บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1543 ผลอันล้ำลึกของอักขระผนึกเต๋า
บทที่ 1543 ผลอันล้ำลึกของอักขระผนึกเต๋า
……….
บทที่ 1543 ผลอันล้ำลึกของอักขระผนึกเต๋า
แดนโลกาวินาศทั้งลึกลับและอันตราย ทวยเทพทั้งหลายที่ถูกพันธนาการลากเข้ามาจึงไร้โอกาสรอดแม้แต่น้อย มีเพียงหยิบมือเท่านั้นที่ตรวจพบทางเชื่อมสู่แดนเทพโบราณ รอดไปได้อย่างปลอดภัย
ทั้งหมดนี้ เขาได้ยินจากศิษย์พี่หญิงหลียาง ณ สามภพมานานแล้ว
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเฉินซีจะทิ้งศักดิ์ศรี กลายเป็นทาสของผู้ใดเพียงเพื่อจะเข้าไปสู่แดนเทพโบราณ!
การกระทำเช่นนี้ต่างอะไรกับทิ้งมหาเต๋าที่เสาะแสวง?
ดังนั้นทันทีที่ลุงเก้าพูดจบ เฉินซีจึงกล่าวเสียงเย็นเฉียบโดยไร้ลังเล “โชคอันยิ่งใหญ่? ดูเหมือนเจ้าจะคุ้นชินกับการเป็นทาสไปเสียแล้ว ควรค่าให้รับใช้ผู้อื่นไปชั่วชีวิต”
สีหน้าของลุงเก้าดำคล้ำ ประกายเย็นเฉียบปรากฏในแววตา ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้จะกล้าหยามหมิ่นศักดิ์ศรีเช่นนี้
เขาสูดหายใจลึก ๆ “เจ้าหนุ่ม เจ้าเพิ่งมาถึงแดนโลกาวินาศ ประเมินฝีมือตนสูงเกินไป ข้าจึงมิโทษเจ้าเรื่องนี้ แต่หากเจ้ายังไม่ยอมสำนึก เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ฆ่าเจ้านะ!”
เคร้ง!
เฉินซีชี้ยันต์ศัสตราไปยังลุงเก้าจากไกล ๆ กล่าวพลางเผยจิตสังหาร “ไอ้แก่งี่เง่า ข้าลืมบอกเจ้าไปว่าข้า เฉินซี ยอมกระดูกหักดีกว่าก้มหัวให้ใคร!”
วูบ!
ขณะเดียวกัน ร่างสูงใหญ่ก็วูบไหว ยันต์ศัสตราทะยานดุจตะวันผลาญเจิดจรัส สาดส่องรัศมีแผดกล้ายามโจมตี
ชายชราผู้นี้มีความสำเร็จในเต๋าแห่งคันศรสูงส่ง การบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ ไม่มีทางเลยที่เฉินซีจะฆ่าชายชราด้วยความสามารถของตนในครานี้ เพราะถึงอย่างไร ทั้งสองก็ห่างกันหนึ่งขอบเขตใหญ่!
ความแตกต่างในขอบเขตทำให้อำนาจที่ใช้ได้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันเหมือนความต่างชั้นระหว่างเซียนปราชญ์และราชันเซียน ไม่มีทางก้าวข้ามกันได้
แม้เฉินซีจะมั่นใจว่าตนสามารถเผชิญหน้าศัตรูใด ๆ ในขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะข้ามขอบเขตไปประชันศึก หรือกระทั่งกำจัดเทวารู้แจ้งวิญญาณซึ่งมีขอบเขตสูงกว่าได้ในขณะนี้
ทว่าแม้เขาจะไม่มั่นใจว่าจะฆ่าชายชราได้ เฉินซีก็ยังมั่นใจว่าตนแข็งแกร่งพอประชันชายชราได้อย่างสูสี
โดยเฉพาะยามเผชิญหน้ายอดฝีมือในเต๋าแห่งคันศร เขาย่อมได้เปรียบระดับหนึ่งยามต่อสู้ประชิด
ดังนั้นทันทีที่เขาลงมือ จึงตัดสินใจสู้ระยะประชิดทันที!
…
“ฮึ! เกินเยียวยา!” ลุงเก้าแค่นเสียงเย็น ร่างพลันวูบไหว แล้วปีกสีดำสนิทคู่หนึ่งก็กางออกเบื้องหลัง รัศมีศักดิ์สิทธิ์แผ่พล่านบนคู่ปีก ขณะที่ร่างของเทพอสูรบรรพกาลปรากฏเป็นมายา แผ่อำนาจร้ายกาจสะท้านสะเทือน
ปีกวิญญาณสวรรค์!
มันคือพลังมหาอิทธิฤทธิ์ซึ่งมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงสุด สืบทอดกันมาจากเทพอสูรบรรพกาล ต้าอี้*[1]!
จากตำนาน ยามบรรพกาล ต้าอี้พึ่งพาการสนับสนุนของปีกวิญญาณสวรรค์และความสำเร็จสูงส่งในเต๋าแห่งคันศรในการยิงอีกาทองคำ เทพอสูรโดยกำเนิดเก้าตนอันก่อเกิดจากความโกลาหลได้
พรึ่บ!
เพียงหนึ่งกระพือปีก ร่างของลุงเก้าก็หายวับในทันใด ทำให้การโจมตีของเฉินซีพลาดเป้า
“ไวยิ่งนัก!” สีหน้าของเฉินซีแปรเปลี่ยนเล็กน้อย สัมผัสได้ทันทีว่าร่างของชายชราถอยหนีไปแสนลี้แล้ว!
“เจ้าหนุ่ม ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ถนอมไว้” น้ำเสียงลุ่มลึกเย็นเยียบกึกก้องขึ้นในฟ้าดิน
หลังจากนั้น…
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ศรเทวะสีแดงสดจำนวนมหาศาลแหวกชั้นเมฆา ทรงพลังมากอำนาจทะลวงโลกาพังทลาย
ทั้งหมดนี้ ยิงมาจากระยะห่างแสนลี้!
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างไร้กังขาว่ายอดฝีมือธนูคนหนึ่งน่าสะพรึงกลัวได้เพียงไร เพราะพวกเขาสามารถเล็งอำนาจในกายศัตรูได้อย่างแม่นยำ และสามารถล่าสังหารจากระยะทางแสนไกล ข้ามชั้นมิติเกินคณานับได้!
สัจธรรมก็เป็นเช่นนั้น ในด้านอำนาจต่อสู้ เต๋าแห่งกระบี่คู่ควรครองสมญาเต๋าอันแข็งแกร่งสูงสุด แต่ในด้านความสามารถล่าสังหาร เต๋าแห่งคันศรต่างหากที่ยิ่งยงเหนือใด
ถึงขนาดที่ ยอดนักธนูทั้งหลายกลายเป็นตัวตนที่เหล่าผู้บ่มเพาะมักกลัวที่สุด เพราะหากถูกหมายหัวเข้าสักหนก็เพียงพอให้มิอาจกินอิ่มนอนหลับ ไม่อาจทราบได้เลยว่าจะถูกลอบโจมตีเข้ายามใด
เพียงพริบตา เฉินซีก็สังเกตพบว่าอำนาจในกายถูกหมายตาจากทั่วสารทิศ ไม่อาจหลบเลี่ยงหนีพ้น
แต่เฉินซีกลับคำรามต่ำ ๆ พร้อมกับอักขระผนึกเต๋าทั่วห้วงจิตสำนึกพวยพุ่ง บดขยี้สรรพสิ่งเป็นเสี่ยง ๆ
หลังจากนั้น ร่างของเขาก็วูบไหวทะยานไปไกล หลบชุดศรเทวะซึ่งแหวกเวหาเข้าใส่ไปอีกครั้ง
“เฒ่าชั่ว ในเมื่อเจ้าไม่กล้ามาสู้กับข้าตรง ๆ เช่นนั้นข้าก็ขอตัวลาล่ะ!” เฉินซีเคลื่อนกายดุจพญาวิหค ทะลวงชั้นมิติสุดความเร็ว ไม่ใช่ว่าเขาไร้ฝีมือต่อสู้ระยะไกล แต่หากเลือกสู้ระยะไกลกับนักธนูมือฉมังในยามนี้ มันจะเป็นตัวเลือกที่โง่เง่าที่สุดแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น และไม่อาจเข้าสู่ประชิดได้เช่นกัน ทางเลือกที่ดีที่สุดก็ย่อมเป็นฝ่ายหนีก่อน
…
“หือ? เด็กนี่ดิ้นหลุดจากการเล็งของข้าได้หรือ? หรือมันจะมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เกินคาดหยั่งอยู่?” ม่านตาของลุงเก้าหดตัว ประหลาดใจตกตะลึงเล็กน้อย
ในฐานะนักธนูมือฉมัง เขามีเคล็ดวิชาสูงสุดแห่งวิญญาณ เมื่อใช้เสริมฤทธิ์เต๋าแห่งคันศร ย่อมสามารถเล็งเป้าหมายใด ๆ ในระยะล้านลี้ได้โดยไม่เคยพลาด
การเล็งอำนาจในกายเป้าหมายเป็นความสามารถที่ยอดฝีมือในเต๋าแห่งคันศรต้องมี และเมื่อยอดนักธนูไม่อาจเล็งเป้าได้ เช่นนั้น ไม่ว่าการบ่มเพาะเต๋าแห่งคันศรจะสูงเพียงใด แล้วจะยิงถูกเป้าได้หรือ?
นี่คือปัญหาของ ‘ความแม่นยำ’
สำหรับผู้เชี่ยวชาญเต๋าแห่งคันศร การเล็งอำนาจในกายเป้าหมายเป็นข้อจำกัดเริ่มต้นในการสังหารศัตรูในคราวเดียว หากไม่มีมัน ทุกสิ่งก็เสียเปล่า
ในฐานะตัวตนขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณผู้บรรลุขอบเขตเซียนธนูในเต๋าแห่งคันศร การที่ลุงเก้าเล็งพลาดซ้ำ ๆ ทำให้หัวใจสั่นสะท้านไม่มั่นคง มิอาจสงบใจได้
หากการบ่มเพาะของเฉินซีเหนือชั้นกว่ายังเข้าใจได้ แต่พอดีว่าการบ่มเพาะของเฉินซีอยู่เพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา แล้วลุงเก้าจะรับได้อย่างไร?
“เด็กนี่พิลึกสุดขั้วจริง ๆ มิน่าเล่า นายน้อยจึงชอบมันทันทีที่เห็น และอยากพามันไปเข้าร่วมชุมนุมล่าดาราของจักรพรรดินีอวี้เชอในฐานะทาสเทพ มีความสามารถเช่นนี้ในขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา กระทั่งในจักรวาลทั้งสามพันในเอกภพมสิหิมยังหายากนัก…” ความคิดไหลแล่นในใจ ทว่าลุงเก้ามิได้หยุดมือ ปีกวิญญาณสวรรค์บนหลังวูบไหว ส่งเสียงกระหึ่มสะท้านขวัญ ก่อนจะพุ่งไล่ล่าเฉินซีไปทันที
เพียงครู่ต่อมา ลุงเก้าก็เล็งเป้าพลังในกายเฉินซีได้อีกครั้ง เขาง้างธนูขึ้นพาดสาย เร่งกำลังแขนขณะที่ทั่วร่างเรืองจรัสรัศมีศักดิ์สิทธิ์ เผยบรรยากาศยิ่งใหญ่ชวนสะพรึงดุจเทพบรรพกาลหมายล่าดวงตะวันผลาญกลางนภา
ขณะนี้ เขาใช้อำนาจอย่างเต็มที่ และใช้การบ่มเพาะทั้งหมดในเต๋าแห่งคันศรที่มี
ทว่าก่อนที่จะทันได้ปล่อยศรนี้ ร่างของเฉินซีก็หายวับจากการรับรู้อีกครั้ง!
“บัดซบ! เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” ม่านตาของลุงเก้าหดตัว ศรของเขาพาดสายแล้ว แต่กลับต้องรั้งไว้ก่อนทันได้ยิง
การที่หนึ่งเทวารู้แจ้งโลกาซึ่งเข้ามายังแดนโลกาวินาศจากภพเบื้องล่างหลบการเล็งของเขาได้ซ้ำ ๆ ผิดปกติอย่างยิ่ง!
สิ่งสำคัญที่สุดคือ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การบ่มเพาะทั้งหมดของเขาในเต๋าแห่งคันศรจะไม่อาจใช้ได้เลย
“มันทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” สีหน้าของลุงเก้าบึ้งตึงยิ่ง ทว่าหัวใจกลับเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด เขาอยู่มาแสนนาน ผจญศึกเกินนับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญสถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ยามรับมือเทวารู้แจ้งโลกาผู้หนึ่ง
วูบ!
เขากัดฟันไล่ล่าเฉินซีไปอีกครั้ง
หนนี้ เขาเปลี่ยนกลยุทธ์ ทิ้งการใช้เต๋าแห่งคันศรไป ตั้งใจพึ่งการบ่มเพาะอันเหนือชั้นกว่าของตนในการบดขยี้เฉินซี!
…
อักขระผนึกเต๋านี้ไม่ธรรมดาจริงแท้ มันเหมือนเกราะคุ้มวิญญาณ แต่ก็ดูไม่ใช่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งกว่านั้น มันยังสามารถใช้ได้ตามชอบใจ กระทั่งสะบั้นการเล็งอำนาจใด ๆ ในกายก็ทำได้ เช่นนี้ ก็ทำให้ข้าหลบเลี่ยงอันตรายสารพัดได้ง่าย ๆ เลย… เฉินซีทอดถอนใจในอก ขณะที่วูบไหวรวดเร็ว ทะยานข้ามมิติอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ เขาไม่อาจตรวจจับได้แล้วว่าตนทะยานไปหนใด แต่เขาก็ไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย เพราะมีเทวารู้แจ้งวิญญาณผู้หนึ่งไล่ประชิดมาจากเบื้องหลัง จึงไม่อาจห่วงสิ่งใดได้
หือ? เจ้าเฒ่านั่นตามมาทันแล้ว!
วูบ!
ชายหนุ่มตระหนักชัดเจนว่าความเร็วการเคลื่อนย้ายมิติของชายชรามากกว่าตนเกินสองเท่า หากชายชราทิ้งการไล่ล่าจากระยะไกลมาเป็นการต่อสู้ระยะประชิดแทน เขาจะหนีให้ตายเช่นไรก็ไร้ประโยชน์
“เจ้าหนุ่ม เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!” ลุงเก้าสาวเท้ามาถึงกลางเวหา ปีกวิญญาณสวรรค์เบื้องหลังพัดกระพือ หยุดอยู่ห่างจากเฉินซีร้อยลี้ และกล่าวขณะจ้องเฉินซีด้วยสีหน้าถมึงทึง “บอกข้ามาว่าเจ้าเลี่ยงการเล็งเป้าของข้าได้อย่างไร แล้วข้าจะให้โอกาสไว้ชีวิตเจ้าอีกครั้ง”
“เฒ่าชั่ว ไยเจ้าเอาแต่พูดเพ้อเจ้อกัน?” เฉินซีแค่นเสียงเย็น ยันต์ศัสตราในมือฟาดฟันใส่ชายชราตรง ๆ ทั้งที่ห่างกันร้อยลี้ แต่ระยะห่างดังกล่าวมิได้ต่างจากการต่อสู้ระยะประชิดสำหรับเฉินซี
วูบ!
เจตจำนงกระบี่แผ่พุ่ง แปรเปลี่ยนเป็นผังอักขระยันต์ศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนเรืองรองในโลกา แผ่ปราณเต๋าแห่งกระบี่อันน่าสะพรึงกลัว ฟาดฟันใส่ชายชราอย่างดุร้าย
“รนหาที่ตาย!” ลุงเก้าเดือดดาลสุดขีด มือคว้าไปบนอากาศ หอกทองแดงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าเผชิญการโจมตีของเฉินซีตรง ๆ
ตู้ม!
เจตจำนงกระบี่ปะทะกับหอก แปรแดนดินในรัศมีแสนลี้เป็นซากพินาศในฉับพลัน พสุธาอ้างว้างวังเวง ไร้สิ่งใดครบถ้วนสมบูรณ์
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ร่างของเฉินซีถูกอำนาจยิ่งใหญ่ชวนสะพรึงฟาดจนถอยหลังไปสามก้าวกลางอากาศ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้หวาดผวา ซ้ำยังลิงโลดแทน ชายชราผู้นี้เจนจัดในเต๋าแห่งคันศรที่สุด ยามนี้เมื่อชายชราทิ้งการใช้มันไปเลือกสู้ประชิด นี่ก็ไม่ต่างจากชายชราสะบั้นแขนตัวเองเลย
และนี่ก็เป็นสถานการณ์ให้เฉินซีสำแดงพลังได้ดีที่สุด เพราะเขาเจนจัดการต่อสู้ระยะประชิด ขณะที่ชายชรามิใช่เช่นนั้น ความได้เปรียบนี้เพียงพอให้กลบช่องว่างระหว่างการบ่มเพาะของพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง!
ฟิ่ว!
ไร้การลังเลใด ๆ เฉินซีโผนทะยานเข้าไปอีกครั้ง
ก่อนจะมาถึงแดนโลกาวินาศ เฉินซีทำความเข้าใจความลึกลับของผังอักขระในกระบี่ผุพังเปื้อนเลือดนั้นมาตลอด และเผยเค้าบรรลุเลื่อนขั้นแล้วจาง ๆ
ยามนี้ ด้วยแรงกดดันมหาศาลจากการเผชิญหน้าศัตรูร้ายซึ่งมีการบ่มเพาะสูงล้ำกว่าตน เฉินซีกระทั่งมั่นใจว่า ขอเพียงสามารถยื้อเวลาได้สักพัก การบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ของเขาอาจพัฒนาได้ในรวดเดียว!
“ฆ่า!” ขณะนี้ เฉินซีทิ้งทุกความคิดฟุ้งซ่านในใจ ทุ่มทั้งจิตและวิญญาณสู่ศึก ใช้ทุกทักษะในเต๋าแห่งกระบี่ที่บรรลุมาเข้าโจมตีชายชรา
“ฮึ! ไอ้หนูไม่รู้จักประมาณตน! ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจวันนี้แหละว่าความต่างชั้นการบ่มเพาะเป็นเช่นไร!” ลุงเก้าถูกเฉินซียั่วยุซ้ำ ๆ จนระเบิดโทสะ จิตสังหารพวยพุ่งขณะตวาดเสียงดัง ดูประหนึ่งเทพอสูรบรรพกาลกราดเกรี้ยว คิดถล่มโลกาสลายแหลก!
[1] ต้าอี้ คืออีกชื่อของโฮ่วอี้ วีรบุรุษยิงตะวันในตำนานจีน
……….