บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1500 กำจัดลงอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 1500 กำจัดลงอย่างต่อเนื่อง
……………………………………………………………………..
บทที่ 1500 กำจัดลงอย่างต่อเนื่อง
ชายชราแขนเดียวถูกสังหาร ซากศพถูกผ่าเป็นสองส่วน โลหิตสีทองพร่างพรมขณะที่เสียงกรีดร้องโหยหวนสนั่นลั่นทั่วเวหา
หนึ่งราชันเซียนสิ้นชีพ ดวงตาเผยความตื่นตะลึง มีกระทั่งความรู้สึกสุดหวาดผวา ตกตายไปโดยไม่อาจหลับตาได้
เหตุการณ์นี้ทำให้หนังศีรษะของทุกคนตื้อชา อึดอัดหายใจลำบาก เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ เหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น? มันเกินความคาดคิดอย่างยิ่ง
ขณะที่สิบสองราชันเซียนล้อมจู่โจม เฉินซีกลับตอบโต้อย่างทรงพลัง บดขยี้ราชันเซียนผู้หนึ่งได้ในพริบตา การกระทำเช่นนั้นคุกคามทรงพลังเพียงใด?
นั่นคือราชันเซียน ตัวตนสุดแสนเลิศล้ำสูงส่งผู้สามารถพลิกโลกาได้เพียงคำนึง ทลายแดนดินกว้างไกลได้ในชั่วพริบตา
ขณะนี้ ทวยเทพไม่หลงเหลืออยู่ในสามภพแล้ว และราชันเซียนก็นับเป็นตัวตนสูงสุด พวกเขาสามารถสัญจรอิสระ ไร้เทียมทานในทั้งสามภพ ทว่าในขณะนี้ หนึ่งในพวกเขากลับถูกกำจัดไปได้ง่าย ๆ!
คนอื่น ๆ สังเกตเห็นชัดเจนว่า ในขณะที่เฉินซีสังหารชายชราแขนเดียว ใช่จะไร้ผู้ใดพยายามช่วยเหลือ แต่พวกเขาทั้งมวลล้วนถูกเฉินซีฟาดกระเด็นไป ไม่มีผู้ใดพลิกสถานการณ์ได้สักคน
ดังนั้นจะไม่ตกใจกับฝีมือร้ายกาจของเฉินซีได้อย่างไร?
หากจะกล่าวว่าความสำเร็จของเฉินซีในการสังหารราชันเซียนกลุ่มหนึ่งภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋าเป็นผลงานอันงดงามไร้ที่ติแล้ว หนนี้ก็คงเรียกว่าปาฏิหาริย์
มันทำให้คนทั้งมวลรู้สึกไม่อยากเชื่อ ยากยอมรับไหว เพราะคนผู้นี้เพิ่งเหยียบย่างสู่ขอบเขตราชันเซียน ทั้งยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากพลังชะตากรรมในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า แต่กลับมีอำนาจต่อสู้ท้าทายสวรรค์เสียจนน่าตื่นตะลึง เลิศล้ำเหนือราชันเซียนใด ๆ ในโลกหล้าอย่างไม่เคยบังเกิด!
มีเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่เข้าใจว่าอำนาจต่อสู้ที่เฉินซีถือครองร้ายกาจเพียงใดกันแน่
เพราะยามที่ยังอยู่ในขอบเขตราชันเซียนครึ่งก้าว เขาก็ไม่ได้พึ่งพาพลังชะตากรรมในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แต่สามารถกำจัดว่านฉีชิง ปะทะซึ่งหน้ากับผู้อาวุโสจากตระกูลมู่ มู่หรงเทียนจนต้องล่าถอยด้วยยากต่อกร!
ในจัตุรัสนอกตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า เฉินซีกระทั่งรับมือสองราชันเซียนเจี้ยงฉางอวินและจงหลีกุยร่วมจู่โจมแบบซึ่งหน้า และท้ายที่สุดก็สังหารราชันเซียนทั้งสองลงได้
ทั้งที่ยังอยู่เพียงขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น!
ทว่าขณะนี้ ได้ทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันเซียนอย่างแท้จริง พลังต่อสู้ก้าวกระโดดขึ้นอย่างมหาศาล เหยียบย่างขึ้นสู่มหาเต๋าแห่งราชันเซียนขั้นสมบูรณ์ และยังก่อแก่นเต๋าบรรพกาลเสร็จสิ้น
พลังนั้นร้ายกาจสุดขั้ว ยากจะหาราชันเซียนผู้ใดที่ก่อแก่นเต๋าบรรพกาลได้แม้แต่หนึ่งในพัน ๆ คน!
กอปรกับความช่วยเหลือที่ได้รับจากยันต์ศัสตราซึ่งถูกขัดเกลาขึ้นอีกครั้งจนเทียบชั้นสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ จะยังมีผู้ใดในขอบเขตบ่มเพาะเดียวกันในสามภพเป็นคู่มือคนผู้นี้ได้อีก?
ขณะนี้ ไม่เพียงผู้คนในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเท่านั้นที่ตื่นตะลึง กระทั่งกองกำลังทั้งหลายที่มาโจมตีต่างผงะจังงัง หัวใจมิอาจสงบได้เพราะเฉินซีน่าสะพรึงกลัวเกินไป เขาเป็นเหมือนศัตรูผู้ร้ายกาจไร้คู่เปรียบ ท้าทายสวรรค์เสียจนไร้เหตุผล!
“บรรพบุรุษ!” คนกลุ่มหนึ่งแผดเสียงสนั่นขณะความตื่นกลัวปกคลุมบนใบหน้า ชายชราคนนั้นเป็นผู้อาวุโสในตระกูลของตน ยามนี้ตกตายไป พวกเขาก็สูญเสียการคุ้มครองทุกรูปแบบอย่างสมบูรณ์
ราชันเซียนคนอื่น ๆ ทั้งหลายต่างอกสั่นขวัญแขวน อดล่าถอยไปด้วยใจกระสับกระส่ายตื่นกลัวไม่ได้ แม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่ก็ไม่อาจมอบความรู้สึกปลอดภัยอย่างแน่แท้ให้ได้เลย
…
บนเวหา ชายชราแขนเดียวถูกสังหารลง ขณะที่เจี้ยงไท่จงและราชันเซียนคนอื่น ๆ ทั้งสิบต่างมีท่าทีประหนึ่งเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจ พวกเขาล้วนโคจรการบ่มเพาะอย่างสุดกำลัง พลุ่งพล่านด้วยอำนาจราชันเซียนเจิดจรัส ยืนเคียงบ่ากันดุจภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันเรืองรัศมีแผดผลาญสะท้อนรับกัน ทำให้ทั่วฟ้าดินเจิดจ้าไปด้วยแสงสว่างไร้ขอบเขต
หลังเหตุไม่คาดคิดนี้ พวกเขาก็ได้เข้าใจถ่องแท้ว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีร้ายกาจเพียงใด มันเกินความเข้าใจ และเกินความคาดหมายของพวกเขา
นี่เป็นสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง!
เดิมทีพวกเขาอาจหาญไร้ความกลัวเพราะคิดว่าเฉินซีเพิ่งทะลวงสู่ขอบเขตราชันเซียน ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชะตากรรมในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า ดังนั้นหากพวกตนร่วมมือกัน การกำจัดเขาจะง่ายแสนง่าย ทว่ายามนี้… พลังต่อสู้ชวนตื่นตะลึง ไม่อาจตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึกของเฉินซี ทำให้สถานการณ์อันตรายขึ้นมาก
วูบ!
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อเฉินซี หลังจากสังหารชายชราแขนเดียว เขาก็มิได้หยุดมือ วูบไหวผ่านมิติ ยันต์ศัสตราในมือสั่นสะท้านขณะกวาดรัศมีเจิดจรัสออกมา
ตู้ม!
มันเล็งเป้าไปที่เจี้ยงไท่จง!
ปราณกระบี่สายนี้เจิดจรัสยิ่งนัก บังเกิดขึ้นพร้อมผังอักขระยันต์ศักดิ์สิทธิ์มากมาย เรืองรองรัศมีไร้สิ้นสุด ทำให้ราชันเซียนทั้งมวลต่างรู้สึกหนักอึ้งในใจ
“ไอ้เวร! อย่าทำตัวผยองให้มันมากนัก!” เจี้ยงไท่จงหน้าเครียดขณะตวาดเสียงสนั่น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ‘ประกายสีเงิน’ ในมือฉีกกระชากผืนฟ้า เผยรัศมีกระบี่เฉิดฉันเข้ารับการโจมตีของเฉินซีตรง ๆ
เปรี้ยง!
ฟ้าดินเคลื่อนโคลง ขณะที่พิรุณแสงอันงดงามตระการปกคลุมทั่วทิศ พุ่งทะยานขึ้นสู่นภา ทั่วบริเวณนี้กลับกลายเป็นสมุทรปราณกระบี่อันแพร่กระจายไปทั่วทิศ ให้ความรู้สึกกดดันมหาศาล สะกดลึกถึงดวงจิต
พรวด!
เจี้ยงไท่จงกระอักเลือดหนึ่งคำโต สีหน้าเครียดขึงกว่าครั้งใด นี่ยิ่งพิสูจน์ว่าหากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว เขามิใช่คู่มือของเฉินซีแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้ราชันเซียนคนอื่น ๆ ไม่กล้าเลินเล่อใด ๆ พวกเขาผนึกกำลังกับเจี้ยงไท่จงจู่โจมพร้อมเพรียงอย่างสุดกำลัง ประหนึ่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์สิบเอ็ดลูกถาโถม หมายบดขยี้เฉินซีให้แหลกเละ
พริบตานั้น ทั่วฟ้าดินเต็มเปี่ยมด้วยรัศมีราชันเซียนทองเข้มเรืองรองเจิดจรัส แผ่แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวกดกระแทกเข้าใส่เฉินซี
การโจมตีร่วมเช่นนี้น่ากลัวถึงขนาดที่ชวนให้หัวใจสั่นสะท้าน ยากจะออกแรงใด ๆ เข้าต่อต้าน
ทว่าเฉินซีในสมรภูมิกลับเหมือนมังกรทิ้งรัง มิเพียงไม่หลบเลี่ยง ยังพุ่งเข้ารับการโจมตีเหล่านี้เสียแทน ยันต์ศัสตราพุ่งผ่านฟากฟ้า ขณะที่ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากภายใน เข้ากระทบกับการโจมตีประสานสิบเอ็ดราชันเซียน
ตู้ม! ตู้ม!
ฟ้าดินดูประหนึ่งเจียนถล่มสิ้นสลายหาย แรงกระแทกน่าสะพรึงกลัวจากการปะทะนั้นทำให้ทั่วทิศรวนเร หนึ่งพิรุณแสงโปรยปรายกระจายทั่ว ทำให้ทัศนียภาพของผู้คนถูกบดบัง
เพราะไร้อำนาจคุ้มกันใด ๆ เมืองเซียนสัประยุทธ์ทั้งเมืองจึงกลายเป็นซากโดยสมบูรณ์ ณ ขณะนี้ ทุกอาคารในเมืองแหลกเป็นผุยผง กลายเป็นแดนร้างราบคาบ!
เป็นภาพอันชวนขวัญผวา!
ศึกระดับนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิษย์และอาจารย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าหรือกองกำลังศัตรูล้วนหวาดผวา มิอาจสงบลงได้
เปรี้ยง!
ทันใดนั้น เสียงเสียดหูก็กึกก้องในสมรภูมิท่ามกลางพิรุณแสง
ตามด้วยเสียงแผดร้องสนั่นลั่น “สารเลว! เจ้าทำลายสมบัติล้ำค่าของข้า ข้าจะสู้กับเจ้าจนตายไปข้าง!!”
“สุนัขเฒ่า เจ้าควรค่ากระทั่งให้พยายามลากข้าตามเจ้าสู่ปรภพด้วยหรือ?” ขณะเดียวกันนั้น น้ำเสียงเยือกเย็นปนจิตสังหารของเฉินซีก็ดังตาม
กระแสเสียงยังไม่ทันเลือนหาย ร่างของเฉินซีก็พลันปรากฏตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มในอาภรณ์เขียว ขณะที่ทั่วกายเปล่งรัศมีเรืองรอง ดูประหนึ่งมาจากคนละโลก ในฉับพลันที่หนึ่งเท้าเยื้องย่าง เขาก็มาถึงตรงหน้าชายวัยกลางคนชุดเหลืองผู้หนึ่ง
วูบ!
ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งทะยานพร้อมการปรากฏตัวของเขา ดุจเส้นแสงจากส่วนลึกแห่งท้องนภาอันพร่างพราว พุ่งลงฉับพลัน ตามด้วยหนึ่งศีรษะลอยละล่อง พิรุณโลหิตโปรยปราย!
ศีรษะนี้พุ่งทะยานสูง ใบหน้าเผยทั้งความตื่นกลัวและโทสะ ทั้งยังเปี่ยมความตกตะลึงไม่อยากเชื่อ
ในวาระสุดท้ายของเขา ชายหนุ่มผู้นั้นดูสุดแสนเลิศล้ำเกินเอื้อม ท่าทีหลังสังหารนั้นสุขุม สำรวม เด็ดเดี่ยว และเฉียบขาด ทั่วร่างปกคลุมด้วยบรรยากาศทรงอำนาจอย่างเกินจับต้องมองเห็น
ตุบ!
ร่างไร้ศีรษะร่วงลงสู่พื้นแล้วระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ราชันเซียนถูกสังหารตกตายเพิ่มอีกหนึ่งคน
โลหิตราชันเซียนเจิดจรัสอย่างยิ่ง เป็นสีทองสว่าง เพียงพริบตาต่อมา มันก็แปรเปลี่ยนเป็นประกายแสงเรืองรอง สลายไปในฟ้าดิน เป็นภาพอันชวนสะท้านจิต
เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตะลึงทั่วทิศอีกครั้ง ทุกคนแน่นิ่งตัวแข็งทื่อดุจรูปปั้นดินเหนียว ลมหายใจขาดห้วง ไม่อาจคาดคิดว่าเพียงครู่เดียวผ่านไป จะมีราชันเซียนตกตายด้วยมือเฉินซีเพิ่มอีกคน!
หรือนี่จะหมายความว่า แม้ราชันเซียนทั้งหลายที่นี่จะร่วมมือ ก็ยังมิอาจประมือทัดเทียมเฉินซีได้?
…
ศึกยังคงดำเนินต่อ ไม่ได้จบลงเพราะเหตุนี้
การตายของสองราชันเซียนกระตุ้นสถานการณ์ศึกให้ยิ่งเข้มข้นไปใหญ่
ไม่มีผู้ใดกล้าเลินเล่ออีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น เจี้ยงไท่จงและพวกยังไม่กล้าออมมือ เข้าโรมรันอย่างสุดชีวิต
ขณะเดียวกัน เฉินซีเองก็มิได้ลังเล ร่างสูงใหญ่เคลื่อนกายไปมาท่ามกลางวงล้อมโจมตีของสิบราชันเซียนตามลำพัง เรือนผมดำสนิทพลิ้วไสว สายตาคมปลาบดุจอสนีบาตฟาดฟัน ทุกการกระทำส่งให้ผังอักขระยันต์สายแล้วสายเล่าคล้อยวนรอบกาย ขณะที่ปราณกระบี่ดุจม่านหมอกอันหนาแน่นพุ่งกระจายไปทั่วทิศ ดุจราชันผู้ไร้เทียมทาน
การวางตัวอาจหาญผ่าเผยทำให้ผู้คนตกตะลึง ความคิดสั่นสะท้าน มิอาจรักษาความเยือกเย็นไว้ได้
โพละ!
ไม่นานนัก เฉินซีก็สบโอกาส ใช้แรงเตะศีรษะราชันเซียนผู้หนึ่งแหลกเป็นเสี่ยง!
พรวด!
พิรุณโลหิตกระจายกระหน่ำโปรย ราชันเซียนผู้นั้นไม่มีโอกาสกระทั่งได้ร้องโหยหวนสักแอะ ก็ถูกสังหารตายคาที่ สภาพอเนจอนาถเสียจนทำให้ผู้คนรอบทิศผงะถอย
เปรี้ยง!
ทว่าขณะที่เฉินซีสังหารราชันเซียนผู้นี้ลง แผ่นหลังก็เปิดโล่ง ชายชราผู้หนึ่งสบโอกาสลอบโจมตีจากเบื้องหลัง นำสมบัติอมตะที่ดูคล้ายกระดูกชิ้นหนึ่งฟาดมันเข้าใส่ไหล่ซ้ายของเฉินซี
ร่างของเฉินซีซวนเซจากการโจมตีสาหัสนี้ แก่นโลหิตทั่วร่างปั่นป่วน จวนเจียนกระอักโลหิต
ทว่าทุกผู้ทั่วทิศก็ต้องประหลาดใจเมื่อเฉินซีมิได้ถอยหลบ แต่กลับรุดหน้าฉวยโอกาสนี้พุ่งตนเข้าปะทะอกของชายชรา
เดิมทีชายชราสุดแสนลิงโลดที่ลอบจู่โจมสำเร็จ และตั้งใจฉวยโอกาสนี้กำจัดเฉินซีเสีย ไม่คาดคิดเลยว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่หลบ ซ้ำยังพุ่งเข้าใส่ตนอย่างมิทันตั้งตัวทันที
กร๊อบ! กร๊อบ!
เสียงกระดูกแหลกดังสนั่นระรัว ชายชรารู้สึกประหนึ่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระแทกกดทับ ทำให้ผิวกาย กระดูก กระทั่งพลัง แก่นแท้ และจิตวิญญาณทั่วร่างแหลกระเบิด อดแผดร้องโหยหวนออกมามิได้
เปรี้ยง!
หลังจากนั้น ร่างของเขาก็ถูกบีบจนระเบิดแหลก ส่งให้เลือดเนื้อกระเด็นกระดอนทั่วทิศ!
เหตุทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป นับจากยามเฉินซีเตะศีรษะราชันเซียนแหลกเป็นเสี่ยง ไหล่ของเขาถูกฟาดบาดเจ็บ และขยี้ชายชราเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในขณะนี้ ใช้เวลาทั้งหมดเพียงชั่วพริบตา รวดเร็วเสียจนผู้อื่นไม่อาจตั้งตัวได้เลย!
ขณะที่การกำจัดต่อเนื่องอันเร่งด่วนอันตรายนี้อุบัติขึ้น ทั่วทิศก็มีราชันเซียนน้อยลงไปสองคน
ขณะเดียวกัน ไหล่ซ้ายของเฉินซีก็บาดเจ็บ ทำให้อาภรณ์เปรอะเปื้อนด้วยโลหิต ทว่าสีหน้ายังคงเยือกเย็นเปี่ยมจิตสังหาร ดูเหมือนไร้อาการบาดเจ็บใด ๆ และบรรยากาศยิ่งใหญ่กดดันก็ถาโถมพลุ่งพล่านจากร่าง มหาศาลทวีคูณกว่ากาลก่อน
ปัจจุบันราชันเซียนถูกเฉินซีกำจัดไปในศึกนี้สี่คนแล้ว
ตั้งแต่เริ่มจนบัดนี้ ผ่านไปเพียงไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา!
“ไอ้บัดซบสมควรตาย!” ราชันเซียนที่เหลืออีกแปด รวมถึงเจี้ยงไท่จงล้วนแผดเสียงอย่างโกรธจัด สีหน้าดำคล้ำบูดเบี้ยวถึงขีดสุด ดวงตาแทบทะลักจากเบ้า เส้นขนลุกชันด้วยโทสะ
เพียงชั่วพริบตา เฉินซีก็สังหารสหายร่วมรบไปอีกสองคน นอกจากจะทำให้พวกเขารู้สึกแค้นเคืองแล้ว ยังอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้
ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
พวกเขาไม่ทันตั้งตัว และไม่อาจยอมรับได้เลย
ไม่ใช่เพียงพวกเขาเท่านั้น ฝูงชนยังตื่นตะลึงเสียจนจิตแทบหลุดลอย ต่างยืนตะลึงดวงตาเลื่อนลอยประหนึ่งวิญญาณหลุดจากร่าง เพราะอำนาจของเฉินซีสะท้านสะเทือนอย่างมหาศาล พิลึกเกินความเข้าใจของพวกเขาไปอีกครั้ง
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป