บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1506 หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น
บทที่ 1506 หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น
……………………………………………………………………..
บทที่ 1506 หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น
หลี่ฝูเหยาทะยานผ่านอากาศธาตุ ส่วนชิวเสวียนซูอยู่ด้านหลังเพื่อสนับสนุนเฉินซีในการดูแลสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า
การต่อสู้ครั้งใหญ่นี้กำลังจะสิ้นสุดลง
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ราชันเซียนสิบสองคนจากสามตระกูลโบราณอย่างตระกูลจงหลี ตระกูลเจี้ยง และตระกูลว่านฉี รวมถึงสี่สำนักอย่างสำนักศึกษานภาไพศาล สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษาเต๋าเร้นลับล้วนถูกสังหาร ศิษย์ของพวกเขาถูกกวาดล้าง ไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้
นอกจากนี้ อินไฮว่คงผู้เป็นศิษย์ชั้นสูงของนิกายอำนาจเทวะเสียแขนไปหนึ่งข้าง ส่วนศิษย์ลำดับหก เก้า และสิบสองต่างถูกเด็ดศีรษะ มีเพียงศิษย์แปดคนที่หลบหนีในสภาพสะบักสะบอม!
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่งพรายออกไป ความโกลาหลก็ก่อเกิดในภพเซียน สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก ผู้บ่มเพาะทุกคนต่างตกตะลึงที่เจ้าสำนักคนใหม่อย่างเฉินซีทรงพลังถึงขั้นกวาดล้างการรุกรานของนิกายอำนาจเทวะได้ในอึดใจเดียว
เนื่องจากภัยพิบัตินี้กวาดผ่านทั้งสามภพ นิกายอำนาจเทวะจึงฉวยโอกาสมารุกรานโลก พิชิตกองกำลังขนาดใหญ่ในภพเซียนอย่างง่ายดาย โดยปราศจากความปราชัย
ถึงกระนั้น การต่อสู้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นิกายอำนาจเทวะพ่ายแพ้และสูญเสียอย่างใหญ่หลวง!
ราชันเซียนมากกว่าสิบคนถูกกำจัดในอึดใจเดียว แม้กระทั่งในประวัติศาสตร์ของภพเซียน ความสูญเสียเช่นนี้นับว่าหาได้ยากและไม่เคยมีมาก่อน
เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นยามสายัณห์ มันจึงถูกเรียกว่า ‘สายัณห์โลหิต’ ก่อนจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของสามภพ
ชื่อเสียงของเฉินซีเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้บดบังผู้บ่มเพาะทั้งหลายในโลกจนมีอำนาจเหนือกว่าราชันเซียนธรรมดา
…
ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า
เฉินซีนั่งขัดสมาธิขณะจดจ่อกับการอ่านแผ่นหยกที่ศิษย์พี่ห้าหลี่ฝูเหยาทิ้งไว้ให้
ในช่วงเกิดภัยพิบัติ ดินแดนทวยเทพไร้ตัวตน ทุกวันนี้มีเพียงสามคนจากนิกายอำนาจเทวะที่ควรค่าแก่การหวาดกลัว ประกอบด้วยศิษย์ชั้นยอดอินไฮว่คง นักบวชอาวุโสคงจ้าว นักพรตเต๋าทัวคง…”
ย่อหน้าแรกในแผ่นหยกทำให้หัวใจของเฉินซีสั่นไหว จากนั้นเขาก็เข้าใจว่าเพื่อควบคุมสามภพอย่างสมบูรณ์ นิกายอำนาจเทวะถึงกับยอมให้ตัวตนในขอบเขตเทวาทั้งสามใช้วิชาลับบางอย่างเพื่อสะกดการบ่มเพาะให้อยู่ระดับราชันเซียน ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาและไม่ถูกพาไปยังแดนโลกาวินาศ
“นิกายอำนาจเทวะคือสุนัขรับใช้ของเต๋าสวรรค์ แต่บัดนี้มันกล้าขัดต่อเจตจำนงเต๋าสวรรค์ ช่างเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ทะเยอทะยานเสียจริง”
“ถึงแม้สามคนนี้จะอยู่ขอบเขตเทวามานาน แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกมันถูกวิชาลับสะกดเอาไว้ ด้วยความสามารถตอนนี้ของเจ้า ย่อมสามารถเอาชนะหนึ่งในพวกมันได้ แต่ถ้าอยากฆ่าให้สิ้นซาก มันยังไม่มากพอ ทันทีที่อีกฝ่ายพยายามสุดความสามารถ พวกมันอาจจะทำให้เจ้าเสียเปรียบได้ ดังนั้นถ้าอยากจัดการพวกมัน เจ้าต้องหาทางอื่น…”
เมื่อเห็นดังนี้ เฉินซีก็คิ้วขมวดขณะหัวใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง
เขาทราบดีถึงความหมายในคำพูดของศิษย์พี่ห้า อีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่ถูกสะกดเอาไว้ จึงทำได้เพียงจัดการหนึ่งในพวกมันด้วยพละกำลังตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าต้องการฆ่า ย่อมเป็นไปไม่ได้
เหตุผลนั้นง่ายมาก ทันทีที่อีกฝ่ายทุ่มสุดกำลัง พวกมันจะต้องคลายวิชาลับเพื่อฟื้นคืนระดับการบ่มเพาะสู่ขอบเขตเทวา ถึงตอนนั้นเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
ต่อให้ฟื้นคืนการบ่มเพาะสู่ขอบเขตเทวา ถึงอย่างไรก็ต้องถูกพาไปแดนโลกาวินาศอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ขอเพียงสามารถกำจัดเป้าหมายได้ มันก็เท่ากับว่าอุปสรรคของนิกายอำนาจเทวะได้รับการขจัดจนสิ้น ถึงตอนนั้น ใครเล่าในภพเซียนจะสามารถขัดขืนการรุกรานของนิกายอำนาจเทวะได้?
“ในเมื่อศิษย์พี่ห้าบอกแบบนี้ เกรงว่าเขาคงมีหนทางในการจัดการพวกมันแล้ว…”
เฉินซีสูดหายใจเข้าขณะอ่านต่อ เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ หลี่ฝูเหยาเตรียมมาตรการบางอย่างเพื่อสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว
ทว่าวิธีนี้ทำให้เฉินซีตกตะลึงเคล้าซาบซึ้ง “เขาเทพพยากรณ์ หอส่องดารา หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นหรือ?”
ไม่แปลกใจที่เฉินซีจะซาบซึ้ง ตามที่เขียนในแผ่นหยก มีสถานที่ลับเพื่อการบ่มเพาะอยู่ในเขาเทพพยากรณ์ มันมีชื่อว่าหอส่องดารา เป็นสถานที่ที่ปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ ฝูซีทำการรู้แจ้ง ก่อนจะนั่งทำการบ่มเพาะจนสามารถควบคุมพลังของยันต์เทวะอนันต์ได้
นอกจากนี้ ที่ด้านข้างของหอส่องดารา มีสถานที่สำหรับขัดเกลาการบ่มเพาะนามว่าหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น มันคือสถานที่ที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนทำการฝึกฝน ซึ่งมีผลในการพัฒนาพละกำลังอันน่าเหลือเชื่อ
ในตอนนั้น ท่ามกลางศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ ศิษย์ลำดับหนึ่ง อู่เซวี่ยฉาน ศิษย์ลำดับสอง นักพรตเต๋าเซิ่งจี ศิษย์ลำดับสามเที่ยอวิ๋นไห่และคนอื่นต่างเสริมพละกำลังในหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่น ทำให้พวกเขามีพลังในการท้าทายกับทวยเทพ
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าทันทีที่ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์อยู่ในระดับราชันเซียน พวกเขาสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตกับตัวตนขอบเขตเทวาได้!
นี่คือเหตุผลแท้จริงที่ทำให้เฉินซีซาบซึ้ง ต้องทราบก่อนว่าทวยเทพผู้อยู่เหนือสามภพไม่ใช่ส่วนหนึ่งของธาตุทั้งห้า พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะตัวตนสูงสุดและทรงพลังจนสุดจะจินตนาการได้
ในช่วงหลายปีมานี้ เฉินซีได้เป็นสักขีพยานการต่อสู้ระหว่างทวยเทพมากกว่าหนึ่งครั้ง เขาทราบดีว่าการต่อสู้กับทวยเทพด้วยพลังขอบเขตราชันเซียนนั้นมันเหลือเชื่อมากเพียงใด
หากราชันเซียนเป็นผู้ปกครองสูงสุด เช่นนั้นทวยเทพก็เป็นจักรพรรดิผู้อยู่เหนือผู้ปกครอง การสังหารราชันเซียนเป็นเรื่องง่ายไม่ต่างจากการบี้มด
แต่ตามที่ศิษย์พี่ห้าหลี่ฝูเหยากล่าว ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ได้ผ่านการฝึกที่หุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นตอนอยู่ในขอบเขตราชันเซียน ด้วยพลังที่สั่นสะเทือนขอบเขตเทวา ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ามันจะทำให้เฉินซีตกตะลึงมากเพียงใด
“อย่างที่คิด สาเหตุที่ศิษย์พี่ของข้าถึงได้ภาคภูมิใจมากขนาดนั้น พวกเขาเป็นกลุ่มสัตว์ประหลาดไร้เทียมทานนี่เอง!”
แต่เขากลับลืมนึกถึงตัวเองไป ตอนที่อยู่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น เขาเคยต่อสู้ข้ามขอบเขตจนสังหารราชันเซียนได้ แล้วจะไม่นับว่าเป็นสัตว์ประหลาดท้าทายสวรรค์ได้อย่างไร?
ความจริง เขาถึงขั้นร้ายกาจยิ่งกว่าศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์เสียอีก ศิษย์เหล่านั้นเพียงใช้พลังขอบเขตราชันเซียนเพื่อท้าทายทวยเทพ ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถทำการสังหารได้
แต่เฉินซีต่างออกไป ไม่เพียงต่อสู้ข้ามขอบเขตเท่านั้น แต่ยังสังหารอีกฝ่ายได้อีกด้วย!
เฉินซีตระหนักเรื่องนี้เช่นกัน ตามที่ศิษย์พี่ห้าหลี่ฝูเหยาว่า หอส่องดาราและหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งดารากลั่นต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน ที่หนึ่งเอื้อต่อการบ่มเพาะ อีกที่เอื้อต่อการขัดเกลาพละกำลัง ขอเพียงเข้าใจทุกอย่าง ย่อมสามารถพิชิตตัวตนขอบเขตเทวาซึ่งหน้าได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถสังหารทวยเทพได้
“ขอเพียงพวกเราสามารถต้านทานได้ แค่นั้นก็เกินพอแล้ว”
เฉินซีครุ่นคิดสักพักก่อนจะเข้าใจเจตนาของศิษย์พี่ห้าหลี่ฝูเหยา ใช่แล้ว ขอเพียงมีพลังที่จะต่อสู้กับตัวตนขอบเขตเทวา เขาย่อมสามารถต่อสู้กับอินไฮว่คงผู้เป็นศิษย์ชั้นยอดของนิกายอำนาจเทวะ รวมถึงนักพรตไร้เทียมทานสองคนนั้นได้
ถึงตอนนั้น กลิ่นอายทวยเทพจะแผ่ซ่านออกไป ขอเพียงกาลเวลาผันผ่าน พวกมันย่อมมีชะตาที่จะถูกสังเกตเห็นโดยแดนโลกาวินาศ ทำให้โซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาลากพวกมันไป!
ศิษย์พี่ห้าหลี่ฝูเหยาคือตัวอย่างดีที่สุด เพื่อทะลวงแดนวิบัติทมิฬ เขาจึงกลายเป็นเทพในรวดเดียว ถึงแม้จะเอาชนะอินไฮว่คงได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ต้องจากไปเพื่อมุ่งหน้าสู่แดนโลกาวินาศ
หลังจากครุ่นคิดทั้งหมดนี้ เฉินซีพลันเกิดการรู้แจ้ง แล้วความหนักอึ้งทั้งหมดในใจถูกชะล้าง
เขายังคงมองดูแผ่นหยก แต่ก็พบว่ารายละเอียดที่ถูกบันทึกไว้ต่างออกไป พวกมันคือความลับบางอย่างเกี่ยวกับการเดินทางไปแดนโลกาวินาศ ซึ่งไม่มีประโยชน์อันใดในตอนนี้
“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเรื่องราวในสำนักก็เรียบร้อยดีแล้ว ชิวเสวียนซูจะต้องรับหน้าที่ดูแลสำนักต่อ ส่วนข้าจะเดินทางไปที่เขาเทพพยากรณ์…”
เฉินซีเก็บแผ่นหยกแล้วสูดหายใจเข้า ก่อนจะตัดสินใจ
…
หลายวันผ่านไป สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าตกอยู่ในความเงียบสงบยิ่ง
แน่นอนว่าโลกภายนอกอยู่ในสภาพโกลาหล ส่วนสถานการณ์ในโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนเกิดการสนทนาอย่างเผ็ดร้อน ทั้งหมดนี้มาจากผลกระทบของศึก ‘สายัณห์โลหิต’
แต่ทุกคนทราบดีว่าหลังประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ นิกายอำนาจเทวะย่อมไม่มีทางรามือ พวกเขาอาจจะกำลังรวบรวมกำลังเพื่อรอโอกาสในการกลับมาโค่นสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอีกครั้ง
เฉินซีไม่ให้ความสนใจกับเรื่องดังกล่าว เพราะทุกวันนี้ก็มีเรื่องให้วุ่นวายพอแล้ว เขากับชิวเสวียนซูต่างหมดเรี่ยวแรงไปกับการตระเตรียมข้อจำกัดทั้งหลายในสำนัก พลังของพวกมันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต่อให้มีการรุกรานจากราชันเซียน หากอีกฝ่ายไม่พยายามสุดความสามารถ ย่อมไม่สามารถสั่นคลอนค่ายกลของสำนักได้แม้แต่นิดเดียว
ในวันนี้ เฉินซีเพิ่งเสร็จการขัดเกลาขั้นสุดท้ายของข้อจำกัดในสำนัก แล้วหวังต้าวหลู โจวจื่อหลี เซวียนหยวนพัวจวิน และคนอื่นต่างมาเยี่ยมเยียน
“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินซีถาม
“เจ้าสำนัก หลายวันมานี้มีกองกำลังจำนวนมากมาที่สำนักของพวกเรา หลังจากตรวจสอบหลายขั้นแล้วก็ไม่พบความข้องเกี่ยวกับนิกายอำนาจเทวะแต่อย่างใด แต่ว่า…”
หวังต้าวหลูเปิดปากเพื่อแสดงเจตนาออกมา “แต่ว่ากองกำลังเหล่านี้มีจำนวนมากเกินไป ดินแดนและถ้ำศักดิ์สิทธิ์ในสำนักของพวกเราไม่อาจรองรับคนจำนวนมากได้”
เฉินซีทราบเช่นกันว่าด้วยชัยชนะจากการต่อสู้ครั้งนั้น ทำให้กองกำลังทั้งหลายในภพเซียนที่เดิมรอคอยและเฝ้ามองอยู่ได้คลายกังวล ก่อนจะมาเข้าร่วมกับทางพวกตน
“เช่นนั้นให้พวกเขาสร้าง เมืองเซียนสัประยุทธ์ขึ้นใหม่ แล้วให้พวกเขาทั้งหมดไปอยู่ในเมือง” เฉินซีครุ่นคิดสักพักก่อนจะทำการตัดสินใจ
“เช่นนั้น… เกรงว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?” หวังต้าวหลูลังเล
เฉินซียิ้มหยันแล้วเอ่ยคำ “ตอนพวกเราขอให้ร่วมมือ พวกเขากลับกังวลว่าจะถูกกวาดล้างโดยนิกายอำนาจเทวะจนไม่เต็มใจ แต่พอเห็นพวกเราคว้าชัยมาได้ ก็รีบเสนอหน้ามาเข้าร่วมกองกำลังแบบนี้ นับว่าบุญแค่ไหนแล้วที่ข้ายอมรับเอาไว้ ถ้าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรก็ให้กลับไปลี้ภัยกับนิกายอำนาจเทวะได้เลย!”
พวกหวังต้าวหลูมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจได้ในท้ายที่สุด
“จะว่าไป ช่วยดูแลตระกูลเหลียง ตระกูลกู่ และตระกูลหลัวในเมืองจตุรเทพ ในตอนนั้นพวกเขาให้การดูแลข้าเป็นอย่างดีจนไม่อาจเพิกเฉยได้”
เฉินซีนึกบางอย่างขึ้นมาได้ในพลัน แล้วร่างของเหลียงปิงก็ปรากฏขึ้นในใจ เขาจึงอดที่จะลอบถอนหายใจไม่ได้ หลายปีมานี้ตนยุ่งหัวหมุนจนละเลยสหายในอดีตมากมาย
ยกตัวอย่างเช่นชิงซิ่วอี้ผู้เป็นภรรยาที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานจนกลายเป็นปมในใจ เขารู้สึกละอายใจกับเรื่องนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่เพราะทราบว่าพิภพเบญจขันธ์ที่ตำหนักเต๋าหนี่หวาตั้งอยู่ปิดตัวลงตอนภัยพิบัติอุบัติขึ้นจนหายไปจากสามภพ เขาคงมุ่งหน้าไปรับชิงซิ่วอี้นานแล้ว
หรือเจิ้นหลิวชิง นายน้อยโจว มู่ขุย ซางจือ หวงฝู่ฉิงอิง หลิงอวี๋ จ้าวชิงเหอ ฟ่านอวิ๋นหลาน… สหายในอดีตเหล่านี้อยู่ที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ ทุกครั้งที่เฉินซีคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าโศกและละอายใจ
น่าเสียดายที่ภาระหน้าที่ในยามนี้หนักหนาเกินไป บัดนี้ศัตรูยิ่งใหญ่ของนิกายอำนาจเทวะยังไม่ถูกจัดการ ดังนั้นจึงไม่สามารถแบ่งเรี่ยวแรงมาจัดการเรื่องเหล่านี้ได้
หลังจากได้ฟังคำสั่งของเฉินซี พวกหวังต้าวหลูก็น้อมรับไว้ไม่กล้าปฏิเสธ ภายในใจของพวกเขาก่อเกิดอารมณ์บางอย่าง สามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเหลียง ตระกูลหลัว และตระกูลกู่นับว่าโชคดีพอที่จะได้รับความเมตตาจากเจ้าสำนัก หากได้รับการดูแลจากอีกฝ่าย ย่อมไม่มีใครในภพเซียนกล้าหาเรื่องพวกเขาอย่างแน่นอน!
แน่นอนว่าหลักฐานก็คือการกำจัดนิกายอำนาจเทวะจนสิ้นซาก…
“ข้าวางแผนจะไปเขาเทพพยากรณ์ในอีกสองวัน อาจจะไปเก็บตัวอยู่ที่นั่นสักพัก หลังจากไปแล้ว พวกเจ้าจะต้องช่วยข้าควบคุมทุกสิ่งในสำนัก”
หลังกลับมาที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า เฉินซีก็พบชิวเสวียนซูก่อนจะบอกแผนให้ฟัง “ให้ความสนใจเรื่องการเคลื่อนไหวของนิกายอำนาจเทวะ หากมีปัญหาอะไร แจ้งข้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“อาจารย์อาไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลทุกอย่างให้เอง”
ชิวเสวียนซูตอบตกลง
เฉินซีพยักหน้า พละกำลังตอนนี้ของชิวเสวียนซูด้อยกว่าเขาเพียงเล็กน้อย หากให้ดูแลสำนัก ย่อมไม่ต้องกังวลสิ่งใดตราบที่ไม่ถูกโจมตีจากคนระดับเดียวกับอินไฮว่คง
ยิ่งกว่านั้น ยังมีราชันเซียนมากกว่าสิบคนประจำอยู่ที่สำนักในตอนนี้ หลังจากสังหารราชันเซียนทั้งหลายในคราวที่แล้ว เฉินซีก็ได้รับของติดมือมามากมาย รวมถึงสมบัติวิญญาณ เฉินซีมอบของทั้งหมดนี้ให้ราชันเซียนแต่ละคนใช้งาน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น หากนิกายอำนาจเทวะไม่ทุ่มสุดกำลัง ย่อมไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับสำนักได้