บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1501 บดขยี้เหล่าราชันเซียนด้วยข้อจำกัดเทวะ
บทที่ 1501 บดขยี้เหล่าราชันเซียนด้วยข้อจำกัดเทวะ
……………………………………………………………………..
บทที่ 1501 บดขยี้เหล่าราชันเซียนด้วยข้อจำกัดเทวะ
ในครั้งนี้ เจี้ยงไท่จงและราชันเซียนอีกสิบเอ็ดคนได้นำกองกำลังของตระกูลเจี้ยง ตระกูลว่านฉี ตระกูลจงหลี สำนักศึกษานภาไพศาล สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษาเต๋าเร้นลับ และสำนักศึกษามหาเดียวดาย โดยตั้งใจที่จะกวาดล้างสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าให้สิ้นซาก
แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า การต่อสู้ครั้งแรกซึ่งเผชิญหน้ากับเฉินซีเพียงลำพัง จะทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียราชันเซียนสี่คนติดต่อกัน
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังกล่าว เป็นเหมือนการถูกฟาดเข้าศีรษะอย่างจัง และทำให้พวกเขาหนาวสั่นไปทั้งกาย สีหน้าก็ไม่น่าดูจนถึงขีดสุด รู้สึกสยองขวัญและหนักใจอย่างอธิบายไม่ได้
ในทางกลับกัน สำหรับกองกำลังที่มาพร้อมกับกองกำลังอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ พวกมันหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง และรู้สึกราวกับกำลังตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง เพราะแค่เฉินซีเพียงคนเดียวก็ลำบากและน่ากลัวมากแล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกสงสัยว่าจะต่อสู้ในสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรดี
เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกมันได้สูญเสียความภาคภูมิที่เคยมีก่อนหน้าไปจนสิ้น และเหมือนกับถูกถังน้ำเย็นราดรดลงหัว ร่างกายรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ในขณะที่จิตวิญญาณต่อสู้ก็ค่อย ๆ พังทลายลง และหายไป
ในทางกลับกัน ขวัญกำลังใจของฝ่ายสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก พวกเขาส่งเสียงร้องไชโยดังก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ อาจารย์ หรือมู่หรงเทียนและคนอื่น ๆ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าตกใจ ดีใจ และเหลือเชื่อ
ความแข็งแกร่งของเฉินซีนั่นเกินความคาดหมายของพวกเขาเช่นกัน มันทำให้พวกเขารู้สึกถึงความสุขและความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เลือดอันร้อนระอุในกายเดือดพล่าน และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการพุ่งทะยานไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้เคียงข้างเฉินซี
…
ชิ้ง!
ยันต์ศัสตราส่งเสียงกังวานอย่างชัดเจน และดูเหมือนปรารถนาจะดื่มเลือดสด ๆ
บนท้องฟ้า เฉินซีเปิดฉากโจมตีอีกครั้ง การเข่นฆ่าจะไม่มีวันสุดสิ้นสุดจนกว่าศัตรูจะพินาศหมดสิ้น
เขาอดกลั้นมานาน และต้องการชัยชนะอย่างแท้จริงเพื่อแสดงความแข็งแกร่ง ทั้งยังต้องการใช้เลือดและความตายของศัตรูเพื่อประกาศแก่คนทั้งโลกว่าผู้ที่เข้าร่วมกับนิกายอำนาจเทวะ จะต้องทุกข์ทรมานจากการทำลายล้างอย่างไร้ปรานี!
ในเวลาเดียวกัน เจี้ยงไท่จงและราชันเซียนอีกเจ็ดคนก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ร่างกายของพวกมันเปล่งแสงเรืองรอง และก่อตัวเป็นม่านแสงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งปกคลุมบริเวณโดยรอบ โดยที่เป็นการรุกและรับในเวลาเดียวกัน
การต่อสู้ได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง
โครม
ครั้งนี้หลังจากผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ราชันเซียนอีกคนก็ถูกสังหาร เดิมทีคนผู้นี้ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของเฉินซีได้ และตั้งใจที่จะหลบเลี่ยง แต่เฉินซีได้ใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ และจัดการศัตรูในกระบวนท่าเดียว
นี่เป็นราชันเซียนคนที่ห้าที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของเฉินซี ดังนั้นความตกตะลึงที่เกิดจากสิ่งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีกต่อไป
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างแท้จริงนั้น แม้ราชันเซียนเหล่านี้จะใช้พลังอย่างเต็มที่และต่อสู้อย่างสิ้นหวัง ไม่เพียงไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ แต่ยังถูกเฉินซีกดดันและถูกสยบอย่างช้า ๆ สิ่งนี่ทำให้ความติดหนึ่งผุดขึ้นในใจโดยพร้อมเพรียงกัน
ในบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตราชันเซียนทั้งหมด เฉินซีนั่นไร้เทียมทานและสามารถบดขยี้ทุกคนได้หรือไม่?
แม้เขาจะยังไม่บรรลุถึงสถานะดังกล่าว แต่คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม…
“ไป! ถอนตัวเร็วเข้า!”
ทันใดนั้นบนท้องฟ้า เจี้ยงไท่จงตะโกนด้วยเสียงอันทุ้มลึกไปยังราชันเซียนคนอื่น ๆ ผ่านกระแสปราณ เขาตระหนักดีว่าตนได้สูญเสียการควบคุมต่อสถานการณ์นี้แล้ว หลังจากที่สูญเสีญราชันเซียนทั้งห้าคนอย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน ยิ่งการต่อสู้ดำเนินต่อไป เฉินซีก็ยิ่งห้าวหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนจะไม่อาจสั่นคลอน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันจึงไร้หนทางที่จะพลิกสถานการณ์ และทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ตรงหน้า คือต้องล่าถอยกลับไปตั้งหลัก
ราชันเซียนคนอื่น ๆ มีสีหน้าโกรธจัด แม้ว่าพวกมันจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ ได้จบลงด้วยความล้มเหลวจริง ๆ
“ไอ้หนู ครั้งหน้าเราจะต้องทำให้เจ้าชดใช้ด้วยเลือดอย่างแน่นอน!”
“ไอ้สารเลว! ไม่ว่าเจ้าจะทำตัวหยิ่งผยองเพียงใด เจ้าก็เป็นแค่ตั้กแตนตำข้าวที่พยายามหยุดรถศึกเมื่อเผชิญกับเจตจำนงของนิกายอำนาจเทวะ และเจ้ากำลังรนหาที่ตาย! ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนที่ขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยว ราชันเซียนทั้งหมดทำการเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ และตั้งใจที่จะนำกองกำลังของตนล่าถอยไปด้วย
“ในเมื่อมากันแล้ว เหตุใดถึงจากไปเร็วนัก!?” เฉินซีแค่นเสียงเย็น ก่อนที่ร่างกายจะวูบไหว พลันทะยานไปในความว่างเปล่านับร้อยนับพัน และทุก ๆ ย่างก้าวก็ทำให้แผนผังยันต์เทวะที่ไม่ชัดเจนและคลุมเครือปรากฏขึ้นในอากาศ
โครม!
เมื่อเขาหยุดเคลื่อนไหวกะทันหัน ฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ก็เปลี่ยนไปในทันใด ยันต์เทวะอันยิ่งใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า ในขณะที่มันพลุ่งพล่านไปด้วยแผ่นยันต์ที่มีมากมายมหาศาล พวกมันสะท้อนซึ่งกันและกันจากระยะไกล แล้วจึงผสานเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดนี้
ยันต์อักขระอยู่ที่นี่นั่นไร้ขอบเขตราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและปกคลุมบริเวณโดยรอบอย่างหนาแน่น พวกมันลี้ลับ คลุมเครือ และแผ่กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งออกมาจากตัวมัน!
ทั้งหมดเสร็จสิ้นในพริบตา และมันกลายเป็นข้อจำกัดอันยิ่งใหญ่ที่เกิดจากยันต์เทวะต่าง ๆ มากมาย มันกักขังมิติและกาลเวลา และเข้าปกคลุมราชันเซียนเหล่านั้น ก่อนที่พวกมันจะหลบเลี่ยงได้
“บ้าเอ๊ย!”
“นี่มันข้อจำกัดเทวะ!”
เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้น ราชันเซียนเหล่านั้นตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างผลีผลาม เพราะตระหนักดีว่าฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ถูกปกคลุมด้วยข้อจำกัดเทวะที่คลุมเครือและลี้ลับ
ข้อจำกัดเทวะเป็นค่ายกลใหญ่ที่เปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ และสามารถเชื่อมโยงกับพลังของเทพในสวรรค์ โดยปกติแล้ว มีเพียงตัวตนที่ขอบเขตเทวาหรือสูงกว่าเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ เนื่องจากมันได้ครอบครองพลังของเหล่าเทพแล้ว
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงในสถานการณ์ปกติเท่านั้น สำหรับปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่บรรลุความสำเร็จสูงสุดในเต๋าแห่งยันต์อักขระ และครอบครองฉายาเทพยันต์อักขระ พวกเขาสามารถวางข้อจำกัดเทวะโดยอาศัยวิธีบางอย่าง
ทว่าผู้ที่ครอบครองฉายาเทพยันต์อักขระนั้นหาได้ยากยิ่ง และยังหายากยิ่งกว่าเทพจริง ๆ ด้วยซ้ำ เหตุผลก็คือ แม้ว่าเต๋าแห่งยันต์อักขระจะเป็นหนึ่งในมหาเต๋าที่ธรรมดาสามัญที่สุดในบรรดามหาเต๋าทั้งสามพันประเภท แต่มันก็ซับซ้อนและคลุมเครือที่สุดเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ท่ามกลางปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระที่มีอยู่มากมาย การที่จะหาใครสักคนที่บรรลุเต๋าแห่งยันต์อักขระจนถึงขั้นเทพยันต์อักขระ ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ
ทว่าบัดนี้ เฉินซีได้วางข้อจำกัดเทวะขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งปกคลุมฟ้าดินและปิดเส้นทางล่าถอยทั้งหมด นี่จึงเป็นการพิสูจน์ทางอ้อมว่าความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระของคนผู้นี้เถึงขั้นที่จะครอบครองฉายาเทพยันต์อักขระได้แล้ว!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายของทุกคน ไม่ต้องกล่าวถึงเจี้ยงไท่จงและราชันเซียนคนอื่น ๆ แม้แต่เหล่าคนของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็ไม่เคยคิดว่าเฉินซีจะมีความสำเร็จพิเศษในเต๋าแห่งยันต์อักขระเช่นนี้
อันที่จริงพวกเขาประเมินความสามารถของเฉินซีไว้สูง การบ่มเพาะในเต๋าแห่งยันต์อักขระของเขาได้มาถึงความสำเร็จของเทพยันต์อักขระแล้ว แต่ถ้าไม่มียันต์ศัสตราอยู่ในมือเพื่อส่งเสริม ก็คงไม่มีทางที่จะวางข้อจำกัดเทวะได้ในทันที
ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นเพียงราชันเซียน และยังไม่ได้ครอบครองพลังของเทพ แต่ยันต์ศัสตรานั่นต่างออกไป เนื่องจากมียันต์เทวะจำนวนมากที่สถิตอยู่ภายในมัน ดังนั้นเมื่อพวกมันถูกใช้เพื่อสร้างค่ายกล เฉินซีจึงสามารถใช้พลังของเทพในฟ้าดิน และผสานพวกมันเข้าด้วยกันเพื่อวางข้อกำจัดเทวะที่แท้จริง
ครืน!
ข้อจำกัดเทวะแพร่กระจายออกไปและสว่างไสวด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ มันผสมผสานเข้าด้วยกัน บังเกิดเป็นผังอักขระยันต์ที่หนาแน่น และปลดปล่อยพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวจนท่วมบริเวณนี้
สิ่งนี้ทำให้เจี้ยงไท่จงและราชันเซียนคนอื่น ๆ หวาดกลัวและโกรธเกรี้ยว แม้ว่าข้อจำกัดเทวะนี้จะน่าสะพรึงกลัว แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ด้วยเหตุนี้ มันทำให้พวกเขาต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง และไม่สามารถรวมพลังกันได้เหมือนก่อน ซึ่งนี่คือจุดที่อันตรายที่สุด!
ในขณะนี้ หัวใจและความคิดของพวกมันตึงเครียดจนคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น เพราะต้องต้านทานพลังแห่งข้อจำกัดเทวะที่โจมตีเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังค้นหาทางออกไปด้วย และทำให้พวกเขาต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น
“ทุกคนอย่าเพิ่งตื่นตกใจ ข้าพอมีประสบการณ์ในเต๋าแห่งยันต์อักขระอยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดเราก็พอที่จะหลุดรอดจากข้อจำกัดเทวะนี้ได้!”
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่และกำยำก็กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ร่างกายพลุ่งพล่านและเปล่งประกายด้วยปราณเซียนพิสุทธิ์สีทองที่ไร้ขอบเขตดุจหุบเหว ซึ่งในขณะที่กะพริบตา ยันต์อักขระก็สามารถมองเห็นได้จาง ๆ ภายในดวงตาคู่นั้น เขากำลังอนุมานและหาทางจัดการกับค่ายกลนี้
ท่าทางของเฉินซีสงบและไม่แยแสเมื่อเผชิญกับสิ่งนี้ ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายราวกับคนละโลก ทั้งยังไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ และนั่นทำให้คนอื่นรู้สึกว่าไม่อาจหยั่งได้
อันที่จริง ไม่ใช่ว่าเฉินซีไม่เต็มใจที่จะเคลื่อนไหว แต่หลังจากที่วางข้อจำกัดเทวะนี้แล้ว ปราณเซียนพิสุทธิ์ภายในร่างก็แทบจะแห้งเหือดหมดสิ้น ตอนนี้จึงได้แต่พยายามใช้ต้นอ่อนเงาทมิฬเพื่อฟื้นฟูพลังกลับมา
เพราะนี่คือข้อจำกัดเทวะ และแม้จะพึ่งพายันต์ศัสตราเพื่อวางข้อจำกัดเทวะ แต่เนื่องจากการบ่มเพาะของเฉินซียังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทวา เขาจึงรู้สึกว่ามันมากเกินกว่าที่จะรับได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นราชันเซียนเหล่านี้และแม้แต่กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกมันก็ติดอยู่ในข้อจำกัดเทวะ เฉินซีก็รู้สึกว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง
โครม!
ภายในข้อจำกัดเทวะ ชายวัยกลางคนหยุดอนุมานแล้วก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็เริ่มทะลวงค่ายกลและตั้งใจที่จะสร้างทางถอยร่น
ใต้เท้าของมัน พลังราชันเซียนหลั่งไหลเข้ามาอย่างหนาแน่น เกิดเป็นแสงสีทองบานสะพรั่ง ก่อตัวเป็นทางเดินที่ทะลวงผ่านยันต์อักขระชั้นแล้วชั้นเล่า และนำไปสู่ระยะไกล
“ข้อจำกัดนี้มีดีแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น และมันไม่มีค่าอะไร!” เขาแผดหัวเราะเสียงดังก่อนพลางสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับกล่าวผ่านกระแสปราณกับราชันเซียนคนอื่น ๆ ว่าค่ายกลนี้สามารถพิชิตได้ และมันไม่น่ากลัวอย่างที่ร่ำลือกัน
ทว่าจู่ ๆ ผังยันต์อักขระหนาแน่นแถวหนึ่งก็โผล่ออกมา และพวกมันขวางเส้นทาง ก่อนที่จะกลายร่างเป็นภาพติดตาของเทพที่ทุบฝ่ามือเข้าใส่
“หืม? ช้าก่อน!” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรู้สึกถึงอันตราย ทำให้การโจมตีนับร้อยนับพันได้เฉี่ยวไหล่เขาไป และสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดโดยไม่พบกับอันตรายร้ายแรงใด ๆ
แต่กระนั้น อาการบาดเจ็บก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การโจมตีนั่นได้กรีดผ่านไหล่ ทำให้เลือดหลั่งไหลออกมาจากบาดแผลที่ลึกถึงกระดูก และทิ้งรอยแผลอันน่าสะพรึงกลัวไว้
“ข้อจำกัดเทวะนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังครอบครองพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ขีดจำกัด! นี่คือมรดกยันต์เทวะอนันต์ของปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ฝูซี!”
เขาอุทานด้วยความตกใจ ใบหน้าก็ดูเคร่งขรึม ซ้ำยังรู้สึกหนาวสั่นไปตามกระดูกสันหลังทันที และรู้สึกตื่นตระหนกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นเพราะเขาบรรลุความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจะไม่รู้จักมรดกของเขาเทพพยากรณ์ซึ่งอยู่เบื้องหลังข้อจำกัดเทวะนี้ได้อย่างไร
เป็นเพราะเหตุนี้ เขาจึงตระหนักดีว่า ข้อจำกัดเทวะนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด และอาจถือว่าไร้ขีดจำกัด หากราชันเซียนติดอยู่ภายในนั้น ก็เสมือนกับสัตว์ที่รอการเชือด!
เมื่อได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจ หัวใจของราชันเซียนเหล่านั้นที่ติดอยู่ในข้อจำกัดเทวะก็กลายเป็นน้ำแข็ง ร่างกายก็รู้สึกเย็นเฉียบ แม้แต่ตัวตนที่ทรงพลังอย่างพวกมันก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
ราวกับว่าพวกมันได้ตกลงไปในถ้ำของมังกร และไม่สามารถหาทางหลบหนีได้
ข้อจำกัดเทวะไม่ได้มีแค่ชื่อเท่านั้น เมื่อมันสำแดงพลังแล้ว มันสามารถเชื่อมโยงกับพลังงานของเทพเจ้าในฟ้าดินได้ และเป็นการยากที่จะหยุด เพราะมันได้ครอบครองพลังในการสังหารเทพแล้ว
แม้พวกเขาจะเป็นราชันเซียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามภพ แต่ก็เป็นการยากที่จะต้านทานการโจมตีของค่ายกลที่ครอบครองพลังของทวยเทพ
“ไอ้บัดซบ! มันสร้างค่ายกลพิฆาตขึ้นมาเพื่อดักจับพวกเราทุกคน!” ในยามนี้เอง เจี้ยงไท่จงและราชันเซียนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ตระหนักดีว่า พวกมันไม่มีทางให้หลบหนีได้แล้ว ดังนั้นจึงเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้และควักสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง
ท่าทางทั้งหมดของพวกมันดูขุ่นเคืองและไม่น่าดูจนถึงขีดสุด
“ช่างเป็นฝูงหมาบ้าที่เห่าอย่างดุร้ายเสียจริง ตั้งแต่พริบตาที่พวกเจ้าทุกคนเข้าร่วมกับนิกายอำนาจเทวะ และช่วยมันกระทำสิ่งชั่วร้าย ชะตากรรมของพวกเจ้าก็ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว วันนี้ในเมื่อพวกเจ้าทำให้สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าของข้าขุ่นเคือง ดังนั้นข้าควรจะทำลายล้างพวกเจ้าทั้งหมดเป็นธรรมดา มิฉะนั้นข้าจะให้ทำคำอธิบายกับผู้คนในใต้หล้าได้อย่างไร?”
เฉินซีกล่าวอย่างเฉยเมยด้วยน้ำเสียงสงบ แต่กลับเผยให้เห็นรัศมีครอบงำทั้งอหังการและหยิ่งผยอง
ในขณะนี้ หัวใจของทุกคนในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเต้นแรงขึ้น ในขณะที่เลือดร้อนระอุเดือดพล่าน และอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจเจ้าสำนักของพวกตน