บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1502 สังหารกลุ่มราชันเซียนเพื่อเป็นคำเตือน
บทที่ 1502 สังหารกลุ่มราชันเซียนเพื่อเป็นคำเตือน
……………………………………………………………………..
บทที่ 1502 สังหารกลุ่มราชันเซียนเพื่อเป็นคำเตือน
ทันทีที่สิ้นคำ สีหน้าของเจี้ยงไท่จงและคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป
ไอ้สารเลวนี่ตั้งใจจะสังหารพวกเราทุกคนจริง ๆ หรือ?
ในทางกลับกัน หัวใจของเหล่ากองกำลังที่ตามหลังราชันเซียนเหล่านั้น ต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่ความแข็งแกร่งด้อยกว่า พวกเขาล้วนหวาดกลัวจนแทบตัวสั่น ในขณะที่ความกลัวได้ครอบงำหัวใจ
“ช่างฟังดูมั่นใจยิ่งนัก! เฉินซี เจ้าคิดว่านิกายอำนาจเทวะจะเฝ้าดูสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง ๆ หรือ?”
เจี้ยงไท่จงหายใจเข้าลึก ๆ และยิ้มเย้ยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เขาเปลี่ยนวิธีการกล่าว หยุดดูถูกเฉินซีในฐานะไอ้สารเลว และเห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของเจ้าตัวไม่สงบ ทำให้เผยความกลัวต่อเฉินซีอย่างไม่ได้ตั้งใจ
นิกายอำนาจเทวะ!
บรรยากาศโดยรอบแข็งตัวทันทีเมื่อกล่าวคำนี้
ในทางกลับกัน ปฏิบัติการโจมตีสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของพวกมันในครั้งนี้ ก็เป็นที่จับตามองของภพเซียนทั้งหมด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นิกายอำนาจเทวะจะนิ่งดูดายและปล่อยให้ล้มเหลวได้อย่างไร?
ไม่มีทาง!
ตราบใดที่ยังพอมีสติปัญญา ใคร ๆ ก็รู้ว่ากองกำลังที่แท้จริงของนิกายอำนาจเทวะอาจซ่อนตัวอยู่ในเงามืด และเฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างเย็นชาจากข้างสนาม
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เจี้ยงไท่จงมั่นใจ จึงกล้าที่จะกล่าวคำดังกล่าว
“นิกายอำนาจเทวะเป็นแค่สุนัขรับใช้ของเต๋าสวรรค์ แต่อันที่จริงแล้ว พวกเจ้ากลับภูมิใจที่สามารถอยู่ฝ่ายเดียวกับมัน ดังนั้นพวกเจ้าจึงต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัข!” เฉินซีกล่าวด้วยสีหน้าสงบและไม่แยแส ทั้งไม่ปิดบังการเยาะเย้ยหรือการดูถูกเหยียดยาม ดูเหมือนจะไม่สนใจต่อภัยคุกคามที่นิกายอำนาจเทวะก่อขึ้น
สีหน้าของเจี้ยงไท่จงและคนอื่น ๆ เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูมากขึ้นทันที เพราะเฉินซีไม่เพียงแต่เรียกนิกายอำนาจเทวะว่าสุนัขเท่านั้น ยังกล่าวว่าพวกมันนั้นต่ำยิ่งกว่าสุนัข ตั้งแต่เมื่อใดที่ผู้ครอบครองสถานะสูงสุด จะได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้?
ไม่เคยเลยสักครั้ง!
พวกมันคือราชันเซียน ทั้งยังเป็นผู้นำของกองกำลังชั้นยอด ปกครองเหนือดินแดนในภพเซียน และสามารถบัญชาเมฆลม ได้รับความเคารพและนับถือไม่ว่าจะไปที่ใด ดังนั้นจะมีใครกล้าดูหมิ่นพวกมันด้วยวาจาบ้าง?
“เฉินซี ถ้าเจ้าทำเช่นนี้ สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าจะต้องถูกฝังเพราะเจ้า เจ้าจะรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาเช่นนี้ได้หรือ!?” ชายหนุ่มร่างผอมที่สวมชุดนักพรต ตะโกนเสียงดังด้วยเสียงอันเคร่งขรึม เขาเป็นผู้อาวุโสขอบเขตราชันเซียนจากสำนักศึกษาเต๋าเร้นลับ
“ฮ่า ฮ่า! พวกเจ้าล้วนโจมตีสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของข้า แต่ยังกล้าใช้มันเพื่อคุกคามข้าอีก ช่างน่าหัวเราะจริง ๆ!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันเย็นชา จู่ ๆ เฉินซีก็ชักยันต์ศัสตรา และร่างของเขาเปล่งประกายในขณะที่โจมตี!
ในขณะนี้ ชายหนุ่มได้ฟื้นฟูปราณเซียนพิสุทธิ์ที่แห้งเหือดจนเกือบเต็มแล้ว และเมื่อรวมกับพลังแห่งข้อจำกัดเทวะ มันก็เพียงพอที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์
เป็นไปไม่ได้ที่ราชันเซียนเหล่านั้นจะรอให้ความตายมาถึง ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินซีพุ่งเข้าสู่ข้อจำกัดเทวะ พวกเขาจึงควักสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกไป และเตรียมที่จะคว้าโอกาสนี้เพื่อหาหนทางเอาชีวิตรอดอย่างสิ้นหวัง
โอม!
ร่างกายของชายที่มาจากสำนักศึกษาเต๋าเร้นลับเปล่งประกาย เขาเป็นเหมือนเทพที่จุติลงมายังโลก และทันใดนั้น แส้หางม้าสีดำก็ปรากฏในมือเขา ก่อนที่จะโจมตีอย่างรุนแรงด้วยความตั้งใจที่จะฝ่าข้อจำกัดเทวะ
สมบัติวิญญาณประดิษฐ์!
ดวงตาของเฉินซีมีประกายแวววาว ในขณะที่เขาจำได้ว่าแส้หางม้านั้นเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ และชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ความมั่งคั่งของไอ้เฒ่าราชันเซียนเหล่านี้ มีมากมายจนเกินจินตนาการของข้า
กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากแส้หางม้า และมันเหมือนกับความโกลาหลอันกว้างใหญ่กำลังหมุนวนอยู่ภายใน ที่เข้าบดขยี้และทำลายยันต์จำนวนมากซึ่งก่อให้เกิดข้อจำกัด โดยตั้งใจที่จะฝ่าข้อจำกัดเทวะไปพร้อมกับเผยพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมา
เฉินซีเพียงยิ้มแล้วพุ่งเข้ามาเพื่อต่อสู้กับชายหนุ่มคนนี้
ฟิ่ว!
ยันต์ศัสตราฉีกผ่านท้องฟ้า ตัวกระบี่ที่ดำสนิทและเรียบง่ายของมัน กลับพลุ่งพล่านไปด้วยผังยันต์เทวะที่มีอยู่มากมาย และอันที่จริงแล้ว มันผสานเข้าด้วยกันอยู่ภายในข้อจำกัดเทวะที่อยู่ตรงหน้าเฉินซี ทั้งยังได้รับการเกื้อหนุนจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในข้อจำกัดเทวะ ทำให้พลังของเฉินซีเพิ่มขึ้นอย่างมากในทันที
เสื้อผ้าสีเขียวของเฉินซีโหมกระพือ พลางเผยท่าทางที่ว่างเปล่าราวกับคนละโลก ทั้งยังมีกลิ่นอายแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่ปะทะกับชายหนุ่มร่างผอม
ตู้ม!
สมบัติทั้งสองชนกัน และทั้งสองต่างใช้พลังทั้งหมดอย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นเป็นเหมือนเทพที่จุติลงมายังโลก ส่วนอีกคนเป็นเหมือนจักรพรรดิกระบี่ที่ท่องไปในใต้หล้า พวกเขาต่อสู้จนฟ้าดินมืดสลัว
เป็นที่ประจักษ์ว่าทันทีที่พวกเขาต่อสู้กัน ชายหนุ่มร่างผอมเพรียวก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และถูกเฉินซีสยบโดยสิ้นเชิง ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย คนผู้นี้ก็คงถูกเฉินซีบดขยี้ไปนานแล้ว
“อั๊ก!” ชายหนุ่มร่างผอมก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน และจู่ ๆ เขาก็พ่นแก่นโลหิตออกมาเต็มปากพลางคำรามลั่น ทันใดนั้น ร่างสีทองที่ไร้ตัวตนสีทองก็ปรากฏขึ้นมา ซึ่งกลายเป็นเทพสวรรค์ที่จ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยว และถือตราประทับขนาดมหึมาไว้ในมือ
ในทันใดนั้น ข้อจำกัดเทวะก็ส่งเสียงดังโครมคราม ขณะที่มันเริ่มสั่นอย่างรุนแรง เทพสวรรค์สีทองที่ไร้ตัวตนนั้นทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และผนึกขนาดมหึมาในมือนั้นถูกประทับด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ขณะที่มันกระแทกลงมาด้วยพลังที่เหนือจินตนาการ
“ฮึ่ม!” เฉินซีร้องอย่างเย็นชา ที่หน้าผากเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันดุร้าย แล้วจึงควักชามใบหนึ่งออกมา
โอม!
มันสกัดกั้นการโจมตีของร่างที่ไร้ตัวตน จากนั้นกำยันต์ศัสตราไว้ในมือแน่น พร้อมกับพุ่งออกไปอย่างระเบิดประหนึ่งคุนเผิง และฟาดฟันกระบี่ออกไป
โครม!
กระบี่ฟาดลงบนผนึกขนาดมหึมาโดยตรง เจตจำนงกระบี่ทะลักออกมาจากภายในมัน ทำให้มิติกับเวลาบิดเบี้ยวและแตกสลาย ก่อนที่จะมีเสียงกัมปนาทดังขึ้น แล้วผนึกขนาดมหึมาก็ทุบจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
หลังจากนั้น ร่างที่ไม่มีตัวตนก็เริ่มสั่นสะท้าน ก่อนที่รอยแตกจะแผ่ออกไปราวกับใยแมงมุมบนตัวของมัน
แกร๊ก! แกร๊ก!
มันแตกออกและระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ จนสั่นสะเทือนไปยังทุกทิศทุกทาง
ทุกคนตกตะลึง เพราะเฉินซีแข็งแกร่งเกินไป เขาเผชิญกับร่างไร้ตัวตนของเทพสวรรค์ด้วยตนเอง ซ้ำยังทำลายมันด้วยกระบวนท่าเดียว และนี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างแท้จริง
พรวด!
ชายหนุ่มร่างผอมกระอักเลือดคำหนึ่งและโซซัดโซเซกลับไป ในขณะที่ร่างกายก็ซีดเผือดมาก เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
“เป็นไปได้อย่างไร! ร่างเจตจำนงของเทพสวรรค์หกจักรวาลครอบครองอำนาจแห่งเทพ และข้าก็เสียสละแก่นแท้หมื่นปีของข้าด้วยซ้ำ แต่ผลลัพธ์ข้ากลับไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากไอ้สารเลวนี้ได้แม้แต่ครั้งเดียว!” เขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้าที่ซีดเผือดก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว ทั้งยังก่อตัวเป็นความตกใจและความสับสนอีกด้วย
ฟิ่ว!
เฉินซีไม่ได้กล่าวอะไร และมีเพียงปราณกระบี่ที่ทักทายชายหนุ่มร่างผอมคนนั้นแทน ปราณกระบี่ถูกปกคลุมไปด้วยแผ่นยันต์ที่มีอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งส่องประกายงดงาม และพวกมันก็โถมเข้าใส่ร่างของเขาจนมิด
เสียงของเขาหยุดลงกะทันหัน ในขณะที่เลือดสีทองเข้มของราชันเซียนก็พุ่งออกมา และปกคลุมข้อจำกัดเทวะ
ราชันเซียนเสียชีวิตอีกคนแล้ว!
แม้ว่าเจี้ยงไท่จงและราชันเซียนคนอื่น ๆ จะติดอยู่ในบริเวณต่าง ๆ ของข้อกำจัดเทวะ แต่พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะรีบหาทางออกจากข้อจำกัดนี้!
ในขณะนี้ ทันทีที่เปิดฉากลงมือ ก็ไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาอย่างแน่นอน ประการแรก เป็นเพราะข้อจำกัดเทวะนี้ใช้พลังงานมากเกินไป และมันจะพังทลายลงในไม่ช้า ส่วนประการที่สอง เขากังวลว่านิกายอำนาจเทวะจะเข้ามาแทรกแซงและขัดขวางการกระทำที่เขากำลังทำอยู่
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ที่บริเวณหนึ่งของข้อจำกัดเทวะ ชายชราร่างอ้วนท้วนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มกำลังทุบไม้เท้าเหล็กสีเขียวเข้มในมือเข้าที่ข้อจำกัดเทวะ สีหน้าของเขามืดมนและดุร้าย แล้วจึงก่นด่าว่า“บ้าเอ๊ย! ไอ้สารเลว! เหตุใดนิกายอำนาจเทวะจึงไม่ปรากฏตัวอีก? ถ้าข้ารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ข้าคงไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม…”
ทันใดนั้น ร่างของเขาก็แข็งทื่อ จิตใจก็เริ่มระแวดระวัง ก่อนจะยกมือขึ้น ทำให้ได้เห็นร่างชุดเขียวที่ดูเหมือนจะเคลื่อนผ่านมิติและเวลามาหาตน
ทันใดนั้น แก้มอวบอ้วนของเขาก็สั่นกระเพื่อม ในขณะที่สีหน้าก็ดูเคร่งขรึม พร้อมกับร้องออกมาด้วยความตกใจ “เฉินซี!”
“ดูเหมือนว่าข้าทำให้เจ้ารอ ต้องขออภัยด้วย ข้าจะส่งเจ้าไปเดี๋ยวนี้แหละ!” เฉินซีกล่าวอย่างเย็นชา พลันวูบวาบเข้าใส่
“เจ้า…แน่จริงก็ลองดู!” ชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ในขณะนี้ ร่างกายของเขาดูเหมือนกำลังลุกโชนด้วยเปลวไฟ และเปล่งแสงเซียนอันไร้ขอบเขต จากนั้นจึงใช้พลังทั้งหมดเพื่อเหวี่ยงไม้เท้าเหล็กสีเขียวเข้มในมือ โดยหมายมั่นจะสู้กับเฉินซีจนตาย
โครม!
เฉินซีแสยะยิ้มเยาะเย้ย พลางเปิดใช้พลังของข้อจำกัดเทวะ เพื่อยับยั้งมิติและเวลาในบริเวณโดยรอบ หลังจากนั้นก็ฟันยันต์ศัสตราในแนวนอน ส่งปราณกระบี่อันกว้างใหญ่และสุกสกาวให้พุ่งออกมา
พรวด!
ชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มดูอ่อนแอยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งข้อจำกัดเทวะได้ ซ้ำยังไม่อาจต้านพลังปราณกระบี่ที่พุ่งมาในแนวนอนได้ มันฟันร่างอ้วน ๆ นั่นขาดจากกันทันที ทำให้ศพแยกเป็นสองท่อน และมีเลือดสด ๆ ทะลักออกมา
ทันใดนั้น เสียงร้องโหยหวนอันน่าสมเพชของเขาฟังดูเหมือนหมูป่ากำลังถูกฆ่า และมันดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ก่อนจางหายไปหลังจากนั้นไม่นาน
ร่างของราชันเซียนคนอื่น ๆ ทั้งหมดสั่นสะท้าน ขณะที่ความสิ้นหวังหลั่งไหลออกมาจากหัวใจของพวกมัน ในหัวก็คิดไปด้วยว่า พวกตนจะสู้ศึกครั้งนี้ต่อไปอย่างไรดี? ข้อจำกัดเทวะได้ปิดล้อมบริเวณโดยรอบทั้งหมดไว้ ซ้ำร้าย เจ้าเฉินซีก็แข็งแกร่งจนไร้เทียมทาน แล้วจะมีใครสามารถต่อกรกับมันได้บ้าง?
“มาผสานการโจมตีเพื่อแลกชีวิตกับมันเถอะ!”
“นั่นเป็นโอกาสเดียวของเราแล้ว!”
ในข้อจำกัดเทวะ ราชันเซียนทั้งสองได้รวมตัวกัน หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกัน ทั้งคู่ก็ตัดสินใจต่อสู้แลกชีวิตกับเฉินซีอย่างสิ้นหวัง เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะมีโอกาสได้รับชัยชนะและเอาชีวิตรอด
ในขณะนี้ ร่างของเฉินซีปรากฏขึ้นในอากาศ และชายหนุ่มได้กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ข้ากล่าวไปตั้งแต่ต้นแล้ว พวกเจ้ามันเป็นไอ้สารเลวหน้าด้านที่ต่ำช้ายิ่งกว่าสุนัข ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่สืบไป และพวกเจ้าทั้งหมด ไม่มีคุณสมบัติที่จะพาข้าลงนรกไปกับเจ้า!”
ขณะที่กล่าว เฉินซีพลันพุ่งผ่านท้องฟ้าและโคจรพลังงานของข้อจำกัดเทวะเพื่อปิดล้อมบริเวณโดยรอบ ในขณะนี้ เขาอำมหิตและไร้ความปรานี ในขณะที่เปิดฉากสังหารด้วยยันต์ศัสตราในมือ!
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
“อ๊าก!!!” ราชันเซียนแผดร้องเสียงดัง ร่างกายถูกฟันเป็นสองท่อนพร้อมกับสมบัติเซียนในมือ ทำให้เกิดสายฝนสีโลหิตที่โปรยปรายออกทั่ว
“เจ้า… เฉินซี ข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าสำนักเหมิงซิงเหอในอดีต ตอนนี้ข้าตระหนักถึงความผิดของตัวเองแล้ว ดังนั้นโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าสาบานว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะกลับตัวกลับใจและไม่ลังเลที่จะสละชีวิตเพื่อตอบแทนเจ้า”
ราชันเซียนอีกคนกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายดังกล่าว เขากลับร้องขอความเมตตาจริง ๆ!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ารู้สึกดูถูกอย่างรุนแรง เพราะราชันเซียนผู้สามารถบัญชาเมฆลม กลับหวาดกลัวจนต้องร้องคร่ำครวญขอความเมตตา ช่างเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ
ผมสีดำของเฉินซีถูกปล่อยระไหล่ สายตาก็ดูน่ากลัวประหนึ่งสายฟ้าเย็นยะเยือก สีหน้าสงบและไร้อารมณ์ ในขณะที่ตวัดยันต์ศัสตราในมือลงไป และไม่ได้ขยับเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
พรวด!
เลือดสด ๆ พ่นออกมา ราชันเซียนคนนั้นยังไม่ทันที่จะดิ้นรนขัดขืนก็ถูกเฉินซีเชือดคอ แม้แต่วิญญาณก็ยังถูกสับเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เสียชีวิตทันที
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!” คลื่นแห่งความหวาดกลัวดังก้องมาจากระยะไกล มันคือกองกำลังที่มาพร้อมกับราชันเซียนเหล่านี้ ตอนนี้พวกมันได้เห็นราชันเซียนถูกสังหารคนแล้วคนเล่า ทำให้พวกเขาตัวสั่นเทา ใบหน้าซีดลงจากความหวาดกลัว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังแทบทรุดลงกับพื้นด้วยความสะเทือนขวัญ!
เฉินซีเป็นเหมือนเทพอสูรบรรพกาลที่โหดเหี้ยมและไร้อารมณ์ จนถึงขณะนี้ เขาได้สังหารราชันเซียนแปดคนด้วยตนเอง ทำให้หัวใจของทุกคนตกตะลึง!
เพราะนั่นคือราชันเซียนถึงแปดคน แต่พวกมันก็ถูกสังหารไปเช่นนั้น!
ใครจะจินตนาการว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริง?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือจากข้อจำกัดเทวะ เฉินซีจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน ซ้ำยังทำให้ทุกคนหวาดกลัว พลังอำนาจและอิทธิพลกล้าแกร่ง จนสามารถทำให้คนอื่นสั่นสะท้านด้วยความกลัวเมื่อได้ยินชื่อ!
ในขณะนี้ ทุกคนในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ เกลียวคลื่นซัดโหมเข้ามาในหัวใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นความตื่นเต้น ความตกใจ ความสุข และความภาคภูมิ!
นี่คือเจ้าสำนักของพวกเขา!
และวันนี้เขาตั้งใจที่จะสังหารราชันเซียนกลุ่มนี้ เพื่อเป็นการเตือนโลกทั้งใบ!