บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1531 ละเลงโลหิตสังหารราชันเซียน
บทที่ 1531 ละเลงโลหิตสังหารราชันเซียน
……….
บทที่ 1531 ละเลงโลหิตสังหารราชันเซียน
ตู้ม!
สารพัดการโจมตีประดังเข้ามาขยี้มิติแหลกสลาย ทำให้ฟ้าดินป่วนปั่น ประหนึ่งหายนะมาเยือน
ราชันเซียนทั้งหลายถือเป็นตัวตนสูงสุดในสามภพ เพียงแค่คิดก็ทลายหนึ่งโลกกว้างลงได้!
ทว่าขณะนี้ ราชันเซียนกลุ่มหนึ่งต่างร่วมจู่โจม ทุ่มสุดกำลังและสมบัติอมตะอันแข็งแกร่งสูงสุด เห็นได้ชัดว่าฤทธาที่เผยออกนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
หากเป็นในอดีต เฉินซีมีแต่ต้องหนีเมื่อพบการโจมตีเช่นนี้
ทว่าขณะนี้ พลังต่อสู้ไม่อาจเทียบกับอดีตได้อีกต่อไป เขาอยู่ในขอบเขตครึ่งเทวา เพียงพอแล้วที่จะหยิ่งผยอง ไม่เห็นผู้ใดในสายตาทั่วสามภพ เหนือชั้นเกินกว่าราชันเซียนทั้งหลายรายล้อม
ประกอบกับพื้นฐานเต๋าเซียนอันลึกล้ำอย่างยิ่งและกระบี่เต๋าวิบัติซึ่งประชันกับมรดกของนิกายอำนาจเทวะได้โดยกำเนิด เขาจึงไม่มีความกลัวต่อสิ่งใด
วูบ!
เฉินซีลงมือ หลังจากสยบเหรียญทองแดงโปรยสมบัติลงสำเร็จ เขาก็สิ้นกังวล ยามเผชิญการโจมตีจากเหล่ายอดฝีมือทั่วทิศ เขาย่อมไม่มีความระมัดระวังหรือลังเลใด ๆ หลงเหลือ
ฉัวะ!
ปราณกระบี่สารพัดสายซึ่งใสกระจ่างเช่นอำพัน เบ่งบานดุจบงกช พร่างพราวทั่วฟ้าดิน เรืองรองรัศมีศักดิ์สิทธิ์ โปรยปรายดุจเส้นแสง ประสานฉวัดเฉวียนไปทั่วทิศ
เพียงพริบตา ศึกก็ปะทุขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ
…
ฆ่า!
เรือนผมดำยาวดกหนาของเฉินซีโบกสะบัด ร่างสูงใหญ่เรืองรองรัศมีเจิดจ้า ยันต์เทวะและอักขระยันต์มากมายลอยวนรอบกาย ดูประหนึ่งมหาจักรพรรดิเหนือสรรพสิ่ง ครองอำนาจยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
เปรี้ยง!
ชายหนุ่มฉีกกระชากหนึ่งศาสตราสีแดงสดลงในหนึ่งกระบี่ จากนั้นปราณกระบี่ก็พุ่งเข้าสังหารศิษย์ชั้นยอดจากนิกายอำนาจเทวะเจ้าของศาสตรานั้น แยกร่างของเขาเป็นสองเสี่ยง สิ้นใจทันที
“สารเลว!” ใครบางคนพุ่งเข้าใส่เฉินซีอย่างบ้าคลั่ง
เฉินซีไม่ได้เหลือบแลคนผู้นั้นด้วยซ้ำ หนึ่งเสียงเคร้งดังขึ้น พร้อมกับการฟาดฟันยันต์ศัสตรา ระเบิดกระดูกทั่วกายคนผู้นั้นเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้โลหิตทะลักไหลจากเจ็ดทวาร ร่างกระตุกดุจต้องอัสนี แหลกระเบิดเป็นชิ้น ๆ โลหิตโปรยปรายดุจสายฝน
“เร็วเข้า! รีบรุมโจมตีหยุดเขาไว้!!” ความตายของสองศิษย์ชั้นยอดติดต่อกันในกระบี่เดียวของเฉินซีทำให้คนอื่น ๆ ทั้งตกใจและเดือดดาล พวกเขาไม่กล้าประชันเฉินซีตัวต่อตัว จึงเลือกรุมโจมตี
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมิอาจหยุดเฉินซีไว้ได้ อย่าว่าแต่บดขยี้เลย
เหตุผลเป็นเพราะขณะนี้ เฉินซีอหังการเกินไป!
ชายหนุ่มดูประหนึ่งเทพสังหารผู้เย็นชา ทะลวงฟ้าดินด้วยเจตจำนงกระบี่ไร้เมตตา ทุกกระบวนท่ากดดันเหล่าราชันเซียนอย่างมหาศาล
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากพลังต่อสู้อันหาได้ยากยิ่ง ในสามภพที่ไร้เทวานี้ เขานับว่าอยู่บนจุดสูงสุดเหนือผู้ใด เลิกสนใจราชันเซียนอย่างจริงจังมานานแล้ว
เพราะถึงอย่างไร เขาก็สามารถข้ามขอบเขตไปประชันศึกกับคนเหล่านี้ได้ตั้งแต่ยามยังอยู่ในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น และกระทั่งสามารถสู้สังหารราชันเซียนในศึกสามต่อหนึ่งได้
ยิ่งกว่านั้น ยามเพิ่งก้าวขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียน เขาก็สามารถสังหารราชันเซียนจากกองกำลังยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ณ นอกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เป็นหนึ่งเหนือพวกเขาทั้งมวล
และตอนนี้ เขาอยู่ในขอบเขตครึ่งเทวาแล้ว!
จากที่ศิษย์พี่ห้าหลี่ฝูเหยาเคยพูดไว้ การบ่มเพาะมาถึงขอบเขตนี้เพียงพอให้เขาข้ามหนึ่งขอบเขต ประชันกับเทวาแท้จริงได้แล้ว และขณะนี้ เขาซึ่งกำลังรับมือเพียงศิษย์ชั้นยอดขอบเขตราชันเซียนจึงรู้สึกสุดแสนง่ายดาย
สิ่งสำคัญสูงสุดคือ เฉินซีบรรลุขั้นสูงสุดของขอบเขตครึ่งเทวาแล้ว ซ้ำยังพัฒนาถึงจุดสูงสุดเกินผู้ใดเทียบ เขาเพียงขาดความปรารถนาเคลื่อนขอบเขตเท่านั้น ก็จะสามารถเหยียบย่างสู่ขอบเขตเทวาได้ทุกเมื่อ
ด้วยเหตุนี้ ราชันเซียนผู้ใดในสามภพจะแข่งอำนาจกับเขาได้?
…
ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ศิษย์ชั้นยอดแห่งนิกายอำนาจเทวะก็ถูกกำจัดไปอีกเจ็ดคน!
ขณะนี้โลหิตย้อมท้องนภาแดงฉาน ฟ้าดินปั่นป่วนรวนเร
แม้จะถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา เฉินซียังเผยอำนาจยิ่งใหญ่เหนือใครในโลกหล้า
ไม่ว่าจะใช้สมบัติใด ก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้
ใช้ข้อจำกัดใด ก็ไม่อาจหยุดฝีเท้าของเขาลง
ไม่ว่าวิชาใด ก็ล้วนแล้วถูกสยบโดยกระบี่เต๋าวิบัติ!
หากผู้คนในสามภพเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาคงไม่อาจเชื่อได้แน่แท้ว่าเฉินซีบุกนิกายอำนาจเทวะโดยลำพัง สู้กับราชันเซียนทั้งหลายที่นี่ ซ้ำยังอหังการเรืองอำนาจ นับแต่บรรพกาลจวบบัดนี้ ใครบ้างเทียบเขาได้?
ฆ่า!
ศึกยังคงดำเนินต่อ
สีหน้าของศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายจากนิกายอำนาจเทวะบิดเบี้ยวบ้าคลั่งนับตั้งแต่การต่อสู้บังเกิด ใช้ทุกไพ่ตายออกมาโดยไม่ตระหนี่
พวกเขาล้วนไม่สังเกตเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่ของพวกตน อินไฮว่คงย่องออกจากสมรภูมิไปอย่างเงียบเชียบ หายลับไปนานแล้ว
แต่ถึงคนอื่น ๆ จะไม่สังเกต แต่ไม่ได้หมายความว่าเฉินซีจะไม่สังเกต
แต่เขาไม่ได้หยุดอินไฮว่คง เพราะทราบดีว่าต่อให้ขวางอินไฮว่คงไว้ การสังหารอินไฮว่คงก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ซ้ำแล้ว นี่ยังจะเป็นการบีบบังคับอินไฮว่คงให้ปลดผนึกการบ่มเพาะ คืนอำนาจเทวาแท้จริงก่อนเวลาอันควร
นี่เป็นสิ่งที่เฉินซีไม่อยากให้เกิดในขณะนี้
บางทีมันอาจกล่าวได้ว่าเขาจะเลือกสู้กับอินไฮว่คงอย่างแท้จริงหลังจัดการศิษย์ชั้นยอดจากนิกายอำนาจเทวะเหล่านี้แล้วเท่านั้น เมื่อไร้ศิษย์เหล่านี้ถ่วงแข้งถ่วงขา เขาจะสามารถทุ่มสมาธิกับศึกได้โดยไม่ว่อกแว่ก
…
“เจ้าเด็กนั่นเหยียบย่างสู่ขอบเขตครึ่งเทวา และถือครองกระบี่เต๋าวิบัติ ราชันเซียนไม่มีทางทำร้ายเขาได้ไม่ว่าจะจำนวนจะมากเท่าใดก็ตาม” ในพื้นที่เหนือสามสิบสามด่านของแดนอำนาจเทวะ สีหน้าของอินไฮว่คงบูดบึ้งอย่างยิ่ง น้ำเสียงฟังดูเหมือนเค้นลอดไรฟัน
เมื่อนักบวชแห่งนิกายอำนาจเทวะ ผู้อาวุโสคงจ้าวและนักพรตทัวคงซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าได้ยินเช่นนี้ ทั้งสองต่างตกตะลึงอยู่ในใจ ขณะที่สีหน้าเผยความเคร่งขรึม
ขอบเขตครึ่งเทวา! กระบี่เต๋าวิบัติ! เพียงสองสิ่งนี้ก็เพียงพอให้คงจ้าวและทัวคงตัดสินได้แล้วว่าเฉินซีน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ยิ่งได้ยินว่าอินไฮว่คงล้มเหลวกลับมา ทั้งสองก็ยังอดตกใจไม่ได้
พวกเขาทราบดีว่าพลังต่อสู้ของอินไฮว่คงแข็งแกร่งเพียงใด แต่เฉินซีก็ยังสามารถชิงเหรียญทองแดงโปรยสมบัติและเอาชนะอินไฮว่คงราบคาบขณะถูกล้อมอย่างแน่นหนาได้ ดังนั้นมันจึงแสดงชัดว่าพลังต่อสู้ของเฉินซีร้ายกาจเพียงใด
“ดูเหมือนว่า ต่อให้เราทั้งสามลงมือพร้อมกัน ก็ยังมิอาจทำร้ายเด็กนั่นได้เลย…” คงจ้าวพึมพำ ใบหน้าผอมซูบมัวหมองเจือด้วยบรรยากาศชวนขนลุก
“เราจะให้นิกายถูกทำลายไม่ได้ หากโลกภายนอกพบว่าสามสิบสามด่านของเรา ณ แดนอำนาจเทวะถูกเฉินซีทำลายราบ เช่นนั้นก็คงน่าขายหน้าเกินไป หากเจ้านิกายทราบเรื่องนี้ในภายหน้า ต้องไม่ให้อภัยเราเป็นแน่”
นักพรตทัวคงขมวดคิ้วแน่น “จากสถานการณ์ปัจจุบัน เราเหมือนจะไร้ทางเลือกนอกจากใช้อำนาจเต๋าศักดิ์สิทธิ์!”
“แต่เจ้านิกายบอกว่าเราจะปลดผนึกและมุ่งหน้าสู่แดนโลกาวินาศได้ก็ต่อเมื่อนิกายอำนาจเทวะพิชิตโลกา ครอบครองสามภพอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้นนะ การเผยอำนาจของเราก่อนเวลาดูจะไม่สมควรกระมัง?” คงจ้าวกล่าวอย่างลังเล
ว่าแล้ว เขาก็หันไปถามอินไฮว่คงซึ่งยืนอยู่ข้างกัน “หรือเราจะยังไม่อาจกระทำสิ่งใดต่อเจ้าเด็กนั่นได้ แม้จะพึ่งพาสารพัดข้อจำกัดเทวะที่เจ้านิกายสร้างไว้ทั่วแดนอำนาจเทวะ?”
“เด็กนั่นมาจากเขาเทพพยากรณ์” อินไฮว่คงรำพึง
ประโยคเดียวเท่านั้น และแค่คำว่าเขาเทพพยากรณ์ก็สามารถอธิบายทุกสิ่ง
เพราะทั่วทั้งสามภพ หากเป็นเรื่องของเต๋าแห่งยันต์อักขระ เช่นนั้น เขาเทพพยากรณ์ก็คือสำนักอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อโต้แย้ง กระทั่งตำหนักเต๋าหนี่หวาและนิกายอำนาจเทวะยังมิอาจเทียบเคียง
ขณะเดียวกัน เพราะเฉินซีมาจากเขาเทพพยากรณ์ การบ่มเพาะในเต๋าแห่งยันต์อักขระจึงแข็งแกร่งอย่างไร้กังขา
ไม่ว่าข้อจำกัดเทวะจะร้ายกาจเพียงใด จะหยุดเขาได้หรือ?
ดังนั้นยามได้ยินคำพูดจากอินไฮว่คง คงจ้าวและทัวคงจึงเงียบไป
“ขณะนี้ เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในแดนโลกาวินาศ ทางเชื่อมสู่แดนเทพโบราณใกล้ปิดลง ด้วยเหตุนี้ การเผยอำนาจของเราล่วงหน้าจึงมิใช่ไม่สมควร” ครู่ต่อมา คงจ้าวครุ่นคิดลึกล้ำอยู่เนิ่นนาน จึงกล่าวขึ้นอย่างมาดมั่น “ข้าจัดการเอง!”
พร้อมกันนั้น เขาก็ลุกขึ้น อาภรณ์สีเลือดโบกสะบัดขณะหันกายเดินจาก
“ช่างเถอะ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย จากที่ข้ารู้ ขอเพียงศิษย์เขาเทพพยากรณ์เหยียบย่างสู่ขอบเขตครึ่งเทวา พวกเขาก็สามารถประชันกับขอบเขตเทวาได้แล้ว หากเจ้าไปลำพัง เจ้าคงไม่สามารถทำอันใดเขาได้ และคงถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาสังเกตเห็น ลากเจ้าไปสู่แดนโลกาวินาศแทน” นักพรตทัวคงผ่อนลมหายใจยาว แล้วลุกขึ้นเช่นกัน
เขาไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด เพราะขอเพียงเผยอำนาจขอบเขตเทวา มันจะเท่ากับประตูบนฟ้าเหนือจักรวาลจะสังเกตเห็นการบ่มเพาะนี้ และจะส่งโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาลงมาพันธนาการลากไป
แม้จะเป็นผู้ทรงอำนาจในนิกายอำนาจเทวะ ก็คงไม่พ้นถูกโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจองจำ
นี่หมายความว่า พวกเขาปลดการฝึกฝน คืนอำนาจขอบเขตเทวายามใด ก็ต้องกำจัดเฉินซีให้ได้ในไม่กี่ลมหายใจ
หาไม่ ยามเวลาเคลื่อนผ่าน พวกเขาก็จะถูกลากตัวสู่แดนโลกาวินาศก่อนได้ฆ่าเฉินซีเป็นแน่
เหตุนี้เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายท่านห้าแห่งเขาเทพพยากรณ์หลี่ฝูเหยา วันนั้นเขาบรรลุขอบเขตเทวาอย่างราบรื่น ทว่าก็ทำได้เพียงมองอินไฮว่คงหนีไป เพราะโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาโปรยลงมา บีบบังคับให้ต้องหยุดมือลง
“เช่นนั้น เราก็ลงมือด้วยกันเถิด มีเพียงการทำเช่นนี้ เราจึงประกันความสำเร็จแน่นอนได้! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าสามเทวาร่วมมือ จะยังไม่อาจสะท้านไอ้หนูชั่วขอบเขตครึ่งเทวาคนเดียวได้!” อินไฮว่คงกัดฟันกล่าว พูดได้ว่าเขาแค้นเคืองเฉินซีเข้ากระดูกดำ เพราะมิเพียงถูกสยบลงทุกทาง กระทั่งเหรียญทองแดงโปรยสมบัติยังถูกชิงไป และนั่นทำให้หัวใจของเขาแค้นแทบหลั่งโลหิต
สิ่งสำคัญเหนือใดคือ สมบัติวิญญาณธรรมชาติทั้งหมดในมือเฉินซียังคงสลักลึกอยู่ในใจ เขาไม่ได้ต้องการเพียงชิงเหรียญทองแดงโปรยสมบัติคืนมา แต่ยังไม่คิดให้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ เชือกพันธนาการเทพ ธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงและตะเกียงสุญญจักรวาลหลุดมือไปด้วย
แน่นอน มันรวมถึงชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากด้วยเช่นกัน!
ด้วยเหตุนี้ อินไฮว่คงย่อมไม่อยู่เฉย
…
โลหิตหลั่งย้อมพื้น ท้องนภาแหลกสลายพังทลายทั่วสามสิบสามด่านของแดนอำนาจเทวะ ซากศพราชันเซียนพิกลพิการมากมายกระจัดกระจายทั่วพื้น อาบโลหิตทองเจิดจรัส
นั่นคือโลหิตและซากศพราชันเซียน สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์บางคน ซากศพเหล่านี้คือวัตถุดิบหายากที่ต้องใช้โชคจึงพบพาน สามารถใช้สร้างเป็นสมบัติหรือกระทั่งยาเม็ด แม้แต่พลังและมหาเต๋าสารพัดในซากเหล่านั้นยังสามารถสกัดออกมาได้ ว่ากันว่ามีสรรพคุณมหาศาล
แต่ในความเห็นของเฉินซี ซากศพเหล่านี้โสมมยิ่ง และไม่คิดใช้พวกมัน
ฟิ่ว!
กระบี่เต๋าวิบัติทะยานสู่ฟ้าอีกครั้ง วาดวงลึกล้ำเกินหยั่งกลางอากาศ และยามฟาดฟันลงมา มันก็ทำให้โลหิตอีกสายพุ่งกระฉูด หนึ่งศีรษะกระเด็นจากบ่า
เจี้ยงหลิงเซียว!
สตรีผู้นี้อยู่ในลำดับห้าในหมู่ศิษย์ชั้นยอดนิกายอำนาจเทวะ ยามนี้นางถูกเฉินซีสังหารตายคาที่
ขณะนี้ ศิษย์ชั้นยอดทั้งสามสิบหกของนิกายอำนาจเทวะถูกกวาดล้างไม่เหลือรอด!
นับตั้งแต่ต้นจนศึกปิดฉาก กินเวลาเพียงเสี้ยวชั่วยาม กล่าวคือ เฉินซีล้างบางสิ้นในเวลาไม่ถึงครึ่งเสี้ยวชั่วยาม!
ขณะเดียวกัน นอกจากเสียปราณเซียนไปส่วนหนึ่ง ก็กล่าวได้ว่าเฉินซีไร้รอยขีดข่วนใด ๆ
หากข่าวผลงานศึกเจิดจรัสเช่นนี้แพร่งพรายในสามภพ คงก่อให้เกิดเสียงฮือฮาจ้าละหวั่นอีกเป็นแน่
แต่ในความเห็นของเฉินซี ชายหนุ่มคุ้นเคยกับเรื่องทั้งหมดนี้มาแสนนาน และไม่ได้ตื่นเต้นเช่นในอดีต หลังสังหารราชันเซียนมามากมาย เขาย่อมเคยชินเป็นธรรมดา และนี่แหละความรู้สึกในขณะนี้
หลังจากนี้ อินไฮว่คงและสองนักบวชของนิกายคงปรากฏตัวกัน… ขณะที่เขายืนท่ามกลางสมรภูมิอันปกคลุมด้วยซากศพตามลำพัง เฉินซีก็สูดหายใจลึก ๆ ขณะที่จิตสังหารในดวงตาไม่ได้ถดถอย ซ้ำยังทวีคูณ เติบโตแผดผลาญดุจหินหลอมเหลว
ฮึ่ม!
จริงเช่นนั้น ขณะที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจ คลื่นอำนาจสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นปราณเทวาอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งสายหนึ่งก็โถมทะลักดุจสายนที กวาดกระหน่ำเข้าจมฟ้าดิน
……….