บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1515 ไร้เทียมทาน
บทที่ 1515 ไร้เทียมทาน
……….
บทที่ 1515 ไร้เทียมทาน
หุ่นวิญญาณศึกไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเฉินซี
นานมาแล้วในแดนภวังค์ทมิฬ ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับคัมภีร์จักรพรรดิแห่งการควบคุม และมันเป็นมรดกสูงสุดของเผ่าช่างฝีมือวิญญาณที่มีวิธีการสร้างหุ่นวิญญาณศึก
ยิ่งไปกว่านั้น ซางจือยังเป็นหุ่นวิญญาณศึกเช่นเดียวกัน เมื่อหลายปีก่อนในขณะที่เขาอยู่ในภพมนุษย์ มันได้เผยพลังฝีมืออันน่าทึ่งและศักยภาพที่น่าประหลาดใจ
ในขณะนี้ เมื่อเขาเห็นกลุ่มหุ่นวิญญาณศึกเหล่านี้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ซ้ำพุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด รอยยิ้มหยันก็ปรากฏบนริมฝีปากของเฉินซีอย่างอดไม่ได้ “ช่างเป็นไอ้พวกโง่เขลาบัดซบ!”
ฟิ่ว!
แสงสีทองเปล่งประกาย และฉีกผืนฟ้าออกจากกัน ทันทีที่เขาโจมตี สีหน้าของผู้เยี่ยมยุทธ์หลายคนที่อยู่ในหุบเขาปีศาจก็เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ชื่อเยียน หรือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ทั้งหมดล้วนมีสายตาเฉียบแหลม ดังนั้นจึงสามารถแยกแยะได้ทันทีว่ากระบวนท่าของเฉินซีนั่นน่ากลัวเพียงใด
“ช่างเป็นเจตจำนงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงกล่าวด้วยความตกใจ
“ความสำเร็จในเต๋าแห่งกระบี่เช่นนี้…”
ครืน!
ประกายกระบี่เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ไร้ขอบเขต มันทะลุผ่านอวกาศ และกวาดออกไปด้วยอานุภาพที่ไร้เทียมทาน
หุ่นวิญญาณศึกเหล่านั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เนื่องจากร่างกายของพวกมันนั้นเป็นสมบัติอมตะ ดังนั้นพวกมันจึงเหมาะที่สุดในการขัดขวางศัตรู แม้ราชันเซียนจะโจมตีเต็มกำลัง แต่ก็ยากที่จะสลาย เพราะวัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้การหลอมสร้างหุ่นวิญญาณศึกนั่นหายาก และความทนทานของพวกมันก็ไม่ต่างกับสมบัติระดับว่างเปล่า
แต่เมื่อประกายกระบี่วูบวาบ บรรดาหุ่นวิญญาณศึกล้วนมึนงงสับสนและวิญญาณสั่นสะท้าน แม้ร่างกายของพวกมันจะท้าทายสวรรค์ แต่พวกมันก็มีชีวิตมีจิตวิญญาณ
“สวรรค์!” พวกมันพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง
โครม โครม โครม!
ทว่าประกายกระบี่นั้นคมสุดขั้ว ทุกที่ที่มันผ่านไป หุ่นวิญญาณศึกจะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แขนขาถูกฟันกระจัดกระจาย ในชั่วพริบตาพวกมันก็ถูกบดขยี้เป็นผุยผง
มันเป็นเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน!
เฉินซียังคงเฉยเมยต่อเรื่องทั้งหมดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
“บัดซบ!” บนกำแพงเมือง ใบหน้าของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “พลังฝีมือของเจ้าเด็กนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้จะอยู่ในขอบเขตราชันเซียน แต่มันก็อยู่จุดสูงสุด!”
ก่อนหน้านี้ เขาได้สั่งให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูใช้หุ่นวิญญาณศึกเข้าขัดขวาง เพื่อให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ สามารถรวมพลังบดขยี้เฉินซี
ทว่าบัดนี้ ดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเปลี่ยนแผนการ
“รีบเปิดใช้งานค่ายกลกลั่นกรองเทพวิญญาณบรรพชน!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงออกคำสั่งทันที
“จงตื่น!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะดำเนินการทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้ และเปิดใช้งานค่ายกล
โครม!
ข้อจำกัดอันน่าสะพรึงกลัวได้แพร่กระจายออกไป มันทำให้ฟ้าดินตกลงสู่หมอกสีดำอันวุ่นวาย ซ้ำยังพลุ่งพล่านด้วยสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่ศัตรู
ค่ายกลนี้กล่าวกันว่า สามารถกักขังทวยเทพได้ และเมื่อมันถูกควบคุมโดยเหล่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่จำเป็นกลัวที่จะต่อสู้กับเทพที่แท้จริงด้วยซ้ำ
“ข้อจำกัดหรือ?” ขณะจ้องมองไปยังกระแสพลังแห่งข้อจำกัดที่พุ่งทะยานเข้ามา และสังเกตเห็นร่างของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้จาง ๆ ท่ามกลางข้อจำกัดนั้น รอยยิ้มอันเย็นชาก็ปรากฏที่ริมฝีปากของเฉินซี
ฟิ่ว!
ชายหนุ่มโจมตีด้วยกระบี่อีกครั้ง
ทันใดนั้น ดูเหมือนจะมีสายฟ้าปรากฏขึ้นในฟ้าดินอันกว้างใหญ่! แต่กลับเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาดเสียอีก!
กระแสพลังแห่งข้อจำกัดที่พุ่งทะยานเข้ามานั่นเหมือนกับฟองสบู่เมื่ออยู่ตรงหน้าปราณกระบี่นี้ และถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ในขณะที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างพิภพจำนวนมากที่อยู่ภายในข้อจำกัดล้วนถูกทำลายล้างทันที
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เฉินซีคว้าโอกาสนี้โจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยปราณกระบี่นับพัน พวกมันพุ่งทะยานจนเกิดเสียงหวีดหวิวไปรอบ ๆ และทิ่มแทงค่ายกลใหญ่ที่หุบเขาปีศาจจนเกิดรูจำนวนนับไม่ถ้วน เผยให้เห็นจุดอ่อนอยู่ทุกที่
ภายใต้การโจมตีดังกล่าว กองทัพต่างพิภพที่ซ่อนอยู่ภายในค่ายกลล้วนถูกทำลายล้างไปทีละกลุ่ม ทำให้เลือดสาดกระเซ็น ศพมากมายล้มลงกับพื้น ไม่มีโอกาสได้โต้ตอบหรือหลบเลี่ยงด้วยซ้ำ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงประหลาดใจ “นั่นคือค่ายกลกลั่นกรองเทพวิญญาณบรรพชน มันสามารถกักขังทวยเทพได้ แล้วมันจะทำลายเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? มันเป็นไปไม่ได้!”
“อ๊าก!!!”
“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
“หลบเร็ว!”
ภายในช่องเขาปีศาจ มีทหารนับแสนคน แต่ภายใต้การโจมตีของเฉินซี ทหารนับหมื่นล้วนถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ที่น่าสยดสยองและน่าสะพรึงกลัวดังกล่าว ทำให้กองทัพที่เหลือรอดแตกกระเจิง พวกมันต่างร้องคร่ำครวญและแผดเสียงโหยหวน ซ้ำยังสูญเสีญขวัญกำลังใจที่จะต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง
แม้แต่ค่ายกลกลั่นกรองเทพวิญญาณบรรพชนก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีดังกล่าวได้ และทำให้พวกมันดูเหมือนมดที่อาจถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ
ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือตั้งแต่ต้นจนจบเฉินซีไม่หยุดโจมตีเลยสักครั้ง ปราณกระบี่วูบวาบผ่านท้องฟ้า ในขณะกองทัพขนาดใหญ่ถูกทำลายล้างในเวลาไม่กี่ลมหายใจ พวกมันไม่สามารถต้านทานได้อย่างสิ้นเชิง!
“วิชากระบี่นี้… น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ไม่ มันไม่ใช่แค่นั้น การบ่มเพาะของเจ้าเด็กนี้เกินขอบเขตราชันเซียนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ามันจะยังไม่กลายเป็นเทพ แต่ก็คงอยู่ไม่ไกล!”
“ผิดแล้ว! พวกเจ้าทุกคนเข้าใจผิดแล้ว ความสำเร็จในแง่ข้อจำกัดของเจ้าเด็กนี้ก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ทุก ๆ การโจมตีจะมุ่งไปที่จุดอ่อนของค่ายกล ซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย!”
ในขณะนี้ เหล่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทุกคนล้วนตกตะลึง และสีหน้าของพวกมันก็ดูเคร่งขรึมปนซีดขาว
“เรากำลังประสบปัญหาใหญ่แล้ว!” บนกำแพงเมือง หัวใจของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงดิ่งลงในทันที เพราะพลังฝีมือของเฉินซีนั่นท้าทายสวรรค์เกินไป แม้เขาจะไม่เคยประเมินเฉินซีต่ำ แต่เมื่อต่อสู้กันจริง ๆ ก็ทำให้ตระหนักได้ทันทีว่าความพลังฝีมือของเฉินซีนั่นเกินความคาดหมายไปมาก
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะหายจากอาการตกใจ เสียงที่เย็นชาก็ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน “ไอ้สารเลว! เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่? เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะตัวเล็ก ๆ ในภพมนุษย์เมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะบรรลุความสำเร็จเช่นนี้ ดังนั้นให้ข้าให้เกียจเจ้า ด้วยการส่งเจ้าไปนรก!”
เป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผมขาวที่ทะยานออกไป!
โครม!
ร่างของเขาวูบไหวผ่านท้องฟ้า ผมยาวสีเงินเหยียดกระพืออย่างไม่หยุดยั้งและยืดยาว กลายเป็นด้ายสีเงินที่ปกคลุมท้องฟ้าขณะที่พุ่งเข้าใส่เฉินซี
ผมสีเงินสว่างราวกับกระบี่และหอก ทุกเส้นล้วนเปี่ยมด้วยกลิ่นอายสังหารที่ดุร้ายอย่างไม่มีใครเทียบได้ มันสับมิติออกเป็นเสี่ยง ๆ และกลิ่นอายของมันก็น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง
เฉินซีจำจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนนี้ได้ทันที ในอดีตเมื่อครั้งอยู่ที่เหวเงาทมิฬ เขาไม่มีพลังแม้แต่น้อยที่จะเขย่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ และในตอนนั้นหากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คิดเพียงแวบเดียว ก็เพียงพอที่จะทำลายล้างเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่บัดนี้มันต่างออกไปแล้ว เฉินซีไม่ใช่ผู้บ่มเพาะตัวเล็ก ๆ เหมือนเช่นในอดีต! ยามนี้เขาไม่เกรงกลัวต่อใครในสามภพทั้งหมด!
ฟิ่ว!
ในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้มีผมสีขาวก็เปิดฉากโจมตี เฉินซีก็โจมตีสวนกลับไป ยันต์ศัสตราฉีกผ่านท้องฟ้า ปราณกระบี่ที่แปลกประหลาดและไม่อาจหยั่งถึงก็ฉายวาบทันที
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เส้นผมนับไม่ถ้วนที่เสมือนหิมะสีเงินนั่นถูกตัดขาดสะบั้น
พรวด!
หลังจากนั้น ศีรษะของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้มีผมสีขาวก็กระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า ศพไร้หัวแตกสลาย วิญญาณถูกทำลาย ทำให้ค่ายกลที่ก่อตัวขึ้นจากกองทัพต่างพิภพสิ้นสลาย ขวัญกำลังใจก็สูญสิ้น ไม่หลงเหลือความตั้งใจที่จะต่อสู้อีกต่อไป พวกมันต่างหลบหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง
ฟิ่ว!
ปราณกระบี่แผ่กระจายออกไปราวกับคลื่นยักษ์ และสังหารกองทัพต่างพิภพทั้งหมด
ทันทีที่เฉินซีโจมตี ก็ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด และพยายามยุติการต่อสู้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ใช้เคล็ดวิชากระบี่ในการจัดการกับถูกวง แต่ก็สามารถสังหารถูกวงได้อย่างง่ายดายราวกับหักกิ่งไม้แห้ง แต่ครั้งนี้เขาใช้พลังเต็มที่ จึงเห็นได้ชัดว่าพลังที่เขาครอบครองอยู่นั่นน่ากลัวเพียงใด
ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผมขาวหรือเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่อยู่ภายในค่ายกลใหญ่ ไม่ว่าจะมีจำนวนมหาศาลเพียงใด แต่จุดแข็งของพวกมันก็ยังด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเฉินซี ดังนั้นผลลัพธ์จึงถูกกำหนดไว้ตั้งแต่พริบตาที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“ไม่!!!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!?”
“ไอ้สารเลวนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร!?”
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เมื่อจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ฟื้นจากอาการตกใจ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผมขาวและกองกำลังต่างพิภพทั้งหมดที่อยู่ใกล้ก็ถูกสับเป็นชิ้น ๆ ด้วยปราณกระบี่จากเฉินซีจนหมดสิ้น!
…
สีหน้าของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงเปลี่ยนไปอย่างมากเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ในขณะที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ต่างตกตะลึงในใจและรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง นี่คือฐานทัพที่มีกองทหารนับแสนคนและมีจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แปดคนประจำการอยู่ นอกจากนี้ ยังสร้างค่ายกลใหญ่ที่สามารถกักขังและสังหารทวยเทพได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถทำร้ายเฉินซีได้เลยสักนิด!
มันถึงขั้นที่การกระทำทั้งหมด เป็นเหมือนกระดาษที่ถูกทำลายอย่างง่ายดาย แม้แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้มีผมสีขาวก็ถูกสังหารราวกับเด็ดกิ่งไม้ แล้วพวกมันจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร?
“แม้ว่าข้าจะเป็นผู้ลงมือ ก็ไม่มีความมั่นใจที่จะต้านทานกระบวนท่านั้นได้…”
หัวใจของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงสั่นสะท้าน กระบวนท่ากระบี่ที่เฉินซีใช้สังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้มีผมสีขาวก่อนหน้านี้ พิสดารเกินไป มันสุดแสนจะเรียบง่าย แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะสามารถระเบิดพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น แม้แต่เขาก็ประเมินอานุภาพของกระบวนท่านี้ผิดไป
เฉินซีผู้นี้ ทำให้ข้าซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพต่างพิภพยังต้องรู้สึกหวาดกลัวจริง ๆ หรือ?
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงไม่เต็มใจที่จะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น “มันจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร? มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด เพราะมันไม่ใช่ตัวตนที่ขอบเขตเทวา ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะบรรลุสิ่งนี้ได้…”
เขาสาบานกับทวยเทพ และยังกล้ารับประกันว่าเฉินซียังไม่บรรลุขอบเขตเทวา แต่ไม่ว่าจะเค้นสมองคิดสักเพียงใด ก็ไม่สามารถเข้าใจว่าเฉินซีจะสามารถแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ต่างก็หวาดกลัวเช่นกัน พวกมันไม่สามารถหยั่งพลังที่แท้จริงของคนผู้นี้ได้ และด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงดูลึกลับยิ่งขึ้น
…
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
หลังจากที่สังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้มีผมสีขาวแล้ว เฉินซีก็ไม่หยุดและสังหารต่อไปด้วยยันต์ศัสตราในมือ ปราณกระบี่กวาดไปทั้งแนวตั้งและแนวนอน ครอบคลุมหุบเขาปีศาจทั้งหมด
ชั่วพริบตา สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นนรก เสียงร้องโหยหวนและคร่ำครวญดังก้อง กองทัพต่างพิภพกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าล้วนจมอยู่ในกองเลือด
เหตุการณ์นี้น่าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าเฉินซีอยู่เพียงลำพัง แต่กลับดูเหมือนปีศาจที่บงการชีวิตและความตาย ทุกที่ที่ปราณกระบี่ชี้ไป ล้วนถูกทำลาย และเก็บเกี่ยวชีวิตมากมายโดยไม่แสดงความเมตตาใด ๆ
หากผู้คนจากสามภพได้เห็นเหตุการณ์นี้ เลือดในกายของพวกเขาคงเดือดพล่านอย่างแน่นอน พร้อมกับส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจเฉินซี
เพราะหากเป็นในอดีต ความสำเร็จดังกล่าวก็เพียงพอที่จะถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของทั้งสามภพ แล้วเหล่าผู้คนในรุ่นต่อ ๆ ไปก็จะสรรเสริญความสำเร็จนี้
“รวมพลังกัน!” ทันใดนั้น จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงก็แผดคำรามอย่างเกรี้ยวกราด และเสียงก็สั่นสะเทือนสวรรค์ทั้งเก้า เขาไม่อาจสงบจิตสงบใจได้อีกต่อไป เพราะแค่ผู้บ่มเพาะเพียงคนเดียวก็กำลังจะทำลายล้างกองทัพต่างพิภพซึ่งเตรียมพร้อมที่บุกสามภพ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทนต่อการสูญเสียอันใหญ่หลวงเช่นนี้ได้
แต่กระนั้น ดูเหมือนเฉินซีจะไม่คิดแยแส เจตจำนงกระบี่ทะยานขึ้นฟ้า และปกคลุมโดยรอบทั้งหมด ชายหนุ่มในยามนี้ทั้งอำมหิต เลือดเย็นและไร้อารมณ์ ประหนึ่งตั้งใจที่จะล้างบางศัตรูให้สิ้นซาก
“ไอ้สารเลว!!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงเต็มไปด้วยความโกรธ และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ร่างของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า “ทุกคน ร่วมมือกับข้าเพื่อบดขยี้ไอ้สารเลวนี้! เรามิอาจปล่อยให้มันเข่นฆ่าได้อีกต่อไป!”
……….