บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1549 คำถามและคำตอบ
บทที่ 1549 คำถามและคำตอบ
……….
บทที่ 1549 คำถามและคำตอบ
เต๋าสวรรค์นั้นเหมือนกรงขัง คอกกระชัง และไร่สวน
สรรพชีวิตในโลกต่าง ๆ กลับกลายเป็นปักษาในกรง ปศุสัตว์ในคอกกระชัง พืชผักในไร่สวนจากสายตาเหล่าผู้ทรงอำนาจจากแดนเทพโบราณ จะเล่น เข่นฆ่า เก็บเกี่ยวได้ตามอำเภอใจ…
หากทั้งหมดนี้คือความจริง เช่นนั้นมันก็โหดร้ายเกินไป!
นี่คือเหตุผลที่เฉินซีเดือดดาลอย่างสมบูรณ์ เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน หากไม่ทราบเรื่องทั้งหมดนี้ บางทีเขาอาจไม่เคยคิดถึงมันเลยก็ได้
ทว่าเมื่อรู้แล้ว และเข้าใจสัจธรรม มีหรือจะสะกดโทสะในใจไว้ได้?
“เหตุใดเจ้าจึงบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับข้า?” เฉินซีถามเสียงเบา
“เพราะ ‘เทพธิดา’ เป็นผู้พาเจ้ามาที่นี่” คำตอบของเถี่ยคุนเรียบง่ายสุดขั้ว
ทันใดนั้น เฉินซีก็ตระหนักเข้าใจ ชัดเจนแล้วว่าเขาจะโกรธเพียงใดก็ไร้ความต่าง ถึงอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ความเป็นจริงได้ กระทั่งถึงขนาดที่ตระหนักชัดเจนว่าหากไม่ใช่เพราะ ‘เทพธิดา’ ลึกลับผู้นั้น เถี่ยคุนคงไม่คิดบอกเรื่องใดเลย
ถึงขนาดที่ ยามบาดเจ็บสาหัส เขาอาจถูกจับตัวมาเป็นทาสสมุนไพร เป็นเหยื่อ หรือ… ถูกฆ่าก็ได้!
นี่คือสัจธรรม
และนี่ก็คือโฉมหน้าแท้จริงของแดนโลกาวินาศ มันอันตราย โหดร้าย เต็มไปด้วยจิตสังหาร เลินเล่อเพียงน้อยอาจทำให้สิ้นชะตาลงที่นี่ กระทั่งเทพก็ไม่อาจเหลือรอด!
“ขอข้าถามได้หรือไม่ ว่าเทพธิดาผู้นั้นเป็นตัวตนเช่นใดกันแน่?” เฉินซีสูดหายใจลึก ๆ สงบสติอารมณ์ ตลอดเส้นทางการบ่มเพาะที่ผ่านมา ชายหนุ่มผ่านศึกนองเลือดมาหลายต่อหลายหน ขัดเกลาดวงจิตแห่งเต๋าอันเด็ดเดี่ยว และไร้เทียมทานได้เนิ่นนาน
“ในเมื่อเทพธิดาไม่คิดบอกเจ้า เช่นนั้นตัวตนต่ำต้อยเช่นข้าย่อมไม่กล้าเผยคำตอบแก่เจ้า” เถี่ยคุนกล่าวเสียงเรียบ “บางทีหากเจ้ามีโอกาสได้เข้าสู่แดนเทพโบราณ เจ้าก็จะได้พบคำตอบเรื่องตัวตนของเทพธิดาเอง แต่หากทำไม่ได้ รู้มากไปก็ไร้ประโยชน์”
ขณะเดียวกัน เขาก็ชี้ไปที่ทุ่งสมุนไพรวิญญาณจากไกล ๆ “ดูทาสสมุนไพรพวกนั้นสิ เมื่อนานมาแล้วยามมายังแดนโลกาวินาศ พวกเขาแต่ละคนล้วนยินยอมสู้ตายเพื่อเข้ามายังแดนโลกาวินาศ ทว่าท้ายที่สุด ก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมตกเป็นทาส เจ้าไม่มีทางอยากเป็นหนึ่งในพวกเขาแน่ ดังนั้นใช้เวลาฟื้นการบ่มเพาะ ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเสียดีกว่า”
เฉินซีเม้มปาก แต่ท้ายที่สุดก็ถามคำถามอื่น “กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาที่พวกเขามี ถูกพืชสมุนไพรในทุ่งสมุนไพรวิญญาณชิงไปหรือ?”
“ใช่” เถี่ยคุนพยักหน้า แล้วจึงอธิบายเหตุผล
ปรากฏว่าแดนโลกาวินาศนี้ แท้จริงกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ปกคลุมด้วยสารพัดทุ่งสมุนไพรวิญญาณ และทุ่งสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดก็ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าผู้ทรงอำนาจจากกองกำลังต่าง ๆ แห่งแดนเทพโบราณ
แตกต่างจากทุ่งสมุนไพรวิญญาณที่อื่น ทุ่งสมุนไพรวิญญาณทั่วแดนโลกาวินาศปลูกสมุนไพรไว้เพียงชนิดเดียว หญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์!
หญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์มีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง และทรงพลังเกินธรรมดา มันใช้กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาของเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเทวะเป็นสารอาหาร
ไม่ต่างจากการใช้วิชาชิงร่างผู้อื่นเลย ต่างกันก็เพียงหญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้บงการร่างผู้ใด แต่ชิงกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาของตัวตนขอบเขตเทวะเสียแทน
เหตุผลที่อำนาจต่อสู้ของทาสสมุนไพรเหล่านั้นอ่อนแอ ก็เป็นเพราะกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาทั้งหมดถูกหญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์ดูดซับไปหมดแล้ว!
หลังพบสัจธรรมทั้งมวล หัวใจของเฉินซีก็หนาวเยือกไปอีกครั้ง เพราะการคงอยู่ของหญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์โหดร้ายถึงขีดสุด ไม่ต่างจากการกระทำของนิกายชั่วร้ายทั้งหลายเลย
“พวกมันจะถูกเก็บเกี่ยวยามสุกงอม แล้วจะถูกส่งไปให้นักแปรธาตุจากกองกำลังต่าง ๆ ทำโอสถทิพย์ที่แดนเทพโบราณ หลังจากนั้นก็แจกจ่ายให้ศิษย์นิกายทั้งหลายใช้ ให้พวกเขาครอบครองกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาในพวกมัน” เถี่ยคุนกล่าวต่อ “กล่าวคือ เจ้าจะถือว่าหญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นตำราสอนวิชาและกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวลก็ได้ ขอเพียงกินมันเข้าไป ก็จะทำให้เหล่าศิษย์มีรากฐานเต๋าศักดิ์สิทธิ์ บรรลุทักษะวิชาและกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในชั่วข้ามคืน!”
ได้ยินเช่นนี้ ม่านตาของเฉินซีก็หดตัว ตกตะลึงในใจ
ในที่สุดเขาก็ประจักษ์แจ้งทุกสัจธรรม ตัวตนทรงอำนาจทั้งหลายในแดนเทพโบราณสร้างทุ่งสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ ปลูกหญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์ไว้ แล้วใช้ยอดฝีมือขอบเขตเทวาที่พวกตนจับมาได้เป็นสารอาหาร รีดกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาออกมา และยามหญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์สุกงอม พวกมันก็จะถูกส่งไปยังแดนเทพโบราณ สร้างเป็นโอสถทิพย์ แจกจ่ายให้เหล่าศิษย์กลืนกิน
และเมื่อศิษย์เหล่านี้กินโอสถทิพย์เข้าไป พวกเขาก็จะสามารถได้มาซึ่งกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และสารพัดทักษะวิชาในเวลาอันสั้น!
หากตัดกระบวนการหลายส่วนจากทั้งหมดนี้ออกไป มันก็เท่ากับให้เหล่าศิษย์จากกองกำลังทรงอำนาจทั้งหลายในแดนเทพโบราณพึ่งพาหญ้าเต๋าผสานศักดิ์สิทธิ์เป็นสื่อ ช่วงชิงกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาของเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเทวาที่ถูกจับตัวไว้ในแดนโลกาวินาศ!
โหดร้ายเพียงไรกัน?
“เราเป็นเนื้อบนเขียงของผู้อื่น…” เฉินซีพึมพำ ขณะที่ในใจเดือดดาลถึงขีดสุด ถึงขนาดที่โมโหจนน่าขัน
เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าแดนเทพโบราณเป็นแดนอนันตกาล สรวงสวรรค์ที่พำนักแห่งทวยเทพ และแม้จะมีข้อพิพาทต่อสู้ ก็ยังเป็นสิ่งควรค่าให้ถวิลหา
ใครเล่าจะคาดว่าสัจธรรมเป็นเช่นนี้!?
“อันที่จริง ต่อให้ทุ่งสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ไม่มีอยู่ เหล่าเทพที่มายังแดนโลกาวินาศก็ยังถูกสะกดโดยอำนาจเต๋าสวรรค์ในฟ้าดินนี้อยู่ดี” เถี่ยคุนเหลือบมองคนที่อยู่ด้านข้าง และดูประหลาดใจกับท่าทีของเฉินซี แต่ครู่ต่อมา เขาก็คืนความสุขุม พูดเสียงเรียบ “ภายใต้การสะกดนี้ ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือขอบเขตเทวาจะถูกลบหายไปโดยไม่มีผู้ใดทันสังเกต ไม่ว่าการบ่มเพาะจะร้ายกาจเพียงใด กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาที่มี อย่างมากสิบปีก็ไม่เหลือแล้ว”
เขาเว้นช่วงเล็กน้อย จึงกล่าวต่อ “นี่คือสิ่งที่อันตรายสูงสุดของแดนโลกาวินาศ โลกาวินาศ อวสานโลก มันลิดรอนทุกสิ่งที่เจ้ามีไปอย่างเงียบ ๆ!”
“นี่เองที่มาของนาม…” เฉินซีพึมพำ แล้วจึงตระหนักบางสิ่งเฉียบพลัน เหลือบมองเถี่ยคุน “เหตุใดเจ้า…”
ก่อนเขาจะทันพูดจบ เถี่ยคุนก็ตอบ “เพราะข้ามาจากแดนเทพโบราณ ถือครองอำนาจกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์จากแดนเทพ จึงไม่ต้องกลัวการกำราบฤทธิ์อำนาจเต๋าสวรรค์ในแดนโลกาวินาศ”
เฉินซีพยักหน้า กระจ่างแจ้งชัดเจนเสียที
กระทั่งอำนาจเต๋าสวรรค์ยังมีความแตกต่างกัน เช่นเต๋าสวรรค์ในราชวงศ์ซ่งไม่อาจเทียบชั้นเต๋าสวรรค์แห่งแดนภวังค์ทมิฬได้ ขณะที่เต๋าสวรรค์แห่งแดนภวังค์ทมิฬก็ไม่สามารถเทียบชั้นเต๋าสวรรค์ภพเซียน
จากเรื่องนี้ เต๋าสวรรค์ของสามภพก็ไม่อาจเทียบชั้นเต๋าสวรรค์แดนโลกาวินาศได้เช่นกัน และเห็นได้ชัดว่าเต๋าสวรรค์แดนเทพโบราณเหนือชั้นกว่าแดนโลกาวินาศ ทำให้เถี่ยคุนไร้ความกลัวต่อเรื่องทั้งหมดนี้
“รีบบ่มเพาะเข้า ยิ่งเจ้าอยู่ในแดนโลกาวินาศนาน เจ้ายิ่งเสียกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะวิชาบางส่วนไป หากเจ้าตั้งใจไปยังแดนเทพโบราณ เช่นนั้น เวลาก็คือกุญแจ” เถี่ยคุนหันกายจากไป
เฉินซีตามเขาไป “สหายเต๋า รอก่อน ข้ายังมีหนึ่งคำถามคาใจ”
“ว่ามา”
“เหตุใดข้าจึงต้องไปในเจ็ดวันหรือ?”
“เพราะเจ้าบาดเจ็บ และเห็นได้ชัดว่ามีบางคนหมายหัวเจ้ายามเข้ามาในแดนโลกาวินาศ แม้เจ้าจะโชคดีพอหนีเอาชีวิตรอด ได้เทพธิดาช่วยไว้ แต่ข้าก็ไม่อยากล่วงเกินคนเหล่านั้นเพราะรับเจ้ามา” คำตอบของเถี่ยคุนเย็นชา เฉยเมยและตรงไปตรงมา “อีกอย่าง ฐานะของข้ายังต่ำต้อย ไม่อาจล่วงเกินผู้ใดจากแดนเทพโบราณได้”
เฉินซีขมวดคิ้ว แต่ท้ายที่สุด เขาก็สูดหายใจลึก ๆ ประสานกำปั้นเอ่ย “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ยังต้องขอบคุณที่ชี้แนะ” น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมจริงใจ
เฉินซีไม่ได้เกลียดเถี่ยคุนที่ปฏิเสธอย่างไร้ปรานี เพราะเขาไม่เคยมีสัมพันธ์ใด ๆ กับเถี่ยคุน แล้วเหตุใดเถี่ยคุนต้องปกป้องเขา?
แน่นอน เฉินซีก็ไม่ได้คิดให้เถี่ยคุนคุ้มครองเช่นกัน
เถี่ยคุนนิ่งไป เขาดูจะไม่เคยคาดคิดว่าเฉินซีจะมีทัศนคติเช่นนี้ สีหน้าจึงผ่อนลงเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นคำสั่งของเทพธิดา”
เฉินซีเอ่ย “ข้าย่อมต้องตอบแทนเทพธิดาในภายหน้า”
เถี่ยคุนพยักหน้า ก่อนจะถามขึ้นกะทันหัน “เจ้าไปล่วงเกินผู้ใดมากันแน่ยามเข้ามาในแดนโลกาวินาศ?”
“ข้าไม่ได้ล่วงเกินผู้ใดเลย” เฉินซียิ้มเจื่อนพลางไหวไหล่ ก่อนจะอธิบายเรื่องราวที่ตนเผชิญแก่เถี่ยคุน
“ลุงเก้าที่เจ้าว่ามีลวดลายศรเทวะบนใบหน้า?” เถี่ยคุนเลิกคิ้ว เผยสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หากข้าเข้าใจไม่ผิด เช่นนั้น ชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้นน่าจะมาจากตระกูลอี้แห่งเอกภพมสิหิม นั่นเป็นหนึ่งในตระกูลเทวะสูงสุดในเอกภพมสิหิม ควบคุมดาราจักรมากมาย”
“ตระกูลอี้?” ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง จำได้คลับคล้ายว่ามีหนึ่งตำนานในสามภพ ว่าในบรรพกาลมีเทพอสูรโดยกำเนิดตนหนึ่งเกิดขึ้นจากความโกลาหล มีนามว่าต้าอี้ เขาบรรลุเต๋าแห่งคันศรสูงล้ำไร้เทียมทาน และครั้งหนึ่งเคยยิงสังหารอีกาทองเก้าตนเหนือท้องนภาด้วยโทสะ ฤทธาเทพยิ่งยงทรงพลัง เป็นที่ตื่นตะลึงทั่วจักรวาล
ทว่าเทพอสูรโดยกำเนิดต้าอี้ผู้นี้สาบสูญไปเนิ่นนานนับแต่สามภพก่อกำเนิด กลายเป็นตำนานให้ชนรุ่นหลังทำได้เพียงเสวนาอย่างออกรส
“หืม? เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าเจ้าหนีเงื้อมมือเทวารู้แจ้งวิญญาณผู้หนึ่งมาได้หรือ?” ทันใดนั้น เถี่ยคุนก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ดวงตาพลันเรืองประกายวาวโรจน์ จับจ้องนิ่งที่เฉินซี ดูประหนึ่งตั้งใจยืนยันบางอย่าง
เฉินซีพูดคลุมเครือ “ข้าแค่โชคดี หากเทพธิดาไม่ช่วยเหลือข้าทันเวลา ผลที่ได้คงเกินคาดคิด”
เฉินซีไม่ได้บอกเถี่ยคุนว่า หากไม่ใช่เพราะลุงเก้าใช้แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ด้วยเจตนาพาเฉินซีไปตายด้วยกัน คงไม่มีทางเลยที่เฉินซีจะบาดเจ็บจนต้องหนี
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาหนีไปแล้วก่อนจะได้พบกับเทพธิดาและหญิงสาวนามฮุ่ยฉงโดยบังเอิญ ส่วนเรื่องที่พวกนางช่วยเหลือเขาในตอนท้าย มันกล่าวได้ว่าเป็นเพียงเหตุบังเอิญ
“โอ้” เถี่ยคุนเหลือบมองเฉินซีอย่างเหม่อลอยจมความคิด ก่อนจะพูดแฝงนัยลึกล้ำ “จากที่ข้ารู้ ไม่ใช่เทวารู้แจ้งโลกาทุกคนจะสู้กับเทวารู้แจ้งวิญญาณได้ และไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากเทพธิดา”
เฉินซีแย้มยิ้ม ไม่ได้อธิบายใด ๆ ดูลึกลับอยู่เล็กน้อย
“เจ้าไม่ธรรมดานัก” เถี่ยคุนไม่ได้ถามเซ้าซี้ จ้องมองเฉินซีอย่างลึกล้ำอีกครั้ง “แม้ข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้ แต่หากมีคำถามใด ก็มาหาข้าได้ตามสบาย แต่เงื่อนไขก็คือ เจ้าต้องไปภายในเจ็ดวัน”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ไพล่มือหลัง จากไปอย่างรวดเร็ว
เถี่ยคุนเป็นคนประหลาดจริงแท้ บางทีข้าอาจจะได้ข้อมูลที่มีค่ากว่านี้จากเขาก็ได้… เฉินซีมองตามแแผ่นหลังเถี่ยคุน แล้วจึงครุ่นคิดลึกล้ำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วหันกลับบ้านตนเองไป
……….