บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1528 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
บทที่ 1528 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
……….
บทที่ 1528 ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
ณ ด่านที่สามสิบสอง สมบัติเทวาลัยทลายโลกา
หลังจากชิงซิ่วอี้มาถึงก็ยังไม่พบอุปสรรคใดเลย
ตอนนี้นางเงยหน้าขึ้น เม้มปากแล้วมองไปไกล ดูมีความลังเลใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายนางก็ยังเดินหน้าต่อ ไปยังด่านที่สามสิบสาม
เฉินซีเห็นดังนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้น บังเกิดร่องรอยความแน่วแน่ขึ้นบนใบหน้า
เขายังไม่อาจรู้ได้ว่านิกายอำนาจเทวะลอบวางแผนอะไรไว้ แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าชิงซิ่วอี้ได้ขึ้นด่านที่สามสิบสามแล้ว คงต้องถูกขัดขวางไว้แน่
ถึงตอนนั้นอันตรายที่พบก็คงไม่ใช่เล่น ๆ
เขาจึงคิดว่าจะปรากฏตัวขึ้น และหยุดนางไว้ ให้นางได้คิดพิเคราะห์ขึ้นอีกสักหน่อย ไม่ว่าวันนี้ชิงซิ่วอี้จะมาด้วยสาเหตุอะไร เฉินซีก็พร้อมช่วยเหลือนางทั้งสิ้น แต่จะไม่ปล่อยให้นางสู้เอาชีวิตเข้าแลกอย่างไม่คิดเด็ดขาด
เพราะมันอันตรายเกินไป!
ฟ่าว!
แต่พอเฉินซีกำลังจะปรากฏกาย พลันเกิดแรงพลังผันผวนขึ้นมาจากที่ไกล เหมือนเป็นคลื่นสาดซัดเข้ามา ก่อนจะปรากฏเงาร่างของยอดฝีมือหลายคนขึ้นที่กลางอากาศ
คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าคือศิษย์พี่ใหญ่แห่งศิษย์ชั้นยอดของนิกายอำนาจเทวะ อินไฮว่คง!
อีกทั้งยังมีศิษย์ชั้นยอดอีกสามสิบหกคนติดตามข้างกาย แต่ละคนอยู่ขอบเขตราชันเซียนระดับชั้นยอด ทั้งยังมีเจี้ยงหลิงเซียวมาด้วย
เห็นแบบนั้นแล้ว เฉินซีก็หรี่ตาลงทันที เพราะนอกจากนักบวชแห่งนิกายสองคนแล้ว กองกำลังชั้นสูงทั้งหมดของนิกายอำนาจเทวะเองก็ต่างปรากฏตัวเช่นกัน!
……
ทันใดนั้น ชิงซิ่วอี้ก็ชะงักการกระทำเช่นกัน นางกวาดสายตามองอินไฮว่คงกับพวก ใบหน้างดงามเย็นชาเผยแววขรึม
นางเองก็รู้ว่าตนเองกำลังเสียเปรียบ
บรรยากาศที่เดิมทีก็เงียบกริบอยู่แล้วยิ่งเพิ่มความกดดันและไอสังหารเข้าไปใหญ่ แทบจะบดขยี้ห้วงอากาศโดยรอบจนแหลกเป็นเสี่ยงได้อยู่แล้ว
“เจ้าคือชิงซิ่วอี้ใช่หรือไม่? ได้ยินว่ากลับชาติมาเกิดถึงร้อยครั้ง สะบั้นโชคชะตาของตนเองไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน ก่อนจะกลับมายังตำหนักเต๋าหนี่หวา มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องชาติกำเนิดเดิมของร้อยชาติก่อนของเจ้า พอจะช่วยเล่าให้พวกข้าฟังได้หรือไม่?” มาถึงแล้วอินไฮว่คงก็ส่งสายตามองชิงซิ่วอี้เขม็งทันที มุมปากเผยรอยยิ้มยียวนขึ้นมา
พูดจบศิษย์ชั้นยอดรอบกายเขาก็ลงมือพร้อมกัน กระจายตัวออกล้อมกายชิงซิ่วอี้ไว้อยู่ตรงกลาง
หญิงสาวไม่สนใจ นัยน์ตาพร่างดารามองเพียงอินไฮว่คงแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “หากข้าเป็นเจ้า เวลาเช่นนี้ข้าคงไม่คิดพูดอะไรไร้สาระอีก”
อินไฮว่คงหรี่ตาลง เอ่ยเสียงน่าขนลุกออกมา “ไร้สาระหรือ? ฮ่า ๆ ถึงเจ้าจะเป็นสตรี แต่ก็ใจกล้าไม่น้อยไปกว่าบุรุษเลย สงสัยจริงว่าหลังจากตำหนักเต๋าหนี่หวาผนึกพิภพเบญจขันธ์แล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้เจ้าเอาชีวิตมาทิ้งในนิกายอำนาจเทวะของข้าเช่นนี้? หรือว่าตำหนักเต๋าหนี่หวาจะไม่มีใครมีฝีมือบ้างเลย?”
ชิงซิ่วอี้ฟังแล้วไม่ได้โกรธ เพียงแต่พูดเสียงสงบว่า “ก็แค่ทำลายนิกายอำนาจเทวะ ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
น้ำเสียงเรียบ ๆ กลับเผยแววหยิ่งยโส และเผยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญแม้จะต้องเผชิญกับศัตรูมากมายก็ตาม
“อวดดี!”
“กล้าดีนักนะ!”
“หึ! จะตายอยู่แล้วยังทำท่าอวดดีอีก! น่าสมเพช!”
เหล่าศิษย์ชั้นยอดนิกายอำนาจเทวะพากันหัวเราะ ได้ยินนางพูดเช่นนั้นแล้วก็โกรธขึ้นมา ทำลายนิกายอำนาจเทวะหรือ? ช่างกล้าพูดเหลือเกิน!?
อินไฮว่คงโบกมือให้คนอื่นแล้วกล่าวขึ้นว่า “ไหนบอกข้าหน่อย เจ้าบุกรุกนิกายอำนาจเทวะของข้ามาตัวคนเดียวเช่นนี้มีเรื่องอะไร หากยอมบอกดี ๆ ข้าอาจจะยอมให้เจ้าตายศพสวยสักหน่อย”
เฉินซียืนขมวดคิ้วฟังอยู่ห่าง ๆ ในใจเริ่มแผ่จิตสังหารออกมา แต่สุดท้ายก็ยั้งมันไว้ก่อน เพราะเขาก็อยากรู้ว่านางมาทำอะไรที่นี่เช่นกัน
ชิงซิ่วอี้เม้มปากเงียบไป
“ก็แค่ทนเห็นพวกเจ้านิกายอำนาจเทวะไม่ได้ก็เท่านั้น” จังหวะที่อินไฮว่คงกับพวกใกล้จะหมดความอดทน ชิงซิ่วอี้ก็เอ่ยคำตอบขึ้นมา
ทนเห็นนิกายอำนาจเทวะไม่ได้? คำนี้ทำให้อินไฮว่คงกับพวกชะงักไปทีเดียว สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม นี่มันเหตุผลอะไรกัน? มันยั่วโมโหกันนี่นา!
นาง…. สถานการณ์เช่นนี้นางยังจะทำเช่นนี้อีก เฉินซีเห็นแล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน เขารู้ดีว่านางไม่มีทางมาที่นี่คนเดียวด้วยเหตุผลเช่นนั้นแน่ เพียงแต่นางไม่อยากบอกพวกนั้น
และเท่าที่เฉินซีรู้จักชิงซิ่วอี้มา คำตอบเช่นนี้ของนางก็ไม่เกินคาด นางมักจะเป็นของนางเช่นนี้ ดูเย่อหยิ่งจองหอง ไม่สนใครเช่นนี้นั่นแล
“ศิษย์พี่ ไม่ต้องเสียเวลากับนางบ้านี่หรอก จับตัวได้เราค่อยเค้นคอนางใหม่ก็ยังไม่สาย!” เจี้ยงหลิงเซียวกัดฟันพูด อาจกล่าวได้ว่านางเกลียดชังน้ำหน้าชิงซิ่วอี้ผู้นี้เป็นอย่างมาก
เกินคาดนักที่ชิงซิ่วอี้กลับเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน นางดึงเชือกพันธนาการเทพออกมา เปลี่ยนมันให้กลายเป็นสายฟ้าสีเงินแล้วซัดเข้าใส่เจี้ยงหลิงเซียว
ครืน!
พร้อมกันนั้น ตะเกียงสุญญจักรวาลและธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงก็แผลงฤทธิ์เช่นกัน ปรากฏเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างจ้าล้อมกายชิงซิ่วอี้ไว้ และสร้างเมฆสีเหลืองก้อนใหญ่พุ่งเข้าใส่อินไฮว่คงที่อยู่ด้านหน้า
พริบตาเดียวนางก็ใช้สามสมบัติวิญญาณธรรมชาติออกมา!
……
“โอหังนัก!”
“รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
ศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายเห็นแล้วก็โกรธจัด ไม่คิดเลยว่าถึงเช่นนี้แล้วชิงซิ่วอี้ที่ถูกล้อมไว้จะกล้าเป็นฝ่ายโจมตีก่อน
พริบตาต่อมาทุกคนก็ไร้ความลังเลแล้วลงมือทันที พากันใช้สมบัติอำนาจไม่ธรรมดามากมาย ซัดวิชามากมายเข้าใส่ชิงซิ่วอี้พร้อมกัน
ฟ้าดินเต็มไปด้วยแสงเรืองรองของสมบัติทั้งหลาย แสงจากปราณเซียนพิสุทธิ์ส่องสว่าง แรงพลังผันผวนร้องครืน แทบทำให้ทุกสิ่งอย่างตกอยู่ในความโกลาหล
……
ฟึบ!
อินไฮว่คงหลบการโจมตีของธรณีชะตาเก้าชั้นสรวง
“อย่างที่คิด นางมีสามสมบัติวิญญาณธรรมชาติในมือ… ไม่รู้ว่าก่อนจะกลับชาติมาเกิดร้อยครั้งนางเคยเป็นใครมาก่อนกันแน่ เหตุใดตำหนักเต๋าหนี่หวาถึงได้มอบสมบัติมากมายให้เช่นนี้?” อินไฮว่คงตาเป็นประกาย แต่ก็ไม่รีบร้อนโจมตีกลับ เขามองสมบัติวิญญาณธรรมชาติของอีกฝ่ายแล้วประเมินดู ใบหน้าเผยแววความโลภโดยไม่ปิดบัง
สามสมบัติวิญญาณธรรมชาติเป็นสมบัติชั้นยอดห้าสิบอันดับแรก โดยเฉพาะตะเกียงสุญญจักรวาลนั้นเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันดับที่ยี่สิบเจ็ดน้อยกว่าเหรียญทองแดงโปรยสมบัติเพียงสามอันดับเท่านั้น
หากชิงมาได้ อินไฮว่คงก็มั่นใจว่าแม้ต้องเข้าแดนเทพโบราณ ก็คงไม่มีใครกล้าประมาทเขาแน่!
ครั้งนี้ข้าต้องชิงสามสมบัติศักดิ์สิทธิ์มาให้ได้! เมื่อตัดสินใจดังนั้นแล้ว นัยน์ตาอินไฮว่คงก็เผยแววเหี้ยม เขาไม่รอช้า รุดหน้าเข้าโจมตีออกไปเช่นกัน
……
ทันทีที่การต่อสู้ปะทุขึ้น ชิงซิ่วอี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบทันที!
อย่างไรตอนนี้นางก็ต้องต่อสู้กับสามสิบหกราชันเซียนระดับชั้นยอด ทั้งยังมีคนอย่างอินไฮว่คงซึ่งขึ้นเป็นเทพเมื่อนานมาแล้วอยู่อีก แต่กดพลังตนเองให้อยู่ในขอบเขตราชันเซียน
ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ชิงซิ่วอี้จะมีสามสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่มีอำนาจสูงส่งเหนือใครอยู่ ก็ไม่อาจสู้พวกเขาได้แน่
อีกทั้งนางเพิ่งได้รับบาดเจ็บมา สภาพชิงซิ่วอี้ในตอนนี้แน่นอนว่าไม่สามารถดึงพลังสูงสุดมาใช้ได้
เช่นนั้นแล้วจึงได้แต่กล่าวว่า ตอนนี้นางตกอยู่ในสถานการณ์จวนตัว อีกไม่นานคงได้ถูกจับตัวแล้วสังหารทิ้งแน่
แต่ถึงจะอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตาย ชิงซิ่วอี้ก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้าและคงความสุขุมไว้ มีเพียงความมุ่งมั่นปรากฏอยู่เท่านั้น
เหมือนกับว่า…
นางคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงคิดจะสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลกมาตั้งแต่ต้น?
ตู้ม!
ค้อนทองสัมฤทธิ์โจมตีชิงซิ่วอี้จากด้านหลัง
หญิงสาวไม่แม้แต่จะหันมอง นางใช้เชือกพันธนาการเทพเปลี่ยนเป็นแสงสีเงินเคลื่อนเข้าปะทะกับค้อนนั่นทันใด
จังหวะนั้นเอง….
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
พริบตานั้น แสงสีทองสามเส้นดั่งเส้นสายฟ้าได้ซัดเข้ามา พวกมันประสานเป็นตัว ‘品’ ก่อนจะเกิดเสียงระเบิดดังลั่นคล้ายเข้าปะทะกับเชือกพันธนาการเทพ ทำให้ไม่อาจยั้งค้อนทองสัมฤทธิ์ไว้ได้
แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองส่องเรืองรอง เห็นเป็นตัวอักษรลึกลับอย่าง ‘天’ ‘地’ และ ‘人’*[1] อันมาจากเมื่อยุคความวิบัติยังคงอยู่ปรากฏขึ้นมาจากสามเหรียญนั่น ก่อนมันจะซัดเข้าโจมตีเชือกพันธนาการเทพ
เพียงพริบตาเดียว เชือกพันธนาการเทพที่ดูเหมือนงูก็คล้ายถูกโจมตีเข้าจุดตาย แสงเรืองเริ่มสั่นสะท้าน ก่อนมันจะร่วงลงสู่พื้น
อึก!
เมื่อสูญเสียการควบคุม เชือกพันธนาการเทพจึงส่งผลต่อชิงซิ่วอี้เช่นกัน ทำให้นางกระอักเลือดออกมา
แต่นางยังไม่ทันตอบสนอง เหรียญสัมฤทธิ์ทั้งสามก็หายวับไปคล้ายว่ามีปีก ฉวยจังหวะนี้โจมตีธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงและตะเกียงสุญญจักรวาลจนร่วงลงพื้นเช่นกัน!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในพริบตา รวดเร็วจนน่าตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าอินไฮว่คงเลือกจังหวะโจมตีได้ดีอย่างยิ่ง อำนาจของเหรียญทองแดงโปรยสมบัตินั้นไม่เลวเลยทีเดียว
หลังจากนั้นชิงซิ่วอี้ก็เสียการควบคุมสามสมบัติวิญญาณธรรมชาติ ใบหน้างดงามซีดขาวราวกระดาษ
“ฮ่า ๆ! ศิษย์น้อง ปล่อยให้เจ้าจัดการนางก็แล้วกัน!” หลังจากลงมือครั้งเดียวก็สำเร็จ อินไฮว่คงจึงแแผดเสียงหัวเราะ รู้สึกภาคภูมิในฝีมือตนยิ่ง สามสมบัติวิญญาณธรรมชาติอยู่ในเอื้อมมือเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องรู้สึกยินดีทั้งนั้น
ว่าแล้วเขาก็เอื้อมมือไปหมายจะเก็บเหรียญทองแดงโปรยสมบัติและสามสมบัติศักดิ์สิทธิ์กลับมา
ฟ่าว!
แต่เป็นจังหวะนั้นเองที่ตาข่ายคล้ายแสงดาราชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น มันกักเหรียญทองแดงโปรยสมบัติกับสามสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไว้!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันจนอินไฮว่คงไม่ทันตั้งตัว
สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนผัน ดวงตาเบิกตากว้าง ก่อนเส้นเลือดบนหน้าผากจะพองขึ้น เพราะของอยู่ตรงหน้า แต่พริบตากลับมีคนมาขวาง ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันใด
“ฝีมือไอ้บัดซบที่ไหนกัน!? โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!!” ว่าแล้วมือเขาก็ทำท่าเอื้อม คิดจับตาข่ายนั่นไว้
ครืน!
แต่ในจังหวะนั้นเอง ปราณกระบี่หนาแน่นสว่างจ้าหนึ่งก็ซัดเข้ามา เหมือนธารดาราซัดลงจากฟ้า ทำลายห้วงอากาศที่เคลื่อนผ่านด้วยแรงพลังอันน่ากลัว คล้ายกับว่าจะสามารถทำลายล้างได้ทั้งโลก
มันเป็นท่ากระบี่ที่น่าประหวั่นยิ่ง ไม่เพียงแต่โอบล้อมกายอินไฮว่คงไว้ได้ แต่ยังกักศิษย์ชั้นยอดโดยรอบไว้ได้ด้วยเช่นกัน
พริบตาเดียวสถานการณ์ก็เปลี่ยนผัน
ทุกคนมีสีหน้าตื่นตะลึง เพราะสัมผัสได้ว่าท่ากระบี่เมื่อครู่มีอำนาจสูงเพียงใด ท่วงท่าจึงช้าลงอยากเห็นได้ชัด
ช่างเป็นท่ากระบี่ที่น่ากลัวนัก! เป็นฝีมือใครกันแน่?
“รนหาที่ตาย!” อาภรณ์บนร่างอินไฮว่คงไหวพลิ้ว พลังราชันเซียนแผ่ออกทั่วกาย ในฝ่ามือปรากฏกระบี่สีดำ ก่อนจะซัดมันออกไป
[1] ‘天’ ‘地’ ‘人’ คือ สวรรค์ โลก และมนุษย์ตามลำดับ
……….