บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1526 การจัดอันดับสมบัติวิญญาณ
บทที่ 1526 การจัดอันดับสมบัติวิญญาณ
……….
บทที่ 1526 การจัดอันดับสมบัติวิญญาณ
เหรียญทองแดงสามเหรียญที่สุกสกาวลอยอยู่กลางอากาศ ขณะที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโกลาหล
หากพิจารณาให้ดี เหรียญเหล่านี้มีลักษณะทรงกลมด้านนอกและเป็นสี่เหลี่ยมตรงกลาง พื้นผิวของพวกมันถูกประทับด้วยร่องรอยแห่งความโกลาหลที่คลุมเครือ เผยให้เห็นฉากของ ‘สวรรค์’ ‘โลก’ และ ‘มนุษย์’ ตามลำดับ ซึ่งลึกล้ำเป็นอย่างมาก
ทันทีที่พวกมันปรากฏขึ้น ก็ปล่อยกระแสพลังเทวะอันกดคุกคามที่บริสุทธิ์และหนาทึบ ซึ่งทำให้ผู้คนต้องเหลียวมอง
สมบัติวิญญาณธรรมชาติ เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ!
เมื่อพวกเขาเห็นสมบัตินี้ ม่านตาของทุกคนก็หดตัวและเผยให้เห็นความตกใจเสี้ยวหนึ่ง นี่เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่กำเนิดจากแก่นแท้แห่งความโกลาหล และเป็นของประมุขนิกายอำนาจเทวะ มันมีพลังอันน่าอัศจรรย์และน่าพิศวงที่เหนือจินตนาการ
ตามตำนาน ตราบใดที่มันถูกใช้ สมบัตินี้ก็สามารถทำลายสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ทั้งหมดได้ มันเป็นสมบัติที่หายาก แม้จะอยู่ในเทียบอันดับของสมบัติวิญญาณธรรมชาติก็ตาม
ในช่วงต้นของยุคบรรพกาล ประมุขนิกายอำนาจเทวะได้อาศัยสมบัตินี้เพื่อยึดสมบัติของเทพอสูรไปนับไม่ถ้วน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่น่าอัศจรรย์และล้ำค่า
“ข้าไม่เคยคาดคิดว่าประมุขนิกายจะมอบสมบัตินี้ให้กับศิษย์พี่ใหญ่จริง ๆ” ศิษย์ชั้นยอดกล่าวด้วยความชื่นชม
ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่นักบวชแห่งนิกายทั้งสองก็ไม่อาจสำรวมกิริยาได้ และต่างจ้องมองไปที่อินไฮว่คงด้วยสายตาที่ซับซ้อน ดูเหมือนพวกเขาไม่เคยคิดเหมือนกันว่าสมบัติชิ้นนี้จะตกไปอยู่ในการครอบครองของเขา
“ท่านประมุขได้มอบสมบัติชิ้นนี้ให้กับข้า เพื่อให้เรากวาดล้างทั้งสามภพได้ง่ายขึ้น และสถานะของข้าย่อมไม่คู่ควรที่ได้รับสมบัติล้ำค่าเช่นนี้อย่างแน่นอน” อินไฮว่คงยิ้มอย่างถ่อมตัว แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิ
สมบัติวิญญาณธรรมชาติเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติ
สมบัติอันล้ำค่าที่กำเนิดจากภายในความโกลาหล เนื่องจากความโกลาหลถูกแยกออกจากกัน ซึ่งจวบจนบัดนี้ มีสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ถูกค้นพบเพียงร้อยแปดชิ้นในสามภพ
เหรียญทองแดงโปรยสมบัตินี้เป็นหนึ่งในนั้น โดยในแง่ของพลังและการใช้งาน มันยังติดอันดับที่ยี่สิบสี่ในบรรดาสมบัติวิญญาณธรรมชาติทั้งร้อยแปดชิ้น
หากลองคิดดูแล้ว มีเทพอสูรและทวยเทพนับไม่ถ้วนตั้งแต่ความโกลาหลถูกแยกออกจากกันจนถึงขณะนี้ แต่มีสมบัติวิญญาณธรรมชาติเพียงร้อยแปดชิ้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสมบัติดังกล่าวมีค่าและหายากเพียงใด
ในทางกลับกัน เนื่องจาก ‘เหรียญทองแดงโปรยสมบัติ’ สามารถอยู่ในอันดับที่ยี่สิบสี่ได้ จึงดูเหมือนว่ามันจะพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก
“ทุกคน มาเริ่มกลั่นกันเถอะ” อินไฮว่คงออกคำสั่ง ก่อนที่จะอ้าปากและพ่นลูกพลังปราณเซียนพิสุทธิ์สีทองเข้มที่ปกคลุมเหรียญทองแดงสาม หลังจากนั้น เขาก็สร้างผนึกที่ล้ำลึกด้วยมือ และเริ่มทำการกลั่นมัน
เป็นเพราะพลังของสมบัติชิ้นนี้น่าเกรงขามเกินไป แม้ด้วยการบ่มเพาะของอินไฮว่คงในปัจจุบัน แต่เขาก็ไม่สามารถกลั่นมันได้ด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่น
“ตกลง” คนอื่น ๆ มองหน้ากัน ซึ่งทุกคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่โคจรการบ่มเพาะและเริ่มช่วยเหลืออินไฮว่คง
โอม!
คลื่นความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกไป เหรียญทองแดงทั้งสามเหรียญส่งเสียงหึ่ง ๆ และเปล่งเสียงโหยหวนอย่างชัดเจน มันเหมือนกับท่วงทำนองที่วุ่นวายของเต๋าสวรรค์ ซึ่งดังก้องไปทั่วพื้นที่ทั้งสามสิบสามด่านของแดนอำนาจเทวะ
…
ในด่านที่สิบเก้าของแดนอำนาจเทวะ หายนะพิบัติสรวง
ครืน!
การต่อสู้อันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป ชิงซิ่วอี้เคลื่อนไหวไปตามสมรภูมิเพียงลำพัง ผมที่สง่างามปลิวไสว ในขณะที่เผยสีหน้าอันเยือกเย็น ทุกกระบวนท่าจะปลิดชีพศัตรู และลงมืออย่างเด็ดขาด
เลือดสาดกระเซ็น ในขณะที่เสียงคำรามดังกึกก้อง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชิงซิ่วอี้ไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังคงสุขุมเยือกเย็น เสื้อผ้าพลิ้วไหวไปตามการเคลื่อนไหว นางดูเหมือนกับอยู่คนละโลก ทั้งยังบริสุทธิ์ราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ที่กำลังเดินผ่านคลื่นในมหาสมุทร ทั้งที่นางกำลังเข่นฆ่าศัตรู แต่ไม่เพียงจะดูไม่โหดร้ายและนองเลือดเท่านั้น ยังทำให้รู้สึกปีติยินดี ซ้ำยังเจริญตาอย่างยิ่ง
ในไม่ช้า สถานการณ์ต่อสู้ก็เอนเอียงไปทางนาง
โชคดีที่ข้าไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือใด ๆ…
เฉินซีสังเกตเห็นทั้งหมดนี้ และถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่ทันใดนั้น นัยน์ตาของเขากลับหดตัวฉับพลัน เมื่อมองไปยังด้านข้าง เขาเห็นร่างจำนวนมากกำลังวูบไหวอยู่กลางอากาศ เกิดเป็นเสียงหวีดหวิวที่พุ่งมาจากระยะไกลด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
เจี้ยงหลิงเซียว!
เฉินซีจำสตรีที่เป็นผู้นำได้ทันที น่าแปลกที่เจี้ยงหลิงเซียวเป็นหนึ่งในศิษย์ชั้นยอดของนิกายอำนาจเทวะ
มีชายและหญิงอีกสามคนอยู่เคียงข้างนาง ซึ่งทุกคนต่างก็มีกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุด พวกมันบรรลุระดับเลิศล้ำของขอบเขตราชันเซียนแล้ว
ในที่สุด พวกมันก็ส่งผู้เยี่ยมยุทธ์ออกมา…
ไม่เพียงแต่เฉินซีจะไม่วิตกกังวล แต่กลับถอนหายใจด้วยความโล่งอกแทน ชายหนุ่มแสนจะกังวลกลัวว่าการที่กองกำลังของนิกายอำนาจเทวะไม่ปรากฏตัว อาจเป็นเพราะกำลังใช้กลอุบายบางอย่างจากเงามืด
ตอนนี้ เนื่องจากพวกมันได้เผยตัวแล้ว เขาจึงไม่ต้องกังวลกับการคุกคามของแผนการร้ายใด ๆ
ครืน!
ในขณะเดียวกัน ชิงซิ่วอี้ก็สังเกตเห็นเจี้ยงหลิงเซียวและคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ทว่านางไม่ได้หยุดสิ่งที่ทำอยู่ และการโจมตีก็รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ฮึ่ม! ช่างเป็นสตรีที่โหดเหี้ยมนัก! เจ้าบุกรุกนิกายอำนาจเทวะของข้า แต่ยังกล้าทำตัวจองหอง! เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” เจี้ยงหลิงเซียวแค่นเสียงเย็นและโบกมือวูบหนึ่ง
ศิษย์ชั้นยอดทั้งสี่ที่อยู่ข้างเคียงกระโจนออกไปทันที และพุ่งสู่สมรภูมิอันห่างไกล
ฟิ่ว!
สมบัติอมตะที่น่าเกรงขามมากมายทะยานขึ้นไปบนฟ้า พวกมันฉีกอวกาศออกจากกัน ขณะที่โจมตีใส่ชิงซิ่วอี้ทุกทิศทุกทาง
“คนอื่น ๆ ถอยไปซะ! ให้เราบดขยี้นังนี่เอง!” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสื้อผ้าของเจี้ยงหลิงเซียวก็พัดกระพือ ฝ่ามือเรียวยาวกางออก และล้วงกระจกสีทองสัมฤทธิ์ที่สลักไว้ด้วยยันต์อักขระไว้อย่างแน่นหนา พลันชี้ไปที่ชิงซิ่วอี้จากกลางอากาศ
ฟิ่ว!
มีแสงวาบบนพื้นผิวของกระจกสีทองสัมฤทธิ์ จากนั้นแสงสีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องประกายออกมาราวกับสายฟ้า มันมีกลิ่นอายที่ดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และยิงออกไปอย่างรุนแรง
สมบัติวิญญาณประดิษฐ์ กระจกเซียงเถา!
กระจกนี้มี ‘แสงศักดิ์สิทธิ์เซียงเถา’ ที่พลุ่งพล่าน และมีกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถกำจัดวิญญาณและทำลายสติปัญญาของทุกสรรพสิ่ง ซึ่งมีอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวสุดขั้ว
ทันใดนั้น ชิงซิ่วอี้ก็ถูกล้อมรอบจากทุกทิศทุกทาง แต่นางหาได้หวาดกลัวไม่ นางกำกระบี่เซียนสีขาวหิมะไว้ในมือที่ประณีตของตน โดยที่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางสง่างาม และจัดการกับการโจมตีเหล่านั้นทั้งหมด
โครม โครม โครม!
เสียงการปะทะกันอันน่าสะพรึงกลัวดังก้อง ส่งผลให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
แม้นางจะต้านการโจมตีมากมายเหล่านั้นได้ แต่สีหน้ากลับซีดลงเล็กน้อย แน่นอนว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา
ทว่านางยังคงเงียบและต่อสู้ต่อไป ร่างระหงเปล่งประกายด้วยพลังแห่งแสง และส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน ประหนึ่งเทพที่ปรากฏกายท่ามกลางแสงสว่าง ซึ่งครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่
“ฮึ่ม! นังนี่ก็แค่ต่อสู้อย่างสิ้นหวัง! ทุกคนไม่จำเป็นต้องออมมือ! ฆ่ามันซะ!” เจี้ยงหลิงเซียวแผดเสียงเย็น ในขณะที่กระจกเซียงเถาหมุนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในอากาศ และเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เซียงเถาออกมาอย่างมากมาย กลายเป็นสายฟ้าที่ฉวัดเฉวียนไปมา ก่อนที่จะฟาดลงมาใส่ชิงซิ่วอี้อย่างดุเดือด
ศิษย์ชั้นยอดอีกสี่คนก็ใช้พลังทั้งหมดของพวกเขาเช่นกัน และร่วมมือกับเจี้ยงหลิงเซียวเพื่อปิดกั้นเส้นทางหนีของชิงซิ่วอี้ทั้งหมด นางเป็นเหมือนสกุณาที่ถูกขังอยู่ในกรง และไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้
ไอ้พวกนี้ช่างไร้ความปรานียิ่งนัก พวกมันใช้พลังทั้งหมดทันทีที่เข้าสู่การต่อสู้… คิ้วของเฉินซียกขึ้น ในขณะที่จิตสังหารเย็นเยียบแวบขึ้นมาในดวงตาลุ่มลึก
“ลงมา!” อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินซีตั้งใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ชายหนุ่มพลันสังเกตเห็นว่าชิงซิ่วอี้ได้ควักเอาสมบัติที่มีรูปร่างเหมือนเมฆสีเหลืองออกมา ทันทีที่มันปรากฏ ดูเหมือนว่ามันมีพลังแรงกดดันอันไร้ขีดจำกัด ซึ่งบดขยี้และพังทลายฟ้าดินลงอย่างง่ายดาย
น่าแปลกที่สมบัติที่มีรูปร่างคล้ายเมฆสีเหลืองนั้นเป็นเศษดินสีน้ำตาล ที่แผ่กลิ่นอายของปฐพีที่ห้า
มันสั่นเล็กน้อยก่อนจะสะท้อนสมบัติอมตะทั้งหมดที่โจมตีชิงซิ่วอี้จากทุกทิศทุกทางกลับไป และขัดขวางการโจมตีต่าง ๆ ทั้งหมดที่ลงมาเช่นกัน อานุภาพของมันน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
“ธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงของตำหนักเต๋าหนี่หวา! ไม่แปลกเลยที่เจ้ากล้าบุกรุกนิกายอำนาจเทวะของข้าด้วยตัวเอง ที่แท้เพราะมีสมบัติวิญญาณธรรมชาตินี่เอง!” ดวงตาของเจี้ยงหลิงเซียวหรี่ลงขณะกล่าวด้วยความประหลาดใจ สมบัตินี้เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงในตำหนักเต๋าหนี่หวา และได้รับการจัดอันดับที่ห้าสิบสี่ในบรรดาสมบัติวิญญาณธรรมชาติร้อยแปดชิ้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์จะน่าเกรงขามเพียงใด ก็ยังคงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใช้ของมัน ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามีพวกเขาห้าคนที่นี่ ดังนั้นเจี้ยงหลิงเซียวจึงมมีความมั่นใจอย่างมากที่จะทำลายล้างชิงซิ่วอี้
“พันธนาการ!” อย่างไรก็ตาม ด้วยความประหลาดใจของเจี้ยงหลิงเซียว ชิงซิ่วอี้ดึงสมบัติออกมาอีกชิ้นหนึ่ง หลังจากที่นางเพิ่งใช้ธรณีชะตาเก้าชั้นสรวง มันเป็นเชือกสีเงินแวววาวที่เผยให้เห็นสีเหลืองอำพันโปร่งแสง
พื้นผิวของเชือกนี้เต็มไปด้วยยันต์อักขระและขดด้วยกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่มันปรากฏขึ้น มันก็หายไปในอากาศ
“เชือกพันธนาการเทพ! ระวัง!” เจี้ยงหลิงเซียวกล่าวด้วยความตกตะลึงเมื่อจำได้ว่านี่คือสมบัติวิญญาณธรรมชาติอีกชิ้นหนึ่ง มันอยู่ในอันดับที่สามสิบเก้า และน่าเกรงขามยิ่งกว่าธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงหลายเท่า ตามตำนานเล่าว่า เทพหนี่หวาได้อาศัยเชือกนี้เพื่อพันธนาการและสังหารเทพนับไม่ถ้วนในตลอดหลายปีที่ผ่านมา!
น่าเสียดายที่คำเตือนของนางสายเกินไป
ฟิ่ว!
ศิษย์ชั้นยอดคนหนึ่งถูกมันพันธนาการเข้า ไม่อาจดิ้นรนขัดขืนและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมด
“ฆ่ามัน!” เจี้ยงหลิงเซียวและคนอื่น ๆ รีบพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือ และโจมตีชิงซิ่วอี้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี
แต่จริง ๆ แล้ว ชิงซิ่วอี้ไม่ได้พยายามหลบเลี่ยงแต่อย่างใด ร่างของนางเปล่งประกายขณะที่พุ่งตัวไปยังศิษย์ชั้นยอดที่ถูกพันธนาการไว้
โครม
เสียงโครมดังก้องในขณะที่ธรณีชะตาเก้าชั้นสรวงฟาดลงบนศิษย์ชั้นยอดที่ถูกพันธนาการอย่างแรง ร่างของเขาสั่นสะเทือนและแตกออกเป็นชิ้น ๆ เหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง ทำให้เขาสิ้นใจในทันที
ราชันเซียนระดับเลิศล้ำได้เสียชีวิตไปเช่นนี้!
ทว่าในขณะเดียวกัน ชิงซิ่วอี้ก็ต้องทุกข์ทรมานจากการโจมตีของคนอื่น ๆ และแสงศักดิ์สิทธิ์เซียงเถาก็ยิงทะลุไหล่ซ้ายของนาง
และการโจมตีจากราชันเซียนอีกคนก็ระเบิดนางจนกระเด็น
พรวด!
โลหิตพุ่งออกมาเต็มปาก สีหน้าพลันซีดลงถนัดตา
วิธีการต่อสู้เช่นนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง และดูเหมือนว่านางกำลังต่อสู้อย่างสิ้นหวัง โดยมีจุดประสงค์ที่จะลากพวกมันไปลงนรกไปพร้อมกับตน
ไม่ใช่แค่เจี้ยงหลิงเซียวและคนอื่น ๆ ที่คาดไม่ถึง แม้แต่เฉินซีที่ยืนอยู่ในระยะไกลก็ไม่คาดคิดว่า ชิงซิ่วอี้จะโหดเหี้ยมต่อตัวเองมากขนาดนี้ และมันทำให้เขาไม่สามารถช่วยเหลือนางได้ทันท่วงที
“ฆ่า! ฆ่านังบ้านี่ซะ!!” การสูญเสียพวกพ้อง ทำให้เจี้ยงหลิงเซียวโกรธแค้นอย่างมาก และตั้งใจฉวยโอกาสตอนที่ชิงซิ่วอี้ได้รับบาดเจ็บเพื่อสังหารนาง
“บัดซบ!” ใบหน้าของเฉินซีมืดคล้ำทันที เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ร่างสูงใหญ่วูบไหวหมายพุ่งเข้าไปช่วย
โอม!
แต่ทันใดนั้น ก็เกิดแสงเปล่งประกายไปทั่วร่างของชิงซิ่วอี้ จากนั้นนางก็ดึงโคมไฟที่มีลักษณะเป็นผลึกสีขาวเหมือนหิมะออกมา มันเปล่งแสงเรืองรองที่ส่องสว่างทั้งฟ้าดิน
มันทำให้ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง และชะลอความเร็วลงเล็กน้อย
“ตะเกียงสุญญจักรวาล! มารดามัน! หนี่หวาถึงกับมอบสมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้ให้กับเจ้า!? เจ้าเป็นใครกันแน่!?” ท่ามกลางแสงที่กว้างใหญ่ เสียงกรีดร้องแหลมหูของเจี้ยงหลิงเซียวที่เต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธก็ดังก้อง
“อ๊าก!!!” พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเจี้ยงหลิงเซียว เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นเช่นกัน และมันก็น่าสังเวชยิ่งกว่า ก่อนจะหยุดชะงักในพริบตาถัดมา เห็นได้ชัดว่ามีอีกคนถูกฆ่าตาย
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตกตะลึงและเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสมบัติทั้งหมดที่อยู่ในความครอบครองของชิงซิ่วอี้จะทรงอานุภาพปานนี้ และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ!