บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1555 ความลับของแดนเทพโบราณ
บทที่ 1555 ความลับของแดนเทพโบราณ
……….
บทที่ 1555 ความลับของแดนเทพโบราณ
เฉินซีมีความเข้าใจสถานการณ์ในแดนโลกาวินาศโดยสังเขปแล้ว แต่ความรู้เกี่ยวกับแดนเทพโบราณของเขายังตื้นเขินยิ่งนัก จนบัดนี้ เขาก็ยังไม่อาจตัดสินได้ว่าที่แห่งนั้นเป็นเช่นไรกันแน่
“ในแดนเทพโบราณมีเอกภพอันเป็นที่รู้จักอยู่เกินพันแห่ง ทุกเอกภพมีดาราจักรอย่างต่ำสามพันแห่ง ใหญ่ที่สุดคือแปดพันแห่ง” เถี่ยคุนครุ่นคิดลึกล้ำครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มบรรยายทุกสิ่งเกี่ยวกับแดนเทพโบราณ
จากคำพูดของเถี่ยคุน แดนเทพโบราณเกิดขึ้นจากเอกภพพันกว่าแห่งและดาราจักรมากมาย กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต กล่าวได้ว่าไร้จุดจบ
แตกต่างจากสารพัดแดนดินในสามภพ มีเพียงยอดฝีมือขอบเขตเทวาเท่านั้นที่สามารถตั้งหลักสัญจรอย่างอิสระในแดนเทพโบราณได้
โลกต่าง ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยพลังบัญชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เหนือจินตนาการ พร่างพราวด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์สารพัดรูปแบบ แตกต่างจากสามภพโดยสิ้นเชิง
มันถูกเรียกเป็นแดนอนันตกาลอันคงอยู่มาเกินนับปี กล่าวกันว่าอยู่ยงตราบกาล เว้นแต่จะเผชิญ ‘มหาวิปโยคแปรศักราช’ มิเช่นนั้น มันจะไม่มีทางล่มสลายหายไปอย่างแน่นอน
เป็นความรู้พื้นฐานว่าสามภพก่อเกิดจากความโกลาหล และแดนเทพโบราณก็ก่อเกิดจากความโกลาหลไม่ต่างกัน ทว่าทั้งสองมิได้เกิดจากความโกลาหลเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นความโกลาหลใด ต่างมีการแปรศักราชของมันเอง
ทุกครั้งที่หนึ่งยุคสมัยเปิดฉาก มันจะมีวงจรนับแต่เกิดจนสิ้น และก่อเกิดชีวิตใหม่จากความพินาศ
ยกตัวอย่างเช่น ยามความโกลาหลเบิกออกในสามภพ มันแปรเปลี่ยนเป็นโลกบรรพกาล จากนั้น ภพเซียน ภพมนุษย์ และยมโลกก็ถูกสร้างขึ้น นี่คือวงจรนับแต่เกิดจนสิ้น และก่อเกิดชีวิตใหม่จากความพินาศ
สิ่งที่ควรค่ากล่าวถึงคือ ทุกครั้งที่การแปรศักราชบังเกิด มันจะถูกเรียกเป็น ‘หายนะสิ้นโลก’ รูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งที่กำลังมนุษย์จะต่อต้านได้ เทพอสูรก็ไม่อาจปัดเป่า เป็นแก่นอำนาจอันมาจากในความโกลาหล ร้ายกาจถึงขีดสุด
ทว่าแดนเทพโบราณแตกต่างจากภพอื่น ๆ นับแต่มันก่อเกิดมาจนบัดนี้ ยังไม่เคยเกิดการแปรศักราชขึ้นเลยสักหน
มันมั่นคงยืนยง โอ่โถงไร้ขอบเขต เต็มไปด้วยปราณเทพและปกคลุมด้วยพลังบัญชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าแดนอนันตกาล และยังถูกเรียกว่าแดนเทพอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้แดนเทพโบราณกลายเป็นแหล่งพำนักแห่งทวยเทพ กล่าวคือ มีเพียงทวยเทพที่สามารถสัญจรอิสระในแดนดินอันสูงส่งยิ่งนี้
เอกภพพันกว่าแห่ง จักรวาลนานา… หลังจากเขาพบเรื่องนี้ หัวใจของเฉินซีก็ตะลึงนัก ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าแดนเทพโบราณไม่ได้สื่อถึงหนึ่งแดนดิน มันปกคลุมเอกภพมากมาย และแต่ละเอกภพยังมีดาราจักรมหาศาล!
“ข้าบ่มเพาะอยู่ในเอกภพมสิหิมเสมอมา จึงมีความเข้าใจต่อเอกภพอื่น ๆ จำกัดนัก ไม่สามารถให้คำตอบเจ้าได้อย่างชัดเจนว่าแดนเทพโบราณมโหฬารเพียงใด และแต่ละเอกภพแตกต่างกันอย่างไร” เถี่ยคุนถอนหายใจ “บางทีเจ้าอาจเข้าใจทุกอย่างได้หลังไปถึงที่นั่นเอง”
เฉินซีพยักหน้า เห็นด้วยอย่างลึกล้ำ
จากนั้นเฉินซีก็ไถ่ถามถึงเรื่องเกี่ยวกับเอกภพมสิหิม
เถี่ยคุนย่อมบอกทุกอย่างที่เขารู้แก่เฉินซี
ปรากฏว่า เอกภพมสิหิมถือได้ว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงในแดนเทพโบราณ และเหตุผลนั้นอยู่ตรงที่มันเป็นทางเข้าเดียวในเอกภพนี้สู่แดนโลกาวินาศ
และเช่นกัน ปลายทางเชื่อมจากแดนโลกาวินาศสู่แดนเทพโบราณก็เป็นที่เอกภพมสิหิม
ในสายตาเหล่าผู้ทรงอำนาจจากแดนเทพโบราณ แดนโลกาวินาศเป็นสถานที่พิเศษเฉพาะ เชื่อมกับแดนดินมากมายในภพเบื้องล่าง และเชื่อมกับแดนเทพโบราณเช่นกัน มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อสถานที่เหล่านี้
ยิ่งกว่านั้น สภาพแวดล้อมภายในแดนโลกาวินาศยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่ง กฎเต๋าสวรรค์ของมันซึ่งสามารถริดรอนกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และสารพัดทักษะวิชาที่ยอดฝีมือขอบเขตเทวาครอบครองโดยไม่รู้ตัวกล่าวได้ว่าไร้ใดเสมอเหมือน กระทั่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาที่ใดในแดนเทพโบราณเหมือนแดนโลกาวินาศ
และเพราะเหตุนี้เอง ตัวตนยิ่งใหญ่ในแดนเทพโบราณจึงใช้แดนโลกาวินาศเป็นทุ่งสมุนไพรวิญญาณชั้นเลิศ และพื้นที่ล่าให้พวกเขาสำราญได้ตามชอบใจ
ยิ่งกว่านั้น หญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์ยังปลูกได้เพียงในแดนโลกาวินาศ และนี่แหละคือมูลค่าแท้จริงของแดนโลกาวินาศในสายตาตัวตนทรงอำนาจเหล่านั้น!
“หากว่าเช่นนั้น ทุ่งสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดซึ่งกระจายกันทั่วแดนโลกาวินาศก็เป็นการแบ่งส่วนระหว่างมหาอำนาจทั้งหลายในแดนเทพโบราณหรือ?” เฉินซีเลิกคิ้วถาม
“ถูกต้อง” เถี่ยคุนพยักหน้า “เช่นยอดฝีมือขอบเขตเทวาที่เจ้าสู้ด้วยก่อนหน้านี้ ก็มาจากกองกำลังต่าง ๆ ในเอกภพมสิหิม”
“เช่นนั้น ทางเชื่อมระหว่างแดนโลกาวินาศและเอกภพมสิหิมก็ไม่ได้หายากอย่างในข่าวลือน่ะสิ?” เฉินซีถามต่อ
นี่คือสิ่งที่เขาสนใจสูงสุด เพราะเขาฉุกใจกะทันหัน ว่าในเมื่อยอดฝีมือจากเอกภพมสิหิมอย่างเถี่ยคุนมายังแดนโลกาวินาศได้ เช่นนั้น พวกเขาก็น่าจะตระหนักชัดเจนว่าทางเชื่อมจากแดนโลกาวินาศสู่เอกภพมสิหิมอยู่ที่ใด
“ทางเชื่อมน่ะมีจริง ๆ แต่ใช่ว่าใครก็เข้าไปได้” เถี่ยคุนว่าแล้วก็เล่าเหตุผลแก่เฉินซี
“นิกายอำนาจเทวะ?” สีหน้าของเฉินซีแย่ลงทันทีหลังฟังเถี่ยคุนพูดจบ
จากคำกล่าวของเถี่ยคุน ทางเชื่อมสู่แดนเทพโบราณนั้นอยู่ใต้ปกครองของนิกายอำนาจเทวะเสมอมา และนิกายอำนาจเทวะก็จัดกองกำลังขอบเขตเทวามากมายเป็นเวรยาม ผู้อ่อนแอที่สุดเป็นขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา ขณะที่เทวารู้แจ้งวิญญาณก็มีไม่ขาด มีกระทั่งบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้หนึ่งเดินตรวจตราตลอดปี
ไม่ใช่แค่นั้น หากคิดจะผ่านทางเชื่อม ผู้คนยังต้องจ่ายค่าผ่านทางมหาศาลแก่นิกายอำนาจเทวะ และยังต้องผ่านการทดสอบสารพัดของนิกายอำนาจเทวะอีกด้วย หากพบว่าซุกซ่อนยอดฝีมือขอบเขตเทวาจากภพเบื้องล่างมาด้วย ก็จะถูกสังหารทันที
กล่าวคือ ทางเชื่อมในปกครองของนิกายอำนาจเทวะห้ามยอดฝีมือขอบเขตเทวาจากภพเบื้องล่างเข้าโดยเด็ดขาด!
“อำนาจของนิกายอำนาจเทวะในแดนเทพโบราณร้ายกาจยิ่งหรือ?” เฉินซีอดถามไม่ได้
การที่พวกเขาสามารถควบคุมทางเชื่อมในแดนโลกาวินาศ เก็บ ‘ค่าผ่านทาง’ จากขุมกำลังต่าง ๆ ในแดนเทพโบราณได้ แสดงชัดเจนแล้วว่าอิทธิพลของนิกายอำนาจเทวะในแดนเทพโบราณไม่มีทางอ่อนแอ
วาทะที่เฉินซีพูดทำให้เถี่ยคุนตัดสินได้ทันที ว่าจะมีเหรียญทองแดงโปรยสมบัติในครอบครอง แต่เฉินซีไม่ใช่ศิษย์นิกายอำนาจเทวะแน่นอน
เพราะถึงอย่างไร ศิษย์นิกายจะไม่รู้อิทธิพลสังกัดตนได้อย่างไร?
“ร้ายกาจมาก ร้ายกาจสุด ๆ” เถี่ยคุนตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “จากที่ข้าทราบ นิกายอำนาจเทวะไม่ได้อยู่ในสามพันดาราจักรของเอกภพมสิหิมเลย แต่กลับควบคุมทางเชื่อมนี้เสมอมา กระทั่งกองกำลังสูงสุดในเอกภพมสิหิมยังไม่กล้าบ่น ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่านิกายอำนาจเทวะร้ายกาจเพียงใด”
“ไม่ได้อยู่ในเอกภพมสิหิม แต่กลับควบคุมทางเชื่อมระหว่างแดนโลกาวินาศกับเอกภพมสิหิม…” เฉินซีหรี่ตา เขาไม่เคยคาดคิดว่ากำลังของนิกายอำนาจเทวะจะแทรกซึมลึกล้ำเพียงนี้ในแดนเทพโบราณ กระทั่งครองอิทธิพลยิ่งใหญ่ในแดนเทพโบราณได้ ช่างเกินความคาดหมายโดยแท้
“เจ้า… มีความแค้นกับนิกายอำนาจเทวะหรือ?” เถี่ยคุนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฉินซีและอดถามไม่ได้
“ถูกต้อง” เฉินซีตอบเรียบ ๆ
หัวใจของเถี่ยคุนสั่นสะท้าน สูดหายใจเฮือก เขาก็ไม่เคยคาดคิดเช่นกันว่าเฉินซีจะล่วงเกินนิกายอำนาจเทวะ ชั่วขณะนั้น เขาจึงกล่าวสิ่งใดไม่ออก
“ต่อให้ข้าไม่มีความแค้นกับนิกายอำนาจเทวะ พวกเขาก็ยังไม่ปล่อยคนจากภพเบื้องล่างอย่างข้าผ่านทางเชื่อมนั่นอยู่ดี” เฉินซียิ้มให้เถี่ยคุน
เถี่ยคุนพยักหน้า “ว่ามาก็ถูก”
“แต่ต่อให้พวกเขาไม่ให้ข้าผ่าน มันก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะหยุดอยู่ที่นี่…” เฉินซีพึมพำ ขณะที่ในดวงตาฉายประกายหนักแน่นคมกริบ
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ตั้งใจเข้าสู่แดนเทพโบราณ หากนิกายอำนาจเทวะขวาง เขาก็จะสู้ละเลงเลือด เสี่ยงชีวิตเข้าไปในทางเชื่อมให้ได้
แน่นอน หากมีตัวเลือกที่ดีกว่า เฉินซีย่อมไม่เลือกสู้อีกฝ่ายตรง ๆ เพราะถึงอย่างไร จากคำกล่าวของเถี่ยคุน นิกายอำนาจเทวะตรึงกำลังไว้ที่ทางเชื่อมมากมาย
“หากเจ้าคิดลองเสี่ยง ก็ลงมือให้ไวจะดีที่สุด ข้าได้ยินว่าอีกไม่นาน ทางเชื่อมนั่นจะปิดตัวลง กว่าจะเปิดขึ้นอีก อย่างน้อยก็ต้องรอหมื่นปี” เถี่ยคุนเตือนเฉินซีฉับพลัน
เฉินซีพยักหน้า “ข้ารู้”
ยามเขามาถึงแดนโลกาวินาศ หนึ่งเสี้ยวสังหรณ์ปรากฏเบาบางในใจ และตระหนักชัดเจนว่าเถี่ยคุนไม่ได้พูดเกินจริง
“จริงสิ สหายเต๋าจะฝากฝังอะไรข้าก่อนหน้านี้หรือ?” เฉินซีถาม
เถี่ยคุนลังเลครู่หนึ่ง จึงตอบว่า “หากสหายเต๋าไปถึงเอกภพมสิหิมได้ เช่นนั้น โปรดมุ่งหน้าไปที่นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต ณ ดาราจักรผาขจีแทนข้าที หลานสาวคนเดียวของข้าบ่มเพาะอยู่ในนิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิต พ่อแม่ของนางสิ้นไปแต่ยังเล็ก ความสามารถแต่กำเนิดไม่ได้กล้าแกร่ง ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงบ่มเพาะเคล็ดวิชาพื้นฐานที่สุดของฝ่ายนอก จนบัดนี้นางก็ยังไม่อาจก้าวขึ้นสู่ขอบเขตเทวา”
เถี่ยคุนเว้นช่วงเล็กน้อย จึงนำกระเป๋าใบหนึ่งส่งให้เฉินซี “สหายเต๋าโปรดมอบสิ่งนี้ให้นาง บอกให้นางตั้งใจบ่มเพาะ เพราะความขยันสามารถเติมเต็มความบกพร่องของพรสวรรค์ได้ และบอกนางมิต้องกังวลถึงความปลอดภัยของข้า ข้า… พอใจแล้ว ขอเพียงนางบ่มเพาะได้อย่างไร้กังวล”
เฉินซีนิ่งไป เขาไม่คาดคิดเลยว่าเถี่ยคุนจะไหว้วานให้เขาช่วยเรื่องนี้ และมิคาดว่าเถี่ยคุนจะมาเชื่อใจคนแปลกหน้าอย่างเขา
เรื่องนี้เรียบง่ายอย่างยิ่ง แต่มันเกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อของตัวเถี่ยคุนเอง จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป
“ได้ ข้ารับปาก หากข้าเข้าไปในเอกภพมสิหิมได้ ข้าจะเดินทางสู่นิกายศักดิ์สิทธิ์ทุคตินีลโลหิตแน่นอน” เฉินซีรับกระเป๋าสัมภาระมาพลางตอบอย่างเคร่งขรึม
เถี่ยคุนดูเหมือนยกภูเขาออกจากอก ใบหน้าอันมักเรียบเฉยเย็นชาของเขาเผยเค้าความผ่อนคลายอย่างหาได้ยาก กล่าวอย่างขอบคุณว่า “ขอบคุณมาก สหายเต๋า บอกตามตรง นับแต่หกพันปีก่อนที่ข้ามาถึงแดนโลกาวินาศ ข้าไม่เคยได้กลับนิกายเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับ แต่เป็นเพราะไม่อาจผ่านทางเชื่อมนั่นได้โดยมิได้รับความช่วยเหลือจากนิกาย”
พูดจบ สีหน้าของเขาก็ปรากฏความเศร้าหมองขึ้นมาจาง ๆ
“ทว่า… ไยเจ้าจึงเชื่อใจข้าเช่นนี้?” เฉินซีอดถามไม่ได้
“เพราะเจ้าเป็นผู้ที่เทพธิดาพามา เจ้าไม่มีทางเป็นคนธรรมดาแน่นอน” เถี่ยคุนตอบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเขากระทั่งเจือความเทิดทูนต่อ ‘เทพธิดา’ ผู้นั้นอย่างหน้ามืดตามัว
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีความคิดแล่นวาบ ฉวยโอกาสถาม “สหายเต๋า ตัวตนของเทพธิดาผู้นั้น…”
ก่อนเฉินซีจะทันพูดจบ เถี่ยคุนก็ยิ้มเจื่อน กล่าวอย่างขอโทษขอโพย “ขออภัย ข้าไม่อาจเปิดเผยเรื่องนั้นได้จริง ๆ นางไม่ได้เดินทางมายังแดนโลกาวินาศด้วยตนเองนานมากแล้ว แต่การที่จู่ ๆ นางก็มาหาในยามนี้ ข้าประหลาดใจอย่างยิ่ง”
เขาเว้นช่วงเล็กน้อย ก็ยังอดบอกเฉินซีไม่ได้อยู่ดี “สหายเต๋า หากเจ้าอยากทราบตัวตนของนาง เช่นนั้น เจ้าอาจต้องเดินทางไปยังเอกภพสมุทรทักษิณา ระหว่างเจ้าและนางมีสัมพันธ์อันดี บางทีอาจได้โอกาสยิ่งใหญ่จากมันก็เป็นได้”
……….