บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1560 แปรสภาพและดูดซับกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 1560 แปรสภาพและดูดซับกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์
……….
บทที่ 1560 แปรสภาพและดูดซับกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์
ภายใต้กฎแห่งเต๋าสวรรค์ ณ พื้นที่ล่า เมื่อหนึ่งศัตรูถูกกำจัดลง กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาทั้งหมดของศัตรูผู้นั้นก็จะถูกฉกชิงให้เป็นของผู้ชนะ
มันไม่ได้ต่างอะไรกับการกลืนกินกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาของศัตรูมาเป็นของตนเลย!
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดึงดูดใจเหล่ายอดฝีมือจากแดนเทพโบราณสูงสุด
นอกจากสร้างความสำราญใจ ส่วนใหญ่แล้วพวกเขายังมาพื้นที่ล่าในแดนโลกาวินาศเพื่อชิงกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาจากเหยื่อด้วย
ขณะนี้ ชายชราชุดดำเห็นเฉินซีเป็นเหยื่ออย่างเห็นได้ชัด และตั้งใจฆ่าเพื่อชิงกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงทักษะวิชาทั้งหมด
“เจ้าตั้งใจสู้กับข้าแค่เพื่อจะสร้างความมั่นใจในการผ่านสู่เอกภพมสิหิมเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเนี่ยนะ?” สีหน้าของเฉินซีเย็นเยียบในฉับพลัน น้ำเสียงเจือจิตสังหารคละคลุ้ง
“เจ้าหนุ่ม เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจว่าแดนโลกาวินาศน่ากลัวเพียงไรนะ เราทั้งหลายจากภพเบื้องล่างไม่เพียงต้องทนทุกข์ให้เหล่ายอดฝีมือจากแดนเทพโบราณฆ่าฟันเอาตามใจ เมื่อเราอยู่ที่นี่ครบสิบปี กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาทั้งหมดจะถูกลิดรอนไปจนสิ้นอย่างโหดร้ายด้วย แล้วเราก็จะเหลือเพียงเศษสวะชิ้นหนึ่ง!” ยิ่งชายชราพูด เขายิ่งใส่อารมณ์มากขึ้น ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยสีหน้าดุดันเดือดแค้น “เหลือเพียงเศษสวะ! เจ้ายอมปล่อยให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นกับเจ้าหรือ? ดังนั้นหากเราจะมีชีวิตใหม่ ได้เป็นเทพผู้สูงส่งโดยแท้จริง มีอายุขัยชั่วนิรันดร์ ก็ต้องออกจากที่นี่ เข้าสู่แดนเทพโบราณให้ได้เท่านั้น!”
สายตาของเฉินซีเผยเค้าเดียดฉันท์ระคนสงสาร เพราะเจ้าเฒ่านี่ยังหวังใช้ชีวิตตราบอนันต์โดยการเข้าสู่แดนเทพโบราณอยู่อีก เห็นได้ชัดว่าเขาหารู้ไม่ว่าแดนเทพโบราณเป็นสถานที่เช่นไร
ราวสีหน้าเดียดฉันท์ของเฉินซีไปทำให้อีกฝ่ายมีโทสะ ชายชราจึงหยุดพูด ชักกระบี่ดำสนิทออกมาโจมตีพร้อมเสียงเลื่อนลั่น
ตู้ม!
กระบี่สีดำสนิทนี้เต็มไปด้วยปราณดาราจักรพลุ่งพล่าน ปกคลุมด้วยกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์เชี่ยวกราก ทันทีที่มันวูบไหวผ่านเวหา มันก็ดูประหนึ่งหมู่เมฆาทมิฬปรกน่านฟ้าฟาดกระหน่ำ ชวนตื่นตะลึงแก่ทุกสายตา
“ในเมื่อเจ้าวอนตาย เช่นนั้น ข้าก็จะสงเคราะห์ให้” เค้าโทสะสุดท้ายในสายตาเฉินซีสลายหายไร้ร่องรอย แทนที่ด้วยความเย็นเยียบเสียดกระดูก ความเฉยชา และจิตสังหาร
ฟิ่ว!
ยันต์ศัสตราทะยานผ่านฟากฟ้า ขณะที่ผังอักขระยันต์ศักดิ์สิทธิ์มากมายปรากฏขึ้น เรืองรองเจิดจรัสขณะบดขยี้ทะลวงมิติลงมา
เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทดังสะท้านสรวง ปราณดาราจักรดำสนิทถูกกระบี่นี้ทำลายลง ขณะที่ร่างของชายชราสะท้านเสียจนแก่นโลหิตทั่วร่างปั่นป่วน
“เต๋าแห่งกระบี่ร้ายกาจนัก!” ชายชราตะลึงเสียจนเชื่อไม่ลง เดิมทีเขาคิดว่าเฉินซีเป็นชายหนุ่มในขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา ตัวเขาย่อมสามารถเอาชนะได้โดยง่าย แต่มิคาดคิดเลยว่าตนจะได้รับผลกระทบอันสาหัสหลังการประมือเพียงกระบวนท่าเดียว
“เหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป” สีหน้าของชายชราเคร่งเครียด บรรยากาศยิ่งทวีความดุดัน ดุจเทพอสูรฟื้นจากนิทรา ทั่วร่างแผดรัศมีศักดิ์สิทธิ์ทะลวงเวหา สำแดงพลังร้ายกาจ
“เจ้าโทษได้เพียงตนเองนะ ที่โง่เง่าเกินไป” เฉินซีกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เจ้าเฒ่านี่อย่างมากก็เป็นเพียงเทวารู้แจ้งโลกาที่กระทั่งอวี้เฉินยังสู้มิได้ พลังเพียงเท่านี้ย่อมไม่สามารถกดดันเฉินซีได้เลย
เปรี้ยง!
ชายชราเหวี่ยงกระบี่ทมิฬ วาดกระบี่ลวงตาสารพัดฟาดฟันเข้าใส่เฉินซีในพริบตา
ครานี้เฉินซีไม่ยั้งมืออีกต่อไป เขาใช้ทลายเบญจธาตุออกมา ปราณกระบี่อันดุร้ายไร้ใดเทียบแปรเปลี่ยนเป็นคมมีดอันคมกริบ ฟาดฟันฉวัดเฉวียนทั่วฟ้าดิน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กระบี่มายามากมายที่ชายชราใช้ออกมาแหลกสลายไปจากการโจมตีของเฉินซี กลายเป็นฝนพร่างพรายจากฟากฟ้า
การโจมตีนี้กล่าวได้ว่าทรงอำนาจไร้ที่ติ!
“บัดซบ!!!” สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนเฉียบพลัน ก่อนที่เขาจะทันไหวตัว เสียงกัมปนาทก็กึกก้อง แขนขวาพลันปลิวกระเด็นขึ้นฟ้า พร้อมกับโลหิตเทพกระฉูดพุ่งกระจัดกระจาย
“อ๊าก!!!” ชายชราแผดเสียงอย่างเจ็บปวด ขณะที่ใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าตนเจอของแข็งเข้าให้ จึงไหวกายหนีไปไกลอย่างไม่กล้าลังเล
“ในเมื่อเจ้าโจมตีแล้ว เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตไว้เสีย!” น่าเสียดายที่ยังช้าไป เฉินซีตามมาทันอย่างง่ายดาย กำจัดเขาลงในเพียงหนึ่งกระบวนท่า ทำให้โลหิตเทพโปร่งแสงสาดกระจายทั่วนภา
ฮึ่ม!!
แทบจะในขณะเดียวกัน เฉินซีก็สังเกตชัดว่าวังวนสีเลือดลึกลับพลันปรากฏขึ้นเหนือฟ้าบริเวณที่ชายชราสิ้นใจ หมุนวนฉีกกระชากสองดวงแสงออกมาจากในซากศพของชายชรา
หนึ่งดวงแสงเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ของกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่อีกหนึ่งดวงแสงเผยทักษะวิชาอันหลากหลาย ไม่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง
ฟิ่ว! ฟ่าว!
ทันทีที่ดวงแสงทั้งสองปรากฏขึ้น มันก็พุ่งเข้าหาวังวนสีเลือดคล้ายลูกธนูพ้นสาย เจียนถูกมันกลืนกินเข้าไป
เมื่อเฉินซีซึ่งสั่งสมกำลังเตรียมพร้อมอยู่เนิ่นนานเห็นเช่นนี้ ชายหนุุ่มก็ใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ออกมาโดยไร้ลังเล จับดวงแสงทั้งสองไว้ก่อนจะถูกวังวนสีเลือดดูดกลืน
ฮึ่ม!
วังวนสีเลือดอันก่อขึ้นจากบัญชาเต๋าสวรรค์พลันสั่นสะท้านก่อนจะแหลกสลาย กลายเป็นบัญชาเต๋าสวรรค์หายไปทันที
ขณะเดียวกัน ร่างของเฉินซีก็วูบไหวจากสมรภูมิ
หนึ่งถ้วยชาผ่านไป ณ ทิวเขาเตี้ย ๆ แห่งหนึ่ง
ไม่คิดเลยว่าดวงแสงกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์นี้จะบริสุทธิ์เสียจนไร้มลทินใด ๆ ต่อให้ข้าแปรสภาพดูดซับมัน ก็ไม่ต้องห่วงว่ากฎเหล่านี้จะขัดแย้งกับกฎที่ข้ามีเลย… เฉินซีนั่งขัดสมาธิ พินิจพิเคราะห์สองดวงแสงในมือ
ส่วนดวงแสงอันบรรจุทักษะวิชานี้มีทักษะวิชาอัดแน่นมากเกินไป ไม่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง วิชาส่วนใหญ่เหล่านี้มิใช่ของเจ้าเฒ่านี่อย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนเขาจะสังหารยอดฝีมือขอบเขตเทวาในพื้นที่ล่าไปมากมาย ชิงกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาที่คนเหล่านั้นมีมาเป็นของตน หลังครุ่นคิดคร่าว ๆ เฉินซีก็เข้าใจเหตุผล และอดทอดถอนใจไม่ได้ว่านี่คือพื้นที่ล่า ทุกคนบ้าคลั่งไปกับการฆ่าฟัน เต็มไปด้วยโลหิตและอันตราย มิอาจเลี่ยงการประหัตประหารได้เลย
วูบ!
ไร้ความลังเลอื่นใด เฉินซีเริ่มแปรสภาพและดูดซับดวงแสงอันบรรจุกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไว้ ทำให้กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์แปรเป็นสาย พลุ่งพล่านสู่จักรวาลในร่างดุจสายธารเชี่ยว จากนั้นก็เริ่มหมุนวนโคจร…
……
หลังเฉินซีสังหารชายชราชุดดำและจากไปเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป ยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งก็ทะยานมาถึง พวกเขารวมแล้วแปดคน ชายหนุ่มชุดม่วงซึ่งเป็นหนึ่งในนั้นสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะหลับตาตรวจสอบอย่างพินิจ
“ก่อนหน้านี้ ที่นี่มีการต่อสู้”
“เป็นศึกระหว่างสองคน ผู้ตายเป็นเหยื่อที่จับมาจากภพเบื้องล่าง ขณะที่ปราณของอีกฝ่ายคล้ายกับที่นายน้อยสามบรรยายยิ่ง”
“ดังนั้นเป้าหมายในหนนี้ของเราน่าจะเพิ่งจากไปได้ไม่นานแน่”
ว่าแล้ว ชายหนุ่มชุดม่วงก็ลืมตาขึ้น สีหน้าประหลาดใจปนงุนงงเล็กน้อย “ช้าก่อน ข้าไม่อาจตัดสินได้ว่าเขาหนีไปทางใด”
“โอ้?” ชายผิวพรรณขาวดุจหิมะ ร่างสูงใหญ่ ม่านตาสีทองซึ่งเป็นผู้นำขมวดคิ้ว “เหมือนปราณของเขาจะหายไปเลย?”
คนอื่น ๆ ต่างหันมองชายหนุ่มเป็นตาเดียว
“ไม่ผิด เจ้านั่นอาจจะมียอดเคล็ดวิชาบางอย่างที่สามารถอำพรางพลังชีวิตของตนได้ กระทั่งเคล็ดเทวะสืบวิญญาณของข้ายังมิอาจตรวจพบ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หัวใจของคนอื่น ๆ พลันสั่นสะท้านเช่นกัน
ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้มีนามว่าลู่ถิง ถือครองเคล็ดวิชาตรวจสอบอันหาได้ยากนามเคล็ดเทวะสืบวิญญาณ ดังนั้นปราณทั้งหลายในฟ้าดินจึงไม่อาจพ้นการตรวจสอบของเขาได้
ทว่าวันนี้ลู่ถิงกลับบอกว่าตนไม่อาจตรวจสอบปราณของเป้าหมายได้ด้วยเคล็ดเทวะสืบวิญญาณ จึงทำให้พวกเขาทั้งหมดสัมผัสความร้ายแรงของสถานการณ์ได้ทันที
“แจ้งนายน้อยสาม ว่าเจ้าเด็กนี่ปรากฏตัวในบริเวณนี้ ขอให้นายน้อยสามส่งกำลังตรวจสอบที่นี่โดยเร็ว!” ชายตาสีทองขมวดคิ้วครุ่นคิดลึกล้ำ ก่อนตัดสินใจในครู่ถัดมา
“ขอรับ!” หนึ่งในสมาชิกพยักหน้ารับบัญชา จากนั้น ก็นำยันต์หยกสีเทาเข้มชิ้นหนึ่งออกมา ตราพลังใจของตัวเองไว้แล้วขยี้มัน
กร๊อบ!
ยันต์หยกสีเทาระเบิดเป็นเสี่ยง จากนั้นก็แปรสภาพเป็นแสงสีทองวูบไหวกลางเวหา
ชายหนุ่มชุดม่วงลู่ถิงถามขึ้น “พี่ใหญ่ฉินถง เราควรทำเช่นไรต่อหรือ?”
“ค้นรอบ ๆ นี้อย่างเต็มกำลัง นอกจากพวกเราเอง กำจัดใครก็ตามที่พบ!” ชายหนุ่มตาสีทองตอบด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน
……
รอบกายของเฉินซีเต็มไปด้วยปราณกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ พวกมันมีรูปร่างเป็นอักขระยันต์หมุนวนไร้จุดจบ ทำให้เฉินซีเหมือนนั่งตัวตรงท่ามกลางแก่นแท้มหาเต๋า เคร่งขรึมทรงสง่า ขณะที่สีหน้าแววตากระจ่างรู้แจ้ง
ครู่สั้น ๆ ถัดมา เสียงเลื่อนลั่นก็ดังขึ้น ขณะที่สำเนียงกึกก้องแห่งเต๋าสะท้อนออกมาจากร่างของเฉินซี พริบตานั้น กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหมุนวนอยู่รอบกายก็หลั่งไหลหายเข้าสู่ร่างจนสิ้น
แทบจะพร้อมกันนั้น เฉินซีลืมตาขึ้น
เพียงไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ความเข้าใจในเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยันต์อักขระของข้าก็พัฒนาขึ้นเล็กน้อย ความเร็วการทำความเข้าใจเต๋านี้ไม่ไวไปหน่อยหรือ? ขณะตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ในร่าง เฉินซีก็อดอุทานอย่างประหลาดใจไม่ได้ ดวงแสงบรรจุกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์จากชายชราชุดดำผู้นั้นเหมือนเป็นเม็ดโอสถ ทำให้เขาพัฒนาความเข้าใจต่อเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยันต์อักขระได้โดยไม่ต้องศึกษาทำความเข้าใจใด ๆ!
สรรพคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่เพียงชวนตะลึง แต่ยังชวนตกใจโดยแท้!
เพราะถึงอย่างไร มันก็คือมหาเต๋าแห่งเทพ สูงส่งลึกล้ำ หากมานั่งทำความเข้าใจกันเอง แม้จะใช้เวลาแสนนานก็อาจไม่สามารถพัฒนาได้แม้แต่น้อย!
มิน่าเล่า ยอดฝีมือทั้งหลายจากแดนเทพโบราณจึงมาเข่นฆ่าคนในพื้นที่ล่า ความเย้ายวนใจเช่นนี้ ผู้ใดก็ไม่มีทางปฏิเสธลง เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ ขณะที่ในใจอดมีเค้าความตื่นเต้นบังเกิดมิได้ หากเป็นไปตามความเร็วการทำความเข้าใจเต๋าของตน เขาก็น่าจะได้บรรลุขั้นต้นของเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยันต์อักขระในไม่ช้า!
ถึงยามนั้น หากเขาได้พบเทวารู้แจ้งวิญญาณสูงสุดอย่างลุงเก้า เฉินซีก็มั่นใจแล้วว่าจะฆ่าอีกฝ่ายได้
น่าเสียดายที่สารพัดทักษะวิชาในดวงแสงอีกดวงยุ่งเหยิงเกินไป และมีฤทธาจำกัด ยิ่งกว่านั้น ยังไม่เหมาะสมกับข้าโดยสมบูรณ์ด้วย… เฉินซีเก็บดวงแสงอีกดวงไป ขณะที่ครุ่นคิดลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจผนึกมัน
หากมีโอกาสได้เข้าสู่เอกภพมสิหิม บางทีเขาอาจสามารถใช้มันแลกเป็นผลึกศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง
เหตุผลนั้นง่ายยิ่ง ทักษะวิชาที่เขามีเพียงพอสร้างความแข็งแกร่งอันสูงส่งกว่านี้ได้แล้ว ดังนั้นการฝึกฝนวิชาในดวงแสงนี้จึงไม่แตกต่างกับฝึกฝนสิ่งเล็กจ้อยไร้ค่า ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แต่จะโยนทิ้งหรือก็เสียดาย
หือ? ขณะที่เฉินซีลุกขึ้น กำลังจะออกจากในทิวเขาเตี้ย ๆ นี้เอง ชายหนุ่มพลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง รีบโคจรอักขระผนึกเต๋าซ่อนพลังชีวิตของตนไว้ทันที
แทบจะพร้อมกันนั้น เสียงสนทนาก็ดังแว่วมาจากแสนไกล
……….