บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1510 ขอบเขตครึ่งเทวา
บทที่ 1510 ขอบเขตครึ่งเทวา
……………………………………………………………………..
บทที่ 1510 ขอบเขตครึ่งเทวา
ฟึบ!
เมื่อล่วงรู้ความลับของหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นมาแล้ว เฉินซีก็ลงมืออีกครั้ง ชายหนุ่มใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์กักดวงดาวที่พุ่งเข้ามาทางตนไว้อีกครั้ง
ครืน!
มันถูกกักไว้โดยง่าย แต่แรงปะทะรุนแรงถึงขั้นทำให้แก่นโลหิตในกายพลุ่งพล่าน ให้ความรู้สึกไม่สบายตัวยิ่ง
ชายหนุ่มรีบหายใจเข้าลึก จากนั้นใช้ความพยายามหนักหน่วงในการกลั่นและซึมซับดาวดวงนี้เข้าไป
ทว่าดาวอีกดวงที่มีแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์โอบล้อมทั้งดวงก็ปรากฏแสงขึ้นอีกครั้งภายในจักรวาลในร่าง ฝังตัวอยู่ในแผนภาพยันต์เทวะอนันต์
ตลอดกระบวนการนี้ ดาวดวงนั้นก็โจมตีอย่างต่อเนื่องรวมหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดครั้ง การโจมตีมาจากทั่วทุกทิศ และเขาหลบได้สำเร็จเพียงร้อยยี่สิบหก ที่เหลืออีกสิบเอ็ดไม่อาจหลบทัน
ทุกการปะทะทำให้กระดูกแตกเส้นเอ็นสะบั้น ทำเอาเขาอยู่ในสภาพดูไม่ได้ กระอักเลือดไม่หยุด แต่โชคดีที่มีพลังที่ดูดซับมาจากดาวดวงก่อนอยู่ บาดแผลทั้งหมดจึงฟื้นตัวได้ในพริบตา
และหลังจากดูดซับดาวดวงที่สองเรียบร้อยแล้ว พลังบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็นับว่ามากสำหรับเฉินซีที่ขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียนระดับเลิศล้ำ
…
ฟึบ!
ฟึบ!
อึดใจต่อมา เฉินซีก็ใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ทำแบบเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า คว้าดาวมาได้หลายดวง จากนั้นก็กลั่นและดูดซับมันเข้าไป ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นดาราภายในร่าง ล้วนถูกฝังไว้ในแผนผังยันต์เทวะอนันต์ ส่องสว่างด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเวลาผ่านไป การเคลื่อนไหวของเฉินซีก็ยิ่งช่ำชองมากขึ้น ท่วงท่าเองก็แม่นยำกว่าเดิม จึงทำให้ลดการบาดเจ็บลงได้ ทั้งยังแกร่งขึ้นอีก แม้จะเป็นกระบวนการที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ก็นับว่าพัฒนาขึ้นทุกชั่วขณะ
จึงทำให้เฉินซียิ่งรู้สึกตื่นเต้น นัยน์ตายิ่งเปล่งประกายมากขึ้น
สำหรับเขา ดาราที่ส่งเสียงหวีดหวิวอยู่บนท้องฟ้าไม่ได้น่ากลัวและอันตรายอีกต่อไป กลับกลายเป็นเหยื่อที่รอให้เขาไปจับตัวเสียมากกว่า
จริง ๆ แล้วหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นก็คือยันต์เทวะอนันต์นั่นเอง ดาราเคล้าไอศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็คือรากฐานที่สร้างยันต์เทวะอนันต์ขึ้นมา… ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เฉินซีจึงเริ่มสัมผัสถึงความตื่นรู้ได้ ในตอนนั้นเอง เขาจึงรู้ว่าพื้นที่หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นนั้นเหมือนกับยันต์เทวะอนันต์ของจักรวาลภายในร่างไม่มีผิด
สิ่งที่ต่างเพียงอย่างเดียวคือ ดาราหนึ่งดวงในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์หนาแน่น อีกทั้งยังลอยอยู่รอบกาย ไร้ความเป็นระเบียบและดูซับซ้อนยิ่ง
แต่หากมองดี ๆ ก็จะเห็นว่าวิถีการโคจรของมันนั้นไม่ต่างจากเส้นทางอักขระยันต์ภายในยันต์เทวะอนันต์เลย
ความรู้นี้ทำให้เฉินซีรู้สึกกระจ่างแจ้ง ในใจใสกระจ่างขึ้นกว่าเก่า ในที่สุดก็รู้แล้วว่าในตอนที่กลั่นและดูดซับดวงดาราเหล่านั้นเข้ามา เขาก็กำลังขัดเกลายันต์เทวะอนันต์ของตนไปพร้อม ๆ กัน!
ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นจุดประสงค์ที่ฝูซีสร้างที่นี่ขึ้นมาก็เป็นได้
…
ห้าวันให้หลัง
ครืน! ครืน!
ดารานับไม่ถ้วนหวีดหวิวส่งเสียง กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง มันพากันวิ่งเข้ามาไม่หยุด ร่างเฉินซีเองก็แวบหายไปพร้อมกัน ชายหนุ่มใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เต็มกำลังจนมันกางทั่วฟ้า
ตอนนี้แค่กะพริบตา กระแสศักดิ์สิทธิ์ก็ส่งออกมาจากภายใน ทุกการเคลื่อนไหวทำให้ทุกรูขุมขนภายในร่างมีกระแสศักดิ์สิทธิ์วิ่งผ่าน ราวกับเป็นทวยเทพองค์หนึ่งก็มิปาน
ส่วนแผนผังยันต์เทวะอนันต์ก็โคจรภายในร่าง ในขณะที่ดารานับไม่ถ้วนที่ถูกกลั่นและซึมซาบเข้ามานั้นเปล่งแสงระยิบระยับไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ส่องสว่างไปทั่วทั้งจักรวาล เปล่งกระแสปราณเซียนพิสุทธิ์อันน่าเกรงขามออกมา
แม้จะยังไม่ใช่เทพ แต่ตอนนี้ก็มีพลังใกล้เคียงแล้ว!
เป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างยิ่ง ไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องไม่เชื่อสองหู แต่เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นกับตัวเฉินซีแล้ว
ทั้งหมดนี้ได้มาจากการฝึกฝีมือในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นทั้งสิ้น
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ พลังบ่มเพาะของเฉินซีในปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่ขอบเขตราชันเซียนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สร้างรากฐานศักดิ์สิทธิ์หรือเข้าถึงเต๋าแห่งเทวา แต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
อย่างน้อย ๆ ศิษย์ทั้งหลายของเขาเทพพยากรณ์ก็เคยก้าวเท้าขึ้นขอบเขตอันประหลาดลึกล้ำนี้มาแล้ว มันมีชื่อว่าขอบเขตครึ่งเทวา
เห็นได้ชัดว่าเฉินซีได้ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตนี้แล้ว!
…
ผ่านไปอีกสามวัน
หือ? ร่างเฉินซีที่กำลังกลั่นและดูดซับดวงดาวเข้าไปพลันแข็งค้าง เหมือนภายในถูกเติมเต็ม ไม่อาจเพิ่มกำลังได้มากไปกว่านี้อีก
จนถึงตอนนี้ข้าก็กลั่นและดูดกลืนดาราไปเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดวงแล้ว พวกมันกลายเป็นยันต์เทวะอนันต์อยู่ภายในร่างข้า แต่นี่ยังไม่ใช่ที่สุดสิ… เฉินซีสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของจักรวาลภายในร่าง จากนั้นมุ่นคิ้วขึ้นมา
ตอนนี้ดารานับไม่ถ้วนกำลังส่องประกายอยู่ภายในยันต์เทวะอนันต์ เต็มไปด้วยประกายความศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังมีพื้นที่ที่ยังไร้แสงดาวอยู่อีกมาก
หรือก็คือหากยันต์เทวะอนันต์เป็นกระดานหมาก ดาราที่เฉินซีกลั่นและซึมซาบเป็นตัวหมาก เช่นนั้นก็วางหมากได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังเหลือพื้นที่ว่างเปล่าให้วางหมากได้อีกมาก
แต่พอเฉินซีคิดจะเพิ่มจำนวนหมากลงไป ทั้งที่เห็นอยู่ว่ามีพื้นที่ว่าง แต่เหมือนมันต่อต้าน ให้ความรู้สึกว่าไร้ที่วางหมากเพิ่มได้อีก
เหมือนกับว่าจะวางได้แค่เก้าตัวเท่านั้น ขอบเขตนี้อยู่ระหว่างขอบเขตราชันเซียนและขอบเขตเทวา หรือข้าจะถึงจุดสูงสุดของขอบเขตนี้แล้ว? เฉินซีครุ่นคิด ในใจไม่ยินยอมอยู่บ้าง
เขารู้ว่าพลังของตนเปลี่ยนแปลงไปมากระหว่างที่ฝึกฝีมืออยู่ในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นหลายวันที่ผ่านมา ไม่อาจนำไปเทียบกับตัวตนในอดีตได้อีก
แต่พอมองดวงดาวที่ส่งเสียงหวีดหวิวอยู่ในห้วงจักรวาลแล้ว ยิ่งรู้ว่าหากกลั่นและดูดกลืนพวกมันเข้าไปเขาก็จะสามารถแกร่งขึ้นได้อีก ใครจะอยากหยุดอยู่แค่นี้กัน?
เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าปรากฏร่องรอยความมุ่งมั่น เขาคิดจะลองอีกครั้ง หากยังไม่ได้ก็คงทำได้เพียงยอมแพ้
ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ทะยานขึ้นฟ้าไปอีกครั้ง ก่อนจะกักดาราที่เคลื่อนผ่านมาได้โดยง่าย
เฉินซีโคจรยันต์เทวะอนันต์ภายในร่าง จากนั้นเริ่มกลั่นและดูดกลืนมันเข้าไป แต่ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม คือยันต์เทวะอนันต์ภายในร่างเหมือนถูกเติมเต็มแล้ว ไม่คิดอยาก ‘กิน’ อะไรอีก ไม่ว่าจะโคจรอย่างไรก็ไรผล
เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ ดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้วจริง ๆ…
วิ้ง!
แต่จังหวะที่เขากำลังจะยอมแพ้นั่นเอง ชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากภายในห้วงจิตสำนึกที่เดิมทีเงียบสนิทกลับสั่นสะท้านขึ้นมาในพลัน พลังผันผวนแปลกประหลาดไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าไปในจักรวาลในร่างเฉินซี…
ครืน!
ทันใดนั้น เฉินซีก็รู้สึกเหมือนโซ่ตรวนบางอย่างภายในร่างถูกทำลายลง ทั่วสรรพางค์กายสั่นสะท้าน
จากนั้นก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่ายันต์เทวะอนันต์ที่เคย ‘อิ่ม’ กลับเริ่มส่งเสียงร้องครืนโคจรขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งยังดูมีกำลังวังชามากกว่าเดิม
ภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ ดาราที่ถูกตาข่ายครอบคลุมสวรรค์กักมาได้ก็ถูกกลั่นและดูดกลืนลงไป กลายเป็นดาราระยิบระยับฝังอยู่ในยันต์เทวะอนันต์
เฉินซีเห็นแล้วรู้สึกประหลาดใจยิ่ง มิน่าศิษย์พี่ใหญ่ถึงได้กล่าวไว้ว่า ข้ามีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอยู่ หากสามารถฝืนทนความทรหดในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นได้ ข้าก็อาจได้รับโชคมหาศาล หรือโชคที่ว่าจะคือเรื่องนี้?
ชายหนุ่มจึงลองดูอีกครั้ง
ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด เขากลั่นและดูดกลืนดาราเข้าไปได้อีก!
หรือนี่จะหมายความว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากช่วยข้าทำลายขีดจำกัดบางอย่างในการบ่มเพาะพลัง ทำให้ข้าสามารถเพิ่มขีดความสามารถได้มากขึ้นกัน? เฉินซีนัยน์ตาเป็นประกาย ในใจตื่นเต้นยินดียิ่ง
เมื่อขอบเขตพลังไม่อาจขวางกั้นหรือยับยั้งขีดความสามารถได้ ก็หมายความว่าคนผู้นั้นได้อยู่เหนือกว่าคนขอบเขตเดียวกันไปแล้ว!
ถึงขั้นที่หากเขายังกลั่นและดูดกลืนดาราไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ได้ คงได้ขึ้นถึงขอบเขตครึ่งเทวาขั้นสูงจนไม่อาจคาดได้เป็นแน่!
เป็นอันรู้กันว่าขอบเขตเหนือขอบเขตราชันเซียนนั้นคือขอบเขตเทวา
พูดก็คือ หากใครอยากชนะผู้อยู่ขอบเขตราชันเซียน ก็ต้องมีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่าคนอื่นในหมู่ราชันเซียน หรือไม่ก็ทะลวงขึ้นขอบเขตเทวาเพื่อเหนือกว่าราชันเซียนให้ได้
ไม่ว่าใครในสามภพต่างก็รู้ความจริงข้อนี้
แต่ก่อน เฉินซีเองก็นับว่าเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชันเซียนระดับเลิศล้ำแล้ว ทั้งพลังบ่มเพาะยังเหนือกว่าราชันเซียนส่วนมากอีก
ทว่าหลังจากเข้าใจมรดกที่แท้จริงของยันต์เทวะอนันต์ ผ่านวันคืนกลั่นฝีมือในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นมาแล้วเช่นนี้ กำลังของเขาจึงเหนือกว่าขอบเขตราชันเซียนไปแล้ว นั่นคือถึงขอบเขตครึ่งเทวานั่นเอง
ทั้งยังได้ความช่วยเหลือจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก จึงสามารถทำลายขีดจำกัดตนเองออกมาได้ หากเขากลั่นและดูดกลืนดาราต่อไปเช่นนี้ พลังคงได้พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ได้กลายเป็นยอดฝีมือเหนือกว่าใครในขอบเขตครึ่งเทวาแน่!
ตั้งแต่เหตุผลที่เฉินซีตื่นเต้นยินดีนัก
อึดใจต่อมา ชายหนุ่มก็ไม่คิดเสียเวลาอีก รีบลงมือคว้าดาวกลั่นเกลาฝึกฝีมือต่อไป
กาลเวลาผ่านพ้นไป
เวลาเดือนกว่าผ่านไปโดยไม่รู้ตัวนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสู่เขาเทพพยากรณ์
ฟ่าว!
ในวันนี้ ประตูกระท่อมที่ปิดสนิทอยู่หน้าหอส่องดาราก็พลันเปิดออก ร่างหนึ่งแวบออกมาจากภายใน คล้ายเงาลวงตา ดุจแสงดาราในความฝัน โอบล้อมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ทั่วกาย
เงาร่างนั้นก็คือเฉินซี สองมือเขาไพล่หลัง ใบหน้าแหงนขึ้นมองฟ้า นัยน์ตาลึกล้ำดูกระจ่างสะท้อนภาพธารดารานับไม่ถ้วนที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า
หากข้ากินผลวิญญาณเต๋าเข้าไปตอนนี้ ก็คงขึ้นขอบเขตเทวาได้ทันทีแน่… แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแดนโลกาวินาศ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบไป ผ่านไปนานเฉินซีจึงส่ายหน้าแล้วหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว
หลังจากปลดโซ่ตรวนในการบ่มเพาะพลังได้ภายในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น เฉินซีก็กลั่นและดูดกลืนดาราไปอีกเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดวง ทำให้พลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ไร้ผู้ใดทัดเทียม
หมายความว่าเขาได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของขอบเขตครึ่งเทวาแล้ว!
ถึงขั้นที่หากไม่ใช่เพราะยังอยากขุดรากถอนโคนอันตรายที่นิกายอำนาจเทวะมีต่อสามภพละก็ เขาก็สามารถขึ้นแดนโลกาวินาศบนฟ้าได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
ถึงเวลายุติความเป็นปฏิปักษ์ครั้งนี้แล้ว… ที่ตีนเขาลูกหนึ่ง เฉินซีหันไปมองเขาเทพพยากรณ์ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อใช้จานหยกวิญญาณดาราสร้างประตูลวงขึ้นมาก่อนจะเคลื่อนกายเข้าไป
วิ้ง!
ห้วงอากาศผันผวน แสงดาวล่องลอย พริบตาต่อมา เขาเทพพยากรณ์ก็ไม่เหลือใครอีก