บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1530 ศึกชิงสมบัติ
บทที่ 1530 ศึกชิงสมบัติ
……….
บทที่ 1530 ศึกชิงสมบัติ
ชายหนุ่มสร้างมหาค่ายกลจากยันต์เทวะหลังเดินเพียงหนึ่งก้าว!
รัศมีเทพเรืองรอง ปราณเทพหลั่งรินภายใน เผยอำนาจน่าสะพรึงกลัวปกคลุมทั่วฟ้าดินนี้
ทุกคนต่างตกตะลึง รู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
แม้จะทราบอยู่แต่แรกว่าเฉินซีเป็นศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์ แต่ในความเข้าใจของพวกเขา เฉินซีอยู่เพียงขอบเขตราชันเซียน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเพียงพริบตา เขาจะสามารถสร้างหนึ่งข้อจำกัดเทวะโดยอิงเพียงจากการบ่มเพาะของตนเอง
สิ่งที่รับไม่ได้กันที่สุดคือ นี่คือถิ่นนิกายอำนาจเทวะ! ขณะนี้ คนนอกอย่างเฉินซีกลับสามารถตั้งค่ายกลมาเล่นงานพวกเขาได้ เป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี!
แต่ไม่ว่าอย่างไร เรื่องทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว
ข้อจำกัดเทวะปกคลุมทั่วฟ้า และทำให้ศิษย์ชั้นยอดทั้งมวลติดกับ พวกเขาจึงไม่สามารถร่วมมือกันได้อีก ผู้คนต่างทำได้เพียงผจญยถากรรม
เปรี้ยง!
ขณะเดียวกัน เฉินซีฉวยโอกาสนี้โจมตีอย่างดุเดือด ตั้งใจจะใช้อำนาจทั้งหมดปราบและชิงเหรียญทองแดงโปรยสมบัติด้วยตาข่ายครอบคลุมสวรรค์
เนื่องจากเหรียญทองแดงโปรยสมบัติดิ้นรนไม่หยุดนิ่ง หากปล่อยไว้เช่นนี้ มันจะถ่วงแข้งถ่วงขาเสียเปล่า ๆ ทำให้ไม่อาจกำจัดศัตรูได้ตามชอบใจ
อินไฮว่คงก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขาเองก็อยากให้เหรียญทองแดงโปรยสมบัติดิ้นรนหลุดพ้นจากตาข่ายครอบคลุมสวรรค์และเก็บสมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านั้นไปเสีย มิเช่นนั้น เขาคงไม่อาจสงบใจยามทุ่มสุดกำลังกำจัดเฉินซีแน่แท้
เดิมที เขาฝากความหวังไว้ที่การร่วมมือโจมตีพร้อม ๆ กันถ่วงเวลาเฉินซี เพื่อให้เขามีเวลาบรรลุเป้าหมาย ทว่าขณะนี้ เฉินซีสร้างหนึ่งข้อจำกัดเทวะในฉับพลัน ทำให้ศิษย์ทั้งหลายติดกับ ไม่อาจช่วยเหลือได้ในชั่วขณะนี้
ดังนั้นทันทีที่เฉินซีขยับ อินไฮว่คงก็ลงมือเช่นกัน และเป้าหมายของเขาคือตาข่ายครอบคลุมสวรรค์
“ฮึ! สารเลวจ้อยร่อย ข้ามิคาดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะพัฒนาถึงเพียงนี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือน หรือเจ้าจะเหยียบย่างถึงขอบเขตครึ่งเทวาแล้วเล่า?” ขณะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมาดร้ายหมายชีวิต อินไฮว่คงทะยานสู่ฟ้า กระบี่สีดำฟาดฟันออกมา ไม่ให้โอกาสเฉินซีเข้าใกล้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์
เคร้ง!
เฉินซีไร้ทางเลือกนอกจากใช้กระบี่เต๋าวิบัติปะทะกับอินไฮว่คงตรง ๆ
เพราะถึงอย่างไร เฉินซีก็ยังต้องแบ่งอำนาจไปคงสภาพข้อจำกัดเทวะ
ดังนั้นเฉินซีจึงไม่คิดเสียเวลากับอินไฮว่คง ลงมือโจมตีเต็มที่ทันที
“ไสหัวไป!” เฉินซีคำรามขณะที่กระบี่เต๋าวิบัติทะยานผ่านฟ้า บงกชกระบี่ไร้สีอันคละคลุ้งด้วยปราณเทวาเบ่งบานขณะฟาดฟัน
การออกกระบี่นี้เต็มไปด้วยอำนาจทำลายล้าง ลึกลับเกินเข้าใจ รวดเร็วน่าสะพรึงกลัว ไม่อาจมีอยู่ในสามภพได้เลย
กระบี่นี้มาจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอันไม่สมบูรณ์ มันคือฤทธิ์กระบี่เปื้อนเลือดอันเสียหาย และนับแต่เฉินซีบังเอิญเห็นมัน ชายหนุ่มก็ทำความเข้าใจ ฝึกฝนมันอยู่บ่อยครั้ง มอบโอกาสผลพวงแก่อย่างมหาศาล
ถึงขนาดที่การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่เผยเค้าลางทะลวงสู่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่เบาบาง!
ปัจจุบันยามออกกระบี่นี้ด้วยการบ่มเพาะขอบเขตครึ่งเทวาอย่างเต็มที่ พลังที่สำแดงก็เกินบรรยาย มันทำให้ฟ้าดินเงียบสงัดดุจป่าช้า มีเพียงเสียงกระบี่กระจ่างชัดดุจบทเพลงแห่งทวยเทพ
สรรพสิ่งประหนึ่งสิ้นการคงอยู่ เสียงสนั่นกึกก้องราวไร้วจี!
เพราะกระบี่นี้ร้ายกาจเกินไปนั้นเอง จึงแผลงฤทธิ์สูงสุดคืนสามัญ
…
“แย่แล้ว!” ม่านตาของอินไฮว่คงหดตัว หัวใจหนาวเยือก กระบี่นี้ของเฉินซีทำให้เขาสัมผัสอันตรายถึงตายได้ มันน่าสะพรึงกลัวเสียจนทำให้เส้นขนทั่วกายชี้ตั้ง
เขาไม่เคยคาดคิดว่าความสามารถของเฉินซีในเต๋าแห่งกระบี่จะบรรลุถึงระดับอันเหลือเชื่อเพียงนี้ และเพราะเช่นนี้เอง เขาจึงทั้งเดือดดาลและตื่นตะลึง
ด้วยเหตุนี้จึงไม่กล้าลังเลอีกต่อไป ปราณของเขาเดือดพล่านรุนแรงในฉับพลัน เรือนผมยาวส่ายสะบัดไปพร้อมอาภรณ์ ดูประหนึ่งทวยเทพในร่างลืมตาตื่นขึ้น
เห็นได้ชัดว่า อินไฮว่คงตั้งใจใช้วิชาต้องห้ามบางอย่าง
ตู้ม!
ทว่าก็ยังช้าไปครึ่งก้าว กระบี่ของเฉินซีรวดเร็วเกินไป เจตจำนงกระบี่ฟาดฟัน ไม่ให้โอกาสผู้ใดได้ตั้งตัว ยิ่งกว่านั้น มันยังขวางทุกเส้นทางหลบหนีจนสิ้น
เปรี้ยง!
อินไฮว่คงไร้ทางเลือกนอกจากต้องปะทะตรง ๆ เขาถูกฟาดกระเด็นในพริบตา ทั่วร่างสั่นสะท้าน ใบหน้าบิดเบี้ยวเผยสีหน้าเหยเก โลหิตเจียนกระเซ็นสายจากริมฝีปาก
การโจมตีนี้รุนแรงเกินไป ทำให้ทั้งแก่นแท้ จิตวิญญาณและพลังทั่วร่างปั่นป่วน รู้สึกดุจภูเขาหลายร้อยลูกกระแทกใส่อย่างรุนแรง ป่นกระดูกทั่วกายแหลกเละ ไม่อาจรับแรงกระแทกเช่นนั้นได้
แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้! สีหน้าของอินไฮว่คงแปรเปลี่ยนเฉียบพลัน เพราะความแข็งแกร่งที่เฉินซีแสดงนั้นรุนแรงจนเหนือความคาดหมายไปไกล
วูบ!
ก่อนจะทันหายใจคล่อง เฉินซีก็โจมตีเข้ามาอย่างดุเดือดอีกครั้ง มันยังคงเป็นการออกกระบี่เต๋าวิบัติอย่างน่าสะพรึงกลัว เผยพพลังร้ายกาจจนชวนตกตะลึง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลังจากเสียเปรียบในหนึ่งกระบวนท่า เฉินซีก็ชิงความได้เปรียบมาจากอินไฮว่คง ทำให้อีกฝ่ายต้องถอยร่นจนมุมอย่างต่อเนื่อง อำนาจในแต่ละกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาทำให้เขาสะท้านไปทั้งกาย ใบหน้าซีดขาวลงทุกขณะ ไม่มีโอกาสตอบโต้ใด ๆ ทำได้เพียงต้องตั้งรับพัลวัน
อินไฮว่คงไม่ได้อ่อนแอ แต่เป็นเพราะอำนาจต่อสู้ที่เฉินซีมีในขณะนี้ก้าวข้ามเหนือผู้ใด!
แม้เขาจะเหยียบย่างสู่ขอบเขตเทวามาเนิ่นนาน การบ่มเพาะในขณะนี้ถูกสะกดอยู่ที่ขอบเขตราชันเซียน ขณะที่ความแข็งแกร่งของเฉินซีเกินกว่าขอบเขตราชันเซียน อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตครึ่งเทวา!
แค่เทียบการบ่มเพาะอย่างเดียว อินไฮว่คงก็ด้อยกว่าแล้ว
ขณะเดียวกัน ในด้านสมบัติอมตะ กระบี่เต๋าวิบัติของเฉินซีประชันสูสีกับสมบัติตกทอดของนิกายอำนาจเทวะ ขณะที่ในด้านทักษะต่อสู้ วิชาและพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าอินไฮว่คงเลย กระทั่งเหนือกว่าด้วยซ้ำ!
ด้วยเหตุนี้ อินไฮว่คงจะสู้เฉินซีได้อย่างไร?
…
เปรี้ยง!
อีกหนึ่งกระบี่ฟาดฟัน หนนี้ แม้อินไฮว่คงจะปัดป้องไปได้ แต่กายก็ยังสั่นสะท้าน กระอักเลือดออกมาอย่างไม่อาจฝืนได้อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น ร่างของเขายังถูกฟาดกระเด็นดุจกระสอบทราย กระแทกมิติแหลกเป็นเสี่ยง ก่อนจะหล่นลงพื้นในสภาพสะบักสะบอมอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน เฉินซีฉวยโอกาสนี้หยุดการโจมตี ร่างสูงใหญ่วูบไหว พุ่งเข้าคว้าตาข่ายครอบคลุมสวรรค์บนอากาศอีกครั้ง
ชายหนุ่มตระหนักชัดเจนว่าขณะนี้ แม้เขาจะได้เปรียบในศึก แต่ก็ไม่อาจสังหารอินไฮว่คงลงได้แน่นอน เพราะท้ายที่สุด อินไฮว่คงก็อยู่ในขอบเขตเทวา อีกฝ่ายปลดผนึกตนเองเมื่อใด ความแข็งแกร่งย่อมทบทวีจนน่าสะพรึง
ถึงยามนั้น บางทีความแข็งแกร่งของเฉินซีอาจยังพอสู้ไหว แต่คงสายเกินกว่าจะนำตาข่ายครอบคลุมสวรรค์คืนมา
วูบ!
อำนาจเทพน่าสะพรึงกลัวพลุ่งพล่านจากฝ่ามือของเฉินซีสู่ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ กระแทกลงสู่เหรียญทองแดงโปรยสมบัติอย่างดุดัน
เหรียญทองแดงทั้งสามสั่นสะท้านรุนแรง จวนเจียนถูกสยบเต็มที
“สารเลว! ข้าจะฆ่าเจ้า!” ทันใดนั้น เสียงแผดร้องของอินไฮว่คงก็กึกก้องมาแต่ไกล สีหน้าดุร้ายหมายชีวิต เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผาก ใบหน้าบิดเบี้ยวถมึงทึง
เขาเป็นศิษย์เอกชั้นยอดของนิกายอำนาจเทวะ หนึ่งเทวาผู้ก้าวข้ามสามภพ มิใช่ส่วนหนึ่งของเบญจธาตุ
ทว่าขณะนี้ กลับถูกเฉินซีไล่ต้อนจนมีสภาพน่าอเนจอนาถ กระทั่งเหรียญทองแดงโปรยสมบัติยังถูกชิงไป! ความเสียหายเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกราวถูกเหยียดหยามเหยียบย่ำ เดือดดาลคลุ้มคลั่งขึ้นมา
ครืน!
ปราณทั่วกายพลุ่งพล่านดุร้าย ฉีกกระชากมิติเข้าโจมตีอย่างบ้าระห่ำ
ขณะนี้ เฉินซีอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการรับตาข่ายครอบคลุมสวรรค์คืนมา หากถูกอินไฮว่คงรบกวน เช่นนั้นเขาย่อมคว้าน้ำเหลว
สถานการณ์กดดันอย่างยิ่ง!
ในเฉียบพลัน ดวงตาสีดำของเฉินซีเรืองประกายเด็ดเดี่ยว อ้าปากพ่นแก่นสสารแห่งโลหิตสีทองเรืองเข้าใส่ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็หวดกระบี่ไปเบื้องหลัง ฟาดฟันใส่อินไฮว่คงผู้พุ่งเข้าจู่โจมเข้ามาอย่างดุเดือด
เปรี้ยง!
ทั้งสองปะทะ ประหนึ่งสองดาราชนกันกลางจักรวาล ทำให้คลื่นอำนาจน่าสะพรึงกลัวกวาดกระจายทั่วทิศ บดขยี้ฟ้าดินเป็นผุยผง
ขณะที่เหตุทั้งหมดกำลังจะสลายสิ้น คลื่นสะท้านสะเทือนก็กึกก้องดังตามมาอีกครั้ง
ด้วยความช่วยเหลือจากแก่นสสารแห่งโลหิตของเฉินซี พลังของตาข่ายครอบคลุมสวรรค์โถมทะยานขึ้นเฉียบพลัน เปล่งแสงดาราเยียบเย็นเจิดจรัส สยบพิชิตเหรียญทองแดงโปรยสมบัติอย่างดุดันลงได้ทันที
หลังจากนั้น มันก็พุ่งกลับเข้ามาในมือเฉินซี
“ไม่!!!” อินไฮว่คงแผดเสียงอย่างตกตะลึง เดือดดาล และไม่พอใจสนั่นลั่นทั่วเก้าชั้นฟ้าท่ามกลางแสงสว่างเฉิดฉัน ขณะนี้ ใบหน้าของเขายับยู่บิดเบี้ยว ดวงตาลุกโชนด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผลาญคลั่ง คล้ายแผดเผาท้องนภาให้เป็นจุณ
เหรียญทองแดงโปรยสมบัติถูกชิงไปแล้ว!
สมบัติล้ำค่าที่ทุก ๆ คนช่วยกันกลั่นสร้างแทบตาย สิ่งที่เขาพึ่งพาเป็นไม้ตายสูงสุดกลับถูกเฉินซีชิงได้ก่อนเผยอำนาจแท้จริง!
ความเสียหายสาหัสเช่นนี้ อินไฮว่คงจะรับได้อย่างไร?
ในสายตาเขา สิ่งนี้ไม่ได้หมายความเพียงว่าเสียเหรียญทองแดงโปรยสมบัติไป มันกระทั่งหมายความว่าเขายังเสียเชือกพันธนาการเทพ ธรณีชะตาเก้าชั้นสรวง ตะเกียงสุญญจักรวาลและตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ไปเช่นกัน!
นี่คือสาเหตุแท้จริงที่ทำให้อินไฮว่คงเดือดดาลเช่นนี้
ตู้ม!
ขณะเดียวกัน ข้อจำกัดเทวะที่เฉินซีตั้งไว้ก็ถูกทำลายลง เนื่องจากศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายจากนิกายอำนาจเทวะทุ่มสุดกำลังจู่โจมจากภายใน และท้ายที่สุดก็หลุดรอดออกมาได้
เดิมทีพวกเขาสุดแสนตื่นเต้นที่หนีออกมาได้ แต่เมื่อได้ยินเสียงแผดร้องอันเดือดดาลของอินไฮว่คง สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างช่วยไม่ได้
“ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?”
“ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นอะไรหรือ?”
พวกเขาล้วนพุ่งเข้าไปไถ่ถาม
“ไอ้พวกเศษสวะ! แค่หนึ่งข้อจำกัดเทวะยังยืดยาดนักกว่าจะออกมาได้! มีแต่พวกไร้ประโยชน์!” อินไฮว่คงไร้ที่ใดให้ระบายโทสะ เมื่อเห็นเหล่าศิษย์หลุดรอดจากข้อจำกัดเทวะมาได้ เขาก็เหมือนพบที่ระบาย คำรามลั่นออกมาทันที
พวกเขาล้วนแล้วถูกก่นด่าเสียจนหน้าเปลี่ยนสีตาม ๆ กัน ต่างคนต่างรู้สึกคับข้องใจ
“พวกเจ้ายังยืนทื่ออยู่ตรงนั้นอีกเพื่อการใด? รีบลงมือฆ่าสารเลวนี่เสีย!” อินไฮว่คงเดือดดาลจนกระทืบเท้าด้วยโทสะ
วูบ!
ขณะเดียวกันนั้นเอง เฉินซีออกกระบี่ฟาดฟัน เผยเจตจำนงกระบี่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน
“สารเลว!” ดวงตาของอินไฮว่คงเจียนถลนด้วยโทสะยามเห็นเข้า กระบี่สีดำในมือทะยานฟ้าจู่โจมอย่างดุเดือด
เปรี้ยง!
เขาถูกฟาดกระเด็นไปอีกครั้ง ขณะที่กระดูกและเส้นเอ็นทั่วกายส่งเสียงปริแตกเจียนสะบั้น ยิ่งกว่านั้น หนึ่งสายโลหิตรินออกจากมุมปาก
สิ่งนี้ทำให้เขาจวนคลั่งด้วยโทสะ อกเจียนระเบิดจากความแค้น เทวาผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งตกต่ำถึงเพียงนี้ ย่อมต้องคับเคืองใจอย่างแน่แท้!
“ฆ่า!” ขณะนี้ ศิษย์คนอื่น ๆ หากล้าอ้อยอิ่ง พวกเขาล้อมโจมตีเฉินซีจากทั่วทิศทาง นอกจากนั้น ยังกระหน่ำโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ไม่กล้าออมมือใด ๆ
……….