บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1509 การกลั่นกรองดวงดาว
บทที่ 1509 การกลั่นกรองดวงดาว
……………………………………………………………………..
บทที่ 1509 การกลั่นกรองดวงดาว
โครม
เมื่อเฉินซีลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็น คือดาวขนาดมหึมาที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งลงมาหาตน
ดาวดวงนี้มีขนาดใหญ่โต ทั้งลุกไหม้และสว่างไสวจนเป็นประกายไฟที่เกิดจากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโดยรอบ และมันทำให้มิติแตกออกจากกัน ซึ่งมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ฟ่อ!
เฉินซีหายใจไม่ออก ซ้ำยังรู้สึกถูกกดดันอย่างหนัก ไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยง มันกระแทกเข้ามาอย่างแรง
มันให้ความรู้สึกเหมือนมวลภูเขาได้ถล่มใส่ร่างของมดตัวเล็ก ๆ ท้ายที่สุดแล้ว ดาวดวงนั้นใหญ่โต และเฉินซีก็เป็นเหมือนเมล็ดข้าวโพดในมหาสมุทรเมื่อยืนอยู่ตรงหน้ามัน
ทันใดนั้น กระดูกในร่างกายของเฉินซีก็แตกหัก เลือดทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ด และเห็นดวงดาวเริงระบำอยู่ตรงหน้า ร่างกายทั้งหมดก็ถูก ‘ฝัง’ ไว้ในส่วนลึกของพื้นผิวดวงดาว
ในเวลาต่อมา เสียงหวีดหวิวก็ดังขึ้น เมื่อร่างของเฉินซีโผล่ออกมาจากพื้นผิวของดวงดาว เสื้อผ้าถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด ในขณะที่ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง หากการบ่มเพาะไม่บรรลุขอบเขตราชันเซียน เขาก็คงถูกทำลายล้างจากแรงกระแทกครั้งนี้ไปแล้ว
“บัดซบ!”
ดาวดวงนี้ถูกปกคลุมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์!
เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตระหนักว่าทุกซอกทุกมุมของดาวดวงนี้เต็มไปพลังศักดิ์สิทธิ์อันลึกลับซึ่งโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง และมันก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง
ด้วยการบ่มเพาะในปัจจุบัน เขายังรู้สึกหายใจไม่ออก ไม่ต่างอะไรกับการเผชิญหน้ากับตัวตนขอบเขตเทวา!
นี่อาจจะเป็นหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น?
โครม
ก่อนที่จะหายจากอาการตกตะลึง ภายในระยะสายตา ดาวดวงอื่นก็คำรามมาจากระยะไกล มันสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา และเต็มไปด้วยพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่พลุ่งพล่าน
ทุกที่ที่มันผ่าน เวลาและมิติจะพังทลาย ก่อนที่จะกลายเป็นระลอกคลื่นที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งกวาดไปทุกทิศทุกทาง กลิ่นอายของมันรุนแรงมหาศาล จนดูเหมือนแทบจะทำลายล้างโลก
ในขณะนี้ เฉินซีกำลังยืนอยู่บนดาวดวงแรก และเมื่อดาวดวงที่สองถูกปล่อยลงมา เมื่อนั้นดาวทั้งสองก็จะชนกันอย่างแน่นอน และพลังทำลายล้างที่เกิดขึ้น ก็คงไม่อาจจินตนการได้
ในตอนนี้ สีหน้าของเฉินซีหนักอึ้งถึงขีดสุด ชายหนุ่มไม่ลังเลที่จะเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะนี้
ฟิ่ว!
โดยไม่พบกับอันตรายใด ๆ ร่างของเฉินซีปรากฏตัวขึ้นในอวกาศที่อยู่ห่างจากดาวดวงแรกสองหมื่นห้าพันลี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหันกลับไปมอง ก็ต้องประหลาดใจ เพราะดาวที่ตนยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ไม่ได้ชนเข้ากับดาวดวงที่สอง ในทางกลับกัน พวกมันดูเหมือนกับมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง และเบี่ยงไปตามวิถีอันลึกซึ้งเพื่อหลบกันและกัน
หลังจากนั้น ดาวทั้งสองก็พุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกันอีกครั้ง!
“บัดซบ! สีหน้าของเฉินซีดิ่งลงทันที พลังราชันเซียนภายในร่างส่งเสียงก้องกังวาน แล้วจึงหลบเลี่ยงพวกมันด้วยพลังทั้งหมดที่มี ร่างสูงใหญ่เป็นเหมือนดวงแสงที่กะพริบอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ท่ามกลางชั้นของอวกาศ
ในขณะนี้ เฉินซีสังเกตเห็นว่า กำลังยืนอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ที่ดูเหมือนความโกลาหลในช่วงเริ่มต้นของโลก มีดวงดาวมากมายลอยอยู่ในจักรวาล และพวกมันก่อตัวเป็นมวลหนาแน่นที่ดูเหมือนไร้ขอบเขต
ดวงดาวทุกดวงพร่างพราว สว่างไสว และปกคลุมไปด้วยรัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พวกมันเป็นเหมือนเหล่าทวยเทพที่ปกคลุมทุกพื้นที่ของจักรวาลนี้ และเป็นเหตุการณ์ที่อลังการจนทำให้หนังศีรษะตื้อชา
ยิ่งกว่านั้นดาวเหล่านี้ไม่ได้อยู่นิ่ง ทันทีที่ร่างของเฉินซีปรากฏขึ้นภายในจักรวาลนี้ ดาวทั้งหมดก็เริ่มโคจร และกู่ร้องไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ทั้งจักรวาลวุ่นวาย
พวกมันดูเหมือนกับฝูงฉลามที่ได้กลิ่นเลือด กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน ในขณะที่มันสร้างความหายนะไปทั่วทั้งจักรวาล บังเกิดเป็นเหตุการณ์โกลาหลที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด
ในทางกลับกัน เฉินซีเป็นเหมือนหนอนตัวเล็ก ๆ ที่หลบหลีกไปมาท่ามกลางฝูงฉลาม ซึ่งดูเหมือนฉลามทุกตัวต้องการที่จะกัดกินเขา ทำให้เผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มแทบจะไม่กล้าหยุดหลบหลีก เขาโคจรพลังบ่มเพาะอย่างเต็มที่ และเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังไม่หยุดนิ่งแม้แต่น้อย
ครืน!
ดวงดาวจำนวนมากมายเคลื่อนคล้อย ในขณะที่กลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ก็กวาดไปทุกทิศทุกทาง มิติและเวลาพังทลาย ซ้ำยังไม่เป็นระเบียบอย่างยิ่ง
ในขณะที่เฉินซีกำลังหลบหลีกอยู่ภายในนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะตกลงไปในเขาวงกต ไม่ว่าจะหลบเลี่ยงเท่าไร สถานที่ที่เขาปรากฏจะต้องทุกข์ทรมานจากการโจมตีของดวงดาวมากมาย
แต่สิ่งที่ทำให้เฉินซีถึงกับหมดคำพูด แม้ว่าดวงดาวที่ปกคลุมท้องฟ้าจะตกอยู่ในสภาพปั่นป่วนวุ่นวาย แต่พวกมันก็ไม่ชนกันแม้แต่น้อย นั่นหมายความว่าเขาจะต้องทำลายดาวเหล่านี้ทีละดวง มิฉะนั้นเขาได้แต่เสี่ยงชีวิตหลบหลีกต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…
สถานการณ์เช่นนี้คล้ายกับการระบำบนปลายดาบ และมันเหมือนกับการติดอยู่ที่ขอบผา ซึ่งมีจิตสังหารซ่อนอยู่รอบกาย อันตรายเร้นอยู่ทุกฝีก้าว
หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น!
นี่คือหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น ที่ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวถึงอย่างแน่นอน! มันไม่ใช่แค่อันตรายเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย!
รอยยิ้มอันขมขื่นผุดขึ้นที่ริมฝีปากของเฉินซี เขาไม่เคยคิดเลยว่า หลังจากที่บรรลุขอบเขตราชันเซียนระดับเลิศล้ำแล้ว และสามารถต่อกรกับราชันเซียนทั้งหมดได้ แต่เขากลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันและอันตรายเช่นนี้ คล้ายโจรน้อยที่เร่ร่อนไปทั่วโลก ในขณะที่ถูกกลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์ไล่ล่า และมันเป็นสถานการณ์ที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
หากอาจารย์และศิษย์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ามาเห็น ว่าเจ้าสำนักที่ไร้เทียมทานของพวกเขา ผู้ที่บดขยี้กลุ่มราชันเซียน กลับถูกกดดันจนตกอยู่ในสภาพน่าอเนจอนาถ กรามของพวกเขาก็คงจะกระแทกพื้นด้วยความตกใจ
เฉินซีพยายามโจมตีดวงดาว แต่กลับทำได้เพียงเขย่ามันเท่านั้น และไม่สามารถทำลายมันได้อย่างสมบูรณ์
เหตุผลก็คือ กลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่ปกคลุมไปทั่วดวงดาวนั้นน่ากลัวเกินไป การปะทะกันอย่างแรงก็เหมือนกับการต่อสู้กับเทพ และไม่มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ
โครม!
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ดวงดาวมากกว่าสิบดวงก็พุ่งเข้ามาหาเขา และปิดกั้นเส้นทางหลบหนีทั้งหมด จนถูกดาวดวงหนึ่งกระแทกเข้าในที่สุด กระดูกในร่างกายค่อย ๆ แตกหัก ในขณะที่เลือดสาดกระเซ็น
แต่ในท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็พบร่องรอยของโอกาสรอดชีวิต และหลุดออกจากวงล้อมนี้
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ กระดูกที่แตกหักเริ่มฟื้นตัว และอาการบาดเจ็บทั่วร่างก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที แต่กระนั้น สีหน้าของเขาก็ซีดลงเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่ทำทั้งหมดนี้ เขาก็ไม่กล้าหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
นี่มันมากเกินไปแล้ว!
แม้อารมณ์ของเฉินซีจะสุขุมเพียงใด ก็อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าด้วยความโกรธอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากการบ่มเพาะภายในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นนั้นแปลกประหลาดเหลือเกิน และไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแท้จริงว่าเป้าหมายของฝูซีที่สร้างพื้นที่ต้องห้ามเช่นนี้เมื่อหลายปีก่อนคือสิ่งใด
ไม่ได้การแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้ว่าข้าจะได้รับการส่งเสริมจากต้นอ่อนเงาทมิฬ ข้าก็คงไม่สามารถยืนหยัดได้นาน…
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามเต็มที่เพื่อสงบสติอารมณ์ ในขณะที่คอยหลบหลีกอย่างบ้าคลั่ง และหาวิธีจัดการกับสถานการณ์ในใจ
ตามที่ศิษย์พี่ห้ากล่าวไว้ เมื่อบรรลุถึงขอบเขตราชันเซียน ศิษย์ทุกคนของเขาเทพพยากรณ์จะต้องมุ่งหน้าไปยังหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น เพื่อขัดเกลาพลังฝีมือของตนเอง และคว้ามรดกของยันต์เทวะอนันต์
ยิ่งกว่านั้น ศิษย์ทุกคนที่ออกจากหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น จะสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขต และมีพลังพอที่จะต่อกรกับตัวตนที่ขอบเขตเทวาได้
ในเวลานั้น เฉินซียังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หลังจากที่ประสบกับการขัดเกลาที่ดูเหมือนนรก ในที่สุดเขาก็เชื่อคำกล่าวเหล่านี้อย่างสมบูรณ์
เหตุผลนั้นง่ายมาก ดาวเหล่านั้นทุกดวงล้วนเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ และพวกมันก็เหมือนกับทวยเทพที่มีอยู่มากมาย ดังนั้นหากใครสามารถเอาชนะการขัดเกลาจากพวกมันได้ ก็เป็นที่ประจักษ์ว่าพลังของคนผู้นั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด
แต่จะพิชิตการขัดเกลาจากมันอย่างไรดี?
ทันใดนั้น เฉินซีก็จำได้ว่า ศิษย์พี่ใหญ่เคยบอกไว้ว่าเขาสามารถเข้าสู่หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นเพื่อขัดเกลาพลังฝีมือของตนเอง หลังจากที่คว้ามรดกของยันต์เทวะอนันต์แล้ว “นี่หมายความว่ากุญแจสำคัญในการจัดการกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า คือยันต์เทวะอนันต์ใช่หรือไม่?”
กลั่นดารา… กลั่นดารา… บางที เหล่าดวงดาวที่อยู่ที่นี่อาจไม่สามารถถูกทำลายได้เลย และทำได้เพียงกลั่นกรองมันเท่านั้น? ซึ่งวิธีการกลั่นกรองก็มาจากยันต์เทวะอนันต์หรือ?
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ดวงตาก็ยิ่งสว่างมากขึ้นเท่านั้น ซ้ำยังรู้สึกราง ๆ ราวกับจับเบาะแสที่ถูกต้องได้แล้ว
ครืน!
ดาวดวงหนึ่งคำรามอย่างน่ากลัว
คราวนี้ เฉินซีคว้าโอกาสนี้ไว้และไม่ได้หลบเลี่ยง ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็หยิบตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ออกมา และในทันที มันก็กลายเป็นตาข่ายที่กางออกเต็มผืนฟ้า ก่อนที่จะปกคลุมดวงดาวไว้ทั้งดวง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาได้หมุนเวียนยันต์เทวะอนันต์ที่อยู่ในจักรวาลภายในร่างกาย จากนั้นปราณเซียนพิสุทธิ์ที่ไร้ขอบเขตซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของ ‘อนันต์’ ก็พุ่งออกมา ปราณเซียนพิสุทธิ์อันกว้างใหญ่ได้แปรสภาพเป็นยันต์ที่ลึกลับและคลุมเครือ ซึ่งพุ่งเข้าสู่ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์
ปราณเซียนพิสุทธิ์กลายร่างเป็นยันต์!
ยันต์ก่อตัวเป็นพลังงานของ ‘อนันต์!’
นี่คือความลึกล้ำขั้นพื้นฐานที่สุดของยันต์เทวะอนันต์
โอม!
แน่นอนว่า หลังจากที่มันถูกพันธนาการโดยตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ ความเร็วของดวงดาวก็ช้าลงทันที มันเหมือนกับฉลามที่ถูกจับอยู่ในแหขนาดใหญ่ และทันใดนั้น มันก็เริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรง ในขณะที่ปล่อยคลื่นเสียงหึ่ง ๆ ที่น่าสะพรึงกลัว
พรวด!
เนื่องจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายไปทั่วดวงดาวนั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้ว่ามันจะถูกจับ แต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อเฉินซี มันทำให้จิตใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ซ้ำยังเกือบจะสูญเสียการควบคุมตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ไป
“สยบ!” ท่าทางดุร้ายฉายวับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเฉินซี ในขณะที่ฝืนกัดฟัน และใช้พลังทั้งหมดโดยไม่อดกลั้นแม้แต่น้อย เพื่อกลั่นกรองดาวดวงนี้
ครืน! ครืน!
ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เต็มไปด้วยแสงดาวเยือกเย็นจำนวนนับไม่ถ้วน และมันควบแน่นเป็นยันต์เทวะมากมาย ซึ่งสยบดวงดาวอย่างไม่หยุดยั้ง
แน่นอนว่าหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงดาวก็หยุดดิ้นรนโดยสิ้นเชิง มันเริ่มหดตัวลงอย่างไม่หยุดยั้งภายในตาข่าย ขนาดของมันก็หดตัวลงมากกว่าพันเท่าในทันที
ในท้ายที่สุด ดวงดาวก็กลายเป็นดวงแสงขนาดเท่ากำปั้นที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชน
“ในที่สุด ข้า… ก็ทำสำเร็จ…” เฉินซีตกตะลึงและแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
โครม!
ในขณะนี้ ร่างกายพลันสั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน ด้วยไม่ทันระวังจึงถูกดาวดวงหนึ่งกระแทกเข้าอย่างแรง ทำให้กระเด็นออกไปกว่าหลายหมื่นลี้ ราวกับก้อนหินที่ถูกเขวี้ยงไปในอากาศ
เฉินซีกระอักเลือดอีกคำหนึ่ง ในขณะที่กระดูกและเส้นเอ็นในร่างกายแตกกระจาย แม้แต่ใบหน้าก็บิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดอันรุนแรงที่ได้รับ
ทว่าดวงตากลับเปล่งประกาย และมันเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาวนับไม่ถ้วนในจักรวาล!
เพราะดาวที่เขากลั่นกรองก่อนหน้านี้ มันถูกดูดซับโดยจักรวาลภายในร่างกาย และกลายเป็นดาวอยู่ข้างในยันต์เทวะอนันต์!
ดาวดวงนี้บริสุทธิ์ เปล่งประกาย และปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น มันได้หลอมรวมเข้ากับปราณเซียนพิสุทธิ์ พลังงาน แก่นแท้ จิตวิญญาณและแม้แต่แก่นเต๋าบรรพกาลอย่างไม่มีที่ติ
ในตอนนี้ เขาไม่ได้ทำอะไร แต่อาการบาดเจ็บทั่วร่างกายกลับถูกรักษาจนหายเป็นปลิดทิ้ง และถึงขนาดที่การบ่มเพาะนั้นแสดงสัญญาณของการพัฒนาขึ้นทีละนิด!
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! พลังศักดิ์สิทธิ์ของดวงดาวสามารถถูกกลั่นกรองเพื่อนำมาเป็นของข้าเอง!
จู่ ๆ เฉินซีก็รู้แจ้งทันควัน