บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1513 ขยี้ศัตรูอย่างอหังการ
บทที่ 1513 ขยี้ศัตรูอย่างอหังการ
……………………………………………………………………..
บทที่ 1513 ขยี้ศัตรูอย่างอหังการ
พิภพไผ่ทอง
ภายในกระโจมของกองทัพต่างพิภพ
ถูกวงกำลังเฉลิมฉลองด้วยการกินเนื้อโชกเลือด จานตรงหน้าเรียงรายไปด้วยไปแขนขาที่ถูกตัดขาด ซึ่งล้วนเป็นของผู้บ่มเพาะจากสามภพที่ถูกเขาสังหาร ยิ่งไปกว่านั้น การบ่มเพาะของพวกเขาอยู่ที่ระดับขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเป็นอย่างน้อย
เนื้อเช่นนี้มีรสโอชะเป็นที่สุด ในฐานะราชันเซียนแห่งพิภพคนเถื่อน แม้แต่ถูกวงก็ไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับงานฉลองระดับนี้ หากพวกมันไม่บุกเข้ามาในสามภพ
แต่บัดนี้มันแตกต่างออกไป กองทัพต่างพิภพได้กรีธาทัพผ่านธารแยกแดนดิน และยึดครองดินแดนหลายแห่งแล้ว ซึ่งหมายความว่าตราบเท่าที่มันต้องการ ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับงานฉลองด้วยเนื้อสด ๆ ได้ตลอดเวลา
“เฮ้อ! น่าเสียดาย! สาวน้อยคนนั้นถูกสหายพวกนั้นจับตัวไป มิฉะนั้นถ้าข้าสามารถกินเนื้อของนางได้สักชิ้น การบ่มเพาะของข้าก็จะพัฒนาขึ้นแน่นอน”
ถูกวงกำลังกัดแขนที่โชกเลือด พลางหวนนึกถึงราชันเซียนหญิงที่พวกมันจับมาที่นี่เมื่อสองสามวันก่อน และถอนหายใจอย่างอดไม่ได้
อา! ราชันเซียน! เนื้อของนางจะเลิศรสเพียงใด?
ถูกวงจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ลิ้มรสเนื้อของราชันเซียนคือเมื่อใด
ทันใดนั้น เขาก็หมดความสนใจ และโยนแขนที่ยังกินไม่หมดทิ้ง แล้วจึงเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก พลางกล่าวพึมพำ “ปัจจุบัน สามภพอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เหล่าทวยเทพก็ได้หายไปหมดสิ้น นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการล่าสังหารพวกราชันเซียน บางทีข้าอาจสามารถจับกุมราชันเซียนตัวจริง และเพลิดเพลินไปกับเนื้อของพวกมัน… หืม?”
ในขณะนี้ คิ้วของเขายกขึ้น ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พลันลุกขึ้นยืนทันที
ครืน!
รูปร่างที่ใหญ่โตราวกับภูเขา ฉีกกระโจมทั้งหมดออกจากกันทันที ขนสีดำดุจเข็มเหล็กบนร่างกายก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่รุนแรง
“ใคร!?” ดวงตากลมโตที่เหมือนระฆังสัมฤทธิ์กวาดไปไกล และเปล่งประกายดุร้าย
มีผู้เยี่ยมยุทธ์ของกองทัพต่างพิภพกว่าหมื่นคนที่ประจำการอยู่ใกล้กระโจมหลังนี้ ดังนั้นเมื่อพวกมันเห็นเหตุการณ์นี้ ทั้งหมดพลันตื่นตระหนก โดยที่หยุดสิ่งที่กำลังทำทันที แล้วลุกขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้
วิ่ว~ วิ่ว~ วิ่ว~
ในขณะนี้ ฟ้าดินพลันมืดลงกะทันหัน ซ้ำยังดูเหมือนกำลังคร่ำครวญ เมฆและลมโหมกระพือ จิตสังหารอันน่าสะพรึงกวาดไปทั่วราวกับคลื่นยักษ์ ปกคลุมทั่วฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้
ในฐานะผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ ซึ่งเทียบได้กับขอบเขตราชันเซียน ถูกวงย่อมรู้สึกถึงแรงกดดันในทันที อย่างไรก็ตาม มันไม่เพียงไม่กังวล แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ดวงตาเปล่งประกายด้วยความกระหายเลือด
มันแผดเสียงหัวเราะพร้อมกับเชิดหัวขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ! ราชันเซียนจากสามภพ! ข้าอยากลิ้มลองรสชาติของพวกเจ้าดูสักครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีคนใส่พานมาถวายให้ถึงที่!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันก้องหู ร่างอันใหญ่โตก็ลุกขึ้น ง้าวเปื้อนเลือดปรากฏที่แขนขวาซึ่งหนาเหมือนเสาหิน เปล่งแสงสีแดงเลือดที่ย้อมฟ้าดินให้เป็นสีแดงฉาน และกลิ่นอายของมันก็น่าพรั่นพรึงยิ่ง
ราชันเซียน!
เหล่าทหารของกองทัพต่างพิภพรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่ามีราชันเซียนปรากฏตัว พวกมันเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเมื่อผู้บัญชาการถูกวงอยู่ด้วย ก็เพียงพอที่จะทำให้ราชันเซียนจากสามภพต้องทิ้งชีวิตไว้!
จู่ ๆ ร่างสองร่างก็ปรากฏ ณ ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ก้าวผ่านอากาศ และไม่ปิดบังร่างกายใด ๆ
เป็นเฉินซีและหญิงสาวในชุดม่วงนั่นเอง
“ฮ่า ฮ่า! ผู้บัญชาการ มีสาวน้อยตัวเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ เจ้าราชันเซียนนั้นด้วย ไยท่านถึงไม่ทิ้งสาวน้อยคนนั้นไว้ให้เราได้เพลิดเพลิน หลังจากที่ฆ่ามันแล้ว” ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยสัก ทั้งยังมีกลิ่นอายดุร้ายและน่าเกรงขาม กล่าวพลางแสยะยิ้ม
ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพ ที่อยู่ใกล้เคียงพลันแผดเสียงหัวเราะลั่น สีหน้าของพวกมันหื่นกระหาย ราวกับเห็นเฉินซีและหญิงสาวเป็นอาหารบนจาน
พรวด!
แต่ในขณะนี้ ดวงตาของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เพิ่งกล่าวกลับเบิกโพลง รอยยิ้มแข็งค้าง ชั่วพริบตาต่อมา คอก็ถูกสะบั้น เลือดสีแดงเข้มพุ่งขึ้นฟ้า จากนั้นร่างกายก็ล้มกองกับพื้น
ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ ซ้ำทั้งหมดยังตกอยู่ในความเงียบ และรู้สึกเหลือเชื่อ
เพราะหนึ่งในสหายถูกสังหารอย่างไร้เสียงภายใต้จมูกของผู้บัญชาการถูกวง!
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของถูกวงหรี่ลงอย่างมาดร้าย
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
เฉินซีก้าวผ่านท้องฟ้าทีละก้าว ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าสุขุมและสงบไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตนเอง
ในทางกลับกัน ทุก ๆ ย่างก้าว ระลอกคลื่นมิติที่มองไม่เห็นจะแผ่ออกไป และทุกที่ที่มันผ่านไป เสมือนกับกระบี่ล่องหนที่กวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ
พรวด! พรวด! พรวด!
ในชั่วพริบตา เลือดก็สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณประหนึ่งดอกไม้ไฟ ทุกที่ที่เฉินซีผ่านไป ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดจะเป็นเหมือนวัชพืชที่ถูกเคียวเก็บเกี่ยว และร่วงหล่นลงมาเป็นกลุ่ม
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีใครหนีความตายได้ และไม่มีใครรอดชีวิต มีเพียงเลือดสด ๆ ที่สาดกระเซ็นไปทั่ว ศพแล้วศพเล่าล้มลงกับพื้น พร้อมกับเสียงแห่งความตายที่ดังก้องกังวาน
กลิ่นคาวเลือดเริ่มฟุ้งไปทั่วฟ้าดิน แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างไร้เสียง
เดิมทีหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพต่างพิภพที่มีกำลังพลนับหมื่น และเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่เทียบได้กับขอบเขตราชันเซียน
แต่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า นอกจากจะรู้สึกตกใจแล้ว ความกังวลที่กัดกินหัวใจก็ถูกขจัดไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปที่ชายที่อยู่เคียงข้าง ความรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็เกิดขึ้นในใจของนาง
ดูเหมือนตราบใดที่เขายังอยู่ ก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถทำร้ายนางได้
ความรู้สึกดังกล่าวไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง แต่นางก็รู้สึกถึงความปลอดภัยที่ไม่เคยประสบมาตลอดชีวิต มันทำให้หญิงสาวประหลาดใจเล็กน้อย และไม่รู้ว่าควรยอมรับความรู้สึกเช่นนั้นหรือไม่
นางที่อาศัยอยู่กับมารดาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยรู้สึกปลอดภัยจากคนแปลกหน้ามาก่อนเลย
ไม่สิ!
เขา… เขาไม่ใช่คนแปลกหน้า…
เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับเฉินซี หัวใจของหญิงสาวก็สับสนวุ่นวาย ดังนั้นจึงเม้มริมฝีปากแน่นและเงียบไป
การสังหารหมู่ยังคงดำเนินต่อไป
ผู้เยี่ยมยุทธ์จากต่างพิภพกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ต่างล้มตายอย่างเงียบ ๆ ในขณะเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ชโลมพื้นเป็นสีแดงฉานจนน่าสะพรึง แต่กลับงดงามยิ่ง
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ นัยน์ตาของถูกวงหดตัวอีกครั้ง เส้นเลือดบนมือที่ถือง้าวก็ปูดนูน
“ไอ้พวกพื้นเมืองที่น่ารังเกียจ ไปตายซะ!” ในท้ายที่สุด เขาไม่อาจระงับตัวเองได้อีกต่อไป จึงเปิดฉากโจมตี ตวัดง้าวไปบนผืนฟ้า ซัดกระหน่ำไปพร้อมกับคลื่นโลหิตอันมหึมา ถาโถมเข้าใส่เฉินซีที่ยืนอยู่ในระยะไกล
ในขณะนี้ เฉินซีหยุดเคลื่อนไหวทันที
ทันใดนั้น คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็กวาดออกมาจากร่าง ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ของกองทัพต่างพิภพที่เหลืออยู่ มีอาการคล้ายสำลัก ร่างกายแข็งทื่อ ก่อนที่จะระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ!
โครม!
เฉินซีไม่ได้เหลือบแลแม้แต่น้อย พลางยกมือขึ้นแล้วปัดเบา ๆ เจตจำนงกระบี่ที่ไร้รูปร่างก็ปะทุออกไป มันแฝงกลิ่นอายที่เหนือชั้นขณะที่สลายการโจมตีของถูกวงอย่างง่ายดาย
“บอกข้ามาว่าผู้หญิงที่เจ้าจับตัวมาเมื่อห้าวันก่อนอยู่ที่ไหน” เฉินซีเอ่ยถาม ผมยาวสีดำสนิทปลิวไสว และยืนด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่กลับแผ่กลิ่นอายครอบงำและกดขี่อย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าน้ำเสียงจะสงบไร้ระลอกคลื่นอารมณ์ แต่ก็มีบรรยากาศที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ราวกับถ้าถูกวงไม่ตอบเขา ก็จะถูกทำลายล้างในทันที
พลังที่ครอบงำและกดขี่เช่นนี้ทำให้สีหน้าของถูกวงเปลี่ยนไปอีกครั้ง และในที่สุดก็ตระหนักว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ราชันเซียนธรรมดา ๆ จากสามภพอย่างแน่นอน
“หึ หึ เจ้ามาหานางหรือ น่าเสียดายที่ข้าฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ และกินนางไปแล้ว” ถูกวงหายใจเข้าลึก ๆ และเริ่มหัวเราะอย่างดุร้าย ขณะที่กล่าว ก็ชี้ไปทางด้านหลังทันที ซึ่งเดิมทีมีกระโจมตั้งอยู่ แต่ตอนนี้พังไปแล้ว และใคร ๆ ก็เห็นจานที่เต็มไปด้วยแขนขาที่ถูกตัดขาดกองอยู่ที่นั่นอย่างชัดเจน
ฟิ่ว!
ทันใดนั้น ดวงตาของเฉินซีก็ปะทุด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นสายฟ้าที่เฉือนความว่างเปล่าตรงหน้าออกเป็นเสี่ยง ๆ
ชายหนุ่มโมโหสุดขีด เพราะไอ้สารเลวนี้ได้แตะเกล็ดย้อนของเขาแล้ว!
“ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะบอกความจริง เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าบอกแต่โดยดี!” ท่ามกลางเสียงเยือกเย็นที่ไม่แยแสและเย็นชา ร่างของเฉินซีก็หายวับไปทันที
หัวใจของถูกวงกระตุกวูบ เพราะเขาไม่สามารถระบุกลิ่นอายของฝ่ายตรงข้ามได้เลย สิ่งนี้ทำให้รู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงอย่างฉับพลัน ดังนั้นจึงเหวี่ยงง้าวในมือเป็นวงกว้างเพื่อปกป้องตัวเองโดยสัญชาตญาณ
โครม!
มือมหึมาฉีกผ่านท้องฟ้ามาถึงตรงหน้า โดยไม่สนว่าการป้องกันของถูกวงนั้นสมบูรณ์แบบเพียงใด มันลงมาอย่างทรงอานุภาพ ซ้ำยังดูเรียบง่ายและหยาบกระด้างอย่างยิ่ง
โครม!
ง้าวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เมื่อร่างขนาดมหึมาของถูกวงถูกกระแทกลงกับพื้นเหมือนดาวหาง ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้น
เขาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงด้วยกระบวนท่าเดียว!
เห็นได้ชัดจากสิ่งนี้ ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีนั่นน่าทึ่งเพียงใด
“ไม่จริง!!! ไม่มีทางที่เจ้าจะมีพลังที่น่ากลัวเยี่ยงนี้ เจ้าเป็นใครกันแน่!?” ท่ามกลางเสียงคำรามอันก้องกังวาน ร่างของถูกวงก็โผล่ออกมาจากพื้นดิน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง
โครม!
มันเป็นหมัดที่เรียบง่าย แต่ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ซ้ำยังแฝงด้วยความลึกล้ำของมหาเต๋า ขณะที่เข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบ และปิดเส้นทางหลบหนีของถูกวงทั้งหมด
“ไอ้ชนพื้นเมืองที่น่ารังเกียจ! ข้าจะสู้กับเจ้าด้วยพลังทั้งหมดที่มี!” ทันใดนั้นสีหน้าของถูกวง ก็เปลี่ยนไปทันควัน เมื่อตระหนักว่าหมัดนี้น่าสะพรึงเพียงใด คลื่นพลังผันผวนอันน่าเกรงขามแผ่พุ่งออกมาจากเส้นขนสีดำบนร่างที่ดูเหมือนเข็มเหล็ก กำง้าวแน่น และโหมโจมตีเฉินซีอย่างสิ้นหวัง
โครม!
น่าเสียดายที่มันประเมินตัวเองสูงเกินไป ซ้ำยังประเมินพลังของเฉินซีต่ำไป เมื่อหมัดนี้กระแทกเข้าใส่ มันไม่เพียงแต่ทำให้บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แม้แต่ง้าวในมือก็ถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ และกลายเป็นฝนแสงที่กระเด็นไปทั่วบริเวณโดยรอบ
พรวด!
ถูกวงกระอักเลือดเต็มปาก หน้าอกยุบลง กระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนในร่างกายแตกหัก ทำให้เลือดไหลอาบไปทั้งตัว และดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
“ทำไม! ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ความแข็งแกร่งเช่นนี้เป็นสิ่งที่ราชันเซียนสามารถครอบครองได้หรือ?!” ถูกวงแผดคำรามเสียงดัง ในที่สุดเขาก็หวาดกลัวเป็นครั้งแรก สายตาที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
โครม!
เฉินซียังคงนิ่งเงียบ และโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง
“ไอ้สารเลว! เจ้าล้างคอรอได้เลย! ครั้งนี้มีผู้บัญชาการสูงสุดมากกว่าสิบคนที่อยู่ในกองทัพต่างพิภพของข้า และเจ้าจะต้องตายในไม่ช้า!” ร่างกายของถูกวงสั่นสะท้าน ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาตั้งใจฉีกห้วงมิติหมายหลบหนี
โครม!
แต่ทันทีที่ห้วงมิติถูกเปิดออก พลังมหาศาลก็กระแทกเข้าใส่ ทำให้ศีรษะสั่นไหวและรู้สึกงุนงง ร่างกายถูกทุบลงบนพื้นอย่างแรงอีกครั้ง เส้นเอ็นและกระดูกทั้งหมดในร่างก็ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ!
เมื่อมองจากระยะไกล ทั้งร่างกายของเขาก็ดูเหมือน ‘ก้อนเนื้อ’ ขนาดมหึมา ซ้ำยังแหลกเละและอยู่ในสภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
“ฆ่าข้าซะ ถ้าเจ้าแน่จริง! ไอ้สารเลวบัดซบ!!” ถูกวงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวสุดขีด
“ฆ่าเจ้า? มันไม่ง่ายอย่างนั้น” เฉินซีย่างเท้าเข้ามา สีหน้ายังคงสุขุมและสงบเหมือนเช่นเคย แต่สีหน้าดังกล่าวกลับทำให้ถูกวงหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง และรู้สึกราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง