บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1491 สร้างสำนักขึ้นมาใหม่
บทที่ 1491 สร้างสำนักขึ้นมาใหม่
……………………………………………………………………..
บทที่ 1491 สร้างสำนักขึ้นมาใหม่
เฉินซีตั้งใจที่จะเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะและพุ่งเข้าสู่ขอบเขตราชันเซียน ทว่าเขาเพิ่งสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก แม้จะมีบางเรื่องที่โจวจื่อหลี หวังต้าวหลูและคนอื่น ๆ จัดการแทนได้ แต่ก็มีบางสิ่งที่เขาต้องทำด้วยตนเองเท่านั้น
“สำนักถูกทำลายจนราบคาบ ข้อจำกัดส่วนใหญ่ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ตอนนี้มีเพียงเจ้าสำนักที่สามารถจัดการกับมันได้เท่านั้น” หวังต้าวหลูกล่าวถึงปัญหาที่ยากจะจัดการ
ปัจจุบัน สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าเพิ่งประสบกับภัยพิบัติและความไม่สงบ ทำให้แผ่นดินแยกออกจากกัน พื้นถล่มทลาย ปราณเซียนภายในสลาย และภูเขาก็แห้งเหือดแห้ง เกือบทุกอย่างจวนจะล่มสลาย
เฉินซีขมวดคิ้วและกล่าวเสียงเย็น “ไอ้สารเลวพวกนี้สมควรตายจริง ๆ หลังจากที่ข้าบดขยี้กองกำลังของนิกายอำนาจเทวะ ข้าจะให้พวกมันชดใช้ให้สาสมอย่างแน่นอน!”
แม้นจะขบเขี้ยวเคี้ยวด้วยความเกลียดชัง แต่เฉินซีก็ตระหนักดีว่า เรื่องสำคัญในตอนนี้คือการสร้างสำนักขึ้นมาใหม่ มิฉะนั้นเมื่อศัตรูบุกเข้ามา ผลที่ตามมาก็คงไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแท้จริง
เฉินซีมุ่งหน้าไปที่โถงแต้มดาราพร้อมกับหวังต้าวหลูและโจวจื่อหลีทันที แล้วจึงนำวัตถุดิบเซียนหายากจำนวนมหาศาลที่เก็บไว้อยู่ที่นั่นออกไป เพราะเขาตั้งใจที่จะใช้วัตถุเหล่านี้เพื่อซ่อมแซมค่ายกลใหญ่โบราณต่าง ๆ ภายในสำนัก
หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับมายังจัตุรัสที่ตั้งอยู่หน้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋าอีกครั้ง
ด้วยความสามารถในปัจจุบัน หากเขาตั้งใจที่จะซ่อมแซมพื้นที่ที่เสียหายอยู่มากมายภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เขาก็ต้องพึ่งพาพลังงานของชะตากรรมภายในตำหนักเพื่อที่จะบรรลุผลสำเร็จ
…
ครืน!
บนท้องฟ้าเหนือตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า เฉินซียืนตัวตรง ร่างกายพลุ่งพล่านด้วยปราณเซียนพิสุทธิ์อันลุกโชน จากนั้นก็หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะสร้างผนึกจำนวนมากด้วยมือของตนทันที
ทันใดนั้น หยาดของพลังงานมงคลที่มีนับไม่ถ้วนก็หล่นลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝนแห่งแสง และโปรยปรายลงมาปกคลุมทั่วทั้งสำนัก
ภายในสายฝนแห่งแสงนั้นเปี่ยมไปด้วยปราณเซียน พลังของธาตุทั้งห้า ปราณรังสรรค์ ปราณบรรพกาลและปราณโกลาหล… ทันทีที่พวกมันลงมา ต้นไม้ที่สูงตระหง่านก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และทั้งหมดนี้เป็นต้นไม้วิญญาณโบราณ
หลังจากนั้น ภูเขาที่สวยงามและสูงตระหง่านก็เริ่มเคลื่อนตัวไปตามข้อจำกัดต่าง ๆ ในขณะที่บุปผาและพืชพรรณเริ่มงอกเงยและเจริญเติบโต
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉินซีทำลายล้างศัตรูไปนับไม่ถ้วนและยึดสมบัติล้ำค่ามามากมาย ทั้งยังไม่ขาดสมบัติที่หายากในหมู่พวกมัน เมื่อรวมกับวัตถุดิบเซียนจำนวนมากที่เอามาจากโถงแต้มดารา เขาจะใช้มันทั้งหมดเพื่อซ่อมแซมสำนัก
โอม!
ตราประทับหยกนพกระแสที่อยู่บนฝ่ามือเรืองแสง พลันปล่อยคลื่นพลังผันผวนครั้งใหญ่พัดกระจายออกไป แล้วจึงพุ่งเข้าหาระฆังเต๋าแห่งการประชันที่อยู่ในเขตฝ่ายนอก หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำที่อยู่ในฝ่ายสงวนโอสถ กระจกศักดิ์สิทธิ์กระแสสวรรค์ที่อยู่ในฝ่ายบำเพ็ญเต๋า คัมภีร์หยกเต๋าเรืองรองที่อยู่ในฝ่ายสงวนคัมภีร์
ณ เวลานี้ สมบัติโบราณเหล่านั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลง พวกมันปลดปล่อยพลังงานเพื่อช่วยเฉินซีซ่อมแซมข้อจำกัดภายในสำนัก และสร้างสำนักขึ้นมาใหม่!
ทุกพื้นที่ของสำนักได้รับการขัดเกลาด้วยเพลิงเซียน ทำให้ดินและหินที่ปกคลุมพื้นกลายเป็นหินหยกที่แข็งมาก ทั้งยังเปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคลออกมามากมาย
ข้อจำกัดที่มีอยู่มากมายในสำนักดูเหมือนราวกับได้ชีวิตใหม่ และพวกมันก็เริ่มไหลเวียนอย่างช้า ๆ ซึ่งเผยให้เห็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่มากมาย
เหล่าอาคารที่ได้รับความเสียหาย ทุ่งสมุนไพรที่ถูกเหยียบย่ำจนกลายเป็นเศษซาก ภูเขาและแม่น้ำที่แห้งเหือด ภูมิทัศน์ที่ถล่มทลาย… ทุกอย่างกำลังได้รับการซ่อมแซมอยู่ในขณะนี้
ครืน!
พื้นดินพลันสงบลง ทุกพื้นที่ภายในสำนักได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รัศมีแห่งเซียนสาดส่องไปทั่วบริเวณโดยรอบ ดอกไม้ที่งดงามเบ่งบานอย่างมากมาย และภูเขาจำนวนมากตั้งตระหง่านอยู่ในก้อนเมฆ ยิ่งกว่านั้น ยังมีศาลาตั้งตระหง่านเหนือยอดเขาเหล่านี้ ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยข้อจำกัด
ทุกอย่างได้รับการเรียบเรียงและสร้างขึ้นใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต บรรยากาศของมันเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ทั้งสามารถในด้านการป้องกันและผลกระทบต่อการบ่มเพาะก็เหนือกว่าในอดีตด้วยซ้ำ
ในขณะนี้ เฉินซีเป็นเหมือนผู้สร้างชีวิต ด้วยการกระทำง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน เขาได้สร้างสำนักขึ้นมาใหม่และเปลี่ยนภูมิทัศน์ภายในทั้งหมด ความสามารถอันสูงสุดและทักษะที่ยอดเยี่ยม ทำให้อาจารย์และศิษย์ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก
เจ็ดวันเจ็ดคืนต่อมา สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็มีรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมด มันเหมือนกับวิหคอมตะที่เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน และรูปลักษณ์อันสง่างามของมันแต่เดิมก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่เหล่าผู้บ่มเพาะเมืองเซียนสัประยุทธ์ก็เป็นสักขีพยานต่อการเปลี่ยนแปลงที่สะท้านปฐพีนี้
“เขาทำลายล้างกลุ่มราชันเซียน คลี่คลายความขัดแย้งภายในสำนัก และสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักขณะอยู่ที่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้น นับตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงขณะนี้ มีกี่คนที่สามารถทำสิ่งนี้ได้?”
“เขาสร้างสำนักขึ้นใหม่ภายในเวลาเจ็ดวัน และถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าใครคิดบุกสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอีกครั้ง ก็ต้องพิจารณาว่าตนเองมีความสามารถพอหรือไม่!”
“ท่านเจ้าสำนักเหมิงซิงเหอ เลือกผู้สืบทอดได้ดี!”
“ใครจะจินตนาการได้ว่า ศิษย์ที่ไม่มีสถานะหรือภูมิหลังเมื่อหลายปีก่อน จะกลายเป็นเจ้าเหนือหัวที่มีอิทธิพลมากที่สุดในภพเซียน? แล้วจะมีใครบ้างในภพเซียนที่ยังกล้าดูถูกเฉินซีอีก?”
บทสนทนาเช่นนี้เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา มันไม่ใช่แค่ในเมืองเซียนสัประยุทธ์เท่านั้น และแม้แต่ภพเซียนทั้งหมดก็กำลังถกถึงเรื่องที่เฉินซีได้ทำลายล้างกลุ่มราชันเซียน และสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก ทำให้ชื่อเสียงเลื่องลืออย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
ในอดีต ยังมีบางคนที่เปรียบเทียบเขากับอวิ๋นฝูเซิงหรือสุริยันอันเจิดจ้าทั้งหกของภพเซียน แต่ตอนนี้ พร้อมกับการมาถึงของภัยพิบัติ และการหายตัวไปของเหล่าทวยเทพ ก็ไม่มีใครที่สามารถเทียบกับเฉินซีได้อีกต่อไป
จะมีใครในขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นที่น่าเกรงขามพอ ๆ กับคนผู้นี้บ้าง?
ในทางกลับกัน จะมีใครในขอบเขตราชันเซียนที่มั่นใจว่าจะสยบเฉินซีได้หรือไม่?
พวกเขาล้วนเทียบเฉินซีไม่ได้เลย!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนเฉินซีจะกลายเป็นตัวตนที่มีเอกลักษณ์ในภพเซียนทั้งหมด และไม่อาจตัดสินเขาจากสามัญสำนึกทั่วไปได้ เพราะเขามีความสามารถที่ไม่ธรรมดาและมีเอกลักษณ์อย่างมาก
แต่กระนั้น ยังมีบางคนรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ “ปัจจุบัน นิกายอำนาจเทวะได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และกำลังรุกรานกองกำลังต่าง ๆ ในภพเซียนอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้นในฐานะสำนักอันดับหนึ่งของภพเซียน สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าอาจกลายเป็นหนามยอกอกของนิกายอำนาจเทวะ เมื่อถึงเวลานั้น เฉินซีจะเป็นผู้นำสำนักเพื่อต่อต้านการรุกรานของนิกายอำนาจเทวะได้หรือไม่?”
ไม่มีใครสามารถมั่นใจได้
ภพเซียนทั้งหมดอยู่ในสภาพที่ไม่สงบ การต่อสู้และความขัดแย้งปะทุขึ้นแทบทุกวัน ในขณะที่กองกำลังนับไม่ถ้วนก็ถูกล้างบางเช่นกัน ภพเซียนทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
ความขัดแย้งได้ปะทุภายในมหาอำนาจต่าง ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาทิเจ็ดตระกูลโบราณและสำนักศึกษาที่ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด
ถ้าบอกว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิกายอำนาจเทวะ คงไม่มีใครเชื่อ
ถึงขนาดที่มีข่าวลือว่าตระกูลจงหลี ตระกูลว่านฉี สำนักศึกษามหาเดียวดาย สำนักศึกษาระทมสันต์ และสำนักศึกษาเต๋าเร้นลับ ล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายอำนาจเทวะอย่างสมบูรณ์
พวกเขาสามารถคาดการณ์ได้ว่า เมื่อมหาอำนาจเหล่านี้ไม่สามารถทนต่อการรุกรานของนิกายอำนาจเทวะ ก็คงอีกไม่นานที่ภพเซียนทั้งหมดจะตกอยู่ในการควบคุมของนิกายอำนาจเทวะ!
…
เฉินซีนั่งขัดสมาธิในส่วนลึกที่สุดของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า
หลังจากสร้างข้อจำกัดและภูมิทัศน์ทั้งหมดภายในสำนักขึ้นมาใหม่ เขาก็กลับไปที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า และเข้าสู่การปิดด่านบ่มเพาะ ทั้งยังไม่สนใจกิจการของสำนักอีกต่อไป
โจวจื่อหลี หวังต้าวหลู เซวียนหยวนพัวจวิน และอาจารย์คนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นั่นเพื่อคอยดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นแทน
ในขณะนี้ เฉินซีกำลังพินิจสมบัติมากมายที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบ ๆ
ง้าวสัมฤทธิ์ กระบองสัมฤทธิ์ที่ส่องประกายวาววับ แส้ที่ยืดหยุ่นซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงสีม่วง และชามโบราณใบหนึ่ง
สมบัติทั้งหมดนี้มาจากราชันเซียนที่ถูกเฉินซีสังหาร และนอกเหนือจากสมบัติเหล่านี้แล้ว ยังมีวัตถุดิบเซียน โอสถ และสมุนไพรอมตะอื่น ๆ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีสิ่งใดน่าดึงดูด เขาจึงเก็บพวกมันทั้งหมดไว้ในโถงแต้มดารา
สมบัติเซียนที่มีคุณภาพต่ำสุดในบรรดาสมบัติเหล่านี้ ล้วนอยู่ในระดับความว่างเปล่าขั้นสุดยอด และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือชามใบนั้นอย่างแน่นอน มันเป็นสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ที่เรียกว่าชามผสานสวรรค์ มันสามารถหลอมรวมกับพลังงานของจักรวาล และครอบครองพลังที่น่าทึ่ง
นอกจากชามผสานสวรรค์แล้ว ข้าสามารถขัดเกลาสมบัติเซียนอื่น ๆ ทั้งหมด รวมทั้งหอกทลายวิญญาณเขียวและปิ่นทองคำวิญญาณอัสนี เพื่อให้กลายเป็นวัตถุดิบเซียนที่สามารถปรับปรุงคุณภาพของกระบี่ยันต์ศัสตราของข้า
เฉินซีไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะวางชามผสานสวรรค์อย่างระมัดระวัง สำหรับสมบัติเซียนอื่น ๆ เขาจะจำแนกประเภทพวกมัน แล้วเก็บไว้ด้วยกัน
คุณภาพของกระบี่ยันต์ศัสตรานั้นเทียบได้กับระดับจักรวาลเท่านั้น และพลังของมันมีจำกัด เพื่อที่จะดึงพลังทั้งหมดออกมา อย่างน้อยก็ต้องบรรลุระดับว่างเปล่าขั้นสุดยอด
ในทางกลับกัน หากเขาต้องการปรับปรุงคุณภาพของกระบี่ยันต์ศัสตรา ก็ต้องใช้วัตถุดิบเซียนหายากจำนวนมากเพื่อขัดเกลามัน และเฉินซีก็เตรียมการสำหรับสิ่งนี้ไว้แล้ว
ตราบใดที่ข้าปรับปรุงกระบี่ยันต์ศัสตราได้สำเร็จ และด้วยเต๋าแห่งปราชญ์ยันต์อักขระของข้า การบ่มเพาะในเต๋าแห่งกระบี่ และพลังราชันเซียน ก็เพียงพอที่ข้าจะสำแดงพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
เฉินซีสรุปเรื่องทั้งหมดนี้อย่างรวดเร็ว แต่ก่อนอื่นใด เรื่องสำคัญที่เร่งด่วนในยามนี้ คือการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชันเซียนเสียก่อน ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะไร้ซึ่งความกลัวเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามที่นิกายอำนาจเทวะก่อขึ้น
ชายหนุ่มตระหนักดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋าตลอดไป และนี่หมายความว่าหากเขาจะต่อต้านนิกายอำนาจเทวะในโลกภายนอก เขาไม่อาจพึ่งพาพลังงานของชะตากรรมภายในตำหนักได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีแต่ต้องเพิ่มพูนการบ่มเพาะให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น จึงจะมั่นใจได้ว่าตนจะมีพลังเพียงพอที่ต้านทานนิกายอำนาจเทวะได้
เฉินซีจึงเริ่มบ่มเพาะอย่างไม่ลังเล
ภายในตำหนักอันเงียบสงบและเคร่งขรึม เฉินซีนั่งขัดสมาธิเพียงลำพัง และร่างกายถูกปกคลุมด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีมังกรขนาดใหญ่จำนวนมากที่เกิดจากชะตากรรมกำลังขดตัวอยู่รอบกาย ทำให้รัศมีของเขาดูพิเศษมากยิ่งขึ้น
ครืน!
จักรวาลภายในร่างกายส่งเสียงพึมพำ ในขณะที่หมู่ดวงดาวมากภายในนั้นเปล่งแสงแพรวพราว แสงศักดิ์สิทธิ์สีทองเข้มก็ปรากฏขึ้นจากพวกมัน ปราณเซียนพิสุทธิ์ที่ไร้ขอบเขตได้กลายเป็นแม่น้ำแห่งดวงดาวที่พลุ่งพล่านด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ มันส่งเสียงดังก้องและโคจรภายในจักรวาลอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของวัฏจักรอันเป็นนิรันดร์ของจักรวาล
ก่อนที่จะกลับไปที่สำนัก เฉินซีได้ยึดส่วนหนึ่งของชะตากรรมอันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และได้ขัดเกลาโซ่ศักดิ์สิทธิ์บัญชาจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในการบรรลุขอบเขตราชันเซียนได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มมักจะควบคุมการบ่มเพาะของตนอย่างเข้มงวด และไม่เต็มใจที่จะบรรลุขอบเขตจนถึงตอนนี้ เพราะเขาตั้งใจที่จะบัญญัติมหาเต๋าแห่งราชันเซียนให้สมบูรณ์ และควบแน่นแก่นเต๋าบรรพกาลที่หาได้ยากในประวัติศาสตร์!
บัดนี้ หลังจากประสบกับการต่อสู้ครั้งใหญ่และทำลายล้างกลุ่มราชันเซียน เฉินซีเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับขอบเขตราชันเซียน และตระหนักถึงร่องรอยในการแก้ไข ‘ข้อบกพร่อง’
ชายหนุ่มมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความช่วยเหลือจากพลังงานแห่งชะตากรรมภายในตำหนัก มันจะเพียงพอที่จะคว้าแก่นเต๋าบรรพกาล และบรรลุขอบเขตราชันเซียนในระหว่างการปิดด่านบ่มเพาะครั้งนี้!
ในเวลานั้น เขาจะสามารถ ‘ทำลายกรงแห่งฟ้าดินด้วยเพียงย่างก้าวเดียว และมองเห็นสัจธรรมของชีวิตและความตาย’ ได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะกลายเป็นผู้ดำรงอยู่สูงสุดในสามภพนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ตามความเข้าใจ เฉินซีมั่นใจอย่างยิ่งว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะไม่เกรงกลัวต่อราชันเซียนและจะสามารถบดขยี้ศัตรูที่อยู่ขอบเขตการบ่มเพาะเดียวกับตนได้!