บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1508 หลอมรวมยันต์เทวะ
บทที่ 1508 หลอมรวมยันต์เทวะ
……………………………………………………………………..
บทที่ 1508 หลอมรวมยันต์เทวะ
ศิษย์พี่ใหญ่อู่เซวี่ยฉาน!
ในใจของเฉินซีชื่อนี้ไม่เป็นที่คุ้นเคยมากนัก เพราะเขาได้ยินชื่อนี้โดยบังเอิญจากหลียางเมื่อไปล้างแค้นตระกูลจั่วชิวที่ทะเลทรายเนตรสวรรค์
อย่างไรก็ตาม เฉินซียังจำมันได้อย่างลึกซึ้งจนถึงตอนนี้ ในเวลานั้น เมื่อเผชิญกับการคุกคามของขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ดจากนิกายอำนาจเทวะ หลียางเคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าศิษย์พี่ใหญ่ของข้าอยู่ที่นี่ ต่อให้พวกเจ้าทั้งเจ็ดก็ไม่คณนามือ”
ขุนพลสังหารเทพทั้งเจ็ด เป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวทั้งเจ็ดที่บรรลุขอบเขตเทวา และพวกมันก็ต่อสู้เคียงข้างประมุขนิกายอำนาจเทวะมานานจนไม่อาจนับ แต่กระนั้น หลียางกลับกล่าวคำเช่นนั้นจริง ๆ และสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การบ่มเพาะของอู่เซวี่ยฉานนั้นน่ากลัวเพียงใด
ไม่แปลกใจด้วยการบ่มเพาะของข้าในปัจจุบัน จิตใจของข้าถึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว ปรากฏว่าเขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของข้า อู่เซวี่ยฉาน… เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และในที่สุดก็ยืนยันความจริงข้อนี้
“นี่คือเจตจำนงที่ข้าทิ้งเอาไว้ที่นี่ และมันจะหายไปในไม่ช้า ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถพูดคุยกับได้นานนัก” อู่เซวี่ยฉานกล่าว
เฉินซีตกตะลึงในใจและกล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าศิษย์พี่ใหญ่มีคำชี้แนะอะไรแก่ข้าบ้าง”
“มันไม่ใช่คำชี้แนะแต่อย่างใด” อู่เซวี่ยฉานยิ้ม ในขณะที่ผมสีขาวราวหิมะสยายพลิ้ว เขายื่นนิ้วชี้ไปที่หินปูนที่อยู่หน้ากระท่อมแล้วกล่าวว่า “นี่คือหอส่องดารา เจ้าจะสามารถควบคุมและบ่มเพาะยันต์เทวะอนันต์ที่แท้จริง ซึ่งเป็นมรดกของเขาเทพพยากรณ์ของเราได้ โดยการบ่มเพาะอย่างจดจ่ออยู่บนมัน”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “สำหรับสิ่งที่อยู่ภายในกระท่อม มันคือหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์ และถูกท่านอาจารย์ผนึกด้วยเคล็ดวิชาขั้นสุดยอด หากเจ้าตั้งใจจะเข้าไปเพื่อบ่มเพาะ ก่อนอื่นเจ้าต้องเชี่ยวชาญยันต์เทวะอนันต์เสียก่อน”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะสงสัยเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ข้ามักจะเข้าใจเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งจากยันต์เทวะอนันต์ภายในโลกแห่งดาราของข้า กล่าวตามตรง ดูเหมือนว่าข้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจและบ่มเพาะอีกต่อไปกระมัง?
ราวกับมองความคิดของเฉินซีออก อู่เซวี่ยฉานจึงกล่าวด้วยเสียงเบา ๆ “ยันต์เทวะอนันต์ภายในเคหาดาราที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ เจ้าเพียงได้รับและเข้าใจเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งจากมันเท่านั้น แต่นั่นไม่สามารถช่วยให้เจ้าคว้ายันต์เทวะอนันต์ของตนเองได้อย่างแท้จริง ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างสิ่งนี้ เมื่อยามที่เจ้าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง”
เมื่อมาถึงจุดนี้ ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจอย่างสมบูรณ์ และกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น”
“ศิษย์น้องเล็ก การบ่มเพาะภายในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นนั่นเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้ามีชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก เจ้าจึงสามารถเปลี่ยนภัยพิบัติให้เป็นพรได้อย่างแน่นอน ซ้ำยังอาจได้รับโอกาสอันไม่คาดคิดและโชคลาภครั้งใหญ่”
อู่เซวี่ยฉานกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ “ปัจจุบัน ภัยพิบัติได้ลงมาสู่สามภพแล้ว และมันเป็นหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็เป็นโอกาสครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับเขาเทพพยากรณ์เช่นกัน สนามรบที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่สามภพมานานแล้ว และกลับเป็นแดนเทพโบราณแทน!”
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี่ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึม ดวงตาที่ลุ่มลึกราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็จ้องมองมา “ศิษย์น้องเล็ก ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะสามารถกวาดล้างกองกำลังของนิกายอำนาจเทวะได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อเจ้าทำทั้งหมดนี้สำเร็จแล้ว เจ้าจะต้องไปที่แดนโลกาวินาศโดยเร็วที่สุด เมื่อกล่าวถึงการเผชิญกับโอกาส เจ้าจะไม่มีโอกาสอีกเลยหากปล่อยให้มันหลุดลอยไป…”
เฉินซีรู้สึกตกตะลึงในใจ เดิมทีเขาตั้งใจจะมุ่งหน้าไปยังแดนโลกาวินาศเพื่อหาโอกาสเข้าสู่แดนเทพโบราณ หลังจากที่จัดการกับธุระทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินศิษย์พี่ใหญ่กล่าวเช่นนี้ มันทำให้เขาเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น
หรือว่าจะมีจำกัดเวลาในการมุ่งหน้าไปยังแดนเทพโบราณ?
“ศิษย์น้องเล็ก มหาเต๋านั้นไร้ขอบเขต โลกที่อยู่ภายนอกสามภพนั้นกว้างใหญ่และงดงามเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ ข้ากับคนอื่น ๆ จะล่วงหน้าไปก่อน และหวังว่าเราจะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในอนาคต ดูแลตัวเองด้วย!” ท่ามกลางเสียงที่อ่อนโยนและสงบ ร่างของอู่เซวี่ยฉานก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับฟองสบู่
ทันใดนั้น มีเพียงเฉินซีที่ยังคงอยู่หน้ากระท่อม
ชายหนุ่มยืนอยู่ที่นั่นและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานาน ซึ่งในที่สุด ดูเหมือนว่าตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาหยุดลังเลทันทีและเดินไปที่หินปูน ก่อนจะนั่งขัดสมาธิบนยอดหินนั่น
แค่ชั่วพริบตา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวซึ่งเปล่งแสงชั่วนิรันดร์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตาทันที
ดวงดาวที่แต่เดิมลอยอย่างไม่ขยับเขยื้อน ได้เริ่มส่งเสียงหวีดหวิวและโคจรอยู่ในขณะนี้ พวกมันเคลื่อนคล้อยไปตามวิถีอันลึกล้ำ โดยมาบรรจบกันที่ใจกลางจักรวาล จากนั้นก็ก่อตัวเป็นแผนภาพหมอกเพลิงที่กว้างใหญ่ไพศาล
ดวงดาวจำนวนมากเป็นเหมือนลวดลายยันต์ที่วาดด้วยปลายพู่กัน และพวกมันเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันลึกล้ำ ซับซ้อน และดูเหมือนจะมีหลักการของการเปลี่ยนแปลงในจักรวาลทั้งหมด
ถ้าเป็นคนอื่นที่ได้เห็นฉากที่กว้างใหญ่ ไร้ขอบเขต และยิ่งใหญ่เช่นนี้ คนคนนั้นคงจะถูกพรากวิญญาณไปจากการมองดูมันเพียงแวบเดียว และไม่สามารถฟื้นความรู้สึกได้ตลอดไป
ทว่าเฉินซีแตกต่างออกไป ชายหนุ่มมีความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ซึ่งอยู่ที่ขอบเขตเทพยันต์อักขระ ดังนั้นเพียงมองแวบเดียว ก็ตระหนักได้ทันทีว่าแผนภาพหมอกเพลิงในจักรวาล กำลังเผยให้เห็นมหาเต๋าประเภทหนึ่ง!
มันเป็นกลิ่นอายของ ‘อนันต์!’
ฝูซีปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์อาศัยแผนภาพวารีหลากเพื่อทำนายความลับแห่งสวรรค์อย่างแม่นยำ ก่อนที่เขาจะเข้าใจและคว้าความล้ำลึกของมหาเต๋าอนันต์ จากนั้นจึงก่อตั้งหนึ่งในสุดยอดนิกายของสามภพ นั่นคือเขาเทพพยากรณ์
ตอนนี้ความลับสูงสุดของเขาเทพพยากรณ์ กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าเฉินซี ในรูปแบบการโคจรของดวงดาว
ดวงดาวมากมายเริ่มโคจรไปรอบ ๆ และดึงแผนภาพหมอกเพลิงออกมา ซึ่งเผยให้เห็นศูนย์กลางของจักรวาล มันสร้างเส้นทางที่ลึกลับและลึกซึ้งอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งปล่ดปล่อยกลิ่นอายของ ‘อนันต์’ อย่างไม่หยุดหย่อน
ในขณะนี้ จิตใจและหัวใจของเฉินซีก็ใสกระจ่าง ซ้ำยังจมอยู่กับมันอย่างสมบูรณ์ เขาไล่ตามเส้นทางอันไม่มีที่สิ้นสุด และตระหนักถึงความลึกล้ำที่มีอยู่ภายในนั้น
ด้วยความงุนงง เขาจึงไม่รู้ถึงกาลเวลาที่ผ่านไป
…
เจ็ดวันต่อมา
โอม!
คลื่นผันผวนที่แปลกประหลาดดังก้องมาจากจักรวาลที่อยู่ภายในร่างกายของเฉินซี และดูเหมือนกับเสียงแรกที่มาจากความโกลาหล ทันใดนั้น จักรวาลภายในร่างกายของเฉินซีก็เดือดพล่าน และเริ่มโคจรด้วยตัวมันเอง
ดวงดาวจำนวนมากก่อตัวขึ้นจากอวัยวะภายใน จุดชีพจร เส้นลมปราณ จิตวิญญาณ พลังงาน และแก่นแท้… เดิมทีพวกมันพลุ่งพล่านไปทั่วภายในร่างกายอย่างไม่เป็นระเบียบ แต่ในขณะนี้ ดาวเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยมือที่มองไม่เห็น และเริ่มโคจรอยู่ในจักรวาลที่อยู่ภายในร่างกายตามวิถีต่าง ๆ
กระบวนการนี้ดำเนินไปตลอดทั้งวัน
ในท้ายที่สุด ดวงดาวที่มีอยู่มากมายในจักรวาลที่อยู่ภายในร่างกายก็ก่อตัวเป็นแผนภาพหมอกเพลิงที่ลึกลับและสวยงาม มันคล้ายกับหมอกเพลิงในจักรวาลเหนือศีรษะทุกประการ!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงในจักรวาลภายในร่างกาย และจักรวาลเหนือศีรษะนั้นสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ พวกมันสอดประสานกันจากระยะไกลอย่างเป็นระเบียบ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายลึกลับของ ‘อนันต์’
ในขณะนี้ ดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวาลดูเหมือนจะสว่างขึ้นในทันทีเช่นกัน และพวกมันก็เปล่งแสงดาวอันเยือกเย็นที่ส่องลงมาจากขอบฟ้า ซึ่งปกคลุมร่างกายของเฉินซีทั้งหมด
ในทางกลับกัน ดาวจำนวนมากที่อยู่ในจักรวาลภายในร่างกาย ดูเหมือนกำลังต้อนรับสายฝนหลังจากเผชิญกับความแห้งแล้งอันยาวนาน พวกมันถูกปกคลุมไปด้วยแสงดาวที่เยียบเย็นและมีชีวิตชีวามากขึ้น ในขณะที่วิถีที่พวกมันโคจรก็ไร้ที่ติ สง่างาม ลึกซึ้ง และสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เฉินซีไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้แต่อย่างใด
ผ่านไปอีกเจ็ดวัน
ในขณะนี้ แผ่นหลังของเฉินซีเหยียดตรง ขณะที่สีหน้าสงบและเคร่งขรึม ร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยชั้นของแสงดาวสีเงินซึ่งสุกสกาวและมีชีวิตชีวา มันทำให้เขาดูเหมือนเทพแห่งดวงดาวที่สถิตอยู่ในฟ้าดิน
โครม!
ทันใดนั้น ร่างสูงใหญ่พลันสั่นสะเทือน ในขณะที่เสียงมหาเต๋าก็ดังก้องมาจากภายในร่างกาย และพุ่งไปทั่วโลก
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง หมอกเพลิงที่หมุนวนและส่งเสียงหวีดหวิวในจักรวาลเบื้องบนก็หยุดลงกะทันหัน ชั่วพริบตา ดูเหมือนว่าทุกสิ่งในโลกนี้กลับคืนสู่ความเงียบงัน และมีเพียงเสียงของเต๋าเท่านั้นที่ดังก้องกังวาน
ฟึ่บ!
เฉินซีลืมตา และเมื่อดวงตาเปิดขึ้น ยันต์อักขระลึกลับมากมายก็พุ่งออกมาจากภายในพวกมัน ก่อนที่จะกะพริบและเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง เสมือนการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวในจักรวาล
หลังจากนั้น ปรากฏการณ์ในดวงตาก็หายไป ทั้งยังสงบและชัดเจน
นี่หรือยันต์เทวะอนันต์!
เฉินซีเงยหน้าขึ้นมอง หมอกเพลิงอันกว้างใหญ่ในจักรวาลที่ตกสู่สภาวะหยุดนิ่ง เพื่อสร้างโครงร่างของยันต์เทวะ และมันก็คล้ายกับยันต์เทวะอนันต์ที่เขาเคยเห็นในเคหาทุกประการ เนื่องจากพวกมันคล้ายกันมาก แล้วจะเป็นอย่างอื่นนอกจากเทวะอนันต์ได้อย่างไร?
กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิถีของดวงดาวในจักรวาล ในขณะที่เขานั่งขัดสมาธิบน ‘หอส่องดารา’ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น เป็นความลึกล้ำต่าง ๆ ที่มีอยู่ในยันต์เทวะอนันต์!
ในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็สังเกตเห็นว่า ดวงดาวในจักรวาลภายในร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นจากอวัยวะภายใน เส้นลมปราณ จุดชีพจร จิตวิญญาณ พลังงาน แก่นแท้ และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย ได้ก่อตัวเป็นแผนภาพของยันต์เทวะอนันต์!
ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้ชัดเจน ว่ามหาเต๋าและปราณเซียนพิสุทธิ์ที่ตนครอบครอง ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของยันต์เทวะอนันต์นี้ พวกมันกำลังเปลี่ยนแปลงและโคจรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่ขัดเกลาทุกสิ่งภายในร่างกาย และมหัศจรรย์มาก
นี่คือมรดกของเขาเทพพยากรณ์ ในอดีต ข้าเพียงอาศัยยันต์เทวะอนันต์เพื่อบ่มเพาะเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งเท่านั้น แต่บัดนี้ ข้าได้เข้าใจมันและเริ่มอนุมานเคล็ดวิชาอันล้ำลึกด้วยตัวเอง…
ทันใดนั้น เฉินซีก็รู้สึกถึงการรู้แจ้งในหัวใจ ตระหนักรู้ว่าจะเข้าใจเคล็ดวิชาทั้งหมดได้อย่างไร ในเมื่อเชี่ยวชาญและเข้าใจเคล็ดวิชาอย่างถ่องแท้แล้ว เมื่อเข้าใจถึงความลึกซึ้งของมรดกหลัก และมองย้อนกลับไปที่เคล็ดวิชาอันลึกซึ้งที่เคยเข้าใจในอดีต ก็รู้สึกเหมือนเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ที่จะก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
ครืน!
เฉินซีพยายามโคจรการบ่มเพาะของตน จักรวาลภายในร่างกายส่งเสียงดังกึกก้อง ยันต์เทวะอนันต์ก็ปรากฏขึ้น และปลดปล่อยปราณเซียนพิสุทธิ์อันมหาศาลที่พลุ่งพล่าน
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา เฉินซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า การบ่มเพาะของตนก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง และแม้แต่พลังฝีมือก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มันแสดงให้เห็นสัญญาณของความอิ่มตัวและความสมบูรณ์เล็กน้อย
ใกล้แล้ว ข้าอยู่ห่างจากการบรรลุขอบเขตราชันเซียนอีกเพียงไม่กี่ก้าว และจะแสวงหาเส้นทางสู่การเป็นเทพ!
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนลุกขึ้นยืน ขณะที่จ้องมองหินปูนบนพื้น ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ถึงยี่สิบวัน มันทำให้ข้าได้รับมรดกของยันต์เทวะอนันต์ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ความแข็งแกร่งก็ดีขึ้น ‘หอส่องดารา’ ช่างลึกล้ำเกินจะพรรณนาจริง ๆ
หลังจากนั้น เขาก็ระงับความคิด แล้วมองไปที่กระท่อมที่อยู่ใกล้เคียงอย่างไม่ลังเล
ประตูกระท่อมปิดแน่น และยังดูธรรมดาเหมือนกับตอนที่เห็นมันเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม เฉินซีรู้ดีอยู่แล้วว่าหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นอยู่ภายในกระท่อม ตามที่ศิษย์พี่ห้าของเขาได้กล่าวไว้ เมื่อเขาเสร็จสิ้นการบ่มเพาะในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น เขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวคนจากนิกายอำนาจเทวะอีกต่อไป
ไม่ว่าใครก็ตาม รวมถึงศิษย์เอกของนิกายอำนาจเทวะอินไฮว่คง และสองนักบวชแห่งนิกายอำนาจเทวะ ผู้อาวุโสคงจ้าวและนักพรตทัวคง!
ให้ข้าดูว่าภัยอันตรายเช่นใดที่ซ่อนอยู่ภายในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นนี้ และถ้ามันน่ากลัว อย่างที่ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวจริง ๆ… ความอยากรู้อยากเห็นแวบขึ้นมาในใจของเฉินซี ปรากฏสีหน้าหนักแน่น ขณะก้าวไปข้างหน้า ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป
โอม!
ทันทีที่ เฉินซีเดินเข้าไปในกระท่อม และก่อนที่จะมองเห็นภาพภายในนั้นได้อย่างชัดเจน ร่างของเขาก็ถูกลากไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น และถูกเคลื่อนย้ายออกไปทันทีในขณะที่เขาสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งหมด