บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1541 ศรเทวะในบัดดล
บทที่ 1541 ศรเทวะในบัดดล
……….
บทที่ 1541 ศรเทวะในบัดดล
แดนโลกาวินาศเป็นแหล่งที่มาของพลังความวิบัติในสามภพ
เมื่อเดินเข้าไปยังดินแดนแห่งนี้ แม้แต่เทพเจ้ายังไร้หนทางหวนกลับ ซึ่งนั่นหมายความว่าหากไม่มีใครค้นพบเส้นทางที่นำไปสู่แดนเทพโบราณ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะล่าถอยไปได้
เส้นทางนี้ยาวไกลคดเคี้ยว มันลัดเลาะผ่านพื้นที่ไร้ขอบเขตซึ่งเต็มไปด้วยความโกลาหล และเมื่อใครคนหนึ่งเข้าไปภายในนั้น มันก็เป็นเหมือนกับการเดินทางผ่านกาลเวลา
ที่นี่เงียบสงัด เฉินซีนั่งขัดสมาธิบนยันต์ศัสตราของเขาขณะที่เดินทางผ่านพื้นที่มิติอันไร้สิ้นสุด
นี่เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นข้าจะต้องไม่ประมาทโดยเด็ดขาด… เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหยุดคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ครั้นเขาออกคำสั่ง สมบัติอมตะสองชิ้นก็ปรากฏขึ้น
อย่างแรกคือตาข่ายเย็นเยียบซึ่งดูคล้ายภาพลวงตา
อย่างที่สองคือเหรียญทองแดงสามเหรียญที่เปล่งประกายรัศมีสีทอง
ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เป็นสมบัติชั้นสูงของเขาเทพพยากรณ์ และยังถูกจัดไว้ในอันดับสิบหกของหนึ่งในร้อยแปดสมบัติวิญญาณธรรมชาติเลื่องชื่อแห่งสามภพ
สมบัติชิ้นนี้ลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง มันสามารถจับวิถีเต๋าแห่งสวรรค์ วิถีแห่งโชคชะตา และวิถีแห่งชะตากรรม เมื่อหลายปีก่อนฝูซี เจ้าสำนักเขาเทพพยากรณ์ได้อาศัยสมบัติชิ้นนี้เพื่อยึดครองแผนภาพวารีหลากในระหว่างการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพ!
ในขณะที่เหรียญทองแดงโปรยสมบัติถูกจัดไว้อันดับที่ยี่สิบสี่ มันมีพลังศักดิ์สิทธิ์ร้ายกาจที่เหนือกว่าจินตนาการ เมื่อมันถูกใช้งาน มันสามารถทำให้สมบัติวิญญาณประดิษฐ์ทั้งหลายปรากฏขึ้นตรงหน้าของมัน และแม้ว่ามันจะถูกจัดให้อยู่ในสมบัติวิญญาณธรรมชาติ แต่ก็นับว่าเป็นสมบัติที่หาได้ยากยิ่ง
ในปัจจุบัน นอกเหนือจากยันต์ศัสตราและระเบียนแดนมรณะ รวมไปถึงพู่กันพิพากษามารซึ่งตราไว้ด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบ ก็มีเพียงสมบัติวิญญาณธรรมชาติสองชิ้นนี้ที่ยังคงเป็นหนึ่งในสมบัติอมตะที่เฉินซีเหลืออยู่ในความครอบครอง
ในตอนนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เฉินซีได้นำตาข่ายครอบคลุมสวรรค์และเหรียญทองแดงโปรยสมบัติออกมาเพื่อปกป้องพื้นที่รอบกาย หลังจากที่ทำเช่นนั้น ความรู้สึกปลอดภัยก็ก่อตัวขึ้นในใจ
หงึ่ง!
เฉินซีหลับตาลง ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในทะเลแห่งมโนสำนึกส่งเสียงออกมาเบา ๆ แสงอันพิสุทธิ์เร้นลอดออกมาอย่างสลัวราง
หลังจากนั้น แผนภาพที่ยังไม่สมบูรณ์ก็ปรากฏขึ้นจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก
สิ่งที่ปรากฏบนแผนภาพคือกระบี่เหล็กแตกร้าว ครึ่งหนึ่งของมันถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงฉาน ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีดำไหม้เกรียมราวกับได้รับความเสียหายรุนแรง
แม้จะบรรลุขอบเขตเทวา และกลายเป็นเทวารู้แจ้งโลกาแล้ว ทว่าเมื่อเฉินซีจดจ่อกับสิ่งที่อยู่บนแผนภาพ รอยสั่นสะท้านก็ยังสะท้อนขึ้นภายในใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้
มันเป็นความรู้สึกยำเกรงและหวาดหวั่น ราวกับเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งท่ามกลางความยิ่งใหญ่ ระดับการบ่มเพาะขอบเขตเซียนกระบี่ที่เขาภูมิใจหนักหนาบัดนี้ไร้ซึ่งแรงพลังใด ยามต้องเผชิญกับกระบี่ผุพังซึ่งอาบนองไปด้วยเลือดนี้
รัศมีของกระบี่เล่มนั้นทรงพลังเกินไป แม้ว่ามันจะถูกทำลายไปแล้ว และเป็นเพียงแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์ ทว่าพลังของมันก็เพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งจักรวาลตกอยู่ในความโกลาหลและทำลายเต๋าทั้งหมดซึ่งมีอยู่ในจักรวาล!
รัศมีเช่นนี้หาใช่สิ่งที่สามารถครอบครองได้ตามใจปรารถนาไม่
เฉินซีอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ การอุบัติของกระบี่พุพังเปื้อนเลือดนี้ แม้แต่พลังของตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ซึ่งเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันดับที่สิบหกก็คงไม่อาจเทียบทัน!
ปัจจุบันระดับการบ่มเพาะของข้าในเต๋าแห่งกระบี่นั้น ได้มาถึงขั้นสมบูรณ์ของขอบเขตเซียนกระบี่นานเกินไปแล้ว แน่นอนว่าด้วยแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์นี้ มันอาจจะทำให้ข้าบรรลุขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ได้ในเร็ววัน เฉินซีเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อจดจ่อความคิดของตนลงยังแผนภาพนั้น เขาพยายามทำความเข้าใจมันผ่านการเข้าฌาน
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ชายหนุ่มมักจะทำความเข้าใจต่อแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์นี้ มันช่วยให้การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด และทำให้เขาสามารถระเบิดพลังการต่อสู้ที่น่าประดับใจได้ในระหว่างการต่อสู้ที่ผ่าน ๆ มา
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้ความว่าเขาจะเข้าใจแก่นแท้ของแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์นี้แต่อย่างใด และมันแสดงให้เห็นว่าต้นกำเนิดของสิ่งนี้นั้นพิเศษมากเพียงใด การหยั่งรู้ถึงความลึกซึ้งบางประการทำให้การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่พัฒนายิ่งขึ้น หากมีใครรู้เรื่องนี้เข้าแล้วละก็ พวกเขาคงจะไม่เชื่อว่ามีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่บนโลก
ทว่าความจริงก็คือความจริง แผนภาพที่ไม่สมบูรณ์นี้เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้นอย่างแน่นอน เพราะมันเกิดขึ้นมาจาก… แผนภาพวารีหลาก!
อีกด้านหนึ่ง สำหรับขอบเขตเซียนกระบี่แล้ว เฉินซีมีความรู้สึกอยู่เสมอว่าตราบใดที่เขาสามารถทะลุผ่านขอบเขตนี้ได้ การเปลี่ยนแปลงที่พิเศษก็คงจะบังเกิดขึ้น
หากกล่าวว่าความเข้าใจต่อเต๋าแห่งกระบี่ในอดีตเป็นการสั่งสมเชิงปริมาณ การบรรลุสู่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ก็เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
เฉินซีตั้งตารอให้ถึงตอนนั้นแทบจะทนไม่ไหว
…
ท่ามกลางความเงียบงัน เวลากว่าหนึ่งเดือนก็ได้ผ่านพ้นไป
ในวันนี้เอง เฉินซีตัดสินใจลืมตาขึ้น
โครม!
ทันใดนั้น ความโกลาหลที่กว้างไกลสั่นสะเทือน พื้นที่มิติเริ่มเกิดการบิดเบี้ยวครั้งใหญ่ ราวกับว่าทุกสิ่งกำลังพังทลายลงและถูกชะล้างไป
เมื่อเฉินซีเห็นเหตุการณ์นี้ ไม่เพียงไม่รู้สึกตกใจ หากยังมีสีหน้าปีติยินดี รอยยิ้มแห่งความหยั่งรู้ปรากฏขึ้นที่มุมปาก ในที่สุดข้าก็มาถึงแล้ว!
ภายใต้ทัศนวิสัยของเฉินซี มันคือส่วนลึกของมิติที่เต็มไปด้วยความโกลาหล วังวนขนาดมหึมาปรากฏขึ้น
วังวนนี้เหมือนกับหลุมดำที่เป็นส่วนลึกของจักรวาล มันทำลายความโกลาหลโดยรอบไปด้วยความรุนแรง กระแสหมุนวนที่เกิดขึ้นด้านในทำให้แม้แต่เฉินซียังสัมผัสได้ถึงแรงกดกันที่หนักหน่วงเสียจนยากจะหายใจ
ตราบใดที่ข้าผ่านวังวนนี้ไปได้ ข้าก็จะไปถึงแดนโลกาวินาศได้สำเร็จ
ขวับ!
พลังแห่งความโกลาหลที่คลุมเครือพุ่งเข้ามาราวแสงแปลบปลาบ มันเฉือนจอนผมและเกือบจะกระแทกเข้ากับหัวของเขา
สิ่งนี้เกิดขึ้นจากพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เร้นลอดจากวังวน เป็นเหตุการณ์ที่ชวนให้ตะลึงไม่น้อย
ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ… เฉินซีสูดลมหายใจลึกก่อนจะพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ราวกับได้กลายเป็นหินที่ตัดผ่านชั้นแล้วชั้นเล่าไปยังวังวนนั้น
ฟิ่ว!
ลำแสงสีเทาเลือนรางที่เต็มไปด้วยปราณโกลาหลวูบวาบไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พร่างพราว
เฉินซีหลบการโจมตีเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระนั้นแสงสีเทาที่เคลื่อนผ่านนี้ก็มีเยอะเกินไป พวกมันทั้งหมดต่างก็พุ่งออกมาจากวังวนมหึมานั่น ไม่ว่าจะพยายามหลบเลี่ยงมันอย่างไร หากท้ายที่สุดไหล่ของเขาก็ยังถูกการโจมตีของมันบ้างประปราย
แค่ก!
เลือดสาดกระเซ็นไปในอากาศ ทั้งที่ความแข็งแกร่งในปัจจุบันอยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา ทว่าเขากลับได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งนี้!
สีหน้าของเฉินซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากขณะที่เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ปะทุในตาดำ จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่หยุดที่จะพุ่งไปข้างหน้า
เมื่อเวลาผ่านไป ชายหนุ่มเข้าใกล้วังวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งอยู่ใกล้มันมากเท่าไร การโจมตีที่ได้รับก็ยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น พวกมันเหมือนกับพายุแห่งแสงที่กวาดกลืนทุกสิ่งโดยรอบ
ไม่มีใครรู้ว่าแสงสีเทาที่ดูพร่ามัวนี้เป็นพลังประเภทใด แต่มันน่ากลัวอย่างยิ่ง ทำให้แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาตกอยู่ใต้อันตรายอันแสนกดดัน
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
แสงสีเทาเหล่านั้นเต็มไปด้วยปราณโกลาหลที่พร่าเลือนราวม่านหมอก มันเป็นพลังที่มากพอจะทำให้เหล่าทวยเทพต้องกริ่งเกรง
เฉินซีไม่มีทางจะหลบมันได้เลย สุดท้ายเขาทำได้เพียงแต่กัดฟันและฝืนทนต่ออาการบาดเจ็บในขณะที่พาตัวเองเคลื่อนที่ผ่านการโจมตีเท่านั้นด้วยยันต์ศัสตราในมือ
ตึง!
ในที่สุดร่างสูงใหญ่ก็ผ่านพวกมันมาได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม รูบนหน้าอกที่ฉีกขาดก็ทำให้เลือดหลั่งริน การโจมตีนี้เกือบจะทะลุหัวใจของเขาแล้ว อันตรายยิ่งนัก!
เมื่อคนคนหนึ่งเดินทางภายในแดนโลกาวินาศ โดยปกติแล้วมักจะเกิดความเป็นได้สองทางเท่านั้น
หนึ่งก็คือเราอาจจะถูกกลืนกินและทำลายล้างโดยวังวนขนาดมหึมา หรือใช้กำลังทั้งหมดที่มีในการเคลื่อนผ่านวังวนนี้ ไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นที่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้ว
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
กระแสแห่งวังวนหมุนเวียน ยามเมื่อมันเร้นลอดออกมา มันก็กลายเป็นแสงสีเทาที่สลัวรางด้วยไอหมอก
แรงฉีกกระชากที่รุนแรงของวังวนทำให้เส้นทางบิดเบี้ยว พังทลาย และกลายเป็นคลื่นแห่งความโกลาหลที่กระจายไปในอากาศ คล้ายกับตั้งใจที่จะบดขยี้ทุกสรรพสิ่งเป็นชิ้น ๆ
ร่างของเฉินซีสั่นสะท้าน ชายหนุ่มไม่ได้เผชิญหน้ากับมัน แต่เลือกที่จะเดินตามกระแสของวังวนเพื่อก้าวไปข้างหน้าแทน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้โคจรเต๋ารู้แจ้งแห่งการกลืนกิน เพื่อจัดการกับพลังกลืนกินของมัน
ในฐานะสิ่งมีชีวิตพิเศษแห่งขอบเขตเทวาซึ่งครอบครองมหาเต๋าจำนวนมาก การควบคุมพลังของเฉินซีได้มาถึงจุดที่เรียกว่าเหลือเชื่อไปแล้ว
แรงฉีกกระชากอันบิดเบี้ยวของวังวนไม่อาจทำอะไรกับเขาได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาในยามนี้ก็คือกระแสแสงสีเทาที่เป็นดังหมอกเหล่านั้น
ตู้ม!
มิติโกลาหลอันกว้างใหญ่สั่นสะเทือนรุนแรง มันระเบิดเป็นชิ้น ๆ ในขณะที่พลังจากวังวนยิ่งพลุ่งพล่านกว่าแต่ก่อน แสงสีเทาที่เต็มไปด้วยปราณโกลาหลกระจายไปทั่วบริเวณ ส่งผลให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้น
น่าแปลกที่วังวนเหล่านี้ดูเหมือนจะพุ่งเป้ามายังข้าโดยเฉพาะ หรือว่ามันจะมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง? สถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงทำให้เฉินซีอดวิตกกังวลและสับสนขึ้นมาไม่ได้ เขาสัมผัสได้ราง ๆ ว่ามีบางอย่างผิดปกติในเรื่องนี้ ราวกับว่กำลังเผชิญการซุ่มโจมตีที่ถูกจัดเตรียมเพื่อตนโดยเฉพาะ
เปรี้ยง!
หลังจากนั้นไม่นาน แสงสีเทาราวหมอกก็เคลื่อนมาบรรจบกันก่อนจะกลายเป็นสายฟ้าคมกริบ มันส่องประกายศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยามเมื่อฟาดฟันลงมา
พลังประเภทนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มันยิ่งใหญ่กว่าพลังใด ๆ ที่เขาเคยได้เห็นมาก่อน เมื่อมันโจมตีเข้ามา แม้แต่ตนที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาก็ยังถูกระเบิดร่างกายออกเป็นเสี่ยง ๆ
“จงคลายออก!” ทันใดนั้น เฉินซีก็แผดเสียงตะโกน เสียงปึงปังดังขึ้นในขณะที่ใช้เหรียญทองแดงแวววาวทั้งสามเหรียญเพื่อสร้างตัวอักษร ‘品’ ขึ้นมาห้อมล้อมกายเอาไว้
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ร่างของเฉินซีพลันกะพริบพร่าง ทะลุผ่านการโจมตีทั้งหลายรวมไปถึงอันตรายต่าง ๆ ก่อนจะเข้าไปในวังวน
เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังก้องมาจากด้านหลัง ความโกลาหลทั้งหลายแตกกระจายในขณะที่รัศมีเทวะเข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบ มันตกอยู่ภายใต้ความโกลาหลอย่างสมบูรณ์ก่อนจะพังทลายลงและก่อให้เกิดกระแสพลังโกลาหลที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
โครม!
เฉินซีรู้สึกราวกับว่าแผ่นหลังถูกกดทับด้วยภูเขาจำนวนมหาศาล กระดูกแทบจะแตกสลายเป็นผุยผง เลือดคลุ้งคาวไหลย้อนผ่านลำคอก่อนจะพุ่งออกมาจากริมฝีปาก
หลังจากนั้น เสียงคำรามก็ดังกึกก้อง ร่างที่รวดเร็วปานพายุพุ่งตรงไปยังส่วนลึกของวังวน
…
ผ่านไปไม่นานนัก ท่ามกลางวังวนโกลาหลขนาดมหึมา เสียงระเบิดพลันดังกัมปนาท ก่อนจะมีร่างหนึ่งค่อย ๆ เดินโซซัดโซเซออกมาจากด้านใน
ในที่สุดข้าก็ออกมาได้ ความสุขเล็ก ๆ แต่งแต้มลงบนใบหน้าซีดเซียวของเฉินซี ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนช่างโชคดีนักที่สามารถรอดพ้นจากเรื่องนั้นมาได้ ความผ่อนคลายเริ่มคืบคลานเข้ามาในห้วงอารมณ์ของเขา
ราวกับได้ตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายอันยาวนาน มันน่ากลัวยิ่งกว่าการต่อสู้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเทวาคนอื่น ๆ เสียอีก
พวกมันทั้งลึกลับและน่าเกรงขาม สามารถทำให้มิติเกิดความบิดเบี้ยวก่อนจะพังทลายลง หากเป็นคนอับโชคแล้วละก็ มีเพียงความตายรออยู่ตรงหน้าอย่างแน่นอน แม้แต่ทวยเทพยังไม่อาจรอดพ้นไปได้
แดนโลกาวินาศ! ข้ามาแล้ว! เฉินซีสูดลมหายใจลึก อาการบาดเจ็บที่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาหายอย่างปลิดทิ้ง เขาค่อยๆ เพ่งสายตาสำรวจไปโดยรอบ
มันเป็นพื้นที่รกร้างที่แผ่ไพศาล ท้องฟ้าของมันเป็นสีฟ้าขมุกขมัว ในขณะที่พื้นดินสลับขึ้นลงลดหลั่นอย่างที่ราบภูเขา พฤกษาโบราณสูงตระหง่านกระจายอยู่โดยรอบ แม้แต่อากาศยังเต็มไปด้วยปราณโกลาหลจาง ๆ
“เอ๊ะ เหยื่อจากภพเบื้องล่างสามารถหลบหนีจากภัยพิบัติได้จริงหรือ?”
“ข้าว่าเขาคงจะแค่โชคดี”
“คุณชายอย่าได้ร้อนใจไป ข้าจะไปจับเหยื่อนั่นมาให้เดี๋ยวนี้”
ขณะที่เฉินซีกำลังสำรวจพื้นที่โดยรอบ เสียงกึกก้องก็ดังไปทั่วฟ้าดิน
เหยื่อจากภพเบื้องล่าง?
คุณชาย?
รูม่านตาของเฉินซีหดลงด้วยความตกใจ แน่ละ ตอนนี้มีคนพบเห็นเขาแล้ว!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขากำลัง ‘รอให้เหยื่อมาถึง’ ตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาเข้าไปในวังวน!
ฟึ่บ!
ตอนนี้เอง คลื่นแห่งความผันผวนบังเกิดขึ้นจากพื้นที่มิติอันห่างไกล ไม่นานแสงศักดิ์สิทธิ์สีแดงเข้มที่สุกสกาวอย่างยิ่งก็ตัดผ่านฟ้าดินให้แยกจากกัน พลังที่เหมือนกับห่าฝนของมันทำลายอากาศจนย่อยยับ!
แน่นอน สิ่งนี้คือศรเทวะ!
ลำตัวของลูกธนูอัดแน่นไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกาย รัศมีของมันทรงพลังและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
หวือ~ หวือ~ หวือ~
ทันใดนั้น ด้วยอานุภาพจากศรเทวะสีแดงเข้ม ทั่วทั้งฟ้าดินพลันมืดลง เสียงคร่ำครวญจากอสูรดังกึกก้อง!
……….