บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1514 บุกหุบเขาปีศาจ
บทที่ 1514 บุกหุบเขาปีศาจ
……………………………………………………………………..
บทที่ 1514 บุกหุบเขาปีศาจ
ในชั่วพริบตา ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่เทียบได้กับขอบเขตราชันเซียนล้วนพ่ายแพ้อย่างหมดรูป และไร้พลังดิ้นรนเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินซี!
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและหายใจไม่ออก ในที่สุดนางก็ตระหนักว่าชายที่ยืนอยู่ไกลออกไป ซึ่งเกี่ยวข้องกับนางทางสายเลือดนั้นแข็งแกร่งกว่าที่จินตนาการไว้มาก!
แต่…ในเมื่อเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดถึงไม่หาเราในตลอดหลายปีที่ผ่านมาล่ะ?
หญิงสาวตกตะลึง คลื่นก็ซัดสาดอยู่ในหัวใจปั่นป่วน และนางก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
โอม!
ตะเกียงวังสีเขียวปรากฏขึ้น จากนั้นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ก็สะพัดออกมาจากภายใน
เฉินซีเหยียดมือออกแล้วคว้า จากนั้นยันต์และข้อจำกัดก็ถูกกวาดออกไป มันกระชากวิญญาณของถูกวงออกจากร่างอย่างแข็งขัน จากนั้นถูกผนึกไว้ในตะเกียงวังไหมเขียวพร้อมกับเสียงดังลั่น
ฟู่! ฟู่!
ตะเกียงวังไหมเขียวเป็นสมบัติอมตะโบราณ และเปลวไฟภายในนั้นมีความรุนแรงอย่างไม่มีใครเทียบได้ ทันทีที่วิญญาณของถูกวงถูกผนึก มันก็ถูกเผาไหม้ด้วยคลื่นเปลวไฟ และเกิดเสียงดังฟู่เหมือนน้ำมันที่เดือดพล่าน
“อ๊าาาก!!! ข้ายอมแล้ว ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง โปรดให้ข้าได้ตายทันทีเถิด!” มันทำร้ายถูกวงจนต้องกรีดร้องโหยหวน และจิตวิญญาณก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เขาไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่เกินจะทานทน และยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง
“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามลมหายใจ” เฉินซีกล่าวอย่างไม่แยแส
“สตรีนางนั้น… ยังไม่ตาย นางถูกพาตัวไปโดยจักรพรรดิแห่งพิภพวิญญาณ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง!” ถูกวงตอบอย่างรวดเร็ว เสียงของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความหดหู่อย่างสุดจะพรรณนา
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง? ตอนนี้มันอยู่ที่ใด?” เฉินซีกล่าวต่อ และถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะฟ่านอวิ๋นหลานยังไม่ถึงฆาต
“หุบเขาปีศาจที่อยู่ใจกลางธารแยกแดนดิน”
“มีกี่กองกำลัง?”
“มีราชันเซียนต่างพิภพทั้งหมดแปดคน รวมถึงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง และกองทัพต่างพิภพ หนึ่งแสนคน นั่นคือฐานทัพของกองกำลังต่างพิภพของเราที่จะโจมตีสามภพในครั้งนี้”
โครม!
เมื่อทราบเรื่องเหล่านี้แล้ว เฉินซีไม่ได้แสดงความเมตตาใด ๆ และทำลายวิญญาณตรงหน้าทันที
“เจ้า… ไม่กังวลว่ามมันจะหลอกลวงหรือ?” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถาม
“มันไม่กล้าหรอก” เฉินซียิ้มและไม่ได้ให้คำอธิบายใด ๆ ด้วยความรู้สึกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะโกหกหรือหลอกลวงก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาเขาได้
“ไปที่ธารแยกแดนดินกันเถอะ” ขณะที่กล่าว ชายหนุ่มก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ และพาหญิงสาวไปด้วย
…
ธารแยกแดนดินนั้นกว้างใหญ่ไพศาล มันแยกพิภพภายนอกและสามภพออกจากกัน
ผืนดินสีดำลอยอยู่ใจกลางธารแยกแดนดิน และทอดยาวไปอย่างไร้ขอบเขต
ดินแดนอันกว้างใหญ่นี้คือหุบเขาปีศาจ
ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มันเป็นสถานที่ที่กองกำลังของสามภพและกองทัพต่างพิภพได้ต่อสู้แย่งชิงมาโดยตลอด เพราะตราบใดที่สามารถควบคุมหุบเขาปีศาจได้ ก็สามารถเดินทัพไปยังอีกฟากหนึ่งของธารแยกแดนดินได้
แต่ว่าบัดนี้ หุบเขาปีศาจได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกองทัพต่างพิภพแล้ว
กองทัพต่างพิภพหนึ่งแสนคนได้ตั้งค่ายอยู่ที่หุบเขาปีศาจ และพวกมันเหมือนมวลตั๊กแตนที่แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ของดินแดนกว้างใหญ่นี้
แต่ละคนเปี่ยมด้วยจิตสังหาร และเมื่อมาบรรจบกัน จิตสังหารมหาศาลก็เหมือนกับฝูงมังกรดำที่พุ่งทะยานไปบนท้องฟ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกิดเป็นภาพที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง
ณ ใจกลางของหุบปีศาจ มีเมืองหนึ่งที่ดูเหมือนป้อมปราการตั้งอยู่
ในขณะนี้ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่มีกลิ่นอายน่าเกรงขามกำลังยืนอยู่บนกำแพงเมือง พวกมันมีทั้งหมดแปดคน และทุก ๆ คนก็สามารถต่อกรกับราชันเซียนได้!
บุคคลทั้งแปดนี้เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่จากแปดพิภพภายนอก!
“ถูกวงตายแล้ว” ชายร่างผอมที่สวมชุดคลุมสีดำซึ่งยืนอยู่ตรงกลางกล่าวพลางขมวดคิ้ว เขามีผิวที่ขาวกระจ่างใสและดวงตาดุจอัญมณีสีแดงคู่หนึ่ง ซึ่งเปร่งประกายแสงอันน่าสะพรึงกลัว แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง
หากเฉินซีอยู่ที่นี่ เขาคงสามารถระบุได้ทันทีว่าสวี่เซียงคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผมขาวที่หลบหนีออกมาจากด่านแห่งความลึกล้ำภายในเหวเงาทมิฬ
ในตอนนั้น แม้แต่การรวมพลังของหม้อใบจิ๋วและตราที่จักรพรรดิมดทิ้งไว้เบื้องหลัง ก็ไม่สามารถทำให้มันทิ้งชีวิตไว้ได้ และความแข็งแกร่งมันก็น่ากลัวอย่างยิ่ง
“ชื่อเยียน เจ้าทำนายตัวตนของบุคคลนี้ได้หรือไม่?” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงเหลือบมองชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง
ชายคนนี้สวมเสื้อคลุมสีแดงเพลิง และที่หว่างคิ้วก็มีรอยสักยันต์ที่ดูคลุมเครือ ในขณะนี้ เขากำลังหลับตา ร่างกายก็พลุ่งพล่านด้วยเกลียวคลื่นพลังลึกลับ
เขาคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ชื่อเยียน ราชาสูงสุดที่มาจากพิภพประกายเพลิง และมีทักษะในการทำนายอันโดดเด่น
“ข้าไม่สามารถทำนายสิ่งใดได้เลย ชะตาของคนผู้นี้ผิดปกติอย่างยิ่ง คล้ายถูกปกปิดไว้อย่างสมบูรณ์…” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ชื่อเยียนขมวดคิ้วพลางลืมตาขึ้น และเผยสีหน้าที่เคร่งขรึม “นิมิตเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าพลังฝีมือของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา”
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และดวงตาของพวกเขาพลันหรี่ลง
ขณะนี้สามภพกำลังเผชิญกับการรุกรานของนิกายอำนาจเทวะ ดังนั้นราชันเซียนทุกคนจึงกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเอง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครจะมีเวลามาสนใจสิ่งต่าง ๆ ที่นี่อีก?
“พวกเจ้าคิดว่าอาจเป็นชายหนุ่มคนนั้นที่เพิ่งเข้ายึดสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าหรือไม่? ปัจจุบัน เขามีชื่อเสียงที่สุดในสามภพ และได้ทำลายล้างราชันเซียนหลายคนอย่างต่อเนื่อง แม้แต่นิกายอำนาจเทวะก็ยังต้องล่าถอย ซ้ำยังไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงขมวดคิ้วขณะที่กล่าว
“เฉินซี?” เมื่อได้ยินเรื่องนี้ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ จำได้ทันที ในช่วงที่ผ่านมา ข่าวการสังหารกลุ่มราชันเซียนของเฉินซีแพร่กระจายราวติดปีก น่าตกใจจริง ๆ ที่แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพเหล่านี้ยังให้ความสนใจ
“ถ้าเป็นชายหนุ่มคนนั้นจริง ๆ ก็คงรับมือได้ยาก” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ชื่อเยียนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
“ฮึ่ม! เจ้ากลัวอะไร? ถ้ามันมาจริง ๆ ด้วยความสามารถของเราก็เพียงพอที่จะทำให้มันทิ้งชีวิตเอาไว้ ด้วยวิธีนี้ มันก็เทียบได้กับการทำลายกำแพงคุ้มกัน เพื่อที่เราจะได้บุกโจมตีทั้งสามภพ” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อีกคนกล่าวอย่างเย็นชาและไม่แยแส
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เนื่องจากเฉินซีผู้นี้มีชื่อเสียงระบือไปทั้งสามภพ จึงไม่อาจเทียบเขากับราชันเซียนทั่วไปได้ เราควรเตรียมความพร้อมแต่เนิ่น ๆ”
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงโบกมือและตัดสินใจ “กุ้ยซู ชื่อเยียน เสวียนเฉิน… พวกเจ้าทุกคนสั่งการกองทัพและร่วมกันจัดตั้งค่ายกลกลั่นกรองเทพวิญญาณบรรพชนซะ”
ค่ายกลกลั่นกรองเทพวิญญาณบรรพชน!
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เพราะมันคือไพ่ต่ายของพวกมัน แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงตั้งใจที่จะระดมกองทหารเพื่อจัดตั้งค่ายกลนี้ เพียงเพราะการคาดเดาเท่านั้น และพวกเขารู้สึกว่ามันเหมือนเอามีดฆ่าโคไปเชือดไก่
“ถูกวงตายแล้ว ข้าไม่อยากเห็นใครต้องตายอีก” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง กวาดสายตามองคนอื่น ๆ แล้วกล่าวว่า “ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”
ในขณะนี้ แม้ว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ยังคงรู้สึกไม่แยแสต่อเรื่องนี้ในใจ พวกเขาก็ทำได้เพียงรับคำสั่งและแยกย้ายกันไปจากกำแพงเมืองทันที
“ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ สตรีนางนั้นยังคงปฏิเสธที่จะยอมจำนน” ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังเข้ามาในหูของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง
เขาขมวดคิ้ว จิตสังหารอันรุนแรงพุ่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น “บอกนางว่า ถ้านางไม่ให้ความร่วมมือ เราจะกระชากวิญญาณของนางออกมา แล้วผนึกไว้ในหุ่นวิญญาณศึก ในเวลานั้น นางจะไม่หลงเหลือจิตสำนึกอีกต่อไป และกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่ใช่ทั้งคนหรือสัตว์ร้าย!”
หลังจากที่ออกคำสั่งแล้ว สายตาของเขาก็กวาดไปไกล ทันใดนั้น ก็สังเกตเห็นร่างหนึ่งกำลังลัดเลาะไปตามธารแยกแดนดินจากที่ไกลโพ้น ซึ่งกำลังผ่านชั้นอวกาศและมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว
“เป็นเจ้าเด็กนั้นจริง ๆ!”
“ฮ่า ฮ่า! ไม่คิดเลยว่ามันจะมาที่นี่!”
“มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เท่านั้นที่ตามมันมา เจ้าเด็กนี้ช่างอวดดียิ่งนัก หรือมันคิดว่ากองทัพต่างพิภพของเราเป็นเพียงของเด็กเล่น?”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ที่กระจายตัวไปทั่วพื้นที่ต่าง ๆ ของช่องเขาปีศาจ ล้วนสังเกตเห็นร่างนี้และทุกคนก็เยาะเย้ย
“ตั้งค่ายกล!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียง โบกมือจากกำแพงเมือง
ครืน!
ทันใดนั้น ภายในช่องเขาปีศาจก็เกิดการเคลื่อนไหว กองกำลังต่างพิภพกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าต่างบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และร่วมมือกันเพื่อสร้างข้อจำกัดมากมายภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด
ในท้ายที่สุด ข้อจำกัดเหล่านี้ได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน และกลายเป็นค่ายกลใหญ่ที่สมบูรณ์ มันครอบคลุมหุบเขาปีศาจทั้งหมด ซึ่งแผ่กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมาอย่างมหาศาล
…
เฉินซีเห็นเหตุการณ์นี้จากระยะไกล แต่ไม่คิดหยุดแม้แต่น้อย ซึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
“เจ้า… ตั้งใจจะเผชิญหน้ากับพวกมันหรือ?” ขณะที่นางมองไปที่หุบเขาปีศาจที่อยู่ในระยะไกล และสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากมัน จนรู้สึกถึงคลื่นแห่งความหวาดกลัวในใจ
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แปดคนและกองทัพต่างพิภพหนึ่งแสนคน!
มีใครจะไม่หวาดกลัวเมื่อเผชิญกับกองกำลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้หรือ?
เฉินซีตบไหล่นางพลางกล่าว “ข้าจะไม่ทำกระทำการบุ่มบ่าม เจ้าต้องซ่อนตัว และออกมาเมื่อข้าช่วยมารดาของเจ้าได้แล้ว”
ร่างของหญิงสาวแข็งทื่อเมื่อฝ่ามือของเฉินซีทาบทับลงมา ดูเหมือนนางจะไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็หยุดดิ้นรน และอาจถือได้ว่ายอมรับข้อตกลงโดยปริยาย
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อและซ่อนหญิงสาวไว้ในสมบัติอมตะ
ฟิ่ว!
หลังจากที่ทำทั้งหมดนี้แล้ว เฉินซีก็ไม่ลังเลอีกต่อไป และมุ่งหน้าไปที่หุบเขาปีศาจด้วยความเร็วสูงสุด ราวกับฉีกชั้นอวกาศออกทีละชั้น และมาถึงตรงหน้าหุบเขาปีศาจในทันที
“เร็วขนาดนั้นเชียว?” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของช่องเขาปีศาจต่างตกตะลึง
“หืม?” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ประกายเยียบเย็นพลันวูบในดวงตาของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง ซึ่งเฉินซีก็จ้องมองเขามาจากระยะไกลเช่นกัน
สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของทั้งสองสบกันไม่หันหนี
“น่าสนใจจริง ๆ พลังของมันดูเหมือนจะมาถึงระดับเลิศล้ำของขอบเขตราชันเซียนแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่กล้าบุกเข้ามาเพียงลำพัง” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สวี่เซียงหัวเราะเสียงเย็น “แต่น่าเสียดาย การบุกเพียงลำพังไม่ต่างอะไรกับการเอาเชือกแขวนคอ หรือเจ้าเด็กนี่คิดว่าตนเองเป็นเทพที่สามารถกวาดล้างได้ทุกสิ่ง?”
…
ในขณะเดียวกัน กองทัพต่างพิภพนับแสนบนหุบเขาปีศาจก็สังเกตเห็นเฉินซีเช่นกัน
“เจ้าชนพื้นเมืองที่น่ารังเกียจนี้เสียสติไปแล้วหรือ?”
“เจ้านั่นคือเฉินซีกระมัง? ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นราชันเซียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในสามภพตอนนี้ แต่แท้จริงแล้ว มันกลับจองหองจนกล้าบุกเข้ามา ช่างหาที่ตายเสียจริง ๆ!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
เมื่อเห็นเฉินซีบุกมาเพียงลำพัง บรรดากองทัพต่างพิภพล้วนรู้สึกว่าราชันเซียนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือกำลังรนหาที่ตาย
ชิ้ง!
เฉินซียังคงเฉยเมย และชักยันต์ศัสตราอย่างไม่แยแส ก่อนจะเปิดฉากโจมตี
“หยุดมัน!” ภายในช่องเขาปีศาจ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูออกคำสั่ง และสั่งให้กองทัพหุ่นวิญญาณศึกมากกว่าหมื่นตัวเข้าโจมตี
โครม โครม!
ทันใดนั้น หุ่นวิญญาณศึกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับเมฆดำ พวกมันก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นเข้าโจมตีอย่างดุเดือด ทำให้มิติโดยรอบแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ หุ่นวิญญาณศึกทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเผ่าช่างฝีมือวิญญาณ และตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในพวกมัน ก็เทียบได้กับขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์กุ้ยซูไม่ได้หวังว่าพวกมันจะสามารถทำลายล้างเฉินซีได้ ขอเพียงชะลอเฉินซีได้ครู่หนึ่ง ก็เพียงพอแล้วที่เขาจะสร้างค่ายกลพิฆาตเพื่อดักจับและสังหารเฉินซี