บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1524 เหมือนว่าคนรู้จักเก่าผู้หนึ่งจะมาแล้ว
บทที่ 1524 เหมือนว่าคนรู้จักเก่าผู้หนึ่งจะมาแล้ว
……….
บทที่ 1524 เหมือนว่าคนรู้จักเก่าผู้หนึ่งจะมาแล้ว
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
อสูรบรรพกาลขนาดแสนลี้ซึ่งมีรูปร่างคล้ายเต่าเยื้องย่างจากไป ทุกย่างก้าวสะท้านมิติแหลกร้าวเป็นเสี่ยง ไม่ได้ด้อยไปกว่าการเคลื่อนย้ายมิติเลย
เฉินซีนั่งขัดสมาธิบนศีรษะของอสูรกลืนสวรรค์ ทอดสายตามองไปไกล
ก่อนหน้านี้ อสูรกลืนสวรรค์ตอบรับเงื่อนไขของเขาแล้ว ทว่าหากเฉินซีต้องการให้มันจำนน ดังนั้นเฉินซีจะต้องชิงแก่นวิญญาณของมันมาจากนิกายอำนาจเทวะให้ได้ก่อน
เฉินซีย่อมไร้ข้อโต้แย้งใด ๆ
หนนี้ เขามายังแดนอำนาจเทวะหมายทำลายล้างนิกายอำนาจเทวะ เขาจึงเต็มใจที่จะช่วยอสูรบรรพกาลอันเจียนสูญสลายจากบรรพกาลระหว่างทาง
เจ้านี่มีพลังสูงส่งเพียงพอประมือราชันเซียนเป็นกลุ่มได้ ดังนั้นหากเฉินซีให้มันคุ้มครองสำนักศึกษา เช่นนั้นแม้เฉินซีจะมุ่งหน้าสู่แดนโลกาวินาศ เขาก็สามารถทำใจสบาย ๆ ได้อย่างสมบูรณ์
……
ขณะนี้ อสูรกลืนสวรรค์แบกร่างเฉินซีข้ามผ่านทะเลทรายกลืนสวรรค์
ครู่สั้น ๆ ต่อมา ซากปรักหักพังประหลาดก็ปรากฏในสายตาของเฉินซี
ในซากหักพังนั้นมีดินแดนเร้นลับอันเสียหายละล่องอยู่มากมาย พวกมันสร้างเป็นกลุ่มสสารอันดูหนาแน่นไร้ขอบเขต
ดินแดนเร้นลับที่เสียหายทุกแห่งเผยทิวทัศน์แตกต่าง บ้างแผ่ปราณกระบี่ไร้ขอบเขต บ้างมีสมุทรศิลาหลอมไหลทะลัก บ้างมีหนึ่งขุนเขาอันปกคลุมด้วยพืชพรรณประหลาดนานา…
เหตุการณ์ทั้งหลายปนเปกันอยู่ท่ามกลางซากความพินาศ เผยทิวทัศน์ประหลาดผิดปกติ ทว่าก็งดงามออกมา ประหนึ่งสารพัดโลกใบน้อยปรากฏแก่สายตา
ซากปรักหักพังแห่งความโกลาหล!
เฉินซีรู้ชื่อของที่นี่ทันที จากที่หนานกงเลี่ยว่าไว้ ทางเข้าแดนอำนาจเทวะถูกซ่อนอยู่ในซากปรักหักพังแห่งความโกลาหล
“ที่นี่มีแต่ตายกับตาย นิกายอำนาจเทวะจงใจทิ้งมันไว้เพื่อให้เหล่าผู้พยายามเข้าสู่นิกายอำนาจเทวะผ่านที่นี่ต้องตกตายอย่างอเนจอนาถไร้การละเว้น” เมื่อมาถึง อสูรกลืนสวรรค์พลันหยุดลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงกึกก้อง
เฉินซีเลิกคิ้ว “เช่นนั้น เส้นทางที่ถูกต้องอยู่หนใด?”
“ใต้ซากปรักหักพัง” อสูรกลืนสวรรค์กล่าว และทันใดนั้น ร่างของมันก็สั่นสะท้าน แปรเปลี่ยนเป็นเส้นลำแสงหนาทะลวงมิติชั้นแล้วชั้นเล่าลงสู่ใต้ซากปรักหักพัง
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตกตะลึง ใครเล่าจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้ว แดนอำนาจเทวะอยู่ใต้พิภพ?
แต่พริบตาต่อมา ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าแม้อสูรกลืนสวรรค์ดูเหมือนพุ่งทะลวงสู่เบื้องล่างตลอดทาง ทว่าแท้จริง ตำแหน่งของพวกเขากลับเป็นการเคลื่อนขึ้นเสมอ
ข้อจำกัดอันพลิกโลกตาลปัตร… มิน่าเล่า ท้องนภาจึงถูกพลิกต่ำ แดนดินหวนสู่เวหา สิ่งสำคัญสูงสุดคือไร้ร่องรอยข้อจำกัดให้ตรวจจับใด ๆ และดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หากไม่อาจมองทะลุความลับของมันได้ ก็คงไม่มีใครหาเส้นทางสู่แดนอำนาจเทวะแห่งนี้พบ เฉินซีเหมือนจะหลงลืมตนในภวังค์ความคิด การบรรลุในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง จึงพออนุมานความลับของซากปรักหักพังแห่งความโกลาหลได้ในอึดใจ
……
“เจ้าหนู ข้าส่งเจ้าได้เพียงที่นี่นะ” ไม่นานนัก อสูรกลืนสวรรค์ก็หยุดเคลื่อนไหว เอ่ยขึ้นเสียงเบา
เฉินซีสังเกตเห็นว่าขณะนี้ พวกเขามาถึงสถานที่อันสุดลึกล้ำและเงียบงัน ปกคลุมในความมืด ขณะที่ดวงเพลิงอันดูคล้ายกระดูกมากมายละล่องอยู่รอบบริเวณ นอกจากนั้น เปลวเพลิงเหล่านั้นยังเจือด้วยบรรยากาศแห่งหายนะ
บริเวณแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล เมื่อมองจากไกล ๆ ดวงเพลิงแห่งนั้นดูประหนึ่งเพลิงวิญญาณท่ามกลางความมืด ดูแปลกตาและน่าสะพรึงอย่างยิ่ง
ยิ่งกว่านั้น หนึ่งสายธารทอดตัวยาวแสนไกล ยิ่งใหญ่และเชี่ยวกรากด้วยโลหิตเข้มข้น โครงกระดูกมากมายละล่องทั้งลอยจมอยู่ภายใน ดูประหนึ่งธารโลหิตในปรภพ
“ข้ามแม่น้ำภัยพิบัติไป แล้วด่านแรกจากสามสิบสามด่านของแดนอำนาจเทวะ แสงชาดประหารสวรรค์จะอยู่บนฝั่งอีกด้านของแม่น้ำ… หืม? เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนจะมีศึกหนึ่งเกิดขึ้นใกล้ ๆ กับแม่น้ำภัยพิบัติ!” อสูรกลืนสวรรค์เอ่ยปาก ก่อนจะพลันเหมือนสังเกตเห็นบางสิ่ง แล้วเสียงของมันก็ดังขึ้นกะทันหัน
ศึก? เฉินซีหรี่ตาลง ขณะที่พลังใจอันใหญ่หลวงของเขาจะกวาดออกไป และจริงเช่นนั้น เขาสังเกตเห็นว่าในบริเวณรอบธารโลหิตอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งสงคราม ยิ่งกว่านั้น ยังมีซากศพไม่สมประกอบ ร่องรอยเลือดสด ๆ และหลุมมากมายอยู่ในบริเวณใกล้ฝั่งธาร…
หรือจะมีผู้ใดล่วงล้ำเข้าสู่นิกายอำนาจเทวะก่อนหน้าข้าแล้ว? เฉินซีตกตะลึงอยู่ในใจ เพราะเรื่องนี้น่าตกใจอย่างยิ่ง ขณะนี้หายนะมาสู่สามภพ และนิกายอำนาจเทวะดูร้ายกาจไร้เทียมทานเป็นพิเศษ
ในสถานการณ์เช่นนี้ การที่มีใครสักคนไร้ความกลัวต่อนิกายอำนาจเทวะและบุกทะลวงเข้าสู่นิกายอำนาจเทวะจึงเกินความเข้าใจไปไม่น้อย
คนผู้นี้เป็นใคร?
หรือคนผู้นี้จะมีจุดประสงค์เดียวกันกับข้า?
แต่ในภพเซียนขณะนี้ มีราชันเซียนผู้ใดเด็ดเดี่ยวอหังการเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ?
“ศึกเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ดูเหมือนจะมีใครสักคนบุกรุกสู่นิกายอำนาจเทวะเหอะ ใจกล้าเสียจริง หากนิกายอำนาจเทวะรับมือง่ายนัก มีหรือข้าจะถูกกำราบไว้นานแสนนาน?” อสูรกลืนสวรรค์แค่นหัวเราะเสียงเย็น น้ำเสียงของมันมีทั้งความดูแคลน โทสะ ไม่เต็มใจ กระทั่งเจือความขุ่นแค้น คลุมเครือถึงขีดสุด
เฉินซีเมินคำพูดเหล่านั้นไปสิ้น ถามขึ้นว่า “นี่เป็นเส้นทางเดียวสู่แดนอำนาจเทวะหรือ?”
“ย่อมไม่ จากที่ข้ารู้ มีสี่เส้นทางนำมาสู่ที่นี่ แบ่งออกเป็นสี่ทิศ อุดร ทักษิณ บูรพา ประจิม เส้นทางที่เรามานั้นอยู่ทิศประจิม และเป็นเส้นทางมรณะที่น้อยคนยิ่งจะล่วงรู้” อสูรกลืนสวรรค์ตอบเรียบ ๆ
“มิน่าเล่า ห้าในสิบศิษย์นิกายอำนาจเทวะจึงล่วงหน้าจากไปก่อนในศึกก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ารู้ตัวแล้วว่ามีผู้บุกรุกเข้าสู่นิกายอำนาจเทวะ จึงแยกตัวออกไปสนับสนุน” เฉินซีครุ่นคิดลึกล้ำอยู่ครู่สั้น ๆ จึงตัดสินใจแล้วมุ่งหน้าสู่แม่น้ำ
“เจ้าหนู เจ้าต้องระวังตัวนะ ท้ายที่สุด นี่ก็คือถิ่นฐานของนิกายอำนาจเทวะ เต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมาย อย่าพยายามอวดดีแล้วเอาชีวิตไปทิ้ง…” เสียงเตือนของอสูรกลืนสวรรค์สนั่นขึ้นเบื้องหลัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เฉินซีกำลังจะทำเท่าไหร่นัก
……
นิกายอำนาจเทวะ
แสงชาดประหารสวรรค์
นี่คือด่านแรกจากสามสิบสามด่านในแดนอำนาจเทวะ มันเป็นโลกกว้างอันไร้ขอบเขต สถานที่บ่มเพาะของศิษย์ระดับต่ำสุดของนิกายอำนาจเทวะ
อาคาร ลำธาร ภูเขา กระทั่งพื้นดินที่นี่ล้วนแล้วดำสนิท เมื่อมาถึง ก็รู้สึกไม่ต่างจากเยือนโลกหล้าแห่งความมืด ให้ความรู้สึกกดดันอย่างมหาศาล
แดนอำนาจเทวะมีทั้งสิ้นสามสิบสามด่าน แต่ละด่านแทนหนึ่งระดับสถานะ ยิ่งต่ำต้อย สถานะในนิกายอำนาจเทวะยิ่งต่ำตาม
ในทางกลับกัน ยิ่งระดับด่านสูง สถานะในนิกายอำนาจเทวะของผู้ผ่านไปถึงยิ่งสูงตาม
ยกตัวอย่างเช่น ในบริเวณเหนือด่านทั้งสามสิบสามคือสถานที่พำนักและบ่มเพาะของเจ้านิกายอำนาจเทวะ
ทว่าขณะนี้บังเกิดหายนะขึ้น ทวยเทพทั้งมวลในนิกายอำนาจเทวะล้วนต้องมุ่งหน้าสู่แดนโลกาวินาศกับเจ้านิกายอำนาจเทวะอย่างไม่อาจเลี่ยง
ดังนั้นขณะนี้ผู้ถือสถานะสูงสุดจึงเป็นเหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายของนิกายอำนาจเทวะ และการบ่มเพาะของพวกเขาแทบทั้งหมดต่างอยู่ในขอบเขตราชันเซียน
แน่นอน ราชันเซียนก็ยังมีความแตกต่างกัน
เช่นศิษย์ชั้นยอดอินไฮว่คง นักบวชอาวุโสคงจ้าว และนักพรตทัวคงซึ่งแต่เดิมเป็นตัวตนในขอบเขตเทวา แต่การบ่มเพาะของพวกเขาถูกสะกดจึงดูเหมือนเป็นราชันเซียน พวกเขาทำเช่นนี้เพื่อที่จะได้คงอยู่ในสามภพ ชี้นำนิกายอำนาจเทวะให้ควบคุมโลกา
ขณะเดียวกัน อำนาจที่พวกเขามีย่อมไม่ใช่สิ่งที่ราชันเซียนคนอื่น ๆ จะเทียบได้
นอกจากพวกเขา การบ่มเพาะของศิษย์ชั้นยอดคนอื่น ๆ ในนิกายอำนาจเทวะเองก็ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะส่วนใหญ่ล้วนอ้อยอิ่งอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตราชันเซียน
วูบ!
ร่างของเฉินซีปรากฏขึ้นในอากาศธาตุภายในแสงชาดประหารสวรรค์ ทั่วร่างพลุ่งพล่านด้วยปราณเซียนพิสุทธิ์ ขณะที่ตื่นตัวสุดขีด ดุจลูกธนูขึ้นสายเตรียมโผนทะยาน
แต่ชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าโลกหล้าแห่งนี้เงียบกริบดุจป่าช้า ถึงขนาดที่การมาถึงของเขามิได้กระตุ้นให้เกิดความสนใจใด ๆ
หนึ่งศึกเกิดขึ้นที่นี่จริง ๆ … หลังจากนั้น เฉินซีก็ตรวจสอบพบว่าฟ้าดินนี้เต็มไปด้วยซากศพและแอ่งโลหิต
ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าบรรยากาศจากศพเหล่านั้นเจือด้วยปราณหายนะ และปรากฏว่าพวกเขาคือศิษย์นิกายอำนาจเทวะ
ไม่ธรรมดา! การที่คนผู้นั้นบุกรุกนิกายอำนาจเทวะและประหัตประหารทั่วทิศได้เช่นนี้ ความแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่มีทางเป็นสิ่งที่ราชันเซียนทั่วไปจะเทียบได้… เฉินซีครุ่นคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงส่งพลังใจออกไปตรวจสอบ ก่อนที่ร่างจะวูบไหว เคลื่อนย้ายจากลับไปทันที
……
ด่านถัดมาคือเสาสวรรค์จรัสแสง
เมื่อมาถึง เฉินซีก็ยังเห็นเพียงซากศพเกลื่อนพื้น และข้อจำกัดมากมายอันถูกทำลายสิ้น
ร้ายกาจยิ่งนัก! อำนาจสังหารนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง กล้าแกร่งเพียงนี้ บุคคลนี่ไม่มีทางเป็นคนทั่วไปในภพเซียนแน่นอน แต่ผู้ใดกันเล่า? เหตุใดข้าจึงไม่อาจอนุมานสิ่งใดเกี่ยวกับคนผู้นี้ได้เลย? เฉินซี ยิ่งรู้สึกฉงนใจเกี่ยวกับ ‘ยอดฝีมือ’ ผู้บุกรุกสู่นิกายอำนาจเทวะมากขึ้นทุกขณะ
หลังจากนั้น เขาก็เลิกลังเล ทะลวงขึ้นสู่ด่านถัด ๆ ไปของแดนอำนาจเทวะ
เพลิงสุญตาแยกสวรรค์
ดาวฤกษ์พร่างสวรรค์
มงคลโลกกำเนิดสรวง
……
สรุปคือเฉินซีทะลวงเข้าสู่ด่านต่าง ๆ มากมายอย่างไม่หยุดพัก และสังเกตพบร่องรอยศึกสังหารสารพัดตลอดทาง ความตื่นตะลึงในใจทบทวีขึ้นเรื่อยๆ
ณ ด่านสิบแปด พรหมไร้ลักษณ์เรืองสวรรค์
เมื่อเฉินซีมาถึง ชายหนุ่มสัมผัสคลื่นสงครามอันดุเดือดได้ทันที
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาตกตะลึง เข้าใจทันทีว่าขณะนี้ ‘ยอดฝีมือ’ ซึ่งบุกรุกเข้าสู่นิกายอำนาจเทวะกำลังประชันศึกอยู่ในด่านสิบแปดของแดนอำนาจเทวะ
เฉินซีไม่กล้าโอ้เอ้ ร่างสูงใหญ่วูบไหวทะยานไกล
ตู้ม!
ที่แห่งนี้เป็นที่ราบเขียวขจีทอดยาวแสนไกล ขณะนี้มันกลายไปเป็นสมรภูมิอันกว้างใหญ่ รัศมีปราณเซียนพิสุทธิ์ปะทุขึ้นทั่วที่ราบ ขณะที่อำนาจอันแปรปรวนพลุ่งพล่านขึ้นฟ้า ยิ่งกว่านั้น คลื่นข้อจำกัดยังปกคลุมทั่วทิศ สมบัติอมตะกระทบกระทั่ง วิชาต่าง ๆ อลหม่านทั่วนภา สับสนปนเปไปหมด
ศิษย์นับพันคนของนิกายอำนาจเทวะร่วมมือกับสร้างข้อจำกัดสารพัดเพื่อจองจำหนึ่งบุคคลร่างอรชร แสงสว่างเจิดจรัสครอบคลุมทั่วพื้นที่ ทำให้คนอื่น ๆ ไม่สามารถประจักษ์แก่ศึกที่บังเกิดที่นั่นได้เลย
ทว่าเมื่อเฉินซีมุ่งหน้าเข้ามาและเห็นภาพนี้จากไกล ๆ ม่านตาของเขากลับหดตัว เพราะสมรภูมินั้น… แผ่พล่านไปด้วยพลังแสงอันบริสุทธิ์เหนือใดเทียม!
หรือ ‘ยอดฝีมือ’ ผู้นี้จะมาจากตำหนักเต๋าหนี่หวา?
หลังจากนั้น พลังใจอันร้ายกาจก็กวาดเข้าสู่สมรภูมิอันห่างไกล จนเมื่อในที่สุดเขาก็ได้เห็นร่างซึ่งถูกล้อมอยู่กลางสมรภูมิถนัดตา เฉินซีชะงักค้าง ม่านตาหดวูบ ประหนึ่งถูกฟ้าผ่าในทันใด
ที่แท้…. ก็เป็น… นาง? เฉินซีเผลอตัวร้องออกมา เสียงของเขาสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น มันยังเจือด้วยความตื่นเต้นอย่างเกินบรรยาย ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้มาพบนางที่นี่ยามนี้
มันเกินกว่าความคาดหมายข และทำให้เขาตกตะลึงอย่างยิ่ง ร่างกายแข็งค้างในทันใดขณะที่หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยคลื่นอารมณ์
……….