บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1561 ลื่นไหลเยี่ยงเงา
บทที่ 1561 ลื่นไหลเยี่ยงเงา
……….
บทที่ 1561 ลื่นไหลเยี่ยงเงา
“บัดซบ! เราค้นหามาครึ่งวันแล้ว แต่กลับไม่อาจหาพบแม้แต่มดสักตัว! หรือเจ้าเด็กนั่นจะหนีไปแล้ว?”
“พี่ลู่ถิงใช้เคล็ดเทวะสืบวิญญาณสืบหาปราณของเขาอีกหนเถิด เราหากันต่อไปเช่นนี้มีแต่จะเปลืองเวลาเปล่า ๆ นะ”
“นั่นสิ ถูกต้องเลย”
“ก็ได้ ข้าจะใช้เคล็ดวิชาของข้าอีกครั้ง หากยังไม่ได้ผล ข้าก็จนปัญญาแล้วเช่นกัน”
“อย่าห่วงเลย อีกไม่นาน กำลังของนายน้อยสามก็จะเข้ามาล้อมทั่วทิศแล้ว ถึงยามนั้น เราก็จะไม่ลำบากเพียงนี้อีกต่อไป”
……
เสียงสนทนาเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกของเฉินซีอย่างชัดเจน เดิมทีนี่คือการสนทนาผ่านปราณ แต่อักขระผนึกเต๋าของเฉินซีกลับจับมันได้อย่างแม่นยำ อัศจรรย์ยิ่งนัก
นายน้อยสาม? หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้าน เข้าใจทันทีว่าคนเหล่านี้น่าจะมาล่าสังหารตน
กัดไม่ปล่อยเสียเลยสินะ! เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ ขณะที่ดวงตาเปี่ยมจิตสังหาร หงุดหงิดเดือดดาลอย่างสมบูรณ์
นับแต่ก้าวแรกที่เขามายังแดนโลกาวินาศ เฉินซีก็ถูกอี้เทียน นายน้อยสามแห่งตระกูลอี้และคณะโจมตีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยและเหตุผลใด ๆ
จนบัดนี้ อี้เทียนยังไม่คิดปล่อยเฉินซีไป แล้วเฉินซีจะทนได้อย่างไร?
หากไม่ตอบสนองก็ไม่สุภาพ ขอดูเสียหน่อยแล้วกันว่าผู้ใดกันแน่คือผู้ล่า ผู้ใดคือเหยื่อในพื้นที่ล่านี้! เฉินซีตัดสินใจทันที
“ไร้ปราณต้องสงสัยใด ๆ ในระยะหมื่นลี้” เสียงของชายชุดม่วง ลู่ถิง ดังขึ้นอีกครั้ง
“ไป เราไปพื้นที่ถัดไปกัน”
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
บนฟ้า การค้นหาของกลุ่มของชายหนุ่มตาสีทองฉินถงไร้ผล พวกเขาทะยานจากไปทันที
ฟิ่ว!
ทันทีที่ร่างพวกนั้นลับหายไป ร่างของเฉินซีก็ปรากฏกลางอากาศ มองตามทิศที่คนเหล่านั้นจากไป ก่อนที่รอยยิ้มเย็นยะเยือกจะยกขึ้นที่มุมปาก
พริบตาต่อมา ร่างสูงใหญ่ก็หายวับไปทันทีเช่นกัน
……
ครึ่งเสี้ยวชั่วยามถัดมา คณะของฉินถงก็มาถึงเทือกเขาแห่งหนึ่งอันทอดตัวยาวไร้สิ้นสุดสู่แสนไกล
เทือกเขานั้นเรียงตัวพาดฟ้าดิน แดงฉานดุจโลหิต ตั้งยอดหนาแน่นดุจพฤกษาในป่าลึก ศิลาแหว่งวิ่นเป็นรูปลักษณ์ไม่น่าชม ป่าไม้และสายธารอันแดงฉานปรากฏให้เห็นทั่วทิศ ยิ่งใหญ่สุดขั้ว
“เทือกเขานี้เหมือนห่วงโซ่ไม่รู้จบ มีที่ซ่อนมากมาย แยกกันเป็นกลุ่มสองคนดีกว่า” ฉินถงขมวดคิ้วครุ่นคิดลึกล้ำอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะโบกมือ “จำไว้ เราจะค้นหาเท่านั้น เมื่อพบร่องรอย ห้ามไปปะทะตรง ๆ ความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กนี่ กระทั่งลุงเก้ายังรับมือยาก”
“ไม่ว่าสำเร็จหรือไม่ จำไว้ว่าภายในหนึ่งก้านธูป กลับมารวมตัวกันที่นี่”
“ทราบ!”
ฉินถงและคณะอีกเจ็ดคนแยกกันเป็นสี่กลุ่ม กระจายสู่สี่ทิศทาง ออกค้นหาในเทือกเขาทันที
พวกเขาไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อย ว่าหลังกระจายกันได้ไม่นาน หนึ่งร่างพลันปรากฏ และตัดสินทิศทางของพวกเขา ก่อนจะหายวับไปอีกหน
……
โฮก!!!
เสียงสัตว์ร้ายคำรามสะเทือนสรวงกึกก้องมาจากส่วนลึกของเทือกเขา
“อสูรเขี้ยวโลหิต? เป็นเหยื่อที่ดีเอาการเลย โลหิตของมันมีแก่นศักดิ์สิทธิ์หนาแน่น แลกกับผลึกศักดิ์สิทธิ์ในเอกภพมสิหิมได้สักห้าสิบชิ้นกระมัง”
พรึ่บ! พรึ่บ!
ชายสองคนปรากฏขึ้นท่ามกลางเทือกเขา ชายชุดสีเงินซึ่งเป็นหนึ่งในนั้นมองตามทิศกำเนิดเสียงคำรามขณะพูดอย่างเจือเสียดาย
“ไปกันเถิด ภายหลังเรายังมีโอกาส” ชายชุดเทาอีกคนส่ายหัว เหมือนไม่สนใจอสูรเขี้ยวโลหิตนี้เท่าไหร่
“ช้าก่อน” ชายชุดสีเงินโพล่งขึ้น ทอดสายตาไปไกลอยู่ครู่หนึ่งสั้นๆ ก่อนจะแย้มยิ้ม “เดิมที ข้าไม่คิดเปิดฉากโจมตีก่อน แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าเหยื่อจะวิ่งมาหาเราเอง ฆ่ามันแล้วค่อยไปก็ไม่สายนะ”
ชายชุดเทาผงะไป แล้วเขาก็สังเกตเห็นร่างสีเลือดขณะมหึมาห้อตะบึงผ่านป่าเขาจากแสนไกลมาหาพวกตนจริง ๆ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ร่างของมันสูงร้อยจั้ง ดูคล้ายกระทิง ในปากมีเขี้ยวสีเลือดคมกริบดูคล้ายจันทร์เสี้ยวโง้งงุ้มออกมาคู่หนึ่ง ทุกย่างก้าวของมันสะเทือนภูเขา แยกผืนพสุธา แผลงอำนาจดุดันสุดขั้ว
เห็นได้ชัดว่านี่คืออสูรเขี้ยวโลหิต!
“เป็นเหยื่อที่ดีจริง ๆ มาได้ตรงจังหวะนัก” ชายชุดสีเงินหัวเราะร่า ขณะดึงค้อนทองแดงสีทองเจิดจรัสออกมาด้ามหนึ่ง ทะยานเข้าใส่อสูรเขี้ยวโลหิต!
ทว่าทันใดนั้น ชายชุดสีเทาก็เปลี่ยนสีหน้า ร้องออกมาหน้าเครียด “ระวัง!”
ระวัง? ชายชุดสีเงินตะลึงไป แค่อสูรเขี้ยวโลหิตตัวเดียวซึ่งมีอำนาจเทียบเท่าขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา มีสิ่งใดให้ต้องระวัง?
วูบ!
ทว่าทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏในใจ ปราณกระบี่อันสุดแสนลึกลับพลันปรากฏจากอากาศธาตุ ก่อนจะขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว!” หัวใจของชายชุดสีเงินสั่นสะท้านรุนแรง ขณะที่วิญญาณเจียนหลุดจากร่าง มิเคยคิดฝันว่าหนึ่งปราณกระบี่จะปรากฏเฉียบพลันอย่างไร้ที่มาที่ไป ลึกลับน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เขาคำรามลั่น ก่อนจะเหวี่ยงค้อนทองแดงในมือ หมายทุบขยี้ปราณกระบี่สายนั้นเป็นเสี่ยง ๆ
ทว่าท้ายที่สุด เขาก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง และก้าวหนึ่งที่ว่านั้นก็พรากชีวิตของเขาไป ปราณกระบี่สายนั้นรวดเร็วดุจสายฟ้า มันปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหันยิ่งนัก เหมือนจะเร้นหลบในมิติอันไพศาลอยู่ล่วงหน้า เพียงพริบตาก็ทะลวงคอของเขาได้แล้ว
ฉูด!
เสียงอู้อี้ดังขึ้นพร้อมหนึ่งสายโลหิตพรั่งพรู วิญญาณของชายชุดสีเงินแหลกสลายสู่สุญตาไปโดยปราณกระบี่สายนี้
ในวาระสุดท้าย ม่านตาของเขาหดตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อไว้ และท้ายที่สุด ร่างของเขาก็กระแทกลงพื้นดุจกระสอบทราย
“สหายเต๋าเสวียนหลง!” ดวงตาของชายชุดเทาเกือบถลนจากเบ้า ใบหน้าบิดเบี้ยวยามเห็นเหตุการณ์นี้ ร้องออกมาอย่างมิตั้งใจด้วยทั้งตกใจและเดือดดาล
แต่เขาก็ถือได้ว่าเป็นผู้รอบคอบ นำวงล้อแสงสีดำสนิทออกมาหมุนวนพิทักษ์กายทันที
“คนสารเลว! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!” ชายชุดเทาแผดเสียงเข้มสะท้านสะเทือนทั่วทิศ ทว่าเขาก็ต้องขวัญผวาเมื่อจนบัดนี้ เขาก็ยังไม่อาจตรวจสอบร่องรอยใด ๆ ของอีกฝ่ายได้!
โฮก!!!
ไกลออกไป อสูรเขี้ยวโลหิตสูงร้อยจั้งเห็นเหตุนองเลือดนี้อย่างชัดเจน และตระหนักว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ถึงขีดสุุด จึงกู่คำรามแล้วหันหลังเผ่นหนีไป
เพราะเสียงคำรามของอสูรตนนี้เอง ที่ทำให้เสียงตะโกนของชายชุดสีเทาเมื่อครู่นี้ถูกกลบไปสิ้น
“ไอ้สัตว์สมควรตาย!” ชายชุดเทาเข่นเขี้ยว เดิมทีเขาตั้งใจใช้เสียงตะโกนของตนขอความช่วยเหลือจากคณะซึ่งกระจัดกระจายทั่วเทือกเขา แต่มิคาดเลยว่าอสูรเขี้ยวโลหิตจะขัดเสียงตะโกนของเขาไปเสีย
“ไอ้บัดซบ!!!” เขาอ้าปากแผดเสียงสนั่นลั่นอีกครั้ง ทว่าเพิ่งอ้าปาก หนึ่งสังหรณ์ก็บังเกิดในใจ ใช้วงล้อแสงสีดำพุ่งผ่านพื้นที่ข้างกายตน
ตู้ม!
พื้นที่นั้นระเบิดเป็นริ้ว แต่กลับว่างเปล่าไร้สิ่งใด
“ไยจึงว่างได้?” ชายชุดเทาผงะ
วูบ!
ทันใดนั้นเอง ปราณกระบี่อันลึกลับสุดขั้วก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันอีกครั้ง มันโผล่ขึ้นจากอากาศธาตุเหนือศีรษะชายชุดเทา ฟาดฟันลงมา
ขณะนั้น สันหลังของชายชุดเทาหนาวเยือก จากประสบการณ์ที่เขาขัดเกลาผ่านศึกสังหารมาเนิ่นนาน ทำให้เขาใช้วงแสงสีดำขวางพื้นที่เหนือศีรษะของตนได้โดยสัณชาตญาณ
เปรี้ยง!
เสียงสะเทือนสนั่นหล้ากึกก้อง ขณะที่รัศมีศักดิ์สิทธิ์สาดซัดทั่วทิศ
แม้ชายชุดเทาจะรับการโจมตีนี้ไว้ได้ แต่ร่างก็สะท้านจนกระแทกลงพื้นอย่างรุนแรงดุจกระสอบทราย กระดูกทั่วร่างแหลกร้าว กระอักเลือดไร้จุดจบ
ยิ่งกว่านั้น โขดหินใกล้ตัวเขายังแหลกละเอียด ฝุ่นควันฟุ้งตลบ
“ไอ้บัดซบบบ!!!” ชายชุดเทากระเสือกกระสนลุกขึ้น ทว่ากลับสัมผัสความเย็นเยียบจากคอตนได้
ฉับ!
ศีรษะของเขาถูกสับขาด ทัศนียภาพมืดดำ สิ้นใจคาที่
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ตั้งแต่เริ่มจนปิดฉาก ความตายของชายชุดสีเงินและชายชุดเทากินเวลาเพียงพริบตาเท่านั้น
วูบ!
วังวนสีเลือดจากอำนาจบัญชาเต๋าสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทว่าหนนี้มันปรากฏขึ้นสองแห่ง หนึ่งอยู่เหนือเวหาเบื้องบนซากศพของชายชุดสีเงิน และอีกหนึ่งลอยเหนือร่างของชายชุดเทา
เฉินซีคุ้นชินกับเหตุการณ์นี้มานานแล้ว จึงใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์จับดวงแสงทั้งสี่ไว้อย่างไร้ลังเล
สองในนั้นบรรจุกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่อีกสองบรรจุทักษะวิชามากมาย
ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
หลังกระทำเรื่องทั้งหมดนี้ลุล่วง เฉินซีก็วูบไหว อันตรธานไปจากสมรภูมิอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
……
ไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจถัดมาหลังเฉินซีจากไป เงาร่างมากมายก็ทะยานเข้ามาจากที่ไกล ๆ
“เวรเอ๊ย! สหายเต๋าเสวียนหลงกับเซวียนอู่ถูกฆ่าไปแล้ว!”
ผู้แรกที่ปรี่มาถึงคือชายตาสีทองฉินถง เขาพินิจพื้นที่รอบข้างโดยสังเขปก่อนจะเข้าใจเหตุการณ์ ทำให้สีหน้าดำคล้ำในทันใด
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ข้าเพิ่งได้ยินเสียงของเซวียนอู่แล้วเร่งมาทันที อย่างมากก็กินเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ แต่เหตุใดพวกเขาจึงถูกฆ่าไปแล้วเช่นนี้?”
“หรือคนร้ายจะสังหารพวกเขาทั้งสองในหนึ่งกระบวน?”
คนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้ายากมองอย่างยิ่ง
“ใช่ พวกเขาทั้งสองล้วนถูกฆ่าในเวลาเพียงสามอึดใจ และคนร้ายก็คือชายหนุ่มจากภพเบื้องล่างที่เราไล่ล่ากันอยู่ ยิ่งกว่านั้น เขายังเพิ่งไปเมื่อครู่นี้เอง” ชายหนุ่มชุดม่วงลู่ถิงพูดรัวเร็ว
“แล้วเราจะรออันใดอยู่? ตามมันไป! ตามมันไปเร็วเข้า! เราต้องไม่ปล่อยไอ้สารเลวสมควรตายนี่ไป!” ใครบางคนแผดเสียงลั่นด้วยโทสะ
“ช้าก่อน!” ทันใดนั้น ฉินถงก็ยกมือขึ้นห้ามไว้ สูดหายใจลึก ๆ ฟื้นความเยือกเย็น และกล่าวว่า “เป้าหมายของเราหนนี้แข็งแกร่งเกินไป หากเราแยกกันอีก คงถูกไล่กำจัดทีละคนเป็นแน่ ผลลัพธ์จะเกินคาดคิด”
คนอื่น ๆ ฟังแล้วเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น ดับเพลิงโทสะในใจไปจนสิ้น ทำให้ฟื้นสติกลับมาได้เล็กน้อย และตระหนักว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด
“พี่ใหญ่ฉินถง เช่นนั้นพี่ว่าเราควรทำเช่นไร?” ลู่ถิงถาม
“เราร่วมกันลงมือ แจ้งกลุ่มของนายน้อยสามให้รีบมาที่นี่ด้วยเช่นกัน แม้เป้าหมายของเราจะดื้อด้าน แต่มันก็เป็นโอกาสให้เราจับตัวสังหารมัน ต้องไม่พลาดเป็นอันขาด” ดวงตาของฉินถงวูบไหว ขณะที่ออกคำสั่งรวดเร็ว
“แผนนี้เข้าท่า!”
“มิผิด เราจะทำตามที่พี่ใหญ่ฉินถงว่า”
คนอื่น ๆ พยักหน้าตอบรับ
……
เจ้าพวกนั้นไม่ตามข้ามาหรือ? ณ ช่องเขาอันแสนห่างไกล เฉินซียืนขมวดคิ้วบนโขดหินหน้าน้ำตก เจ้าพวกนี้รอบคอบอยู่เอาการ
ชายหนุ่มครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจอยู่ในเทือกเขานี้เป็นการชั่วคราว รอโอกาสลงมือ
วูบ!
พริบตาต่อมา ร่างสูงใหญ่ก็กระโจนลงสู่ธารหน้าน้ำตก เร้นกายอยู่เบื้องใต้ เก็บปราณรอคอยอย่างเงียบเชียบดุจผู้ล่ารอเหยื่อมาถึง รอคอยโอกาสสังหารอันเลิศล้ำสูงสุดอย่างใจเย็น
……….