บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1546 แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 1546 แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
……….
บทที่ 1546 แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
แดนโลกาวินาศ แดนเทพโบราณ….
เฉินซีไม่คุ้นกับสถานที่พวกนี้เลย เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลย
เพราะตั้งแต่ที่เข้าแดนโลกาวินาศมา เขาก็ไม่มีเวลาตรวจเลยว่าแดนโลกาวินาศนั้นแตกต่างตรงไหนบ้าง ไม่ทันไรก็ถูกลุงเก้าและคนอื่น ๆ โจมตีแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ เฉินซีต้องรีบหาข้อมูลเกี่ยวกับแดนโลกาวินาศและแดนเทพโบราณเป็นการด่วน ไม่เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงเส้นทางไปสู่แดนเทพโบราณเลย แค่เอาชีวิตรอดในแดนโลกาวินาศให้ได้ยังยากเลย
ทว่าลุงเก้ามาจาก ‘เอกภพมสิหิม’ ย่อมมีความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ดี ดังนั้นหากเฉินซีจับตัวเขาไว้ได้ ก็คงได้ข้อมูลมาไม่ยาก
……
ฆ่ามัน!
เฉินซีมาถึงพร้อมกระบี่ในมือ ก่อนใช้ ‘สงัดก่อนพายุโถม’ ที่มีพลังแกร่งที่สุดออกมา หากมองจากที่ไกลก็เหมือนกระบี่นับไม่ถ้วนกำลังซัดกระหน่ำ เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังก้อง ลุงเก้ารู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างสูงเก้าจั้งถูกระเบิดจนกระเด็น ใบหน้าซีดขาว กระอักเลือดอึกใหญ่ออกมา
ก่อนหน้านี้สะบั้นไร้ลักษณ์ของเฉินซีก็ทิ้งบาดแผลไว้บนร่างเขาอยู่แล้ว แต่ก็แค่ถึงชั้นเนื้อหนัง ไม่ได้สาหัสอะไรมาก
ทว่าตอนนี้เขาถูกปราณกระบี่สั่นสะท้านร่าง ทำลายลึกถึงอวัยวะภายใน ทำให้ส่งผลต่อพลังต่อสู้ในระดับหนึ่ง
นับเป็นสิ่งที่ลุงเก้าไม่คาดคิดมาก่อน
“เดี๋ยวก่อน! ด้วยฝีมือของขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อยู่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่จะแกร่งได้เช่นนี้ รากฐานในเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เต๋าที่ใช้ขึ้นเป็นทวยเทพ และสมบัติที่มีก็ไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถดึงเอาพลังสูงส่งเช่นนั้นออกมาได้….” ตอนนี้ลุงเก้ามีสีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง ในสถานการณ์ที่ถูกกดดันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ ชายชราย่อมรู้ดีว่าเฉินซีมีพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่อย่างคนทั่วไป
สิ่งที่ทำให้เขาทั้งตกตะลึง โกรธขึ้ง แล้วเต็มไปด้วยความไม่เชื่อสายตา ไอ้บัดซบจ้อยร่อยที่เพิ่งจะขึ้นขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาจะสามารถมีรากฐานพลังสะท้านฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฟ่าว!
ยังไม่ทันหายตกตะลึง การโจมตีของเฉินซีก็ซัดเข้ามาอีกครั้ง
“เจ้าบ้า! คิดหรือว่าข้าจะทำอะไรเทวารู้แจ้งโลกาอย่างเจ้าไม่ได้?” การถูกกดดันให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ทำให้ลุงเก้าโกรธเกรี้ยวหนักหนา ใกล้สิ้นสติเต็มทน ชายชราไม่ยั้งมืออีก ‘แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์’ ลอยสูงขึ้นเหนือร่าง
แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์มีขนาดเท่าฝ่ามือ มีความสูงราวเก้าจั้ง มันใสกระจ่างเปล่งแสงความศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุออกมาสว่างตา ส่งผลให้ฟ้าดินมืดครึ้มไปยามเทียบกัน
พริบตาเดียวก็เหมือนตะวันอันศักดิ์สิทธิ์ลอยเด่นขึ้นกลางฟ้า คอยส่องสว่างให้ทุกหนแห่งในใต้หล้า!
นี่คือ ‘แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์’ ทั้งยังเรียกว่า ‘แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์’ ได้อีกด้วย เป็นสิ่งที่มีเพียงเทวารู้แจ้งวิญญาณจึงจะมีได้ โดยพลังกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ พลังศักดิ์สิทธิ์ และกระแสเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณของเทวารู้แจ้งวิญญาณจะถูกกลั่นแน่นอยู่ภายใน
หรือก็คือแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์นี้เทียบเท่าได้กับแก่นของเทวารู้แจ้งวิญญาณ!
ทว่าตอนนี้ หลังจากที่ถูกเฉินซีกดดันครั้งแล้วครั้งเล่า ลุงเก้าก็ใช้แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังทั้งหมดออกมา ดังนั้นพลังของเขาในตอนนี้จึงไม่อาจประมาณการได้เลย!
เพียงพริบตา เฉินซีก็เหมือนถูกบีบคอ แรงกดดันอันน่าเกรงขามซัดครืนเข้าใส่ ทำเอาขนทั่วกายลุกชัน สีหน้าเปลี่ยนผันไปเล็กน้อย
เวรแล้ว! ตาแก่นี่หมายจะลากข้าไปด้วยหรือ?
เฉินซีทิ้งความคิดที่จะจับอีกฝ่ายเป็น ๆ ไปในพลัน เขาไม่ลังเลซัดการโจมตีเต็มกำลังใส่ตาแก่ทันที!
เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็ไม่อาจหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงได้อีก หากลังเลแม้เพียงเล็กน้อยก็คงถูกโจมตีบาดเจ็บแน่
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนเสียงระเบิดเลือนลั่น แสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายพุ่งขึ้นฟ้า รอยแยกมิติขนาดใหญ่ขยายออก มันพลุ่งพล่านดูน่าหวาดกลัว
ท่ามกลางฝุ่นควันลอยคว้าง เงาร่างดุดันของลุงเก้าสั่นสะท้านหนักหน่วง กลิ่นอายจากร่างสั่นไหว ใบหน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ
เห็นได้ชัดว่าหลังจากใช้แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็มีผลย้อนกลับเข้าหาตัวขั้นรุนแรงจนตนเองบาดเจ็บ
“บัดซบตัวจ้อยเอ๋ย ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ครั้งหน้าเจ้าไม่รอดแน่!” ชายชราเหลือบสายตาเกลียดชังมายังเฉินซีที่ยืนอยู่ไกล ๆ จากนั้นใช้ปีกวิญญาณสวรรค์หลบหนีไป!
เขาต้องเลือกหนีเพราะบาดแผลทั่วร่างหนักหน่วงจนส่งผลต่อการต่อสู้ หากยังไม่รีบหนีตอนนี้เกรงว่าคงต้องเอาชีวิตมาทิ้งเป็นแน่แท้
ทว่าหลังจากปะทะกันแล้ว ใบหน้าซีดขาวของเฉินซีไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เหมือนไม่ได้ผลกระทบอะไรมากมายนัก จึงทำให้ลุงเก้าไม่คิดสู้ต่อแล้วหลบหนีไป
สำหรับเทวารู้แจ้งวิญญาณแล้ว การถูกเทวารู้แจ้งโลกาบีบคั้นถึงเพียงนี้นับว่าน่าอับอายยิ่ง
ดังนั้นลุงเก้าจึงทิ้งคำไว้แค่นั้นก่อนจากไป
……
ตุบ!
น่าเสียดายที่ลุงเก้าไม่เห็นเลยว่า หลังจากหนีไปไม่ถึงเค่อ ร่างเฉินซีก็คล้ายว่าเสียหลัก ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างแรง ผืนดินเกิดรอยขนาดใหญ่
ร่างสูงใหญ่กระตุกไม่หยุด บิดเบี้ยวไปมาเล็กน้อย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก
เมื่อเทวารู้แจ้งวิญญาณต้องสู้สุดตัว ข้าในตอนนี้ยังรับมือไม่ไหว… เฉินซีพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก ทั่วร่างเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ อีกทั้งพลังความศักดิ์สิทธิ์ในร่างก็ปั่นป่วนแม้ยามขยับกายเพียงนิด มันเป็นเพราะในการมีกระดูกแตกหลายส่วน บาดแผลหนักกว่าที่คิดไว้เสียอีก
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ของตาเฒ่านั่น!
มันแทนแก่นพลังของเทวารู้แจ้งวิญญาณ เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง ไม่ใช่สิ่งที่เทวารู้แจ้งโลกาอย่างเฉินซีจะต่อกรด้วยได้
ไม่ได้แล้ว ข้าอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ แรงสะเทือนจากการต่อสู้นั้นเด่นชัดเกินไป อาจดึงความสนใจจากผู้อื่นมาได้ เฉินซีกัดฟันโคจรพลังฟื้นฟูร่าง สานกระดูกแตกทั้งหลายก่อนพยายามลุกขึ้น
ศึกเมื่อครู่เกือบไปแล้วจริง ๆ ในใจยังสั่นกลัวอยู่บ้าง ทำให้ไม่กล้าประมาทเทวารู้แจ้งวิญญาณอีกต่อไป เหตุผลหลักที่ต้องบาดเจ็บหนักเช่นนี้ก็เพราะยังไม่เข้าใจพลังของเทวารู้แจ้งวิญญาณแจ่มแจ้งพอ
ฟืด~
เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามส่งพลังออกไปสอดส่องรอบข้าง สังเกตเห็นว่ากลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์ในฟ้าดินเหลืออยู่น้อยนิดแทบไม่มีอยู่ ไร้ซึ่งชีวิตชีวาใด ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
หรือว่าแดนโลกาวินาศจะไร้พลังศักดิ์สิทธิ์? เฉินซีขมวดคิ้ว พลังศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่คล้ายกับปราณเซียน น่าเสียดายที่แดนโลกาวินาศยังไม่ใช่แดนเทพโบราณ ดังนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ในฟ้าดินจึงหาได้ยาก
อีกทั้งยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง ชายหนุ่มถูกกดดันจากพลังบัญชาสักอย่าง ซึ่งเป็นกลิ่นอายของแดนโลกาวินาศ ต่างจากในสามภพโดยสิ้นเชิง เหมือนว่ามันมีผลที่กระทบผู้อยู่ขอบเขตเทวาโดยเฉพาะ
ช่างเถอะ ออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า เฉินซีกัดฟันทนความเจ็บปวดทั่วร่าง แยกแยะทิศทาง ก่อนเคลื่อนมิติหายไปทันใด ระหว่างนั้นบาดแผลบนร่างก็ปริออกอีกครั้งจนโลหิตไหลริน
เห็นได้ชัดว่าบาดแผลนั้นหนักหนาเพียงใด
หากลุงเก้าหันกลับมามองเฉินซีเพียงอีกครา ก็อาจสังหารเขาได้โดยง่ายเลยด้วยซ้ำ
……
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เฉินซีรู้สึกว่าบาดแผลยิ่งหนักขึ้น จิตใจเริ่มมึนงงสับสน แม้จะไม่อาจหยุดพักตอนนี้ได้ แต่ก็ไม่กล้าฝืนใช้วิชาเคลื่อนมิติอีกเช่นกัน
หือ? นี่มัน? เฉินซีกวาดสายตาไปก็พบว่าตนมาถึงหุบเขาแห่งหนึ่งที่มีพืชพันธุ์แปลกตาเจริญเติบโตอยู่ทั่ว
แต่สิ่งที่ดึงความสนใจเขาไว้ได้คือเถาวัลย์สีดำจำนวนมาก มันเลื้อยไปตามหุบเขา ดูเหมือนโซ่ล่ามที่ดำเนินเรื่อยไปตามพื้นดิน มันเป็นสีดำสนิท ลำต้นหนา มีขนาดใหญ่ไม่น้อย แล้วเรืองแสงลึกลับดูน่าประหลาดออกมา
จากนั้น เฉินซีก็เปลี่ยนสีหน้าในพลัน เพราะสังเกตว่าแสงที่เรืองออกมานั้นสามารถกัดกร่อนพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนได้โดยที่ไม่ทันรู้ตัว!
เป็นพืชที่แปลกจริง! เฉินซีรีบโคจรพลังและคุ้มกันจิตวิญญาณ ป้องกันเผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
บาดแผลในตอนนี้สาหัสมาก อีกทั้งยังใช้วิชาเคลื่อนมิติมาตลอดเวลาหนึ่งก้านธูป ตอนนี้เมื่อฝืนโคจรพลังอีกก็สะท้านไปทั่วร่าง ใกล้จะล้มเต็มที
ทว่าแสงเรืองจากเถาวัลย์พิศวงด้านล่างกลับยิ่งส่องสว่างขึ้น จากนั้นกลุ่มหมอกหนาทึบสีขาวอมเทาก็ลอยขึ้นมา ทำท่าจะเหินขึ้นมาโจมตีเฉินซี
โชคข้านี่มันดีเสียจริง! เฉินซีสบถในใจ พยายามเรียกกำลังภายในร่างขึ้นเพื่อออกไปจากตรงนี้
“สวรรค์โปรด! รีบดูนั่นเร็ว! ราชาเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์! นั่นมันสมบัติศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าที่เจ้าต้องใช้กลั่นโอสถวิญญาณหอสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ?” ในจังหวะนั้นเอง น้ำเสียงไพเราะเสนาะหูหนึ่งก็ดังขึ้น “เอ๋? มีคนมาถึงก่อนเราด้วย น่าเสียดายจัง เที่ยวนี้คว้าน้ำเหลวอีกแล้ว….”
“เงียบเถอะฮุ่ยฉง ชายหนุ่มผู้นั้นบาดเจ็บสาหัสอยู่ คงจะถูกราชาเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์โจมตีมา ไปช่วยเขาเถอะ นึกเสียว่าทำบุญ” จากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้นช้า ๆ มันเป็นน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่กลับให้ความรู้สึกสงบร่มเย็นในใจ คล้ายว่าผู้ใดได้ยินก็อาจบรรลุธรรมได้ ทำให้ใจคนเกิดความนับถือเจ้าของเสียงนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เฉินซีได้ยินน้ำเสียงนั้นก็ใจสะท้าน พยายามแหงนหน้าขึ้นมองไป เห็นบางอย่างขยับเคลื่อนอยู่ตรงหน้า จากนั้นหญิงสาวชุดสีครามที่เกล้าผมเป็นมวยขึ้นสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกาย
หญิงสาวตัวเล็ก มีใบหน้าน่ารัก แขนซ้ายยังหิ้วตะกร้าเก็บดอกไม้ไว้ด้วย ดูเหมือนจะเป็นศิษย์บริวารเต๋า นางมีนัยน์ตาสีดำสนิท ดูกระจ่างใสมีชีวิตชีวายิ่ง
“บาดเจ็บจริงด้วย” หญิงสาวมองเฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็หัวเราะเผยฟันสีขาวให้เห็น
เฉินซีถึงกับอึ้งอยู่ในใจ รวดเร็วอะไรอย่างนี้! เขายังไม่ทันตอบสนองอะไรหญิงสาวก็มาปรากฏข้างกายแล้ว
“คุณชายน้อย ท่านอยู่นิ่ง ๆ ตรงนี้ ให้ข้าจัดการราชาเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์เอง” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะสั่นตะกร้าดอกไม้ที่ห้อยไว้
วิ้ง!
พลังผันผวนประหลาดลอยสูงขึ้น ก่อนลมศักดิ์สิทธิ์หอบหนึ่งและสายฟ้าจะปรากฏขึ้นแล้วซัดกวาดออกมาเบา ๆ เพื่อกวาดล้างราชาเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดภายในหุบเขาแห่งนี้ ก่อนจะเอาพวกมันมาเก็บไว้ในตะกร้าภายในพริบตาเดียว
ตะกร้าเก็บดอกไม้ขนาดเล็กนี้กลับเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติหรือนี่! เฉินซีคิดคำนึง รู้ชัดแล้วว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดา
แต่หลังจากนั้นในใจพลันมึนงงไปหมด ทั่วร่างชาแทบสัมผัสอะไรไม่ได้ บาดแผลเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทำให้ชายหนุ่มแทบคุมสติไว้ไม่อยู่ เสียการทรงตัวล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น
“ตายแล้ว! บาดแผลคุณชายน้อยดูหนักเอาการ จะช่วยหรือไม่ช่วยดี?”
“ช่างเถอะ พาเขากลับไปด้วยก็แล้วกัน”
“โอ๊ะ”
สิ้นบทสนทนานั้น เฉินซีก็ไม่รับรู้อะไรอีก ทัศนียภาพเปลี่ยนเป็นสีดำ ก่อนที่จะหมดสติไป
……….