย่างมาก หากมอบให้กับเด็ก ๆ ของเผ่านรกขุมที่เก้า เพื่อขัดเกลาร่างกายของพวกเขา
ในเวลาไม่นาน รูปร่างหน้าตาของวิญญาณโลหิตนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันกลายเป็นผลึกใสและโปร่งแสง ในขณะที่สีหน้าสงบและเยือกเย็น ไม่มีกลิ่นอายที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมอีก
หากพิจารณาให้ดี วิญญาณโลหิตนี้มีรูปลักษณ์เหมือนสาวงาม! น่าเสียดายที่นางมีสีหน้าเหม่อลอยและไม่มีสติสัมปชัญญะ เป็นเพียงร่างกายที่ประกอบขึ้นจากจิตวิญญาณเท่านั้น
เฉินซีขมวดคิ้ว เขาถูกครอบงำด้วยแรงกระตุ้นที่จะทดลองน้ำพุใต้พิภพ แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่า เขาจะสร้างบางสิ่งที่ดูเหมือนคนแต่ก็ไม่ใช่คนขึ้นมา และวิญญาณนี้ก็ดูจะยังไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนัก
หลังจากครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน เฉินซีพลันสะบัดแขนเสื้อและวางหญิงสาววิญญาณโลหิตผู้นี้ไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ โดยตั้งใจจะถามผู้อาวุโสของนิกายว่า เขาควรจัดการกับมันอย่างไรดีหลังออกจากถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตไป
แน่นอนว่าด้วยระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของชายหนุ่ม ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะแยกแยะว่า แท้จริงแล้วมันคือดวงจิตวิญญาณบริสุทธิ์ และยังสามารถใช้ในการหลอมโอสถวิญญาณมากมาย อีกทั้งยังส่งผลที่น่าอัศจรรย์ต่อการขัดเกลาอุปกรณ์อีกด้วย
แต่เฉินซีทนไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น เพราะรูปลักษณ์ของวิญญาณโลหิตเป็นโฉมงาม ซึ่งไม่มีความเป็นปฏิปักษ์กับเขา แม้ว่าวิญญาณจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจหักใจใช้มันเพื่อหลอมเป็นโอสถได้ และเฉินซีก็ไม่สามารถข้ามผ่านอุปสรรคในใจนี้ได้
และเพื่อพิสูจน์การอนุมานของเขา เฉินซีจึงได้จับวิญญาณโลหิตอีกหลายดวงอย่างต่อเนื่องและชำระวิญญาณเหล่านั้นด้วยน้ำจากน้ำพุใต้พิภพ แน่นอนว่ามันเหมือนกับที่เฉินซีเคยเห็นก่อนหน้านี้ วิญญาณโลหิตเหล่านั้นได้กลายเป็นวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งมีทั้งชายวัยกลางคน ชายชรา หญิงสาว และสัตว์ร้ายประเภทต่าง ๆ
“ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต… ช่างแปลกแปลกอย่างแท้จริง”
เฉินซีครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ ดังนั้นเขาจึงส่ายศีรษะและหยุดคิด ก่อนที่จะทะยานไปยังชั้นถัดไปของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต
…
ณ ชั้นที่ห้าสิบหกของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต
ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงที่นี่ หัวใจของฉินซีก็สั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่เขารู้สึกได้ราง ๆ ว่า แรงกดดันอันหนักหน่วงได้ปกคลุมพื้นที่รอบตัว และแม้แต่ในอากาศก็ยังมีร่องรอยของกลิ่นอายกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
เฉินซีพลันหายใจเข้าลึก ๆ และโคจรปราณแท้เพื่อสลายแรงกดดันอันหนักหน่วงนี้ จากนั้นก็เคลื่อนตัวเข้าไปยังพื้นที่ภายในถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีจะใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อบ่มเพาะและขัดเกลา และมีผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาไม่กี่คนที่กล้ามาที่นี่ เพราะแรงกดดันของที่แห่งนี้น่าสะพรึงเกินไป ผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปจะถูกแรงนั้นกดทับจนเลือดลมไหลตีกลับ และถึงกับถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ ในพริบตาที่ย่างกรายเข้ามายังที่แห่งนี้
แต่ทั้งหมดนี้กลับทำให้เฉินซีรู้สึกกดดันเพียงผิวเผินเท่านั้น และไม่ถือว่าเป็นอันตรายแต่อย่างใด
การทำความเข้าใจจากการทำสมาธิมาตลอดสี่สิบปีในโลกแห่งดารานั้น ไม่ได้มีเพื่อการสังเกตเท่านั้น การบ่มเพาะของเขายังได้บรรลุถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อในหมู่คนรุ่นเดียวกันเมื่อนานมาแล้ว และมันก็เพียงพอที่อธิบายได้ว่า แม้แต่สวรรค์ก็ยังต้องสั่นสะเทือน!
จนแม้แต่เฉินซีก็ยังไม่แน่ใจว่า ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันได้บรรลุไปถึงระดับใด และศัตรูแบบใดที่เขาจะต่อกรได้ ดังนั้น นอกจากความตั้งใจที่จะขัดเกลาความแข็งแกร่งแล้ว ชายหนุ่มยังมาที่ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตนี้เพื่อทดสอบขีดจำกัดของความแข็งแกร่ง!
‘หืม?’ ขณะที่เฉินซีเดินเข้าไปยังพื้นที่นี้ เขาพลันสังเกตเห็นว่า พื้นที่นี้แตกต่างจากที่อื่น
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
ดูเหมือนจะมีเสียงโหยหวนมาจากพื้นดินและโขดหิน ซึ่งให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด ราวกับว่าการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นที่นี่เมื่อนานมาแล้ว และจิตสังหารในครั้งนั้นก็ยังไม่สลายไปจนกระทั่งทุกวันนี้
“สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากชั้นอื่น ๆ ของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตจริง ๆ” ในใจของเฉินซีพลันรู้สึกระแวดระวัง เพราะสังเกตเห็นว่า จิตสัมผัสเทพของเขาถูกจำกัดอย่างมากที่นี่ และมันสามารถแผ่ขยายออกไปได้น้อยกว่าระยะยี่สิบห้าลี้เท่านั้น!
ฟุ่บ!
ในพริบตาต่อมา ดวงตาแนวตั้งพลันเปิดขึ้นที่หว่างคิ้วของเฉินซี มันก็คือเนตรเทวะแห่งความจริง การจ้องมองของเขาพุ่งออกไป และเห็นได้ทันทีว่า พื้นที่กว้างใหญ่ของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตนี้เต็มไปด้วยปราณโลหิตที่น่าสะพรึงกลัวและความเคียดแค้น หรือก็คือปราณชั่วร้ายที่มีคุณสมบัติหยิน…
แม้ว่าผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของที่นี่ แต่การหายใจเอาอากาศในสถานที่นี้เข้าไป จะทำให้จิตสำนึกของผู้บ่มเพาะถูกคุกคาม ทำให้ผู้บ่มเพาะบ้าคลั่งและอาจประสบกับธาตุไฟเข้าแทรกได้
เฉินซีก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ด้วยชายหนุ่มมองเห็นรอยแยกขนาดมหึมาในระยะไกลได้อย่างรางเลือนเท่านั้น เขากระทั่งรู้สึกได้อย่างแผ่วเบาว่า ยังมีเจตจำนงกระบี่ที่ดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อยู่ที่นั่นโดยไม่สลายไป!
“ดูเหมือนว่ามันจะก่อตัวขึ้นมาตามธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้ว มันแยกตัวออกมาจากกระแสปราณกระบี่เปล่งประกาย ปราณกระบี่สายนี้ไม่น่าสะพรึงเกินไปหน่อยหรือ? มันยังคงอยู่โดยไม่สลายไปจนถึงตอนนี้…”
เฉินซีตกใจอย่างมาก และเดินไปอีกราว ๆ หนึ่งถ้วยชา ก่อนที่แรงกดดันไร้รูปร่างจะปกคลุมตัวชายหนุ่มในทันควัน
เฉินซีรีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และเห็นชายในชุดคลุมโลหิตทะยานเข้ามาอย่างดุเดือดจากระยะไกล ชายคนนั้นมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและเปล่งแสงสีเลือดออกมามากมาย ทำให้เขาดูเหมือนเทพอสูรที่กำลังเดินออกมาจากแม่น้ำโลหิต
“นี่มันวิญญาณโลหิตที่ทรงพลัง!”
สีหน้าของชายคนนั้นซีดเซียวเสียจนดูน่าสยดสยอง ในขณะที่ดวงตาของอีกฝ่ายเป็นสีแดงเข้ม และปกคลุมด้วยประกายเย็นยะเยือกราวกับปีศาจ ทันทีที่คนผู้นั้นปรากฏตัว อีกฝ่ายก็เปล่งเสียงคำรามแหลมคม ซึ่งสั่นสะเทือนท้องฟ้าและเจาะทะลวงแก้วหูของเฉินซีทันที
“ขอบเขตสถิตกายา… มนุษย์หรือ? นี่มันผ่านมากี่ปีแล้ว? ในที่สุดข้าก็จับมนุษย์ตัวเล็กที่อ่อนแอได้แล้ว!” ชายชุดแดงแผดเสียงคำรามด้วยเสียงหัวเราะแปลกแปร่ง และกล่าวได้ว่าดวงตาของอีกฝ่ายดูจะแผดเผาจากเปลวไฟที่น่าสยดสยอง ขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมคม
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เฉินซีรู้สึกวิตกในทันที
“ไม่นึกเลยว่า วิญญาณโลหิตในชั้นที่ห้าสิบเก้าของถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิต จะมีความแข็งแกร่งที่เทียบได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี กระทั่งจิตสำนึกของพวกมันก็ยังไม่ถูกทำลาย!
ตู้ม!
ชายในชุดคลุมโลหิตทำการโจมตี ส่งแสงสีเลือดพลุ่งพล่านซึ่งดูเหมือนกระแสน้ำมหาศาลออกไปพัดโหมเข้าหาเฉินซี
ทุกที่กระแสน้ำนี้ผ่านไป แผ่นดินจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และสึกกร่อน ในขณะที่อากาศสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงดังกึกก้อง และสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งหมดดูจะถูกกลบด้วยแสงสีเลือดที่ไร้ขอบเขต ยิ่งไปกว่านั้น พลังทำลายของการโจมตีนี้ ยังเป็นสิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้นที่สามารถทำได้!
ใบหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเพียงแค่เหวี่ยงแขนขวาของเขา เมื่อทะเลแสงสีเลือดใกล้เข้ามา แขนของชายหนุ่มก็เป็นเหมือนกระบี่แหลมคมซึ่งค้ำยันสวรรค์เอาไว้ จากนั้นมันก็ฟันออกไปด้วยปราณรังสรรค์กระบี่ที่ลึกซึ้งและล้ำลึก
ฟึ่บ!
มันเหมือนกับผ้าสีเลือดถูกตัดออกจากตรงกลางด้วยกรรไกรแหลมคม ทะเลแสงสีเลือดถูกเฉือนออกเป็นสองส่วน ในขณะที่พลังทำลายของปราณกระบี่ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย และวาดเป็นแนวนอนไปที่เอวของชายในชุดคลุมสีเลือด
“ช่างแปลกนัก! เจ้าสามารถทำลายการโจมตีของข้าได้จริงหรือ?” ชายในชุดคลุมโลหิตประหลาดใจ และทะยานไปพร้อมกับแสงสีเลือด หลบเลี่ยงปราณกระบี่ของเฉินซีได้อย่างง่ายดาย
การโจมตีครั้งนี้ทำให้ร่างของเฉินซีรู้สึกผ่อนคลาย และความตั้งใจสู้ที่ร้อนแรงได้ฉายวาบในดวงตาของเขาอย่างเงียบ ๆ
ชายหนุ่มมาที่ถ้ำกระบี่วิญญาณโลหิตในครั้งนี้ เพื่อต้องการขัดเกลาความแข็งแกร่งของตน แต่วิญญาณโลหิตที่เขาพบก่อนหน้านี้ล้วนอ่อนแอเกินไป และไม่อาจทำให้เขากระตือรือร้นได้แม้แต่น้อย!
แต่การปรากฏตัวของชายในชุดคลุมโลหิตกลับกระตุ้นความปรารถนาที่จะต่อสู้ในใจของเฉินซีอย่างฉับพลัน และเขามีความรู้สึกว่า ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้รายนี้น่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเสวี่ยเหยียน!
ตู้ม!
ในช่วงเวลาต่อมา เฉินซีเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง เคล็ดปีกกำราบผกผันกระพือพัด ขณะที่ร่างของเขาดูจะกลายเป็นอักขระยันต์นับหมื่นนับแสน จากนั้นยันต์ศัสตราพลันปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่ปราณรังสรรค์กระบี่จำนวนมากจะแผ่พุ่งออกมาจากมัน
ปราณกระบี่ส่งเสียงหวีดหวิวไปทั่วบริเวณ มันพุ่งออกไปทั้งแนวนอนและแนวตั้ง!
ในช่วงสิบปีที่ชายหนุ่มบ่มเพาะอยู่ในโลกแห่งดารา เขาได้ทำความเข้าใจในเคล็ดกระบี่สรรค์สร้างมาอย่างต่อเนื่อง และเฉินซีก็เข้าใจร่องรอยของเต๋ารู้แจ้งแห่งการรังสรรค์ได้สำเร็จ ในขณะที่ใช้กระบวนท่ากระบี่นี้ เฉินซีพลันมีความรู้สึกแปลกประหลาดในการสร้างฟ้าดิน และอนุมานถึงความลึกซึ้งของโลกได้
ครืน!
ชายในชุดคลุมสีเลือดดูจะไม่เคยคิดมาก่อนว่า มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่ขอบเขตสถิตกายาจะกล้าริเริ่มโจมตีตน จนพานให้เจ้าตัวมีโทสะขึ้นมาทันที แสงสีเลือดสาดส่องออกมามากมาย ในขณะที่เขาต่อสู้กับเฉินซีอย่างดุเดือด!
เพียงชั่วพริบตา ทั้งคู่ก็แลกกระบวนท่าไปมากกว่าร้อยครั้งแล้ว
เมื่อการต่อสู้ยิ่งดำเนินไป เฉินซีก็ดุดันมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเข้าใจต่าง ๆ ที่ได้รับในช่วงสิบปีที่ผ่านมานั้นถาโถมเข้าสู่หัวใจของชายหนุ่ม และเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่ที่ยอดเยี่ยมในมือของเขา เจตจำนงกระบี่ของเฉินซีเป็นเหมือนความลึกซึ้งของโลก มีทั้งการเปลี่ยนแปลงที่ไร้ขอบเขตและไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่มันทั้งเฉียบคมและดุร้าย ราวกับมันสามารถผ่าดวงดาวและดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าได้!
“สาแก่ใจยิ่งนัก!”
“ช่างสาแก่ใจเกินห้ามใจจริง ๆ!
ตั้งแต่ชายหนุ่มกลับมาที่นิกายกระบี่เก้าเรืองรอง ก็เป็นเวลานานมากแล้วที่เฉินซีได้ต่อสู้จนสาแก่ใจเช่นนี้
ชายหนุ่มเริ่มค่อย ๆ ลืมเลือนตัวตน และเจตจำนงกระบี่ทั่วร่างกายของเขาก็ดูจะลุกโชน กระบวนท่ากระบี่ที่ใช้ออกไปยิ่งมายิ่งใหญ่มากขึ้น พวกมันถูกปกคลุมด้วยท่วงทำนองของเต๋า และทำให้ความลึกล้ำก่อตัวขึ้น ทุกที่ที่ปราณกระบี่ผ่านไป ภูเขาจะถูกเฉือนขาด แผ่นดินจะแตกระแหง และไม่มีสิ่งใดขัดขวางมันได้
“อ๊าก!” ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา เสียงร้องโหยหวนอันน่าสมเพชพลันดังขึ้นทันที และร่างของชายในชุดคลุมโลหิตคนนั้นก็ถูกผ่าเป็นสองท่อน! ร่างกายของเขากำลังดิ้นรนอยู่กลางอากาศ และดูหมายจะรวมกลับเป็นหนึ่งเดียว
“น่าผิดหวัง! ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก! จะมีอยู่ชีวิตอยู่ต่อไปทำไม ถ้าพลังของเจ้าอ่อนแอเช่นนี้? ตายซะ!” เฉินซีทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และพุ่งตรงไปยังชายในชุดคลุมโลหิต ก่อนจะฟันออกไปด้วยกระบี่ในมือ กระทั่งเฉินซีฟันชายในชุดคลุมโลหิตเป็นพัน ๆ ชิ้นโดยตรง!
โครม!
แต่ก็น่าแปลก หลังจากที่ชายในชุดคลุมโลหิตเสียชีวิตแล้ว ปราณโลหิตของอีกฝ่ายกลับเดือดพล่าน ก่อนที่วัตถุสีดำจะหลุดออกมาจากภายใน และกระแทกลงกับพื้น โดยไม่คาดคิด มันกลับหนักเป็นอย่างยิ่งและกระแทกพื้นจนเกิดเป็นหลุมลึก!