บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1534 สังหารเทพ
บทที่ 1534 สังหารเทพ
……….
บทที่ 1534 สังหารเทพ
ฟึบ!
ปรากฏการณ์หลายอย่างปรากฏขึ้นพร้อมกับท่ากระบี่นี้ที่ปลดปล่อยลำแสงสว่างจ้าออกมา
ท่ากระบี่นี้ถูกเฉินซีซัดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวโดยใช้เต๋าแห่งกระบี่ขั้นสุด คงจะเป็นท่ากระบี่ที่แกร่งที่สุดนับตั้งแต่ทำการบ่มเพาะมาแล้ว
ราวกับว่าฟ้าดินไม่อาจขวางหรือจับท่ากระบี่นี้ไว้ได้ มหาเต๋ายังทำได้เพียงหลบเลี่ยงเท่านั้น!
อำนาจของมันกล้าแข็งยิ่ง ถึงกับทำให้ใบหน้าอินไฮว่คง คงจ้าว และทัวคงเปลี่ยนผันไปพร้อมกัน
ครืน!
พวกเขาต้านรับเต็มกำลัง แต่ท่ากระบี่ก็ยังซัดพวกเขาจนกระเด็นไปเหมือนว่าวสายขาด
ยังไม่ทันได้หยุดพักหายใจ เฉินซีก็พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ชายหนุ่มแบกชิงซิ่วอี้ไว้บนหลัง ผมสีขาวราวหิมะพลิ้วไสวเหมือนน้ำตก กลิ่นอายดุดันแผ่กระจาย ทั่วร่างเขาเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ กระบี่เต๋าวิบัติในมือส่งเสียงร้องคล้ายกับอยากดื่มเลือดเทพ
ไม่เพียงเท่านั้น โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่ปกคลุมฟ้ายังฟาดลงมาใส่อินไฮว่คงและคนอื่นด้วยเช่นกัน
อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง เฉินซีขึ้นมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว!
“บัดซบ! ข้าจะสู้จนตัวตายไปเลย!” อินไฮว่คงคำรามลั่น สถานการณ์ที่พลิกผันทำให้เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ใกล้จะบ้าคลั่งไม่สนเหตุผลใดอีก เป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาโจมตีเฉินซีก่อนเสียด้วยซ้ำ
ตู้ม!
น่าเสียดายที่ตอนนี้ หลังจากเฉินซีใช้ระเบิดสังหารเทวะแล้ว เขาก็กลายเป็นผู้ที่อินไฮว่คงไม่อาจต่อต้านได้อีกต่อไป แค่ตวัดกระบี่เพียงครั้ง เฉินซีก็ซัดอินไฮว่คงกลับไปได้ ทำให้อีกฝ่ายกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
“รีบกลับมา!” คงจ้าวและทัวคงเอ่ยเสียงโกรธ คิดจะพุ่งเข้ามาช่วยอินไฮว่คง แต่ยังไม่ทันได้ลงมือก็ถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจากฟ้ากดร่างไว้จนไม่อาจดิ้นหลุดได้
ฟ่าว!
เฉินซีฉวยโอกาสนี้เงื้อมือขึ้นทำท่าโยน ก่อนใช้เชือกพันธนาการเทพอีกครั้ง มันเปลี่ยนเป็นแสงสีเงินที่กะพริบครั้งหนึ่งแล้วหายไปทันที อึดใจต่อมามันก็กักร่างอินไฮว่คงไว้แล้ว
“ตายซะ!” เฉินซีย่างกรายเข้ามาแล้วใช้กระบี่ซัดทันที
“ไม่นะ!!!” อินไฮว่คงทั้งโกรธทั้งกลัว เบิกตากว้างเมื่อความหวาดหวั่นกระจายไปทั่วร่าง คล้ายกับตกลงบ่อน้ำเย็นเฉียบ ตั้งแต่บ่มเพาะพลังมาก็ไม่คิดเลยว่าจะต้องเกือบได้พบกับความตายเช่นวันนี้
ทั้งยังไม่เคยคิดว่าหลังจากเปิดผนึกพลังออกมาแล้ว เขาจะไม่ถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชานำตัวไป แต่กลับจะถูกกำจัดภายใต้เงื้อมมือเฉินซี!
เรื่องทั้งหมดทำให้ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวผิดรูป พลันเกิดแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์แผ่ขึ้นมา หวังจะลากเฉินซีให้ตกตายไปพร้อมกัน
อั่ก!
แต่น่าเสียดายที่เขาประเมินฝีมือตนเองสูงไป ทั้งยังประมาทเฉินซี เพราะเพียงแค่ท่ากระบี่เดียว อินไฮว่คงก็ถูกบั่นศีรษะ เลือดแห่งเทพสาดกระเซ็นไปทั่วฟ้า!
เปรี๊ยะ!
หลังสิ้นสุดหนึ่งท่ากระบี่ปลิดชีพ เฉินซีก็ทำท่าเอื้อมคว้า ใช้ตะเกียงสุญญจักรวาลต่อ มันระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาจุดไฟเผาร่างอินไฮว่คง นับเป็นการทำลายวิญญาณไปด้วยเช่นกัน จนไม่เหลือแม้แต่ซากร่าง
เฉินซีได้สังหารคนขอบเขตเทวาไปแล้ว!
หากให้พูดก็คือ นี่คือการ ‘สังหารเทพ’ สมกับเป็นระเบิดสังหารเทวะ มรดกตกทอดของเผ่าหยาจื้อ!
ระเบิดพลังออกมา จากนั้นจึงสังหารเทพ!
“ไฮว่คง!”
“ไอ้เวรเอ้ย!!”
ฉับพลันนั้น คงจ้าวและทัวคงก็คำรามคลั่ง หลุดจากโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาได้ในที่สุด แต่มันก็สายไปเสียแล้ว อินไฮว่คงสิ้นใจภายใต้คมกระบี่เฉินซี และถูกทำลายหายสิ้น ถึงเจ้านิกายอำนาจเทวะจะมาเองก็คงไม่อาจฟื้นคืนชีพเขาได้อีก
จึงทำให้ดวงตาของคงจ้าวและทัวคงเบิกกว้างจนแทบจะถลนด้วยความโกรธ เห็นโลหิตซึมออกมาจากหัวตาคนทั้งสอง เผยทั้งความเกลียดชังและความโกรธแค้นออกมา
“ไอ้บัดซบ! สักวันเจ้าจะต้องถูกลากเข้าแดนโลกาวินาศ และวันนั้นจะเป็นวันตายของเจ้า!!” คงจ้าวคำรามโกรธ เหินร่างขึ้นฟ้า ความมีเหตุผลทั้งหลายที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างบอกว่าหากเขาไม่ลงมือตอนนี้ ก็จะไม่สามารถทำอะไรเฉินซีได้อีก ทั้งยังอาจจะต้องมีจุดจบน่าหวาดกลัวเช่นอินไฮว่คงอีกด้วย
“หึ! อย่างน้อยตอนนี้เจ้าก็ไม่รอดแล้ว!” พร้อมกับเสียงเย็นชา เฉินซีแวบร่างไปพร้อมกับเชือกพันธนาการเทพแล้วพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง ปรากฏเส้นแสงสีเงินขยับเคลื่อนเข้ายับยั้งคงจ้าว
ตู้ม!
คงจ้าวโบกแส้หางม้าเมฆาอัคคีหมายซัดเชือกพันธนาการเทพกลับ
ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้นโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่ปรากฏอยู่เต็มฟ้า มันพุ่งเข้ามายับยั้งเขาไว้ในจังหวะเดียวกัน
ฟังดูเป็นเรื่องน่าขันยิ่ง นิกายอำนาจเทวะนั้นคอย ‘รักษาความยุติธรรมเพื่อเต๋าแห่งสวรรค์’ มาตลอด มันจึงคอยคุมและใช้พลังเต่าแห่งสวรรค์เพื่อดึงเอาความวิบัติมาสู่สามภพ ก่อความวิบัตินำความโกลาหลมาสู่หลากหลายชีวิตนับแต่กาลโบราณ
แต่ตอนนี้เขาในฐานะนักบวชอาวุโสของนิกายอำนาจเทวะ คงจ้าว กลับถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาโจมตีในจังหวะนี้ ราวกับว่ามันคิดช่วยเฉินซีทางอ้อม ดูแล้วเป็นเรื่องน่าขันขนาดไหนกัน?
ฟึบ!
เฉินซีฉวยจังหวะนั้นทำการสังหารคงจ้าวด้วยกระบี่ในมือ ส่งผลให้เลือดแห่งเทพกระจายทั่วฟ้าดิน
“คิดหนีหรือ?” หลังลงมือจบแล้ว เขาก็หันหลังกลับแล้วมองไปยังที่ไกล
ที่สุดขอบเขตสายตานั้น นักพรตเต๋าทัวคง ใช้วิชาเคลื่อนย้ายมิติ รีบหนีอย่างร้อนรน ทั้งกำลังจะหนีออกจากแดนอำนาจเทวะเสียด้วย
คนผู้นี้ไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ตอนเขากำลังจัดการศัตรู เจ้าตัวก็หันหลังใช้จังหวะดีหนีไปเสียแล้ว เป็นผู้ที่มองขาดคว้าจังหวะไว้ได้ไม่เลว
หากแต่ยังมองข้ามไปสิ่งหนึ่ง นั่นคือคงไม่คิดว่าคงจ้าวจะถูกจัดการง่ายดายเช่นนั้น ทั้งยังไม่คิดว่าจะถูกเชือกพันธนาการเทพกักตัวไว้แล้วถูกโจมตีด้วยโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชา ทำให้เฉินซีกำจัดคงจ้าวได้ในที่สุด
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นผลดีต่อเฉินซีทั้งสิ้น!
ตู้ม!
อึดใจต่อมา กระแสปราณกระบี่หนาแน่นชั้นแล้วชั้นเล่าก็พุ่งเข้าใส่นักพรตเต๋าทัวคงที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบ
“ไอ้เลว! ไม่คิดจะปล่อยให้ใครรอดไปเลยหรือ?” นักพรตเต๋าทัวคง สัมผัสได้ถึงอันตราย สีหน้าเปลี่ยนผันในพริบตา เงาร่างยิ่งเคลื่อนไหวรวดเร็ว เขาพยายามหลบท่ากระบี่ แต่ทันทีที่หลบก็มีกระแสปราณกระบี่อีกเส้นกรีดฟ้าผ่านเข้ามาถึงหน้าทันที
ทำให้ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมยิ่ง ต้องขยับกายหลบการโจมตีอีกครั้ง
ฟึบ! ฟึบ!
จากนั้นก็มีกระแสปราณกระบี่อีกหลายเส้นพุ่งเข้ามาหาเหมือนเป็นวิญญาณร้ายหลอกหลอนไม่หยุด ไม่เปิดโอกาสให้นักพรตเต๋าทัวคงได้เคลื่อนกายหนีอีก
ครืน!
นักพรตเต๋าทัวคงจึงต้องเข้าปะทะกับมันโดยตรงจนซวนเซถอยหลังกลับ เงาร่างที่เหินอยู่บนอากาศสั่นสะท้าน
กระแสปราณกระบี่ที่โจมตีเข้ามาทำให้เขาถึงกับหน้าซีด
เมื่อต้านรับปราณกระบี่ทั้งหมดได้ เขาก็กระอักเลือดออกมา รู้สึกว่าร่างกายกำลังจะแตกสลายอย่างไรอย่างนั้น
ยังดีที่ตั้งรับพวกมันทั้งหมดได้… เขาถอนหายใจโล่งอก จากนั้นกัดฟันหนีต่ออีกครั้ง
แต่จังหวะที่หันกลับไปก็ต้องร่างแข็งค้าง เพราะเฉินซีพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า ขวางทางไปต่อไว้แล้ว
“เจ้า…” นักพรตเต๋าทัวคงลองขึ้นด้วยความตกตะลึงและโกรธแค้น
ฟึบ!
เสียงนั้นไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นแสงกระบี่ที่ฟันลงมาใส่
“ไม่!!” นักพรตเต๋าทัวคงร่างแยกออกเป็นสองส่วนท่ามกลางเสียงร้องหวาดผวาน่าสมเพช สิ้นใจตายที่ตรงนั้น ตามอินไฮว่คงกับคงจ้าวไป
เลือดแห่งเทพโปรยลงทั่วฟ้าดิน ให้กลิ่นอายโชกเลือดกระจายไกล
สามยอดฝีมือขอบเขตเทวาแห่งนิกายอำนาจเทวะที่เหลืออยู่ในสามภพถูกกำจัดสิ้น ไม่อาจฟื้นคืนชีพได้อีก!
ซึ่งก็หมายความว่าหลังจากเขาขึ้นขอบเขตครึ่งเทวาแล้ว เฉินซีได้ข้ามขอบเขตต่อสู้กับยอดฝีมือขอบเขตเทวา และเอาชนะสามเทพได้ในคราวเดียว!
หากมีใครในสามภพได้เห็นการต่อสู้ครั้งนี้ไม่รู้จะคิดเห็นอย่างไรบ้าง
ฟึบ!
โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาที่เริงระบำอยู่บนฟ้าไร้เป้าหมายให้โจมตีต่อจึงดูกระสับกระส่ายร้อนใจ เหมือนแมลงวันไร้หัวฝูงหนึ่งที่บินไปไม่รู้ทิศคล้ายกำลังหาบางอย่าง
สุดท้ายมันก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นเฉินซี!
เฉินซีเห็นแล้วก็ตกใจแต่ไม่ได้หวาดกลัว วันนั้นตอนที่ขึ้นขอบเขตราชันเซียน เขาก็ดึงความสนใจจากโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาได้เหมือนกัน สุดท้ายเขาก็ฟันโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาขาดแล้วมอบมันให้กับหวังต้าวหลู โจวจื่อหลี และคนอื่นแทน
ครั้งนี้เขาก็คิดจะทำเช่นเดิม
แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาเหล่านั้นก็เคลื่อนไหวรวดเร็วหายไปตามกัน มันกลับเป็นฝ่ายหนีไปก่อนเสียได้
จึงทำให้เฉินซีชะงักไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจโล่งอกออกมา
เมื่อร่างกายเขาผ่อนคลายลง ในใจก็เกิดความเหนื่อยล้าขึ้นมาทันที ทั้งแก่น ทั้งพลัง ทั้งจิตวิญญาณ และปราณเซียนพิสุทธิ์ในร่างเหมือนระเหยหายไปในอากาศ รู้สึกว่างเปล่าไม่สู้ดีนัก
ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ ความเหนื่อยล้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเฉินซีอย่างไม่อาจปิดบัง
นี่คือผลข้างเคียงของวิชาระเบิดสังหารเทวะ แม้จะสามารถเพิ่มพลังเป็นสองเท่าได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็กินแก่น กินพลัง และกินวิญญาณในร่าง ถึงกับกินแก่นแท้พลังได้เลยทีเดียว
เฉินซีในตอนนี้จึงตกอยู่ไหนสภาวะ ‘อ่อนแรง’ ไปชั่วขณะ
แต่ผลข้างเคียงของระเบิดสังหารเทวะยังไม่ออกมาทั้งหมด เขาจึงฉวยโอกาสนี้เก็บกวาดสมบัติที่กระจัดกระจายอยู่ในสนามรบอย่างรวดเร็ว
และแน่นอนว่าของอย่างสังหารจันทรา แส้หางม้าเมฆาอัคคี และกระบี่พิบัติทมิฬก็กลายเป็นสมบัติของเฉินซีเช่นกัน
“วางข้าลงเถอะ” หลังเก็บมาหมดแล้ว เฉินซีกำลังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้เดินทางไปด่านที่สามสิบสามเลยดีหรือไม่ เป็นจังหวะนั้นเองที่น้ำเสียงอ่อนเย็นสายหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ ที่ข้างหู
เขาจะนึกได้ทันทีว่าเขาแบกชิงซิ่วอี้ไว้วันหลัง
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” เฉินซีหยุดยืนค้างอยู่เช่นนั้น ก่อนจะวางร่างชิงซิ่วอี้ลงอย่างระมัดระวังแล้วถามด้วยความเป็นห่วง ระหว่างพูดก็ตรวจดูสภาพนางในไปด้วย เห็นว่าบาดแผลไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด ทำให้ถอนหายใจโล่งอกออกมา
“ข้าไม่เป็นไร” ชิงซิ่วอี้ส่ายหน้าแล้วมองใบหน้าเฉินซีด้วยความเป็นกังวล “แล้ว… เจ้าเล่า?”
ผมสีดำสนิทของเฉินซีเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนในพริบตา ทั้งพลังในร่างยังจางหายไปอย่างรวดเร็ว ชิงซิ่วอี้จึงอดเป็นกังวลไม่ได้
นางรู้ดีว่าผลข้างเคียงของระเบิดสังหารเทวะร้ายแรงแค่ไหน
“ข้าย่อมไม่เป็นไร” เฉินซีส่งยิ้มบางให้
ชิงซิ่วอี้พยักหน้า นางมีนิสัยเงียบขรึมสงวนท่าที ถึงจะเป็นห่วงแต่ก็ยังดูสงบนิ่ง พอเห็นว่าเฉินซีไม่เป็นไรใจนางก็สงบลงได้
เฉินซีเองก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้พูดเก่งแต่อย่างใด ตอนนี้คนทั้งคู่จึงได้แต่ยืนเงียบไปเช่นนั้น
บรรยากาศดูเงียบเชียบ แต่ก็ดูปรองดองกันยิ่ง และในใจทั้งคู่ก็รู้สึกมั่นคงมาก
เฉินซีเป็นคนแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบ “ไปด่านเหนือด่านที่สามสิบสามด้วยกันเถิด ก่อนจะมาถึงนี่ ข้าสัญญากับอสูรกลืนสวรรค์ไว้ว่าจะช่วยคืนแก่นแท้วิญญาณที่ถูกกักอยู่ที่นี่ให้มัน”
ชิงซิ่วอี้พยักหน้าให้ ทั้งยังเป็นฝ่ายกุมมือเฉินซีก่อนเป็นครั้งแรก
ฉับพลันนั้น ทั่วร่างเฉินซีก็สะท้านไปด้วยไออบอุ่นที่พวยพุ่งออกจากใจ คลี่รอยยิ้มกว้างให้ชิงซิ่วอี้ เผยให้เห็นฟันขาวทั้งบนล่าง