บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1540 ออกเดินทาง
บทที่ 1540 ออกเดินทาง
……….
บทที่ 1540 ออกเดินทาง
ด้วยท่ากระบี่เดียว โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาก็ถูกสะบั้นขาดโดยง่าย
หากมองจากบนพื้น โซ่หนาสีดำก็เหมือนงูจำนวนมากที่ถูกฟันร่างขาด ร่วงลงมาบนพื้นตาม ๆ กัน เป็นเหตุการณ์อันน่าตื่นตายิ่ง
นี่คืออำนาจของบัญชาเต๋าสวรรค์ มันมีอำนาจเหนือสิ่งใดในสามภพ ทุกสิ่งอย่างในสามภพต้องให้ความเคารพยำเกรง แต่ตอนนี้มันกลับถูกฟันขาดสองท่อนในกระบี่เดียว!
ทั่วภพเซียนตะลึงยิ่ง
เมื่อครั้งที่ความวิบัติเพิ่งมาถึง ไม่ว่าจะหลบซ่อนที่ใด ตัวตนขอบเขตเทวาทั้งหลายในสามภพก็จะถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชากักไว้แล้วบังคับเอาตัวไปอย่างไม่อาจขัดขืนได้เลย
ในตอนนั้นหลายคนได้เห็นเหตุการณ์อันน่าสะพรึงนี้ไปแล้ว
ทำให้พวกเขาหวาดกลัวความวิบัติจากก้นบึ้งของหัวใจ รู้สึกว่าคงได้แต่รอความตาย เพราะขนาดทวยเทพยังไม่อาจต้านทาน
แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าในวันนี้จะได้เห็นเฉินซีเหินร่างขึ้นฟ้าแล้วฟันโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจำนวนมากให้ขาดในกระบี่เดียวได้!
จะทำเช่นนี้ได้ต้องมีพลังบ่มเพาะมากมายเพียงใดกัน?
…
จังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เฉินซีก็ไม่ได้หยุดยั้ง ยังคงก้าวขึ้นฟ้าสูงต่อไปทีละก้าว
ทั่วร่างเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ กระบี่ในมือยังคงฟาดฟันไม่หยุด โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่หย่อนลงมาถูกฟันขาดสะบั้น ไม่อาจหยุดยั้งเฉินซีได้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังลั่นขึ้นหลายครั้ง ดังก้องไปในทั่วสี่พันเก้าร้อยทวีปแห่งภพเซียน เป็นเสียงดั่งยามลั่นกลองสวรรค์ก็มิปาน
“เจ้าสำนักจะไปจริง ๆ หรือ…” ภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า นอกจากรู้สึกตกใจแล้ว ยอดฝีมือทั้งหลายก็ทั้งอึ้งทั้งดูลังเลยิ่ง แต่ก็ไม่มีใครหยุดเฉินซีไว้
ด้วยรู้ดีว่าไม่ช้าเร็วเฉินซีก็ต้องจากไปอยู่ดี!
หนทางข้างหน้าเขายังอีกยาวไกล ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ทุกชีวิตในสามภพต้องเคารพแล้ว สามภพจึงเล็กเกินไป จะใฝ่หาทางเต๋าต่อไปได้ก็มีแต่ต้องจากสามภพไปแดนเทพโบราณ
ตอนนี้เฉินซีกลายเป็นจุดรวมความสนใจของทุกคนในภพเซียน ถึงขั้นที่หลายคนในภพมนุษย์และยมโลกเองก็คอยจับตามองอยู่เช่นกัน
ทั้งความตกตะลึง
ความชื่นชม
ความไม่อยากเชื่อ
ภายในใจพวกเขาล้วนปรากฏความรู้สึกซับซ้อนขึ้น ราวกับว่าทุกชีวิตในสามภพได้เห็นปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา
ทุกคนต่างตระหนักดีว่ายุครุ่งโรจน์ที่เฉินซีสร้างขึ้นอาจสิ้นสุดลงในวันนี้ ความรุ่งโรจน์ ชื่อเสียง ความแข็งแกร่ง ประสบการณ์ ตำนาน… ทุกสิ่งจะถูกประทับลงในบันทึกของสามภพ ให้เป็นที่เคารพนับถือไปทุกยุคสมัย!
ไม่มีใครกล้าเดาว่าต่อไปจะมีใครในสามภพที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างเฉินซีได้อีกหรือไม่
แต่อย่างน้อยทุกคนก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา หากเป็นเรื่องชื่อเสียง ในบรรดาบุคคลน่ายกย่องและน่าตกตะลึงที่เคยปรากฏในสามภพในอดีต มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จอย่างเฉินซีได้
เฉินซี!
ชื่อนี้จะถูกสลักลงภายในสามภพ ไม่อาจลบล้างได้อีก
…
“สหายเต๋า โปรดดูแลตัวเองด้วย ไว้เจอกันโอกาสหน้า!” ณ บนฟ้า น้ำเสียงสงบนิ่งของเฉินซีดังก้องทั่วฟ้าดิน มันสะท้อนไปไกลถึงทั่วทั้งสี่พันเก้าร้อย ทวีปแห่งภพเซียนเรากลับเป็นเสียงทวยเทพ สะท้อนก้องไปไกลอยู่นาน
“ดูแลตัวเองด้วย”
“ท่านพ่อ ท่านต้องกลับมานะ”
“เจ้าสำนักโปรดวางใจแล้วเดินเส้นทางเต๋าต่อเถอะ สามภพจะคอยเป็นแรงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ให้ท่านต่อไป!”
ตอนนี้บุคคลอันเป็นที่รักของเฉินซี ศิษย์และอาจารย์สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า และผู้บ่มเพาะพลังทั้งหลายในสามภพต่างพากันมาอวยพรให้เฉินซี
แดนเทพโบราณเป็นสถานที่ที่ทวยเทพอาศัยอยู่ เป็นสถานที่อันเป็นนิรันดร์ นานมาแล้ว เหล่าเทพทั้งหลายที่ถือกำเนิดมาจากภายในความโกลาหลและยอดฝีมือที่ขึ้นสู่ขอบเขตเทวาเองก็ต้องจากสามภพไป
ตอนนี้เฉินซีก็ต้องจากสามภพไปเช่นกัน
มันเป็นเกียรติยศสูงส่งอย่างหนึ่ง
ในทางกลับกัน มันก็เป็นเส้นทางใหม่เอี่ยม ไม่รู้ว่ามีอันตรายใดอยู่บ้าง
เฉินซีจะสามารถเข้าสู่แดนเทพขึ้นจุดสูงสุดของมหาเต๋าได้หรือไม่?
…
ฟึบ!
กระบี่สะบั้นผ่านมิติชั้นแล้วชั้นเล่า รุดหน้าไปไม่หยุดยั้ง
เฉินซีนั่งขัดสมาธิอยู่บนกระบี่ สายตาสอดส่องไปรอบกาย
หลังจากเขาเข้าประตูบนฟ้ามา ไม่ว่ากวาดตาไปที่ใดก็แห่งแต่ความโกลาหลไม่สิ้นสุด
นี่คงเป็นทางเดินมิติที่เต็มไปด้วยความโกลาหลอันลึกลับ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงแดนโลกาวินาศจริง ๆ สักที เฉินซีเก็บสายตากลับมาแล้วครุ่นคิดในใจ
เมื่อเข้ามาแล้ว ระหว่างทางก็ไม่พบอันตรายใดอีก บรรยากาศรอบข้างเงียบสนิท นอกจากเสียงหวีดหวิวของกระบี่ยามเคลื่อนตัวแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีก
ผู้อยู่ขอบเขตเทวาที่ถูกกักตัวไว้ล้วนถูกส่งไปแดนโลกาวินาศโดยไม่เต็มใจ ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ชายศิษย์พี่หญิงทั้งหลายจะเดินทางไปถึงแดนเทพโบราณโดยปลอดภัยหรือไม่… เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วส่ายศีรษะ ได้แต่หวังว่าตอนข้าไปถึง เส้นทางสู่แดนเทพโบราณจะยังไม่ปิดตัวลงนะ
แดนโลกาวินาศเป็นแหล่งพลังของความวิบัติที่ปะทุขึ้นในสามภพ ควบคุมพลังบัญชาเต๋าสวรรค์ ในช่วงระหว่างนี้มันยับยั้งและกำจัดตัวตนที่ขอบเขตเทวาเสียสิ้น
ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเตือนให้เห็นว่าที่นี่อันตรายยิ่ง!
เฉินซีถึงขั้นสงสัยว่า หากพวกเทพที่ถูกจับตัวไปหาเส้นทางไปแดนเทพโบราณไม่พบ ก็คงต้องเอาชีวิตมาทิ้งอยู่ในแดนโลกาวินาศนี้เป็นแน่
ด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงไม่กล้าวางใจ
พลังบ่มเพาะปัจจุบันของเฉินซีขึ้นสู่ขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกาแล้ว จุดเพลิงในจิตวิญญาณ พลังจักรวาลภายในร่างถูกเปลี่ยนเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อย
พลังเช่นนี้มากพอจะอยู่เหนือกว่าใครในสามภพ แต่หากเป็นในแดนโลกาวินาศ ก็เป็นได้แค่คนธรรมดาเท่านั้น
เพราะที่นี่คือสถานที่แห่งทวยเทพ ส่วนเฉินซีเพิ่งจะแตะถึงเส้นขอบเขตเทวาเท่านั้น
แต่ด้วยความที่เขามีรากฐานมั่นคง การขึ้นสู่ขอบเขตเทวานี้จึงทำให้พลังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อย่างน้อยเขาก็ไม่กลัวหากต้องต่อสู้กับเทวารู้แจ้งโลกาคนอื่น
อย่างไรสมัยอยู่ขอบเขตครึ่งเทวา เขาก็สามารถกำจัดอินไฮว่คง คงจ้าว และทัวคงได้ในคราวเดียว ทั้งที่ทั้งสามคือเทพที่แท้จริงด้วยซ้ำ!
ตอนนี้เขาขึ้นสู่ขอบเขตเทวา อำนาจที่มีจึงไม่ใช่สิ่งที่คนขอบเขตเทวาคนอื่นจะสามารถเทียบได้
และนี่ไม่ใช่ประโยชน์เพียงอย่างเดียวที่ได้จากการขึ้นขอบเขตเทวารู้แจ้งโลกา ยกตัวอย่างเช่น ความศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวาลภายในร่างก็หนาแน่นมากจนเทวารู้แจ้งโลกาคนอื่นเทียบไม่ติด
โดยเฉพาะเพลิงที่จุดขึ้นในจิตวิญญาณ ทำให้ทั่วทั้งจิตวิญญาณเปลี่ยนเป็นวังวนจิตวิญญาณ กระแสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชติช่วงอยู่ภายในวังวน ส่องสว่างไปทั่วจักรวาลภายในร่าง
แต่เปลวเพลิงที่เทวารู้แจ้งโลกาทั่วไปจุดขึ้นภายในจิตวิญญาณนั้นไม่อาจมีความสามารถถึงขั้นนี้
ที่สำคัญคือ เพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณรอบตัวเฉินซีนั้นมีอักขระผนึกเต๋าปกคลุมอยู่!
นี่เป็นสิ่งที่เทวารู้แจ้งโลกาคนอื่นไม่อาจมีได้ อักขระผนึกเต๋ามาจากภายในชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณเฉินซีไปนานแล้ว
ในตอนนั้น เขารู้ดีว่าอักขระผนึกเต๋ามีผลลัพธ์ลึกล้ำเพียงใด เขาสามารถสัมผัสมันได้ตราบเท่าที่ยังมีอักขระผนึกเต๋าอยู่ ฉะนั้นถึงถูกสังหารไป จิตวิญญาณก็จะยังคงอยู่!
หรือก็คืออักขระผนึกเต๋าเหมือนเป็นเกราะถาวรที่คอยปกป้องจิตวิญญาณเอาไว้ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอันตรายใดกล้ำกรายเข้ามาได้
ตอนนี้เฉินซีจุดเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณขึ้นมาได้แล้ว อักขระผนึกเต๋าจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งไม่คิดซ่อนตัวอีก มันเวียนวนไปรอบเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณ ร้อนรุ่มไปด้วยกระแสอักขระยันต์ดูงามตา ทว่าลึกลับไปพร้อมกัน
เมื่อมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณก็หมายความว่าตราบใดที่เพลงศักดิ์สิทธิ์ยังคงจุดอยู่ เฉินซีก็จะไม่มีวันตาย!
เช่นเดียวกัน เมื่อมีอักขระผนึกเต๋าคอยปกป้อง หาไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันที่รับมือไม่ได้ เพลิงศักดิ์สิทธิ์วิญญาณก็จะไม่มีวันดับมอด
เพียงเท่านี้เทวารู้แจ้งโลกาคนอื่นก็เทียบไม่ติดแล้ว
…
นอกจากนี้แล้ว มหาเต๋าแห่งราชันเซียนของเฉินซียังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อก้าวขึ้นสู่ขอบเขตเทวา มันเปลี่ยนเป็นพลังกฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์
กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์คือความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าของเหล่าทวยเทพ!
เส้นทางการบ่มเพาะพลังนั้นเริ่มจากกลิ่นอายเต๋า เต๋ารู้แจ้ง กฎแห่งเต๋า ตราศักดิ์สิทธิ์แห่งมวลสวรรค์ กฎแห่งปราชญ์เต๋า กฎแห่งราชันเซียน… ทั้งหมดล้วนเป็นการตีความมาจากความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าทั้งสิ้น
กระบวนการนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นการเข้าใจมหาเต๋าในระดับลึกล้ำขึ้นกว่าเดิม
แต่กฎแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์เป็นความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าอย่างหนึ่งที่เหนือกว่ากฎแห่งราชันเซียน เป็นศูนย์รวม ‘เต๋า’ ที่เหนือไปกว่าภายในสามภพ
ซึ่งเรียกว่า ‘เต๋าแห่งเทพ!’
เต๋าแห่งเทพแบ่งออกเป็นหลายประเภท อย่างที่เขากล่าวกันว่ามีสามพันมหาเต๋า แต่ละอย่างก็ต่างกัน บนเส้นทางแห่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์นั้น บ้างก็เลือกเดินทางเต๋าศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุ บ้างก็เลือกเต๋าศักดิ์สิทธิ์หยินหยาง บ้างก็เลือกเต๋าศักดิ์สิทธิ์พายุอัสนี และอีกมากมาย
ทว่าเฉินซีนั้นเลือกเดินเส้นทางเต๋าศักดิ์สิทธิ์ยันต์อักขระ!
ความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าเบญจธาตุ ไท่จี๋ ซากดารา นิจกาล เกิดดับ ชีวิตและความตาย กาลเวลา มิติ และความลึกล้ำแห่งมหาเต๋าอีกหลากหลายอย่างผสานเข้ากับเต๋าศักดิ์สิทธิ์ กล่าวได้ว่ามันมีทุกสิ่งอย่าง เต็มไปด้วยความลึกล้ำอันเกินหยั่ง
จัดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ของเต๋ารู้แจ้ง พลังต่อสู้ จิตวิญญาณ และพลังอื่น ๆ จึงทำให้เฉินซีสัมผัสได้ลึกซึ้งว่าขอบเขตเทวามีอำนาจเพียงใด พวกเขากุมอำนาจสูงส่งที่สามารถเปลี่ยนธรรมดาจากหน้าเป็นหลังมือ เปลี่ยนใต้หล้าได้
…
เมื่อเฉินซีขึ้นขึ้นสู่ขอบเขตเทวาและเข้าประตูบนฟ้าไป แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองก็พลันสว่างวาบนอกสามภพ สว่างไกลไปจนปกคลุมความโกลาหลไว้
จากนั้นกระแสแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองก็แปรเปลี่ยนเป็นคัมภีร์งดงามดูลึกลับ มันกางออก เคลื่อนไปตัวเป็นทางยาวในความโกลาหล เห็นเป็นรายชื่อเรียงรายส่องสว่างลอยตัวขึ้นอย่างชัดเจน!
ชื่อเหล่านี้ก่อตัวเป็นแถวเรียงกันมากมาย ดั่งไข่มุกสีสดใสที่ประดับท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย พวกมันเปล่งกลิ่นอายแตกต่างกันไป แต่ก็ยิ่งใหญ่อลังการ น่าประทับใจยิ่ง
“มีใครในสามภพท้าทายสวรรค์ ขึ้นเป็นเทพได้อีกแล้ว!” ทันใดนั้น นัยน์ตาลึกลับก็ปรากฏขึ้น มันจ้องมองไปยังคัมภีร์สีทองนิ่ง
“หือ? ไม่เจอชื่อบนเทียบอันดับเทวาเสียด้วย…” ดวงตาลึกลับพลันเจอจุดรวมสายตา ก่อนจะแผ่แสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าเกรงขามออกมายามเคลื่อนกลับไปมองคัมภีร์ทองอีกครั้ง
แต่สุดท้ายมันก็กลับมามือเปล่า ได้แต่หลับตาลงอย่างไม่ยินยอมแล้วหายไปภายในโลกต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยความโกลาหลอันกว้างใหญ่
ทว่าบนเทียบทองกลับมีชื่อมัว ๆ ชื่อหนึ่งปรากฏ มันไม่เหมือนกับชื่อใครอื่นรอบข้าง ทำให้ไม่อาจมองได้ชัดว่าเป็นชื่อเสียงเรียงนามผู้ใดกันแน่
ภายหลัง นามนั้นกลับค่อย ๆ หายไปจากเทียบทอง ราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน…
……….