บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1548 ความลับตะลึงโลก
บทที่ 1548 ความลับตะลึงโลก
……….
บทที่ 1548 ความลับตะลึงโลก
ศึกบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
เฉินซีไม่เคยคาดฝันว่าสถานการณ์จะดำเนินไปจนถึงเช่นนี้
ไม่ใช่ว่าเขาไร้เหตุผล แต่ชาวบ้านเหล่านี้ต่างหากที่ไร้เหตุผล พวกเขาเหมือนเห็นตนเป็นศัตรูมาแต่แรก และเสียงแผดร้องของชายร่างผอมเป็นเพียงชนวนเหตุ ในการลงมือกับเฉินซี
เปรี้ยง!
หมัดมหึมาแหวกนภา ทุบทลายมิติแหลกร้าวตลอดทาง เผยอำนาจรุนแรงสุดขั้ว
ทว่าเฉินซีเพียงยกมือขึ้นก็หยุดการโจมตีได้ และร่างของคนผู้นั้นก็ร่วงลงพื้นอย่างเกินควบคุม เกิดเสียงตุบดังสนั่น รูมหึมายุบลงบนพื้นดิน
“สารเลว!”
“กล้าดีเช่นไรมากำเริบเสิบสาน!”
“รุมโจมตีเข้าไป!”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ก็แผดเสียงอย่างเดือดดาล รุมโจมตีเฉินซีดุจคลื่นซัดโหม
เฉินซีกวาดสายตามอง หัวใจรู้สึกโล่งเบาในทันใด ร่างสูงใหญ่วูบไหวต่อเนื่อง และทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้น ชาวบ้านหนึ่งคนก็จะถูกสยบลงกับพื้นโดยไร้ข้อยกเว้น
เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ ร่างนับไม่ถ้วนก็นอนพังพาบทั่วพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวนไม่จบสิ้น
เป็นไปตามคาดการณ์จริง ๆ แม้คนเหล่านี้จะมีร่างเทวะ แต่การโจมตีหามีเต๋าศักดิ์สิทธิ์ใดปนอยู่ และดูเหมือนจะไม่รู้วิธีใช้ทักษะเต๋าศักดิ์สิทธิ์ด้วย… ร่างของเฉินซีหยุดเคลื่อนไหวกะทันหัน เหมือนจมในภวังค์ความคิดขณะมองเหล่าชาวบ้านบนพื้น
ในการปะทะนี้ เขาไม่ได้ใช้ทักษะร้ายกาจใด ๆ เลย ทว่ากลับไร้ผู้ที่มีฝีมือทัดเทียม และเหตุผลเป็นเพราะชาวบ้านเหล่านี้อ่อนแอเกินไป
พวกเขาเหมือนเด็กน้อยถือมีดคม แม้มีดจะน่าสะพรึงกลัว แต่กลับไม่รู้วิธีใช้มัน!
แปลกจริง พวกเขามีร่างเทวะกันแล้วแท้ ๆ แต่เหตุใดจึงไร้เค้ากฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์หรือทักษะต่อสู้ใด ๆ เรื่องแปลกเช่นนี้มีในโลกได้อย่างไรกัน? เฉินซีขมวดคิ้ว งงงวยเล็กน้อย
“ทุกท่าน เจ้านี่มีผลึกศักดิ์สิทธิ์ !” ชายร่างผอมซึ่งถูกเฉินซีสยบจนนอนกองกับพื้นนี้ดูจะไม่อยากเห็นเฉินซีชนะศึกอย่างยิ่ง เขาจึงตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดทันที
วาทะเหล่านี้ดูกะทันหันและไร้มูลอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อคำว่า ‘ผลึกศักดิ์สิทธิ์ ’ หลุดออกมา ทุกสายตาของเหล่าชาวบ้านต่างแดงฉาน นอกจากความแค้น ยังเรืองประกายความโลภอันแผดผลาญรุนแรง
“ฆ่า! ฆ่าเขาเสีย!”
“ผลึกศักดิ์สิทธิ์… หากข้าได้ผลึกศักดิ์สิทธิ์มา เช่นนั้นข้าก็จะออกไปจากแดนโลกาวินาศบ้า ๆ นี่ได้แน่!”
เหล่าชาวบ้านผู้ปราชัยบนพื้นเหมือนถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง พวกเขากระเสือกกระสนลุกขึ้น ยิ่งกว่านั้น ยังพุ่งเข้าใส่เฉินซีพร้อมเสียงคำรามดังก้องอีกครั้ง
พวกเขาดูเหมือนอยากฉีกเฉินซีเป็นชิ้น ๆ เหนือสิ่งอื่นใด!
ไยพวกบ้านี้ถึงอยากได้ผลึกศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้เหตุผลกันนัก? เฉินซีหรี่ตาลง ขณะที่จิตสังหารพลุ่งพล่าน เค้าโทสะบังเกิดขึ้นในใจอย่างช่วยไม่ได้ยามถูกผู้อื่นมองเป็นเหยื่อ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ทันใดนั้น เสียงเสียดแก้วหูดุจโลหะเสียดสีก็ดังกึกก้องในฟ้าดิน
หลังจากนั้น อำนาจยิ่งใหญ่น่าสะพรึงกลัวก็ขยี้ลงพร้อมเสียงกัมปนาท กดร่างชาวบ้านทั้งหลายแน่นิ่งกับพื้น ไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก
แล้วเฉินซีก็เห็นเถี่ยคุนฉีกกระชากมิติ มาถึงด้วยสีหน้าถมึงทึง
“เกิดอะไรขึ้น?” เถี่ยคุนไม่แม้แต่จะเหลือบแลเฉินซี สายตาของเขากวาดมองไปทางชาวบ้านเหล่านั้นเสียแทน “ข้าไม่อยู่เดี๋ยวเดียว เรื่องโกลาหลพรรค์นี้ก็บังเกิด หรือพวกเจ้าทั้งหลายอยากถูกส่งไปตายที่ ‘พื้นที่ล่า’ กัน?”
พวกเขาทั้งหลายต่างเงียบกริบราวจักจั่นในเหมันตฤดู ตัวสั่นงันงก ไร้ความเคียดแค้น โกรธเคืองหรือความโลภใด ๆ ในสีหน้าอีก ครานี้ถูกแทนที่ด้วยความยำเกรง นอกจากนั้น ยังมองเถี่ยคุนเหมือนมองเจ้าชีวิตผู้มาเยือนอย่างนอบน้อม
“ฮึ!” เถี่ยคุนแค่นเสียงเย็นชา โบกมือไล่ “แยกย้าย”
พวกเขาต่างเหมือนได้รับอภัยโทษ แยกย้ายกันไปอย่างหดหู่
…
เฉินซีเห็นเช่นนี้ ก็อดถามไม่ได้ว่า “สหายเต๋าเถี่ยคุน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เถี่ยคุนเหลือบมองเฉินซีอย่างเย็นชา เงียบไปครู่หนึ่ง จึงตอบ “มากับข้า”
ว่าแล้ว เขาก็เอามือไพล่หลัง เดินตรงไปที่หน้าหมู่บ้าน
เฉินซีตามหลังไปติด ๆ
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงหน้าหมู่บ้าน ทุ่งสมุนไพรวิญญาณกว้างใหญ่ไพศาลปกคลุมพื้นที่ สารพัดพืชสมุนไพรประหลาดเติบโตเบ่งบาน พวกมันล้วนเป็นพืชสมุนไพรที่เฉินซีไม่เคยพบเจอมาก่อนในสามภพ
เฉินซีสังเกตเห็นว่าพลังในพืชสมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์ แตกต่างจากสมุนไพรอมตะที่เขาเคยพบเห็นเมื่อกาลก่อน เต็มไปด้วยพลังลึกลับเกินบรรยาย ประหลาดพิสดารอย่างยิ่ง
ขณะนี้ ชาวบ้านมากมายกำลังทำงานในทุ่งอย่างระมัดระวังตั้งใจ ดูกลัวอย่างลึกล้ำว่าพืชสมุนไพรเหล่านี้จะฟกช้ำเสียหาย
ขณะเดียวกัน เฉินซีก็ตกใจที่พืชสมุนไพรเหล่านี้ดูเหมือนมีชีวิต กิ่งใบของพวกมันเปล่งรัศมีเรืองรอง ขยับไหวไปมาเหมือนเส้นหนวด แทงทะลวงร่างชาวบ้านเหล่านั้น
ทว่าเหล่าชาวบ้านกลับดูเหมือนไม่ได้สังเกตเห็น พวกเขามีสีหน้าเรียบเฉยแต่ต้นจนจบ ไม่ได้หลบเลี่ยงใด ๆ
“หรือพืชสมุนไพรเหล่านี้จะดูดซับพลังในร่างชาวบ้านพวกนั้นเป็นสารอาหาร?” เฉินซีขมวดคิ้ว พลันรู้สึกว่าเหตุการณ์ตรงหน้าสุดแสนพิศวง ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ
“เดิมที พวกเขาเป็นยอดฝีมือจากโลกต่าง ๆ ในขอบเขตเทวะ ก่อนจะมาที่แดนโลกาวินาศ ทั้งหมดต่างเป็นตัวตนยิ่งใหญ่เรืองอำนาจในโลกของตน เป็นที่เคารพชื่นชมของสรรพชีวิต” เถี่ยคุนพูดเสียงเรียบ “แต่เมื่อมาที่นี่ พวกเขาก็เป็นได้เพียงกลุ่มคนน่าสงสาร หากไม่อยากตาย ก็เป็นได้เพียงทาสสมุนไพรต่ำต้อย ไม่ต่างอะไรกับมด”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” เฉินซีขมวดคิ้ว เค้าความเย็นยะเยือกพลุ่งพล่านจากหัวใจ
“เพราะหากพึ่งเพียงความสามารถของตน การจะไปถึงแดนเทพโบราณย่อมเป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาจึงมีเพียงสองวิธีหากคิดจะอยู่รอดในแดนโลกาวินาศ” เถี่ยคุนตอบ “อย่างแรกคือเป็นทาสสมุนไพรในพื้นที่ทุ่งโอสถ นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยสูงสุด แม้จะเสียกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และทักษะทั้งมวลที่มี แต่ขอเพียงทำงานอย่างซื่อสัตย์ ก็ไม่ต้องห่วงเผชิญอันตรายใด ๆ ด้วยรากฐานขอบเขตเทวะของพวกเขา ก็เพียงพอให้รอดตายไปตลอดกาลได้”
เถี่ยคุนเว้นช่วงเล็กน้อย จึงกล่าวต่อ “วิธีที่สองคือถูกส่งไปเป็นเหยื่อใน ‘พื้นที่ล่า’ แต่มันอันตรายอย่างยิ่ง มีโอกาสรอดเพียงน้อยนิด มีเพียงผู้โชคดีไม่กี่คนที่รอดจากที่นั่นได้ แต่ก็บอกได้ไม่แน่นอนว่าสักวันจะถูกล่าสังหารหรือไม่ ดังนั้นหากมีทางเลือกอื่น ก็ไม่มีผู้ใดอยากถูกส่งไปยัง ‘พื้นที่ล่า’ เป็นเหยื่อในกำมือผู้อื่นแน่นอน”
“ดังนั้นแดนโลกาวินาศจึงแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็นสองพื้นที่ หนึ่งคือพื้นที่ทุ่งโอสถ สองคือพื้นที่ล่าหรือ?” เฉินซีเลิกคิ้วถาม
เถี่ยคุนตอบ “ใช่”
สีหน้าของเฉินซีก็เคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน “เช่นนั้น ผู้ใดคือเจ้าของพื้นที่ทุ่งโอสถกับพื้นที่ล่า?”
เถี่ยคุนหันมามองเฉินซีอย่างไร้อารมณ์ “เจ้ายังเดาคำตอบไม่ออกอีกหรือ? ย่อมเป็นกองกำลังใหญ่สารพัดแห่งจากแดนเทพโบราณอยู่แล้ว”
เฉินซีตะลึงในใจ ดวงตาเรืองประกายเย็นวาบ ดูเหมือนพอเข้าใจบางสิ่งแล้ว
แดนโลกาวินาศถูกผู้ทรงอำนาจจากแดนเทพโบราณปกครองเบ็ดเสร็จ แบ่งบริเวณออกเป็นพื้นที่ทุ่งโอสถและพื้นที่ล่า
ภายใต้เงื่อนไขก่อน ๆ ซึ่งไม่อาจเข้าสู่แดนเทพโบราณได้ ยอดฝีมือขอบเขตเทวะทั้งมวลซึ่งถูกพันธนาการลากเข้าสู่แดนโลกาวินาศทำได้เพียงเลือกหนึ่งในสองหนทางเอาตัวรอด
หนึ่งคือเป็นทาสสมุนไพร ปลูกพืชสมุนไพรให้เหล่าผู้ทรงอำนาจจากแดนเทพโบราณ หนทางนี้ปลอดภัยที่สุด แต่จะต้องแลกกับการเสียกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์และสารพัดทักษะวิชาที่มีไป
สองคือกลายเป็นเหยื่อ แล้วถูกส่งไปยังพื้นที่ล่าให้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากแดนเทพโบราณล่าสังหาร กล่าวได้ว่าโอกาสรอดมีเพียงริบหรี่
ส่วนการมีอยู่ของพื้นที่ล่านั้นง่ายต่อความเข้าใจอย่างยิ่ง เหล่าผู้ทรงอิทธิพลในแดนมนุษย์ก็มีการตั้งให้ป่าบางแห่งเป็นพื้นที่ล่า ใช้การล่าสังหารเป็นความบันเทิงแก้เบื่อของพวกตนเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่า พื้นที่ล่าในแดนโลกาวินาศก็มีไว้เพื่อจุดประสงค์ไม่ต่างกัน เพียงแค่ว่าเหยื่อกลับกลายเป็นเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเทวะที่ถูกฉุดกระชากลากถูเข้ามาในแดนโลกาวินาศ และผู้ล่ากลับกลายเป็นผู้ทรงอำนาจจากแดนเทพโบราณเสียแทน!
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีย้อนนึกถึงขณะที่ตนเพิ่งเหยียบย่างสู่แดนโลกาวินาศ และการโจมตีเฉียบพลันที่ตนเผชิญ ในบทสนทนาระหว่างชายหนุ่มชุดขาว ลุงเก้าและคณะ พวกเขาเหมือนจะเห็นตนเป็น ‘เหยื่อ’ และไม่คิดว่าเขาเป็นเทพแท้เลย!
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของชายหนุ่มชุดขาวต้องมาจากแดนเทพโบราณแน่นอน
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าแดนโลกาวินาศเหมือนสถานที่พักผ่อนสำราญที่ตัวตนทรงอำนาจจากแดนเทพโบราณสร้างไว้เลย?” สีหน้าของเฉินซีดำคล้ำเล็กน้อย การพักผ่อนสำราญมิได้ผิด แต่หากเป้าหมายถูกกระทำเพื่อความสำราญนั้นเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทวะ ต้องถูกจับเป็นเหยื่อ เป็นทาสสมุนไพรให้ข่มเหงตามใจ เช่นนั้นก็เป็นสิ่งที่เฉินซีมิอาจยอมรับได้
“ไม่ใช่แค่แดนโลกาวินาศหรอก กระทั่งโลกนอกแดนเทพโบราณยังเป็นเพียงทรัพยากรในปกครองของผู้ทรงอำนาจเหล่านั้นเลย” เถี่ยคุนกล่าวเนิบ ๆ “หากจะบอกว่าเต๋าสวรรค์ที่พวกเจ้าทำความเข้าใจก่อนมาเป็นเทพคือแดนเกษตรอันอุดม เช่นนั้น พวกเจ้าผู้บ่มเพาะจากโลกต่าง ๆ ก็เหมือนพืชพรรณในไร่สวน การบ่มเพาะของพวกเจ้าคือระยะการเติบโตของพืชไร่ และยามปรากฏพืชที่ ‘สะพรั่งสุก’ ในไร่สวน พวกมันก็จะถูกเก็บเกี่ยวไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของพืชต้นอื่น”
เต๋าสวรรค์เปรียบได้กับไร่นา ผู้เยี่ยมยุทธ์เทียบกับพืชพรรณในไร่สวน! ยิ่งกว่านั้น ยามมัน ‘สะพรั่งสุก’ ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยว!
หากเขามาได้ยินการอุปมานี้ในอดีต เฉินซีคงคิดดูแคลนมัน แต่ยามนี้ เมื่อประสบทุกเหตุการณ์ในแดนโลกาวินาศ เขาพลันเข้าใจว่าการอุปมานี้เหมาะสมเพียงไร
มันเหมาะสมถึงขนาดที่ก่อความหนาวยะเยือกเสียดกระดูกขึ้นในใจ มีกระทั่งโทสะอันไม่อาจบรรยายก่อตัวขึ้น ชายหนุ่มตะลึงนิ่ง มือสองข้างกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว กระทั่งเส้นเลือดยังปูดออกมาจากหลังมือ
“พืชสะพรั่งสุกที่เจ้าว่า ก็คือผู้บ่มเพาะซึ่งบรรลุถึงขอบเขตเทวาถูกหรือไม่?” เฉินซีเอ่ยเสียงเบา
“ถูกต้อง” เถี่ยคุนพยักหน้า
เฉินซีพลันย้อนนึกถึงสรรพสิ่งที่ตนเห็นในสามภพ ขณะนั้น หายนะบังเกิดขึ้น กวาดกระหน่ำไปทั่วสามภพ แล้วโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็กระจายตัวลง พันธนาการฉุดกระชากตัวตนขอบเขตเทวามากมายออกไป
เมื่อมานึกถึงมันในขณะนี้ โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาอันโปรยออกมาจากหายนะต่างอะไรกับ ‘เคียว’ เก็บเกี่ยว ‘พืช’ สุกสะพรั่ง?
ยิ่งกว่านั้น ‘เคียว’ นี้ย่อมควบคุมโดยตัวตนทรงอำนาจจากแดนเทพโบราณด้วย!
พวกเขาเก็บเกี่ยวพืชเพราะเหตุใด?
ย่อมต้องเป็นการทำเพื่อจัดหา ‘อาหาร’ มาปรนเปรอเหล่าผู้ทรงอำนาจในแดนเทพโบราณ ใช้ชีวิตอย่างหรูหราสุขสบาย!
หลังเข้าใจเรื่องทั้งหมด ร่างของเฉินซีก็รู้สึกหนาวยะเยือกหัวจรดเท้า สีหน้าบูดบึ้งอย่างสมบูรณ์
……….