บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1489 สังหารเหล่าราชันเซียน
บทที่ 1489 สังหารเหล่าราชันเซียน
……………………………………………………………………..
บทที่ 1489 สังหารเหล่าราชันเซียน
การต่อสู้ปะทุขึ้นอีกครั้งในตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า
เฉินซีทั้งอหังการและหยิ่งผยอง ในขณะที่ต่อสู้กับราชันเซียนทั้งห้าเพียงลำพังด้วยพลังที่ท่วมท้น
ในขณะนี้ ร่างกายของชายหนุ่มถูกรายล้อมด้วยเหล่ามังกรยักษ์ที่เกิดจากชะตากรรม ในขณะที่ยันต์ก็เปล่งประกายและเคลื่อนคล้อยไปรอบ ๆ กระบี่สีแดงเลือดในมือฟันออกทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ทำให้เขาดูเหมือนกับเทพอสูรที่ตั้งใจจะนำสันติสุขมาสู่โลก
โครม!
เมื่อปราณกระบี่สำแดงฤทธิ์ ทุกทิศทุกท่างก็สั่นสะเทือน เฉินซีปะทะกับว่านฉีอิง กระบี่สีแดงเลือดและไม้เท้าสีเงินฟาดเข้าหากัน เสมือนการชนของภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองลูก ทำให้ปราณเซียนพิสุทธิ์พุ่งทะยาน ในขณะที่การปะทะกันนั้นเปล่งรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว
ในชั่วพริบตา ว่านฉีอิงถูกบังคับให้ถอยร่นกลับไป และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ก่อนที่เฉินซีจะลงมือบดขยี้ว่านฉีอิง หญิงงามจากตระกูลจงหลีก็ลอบทำร้ายเขาจากทางด้านข้าง เส้นผมเงางามปลิวไสว ผิวพรรณเปล่งประกาย ใบหน้าที่วิจิตรและงดงามปกคลุมด้วยสีหน้าหนักใจ
ในทางกลับกัน มือที่ประณีตห่อหุ้มด้วยเคล็ดวิชาที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง มันเรียกว่า ฝ่ามือกลั่นสวรรค์ และมีพลังที่น่าทึ่ง
เป็นที่น่าเสียดายที่นางมิอาจทัดเทียมเฉินซีได้
สีหน้าของชายหนุ่มไม่แยแส ในขณะที่ฝ่ามือเปล่งประกาย และ ‘ดินแดนกระบี่’ ที่ทรงพลัง ทั้งยังเปี่ยมอานุภาพทำลายล้างก็พุ่งออกมาจากภายในนั้น
หญิงงามผู้นั้นมิอาจต้านทานได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบเลี่ยงการโจมตีที่รุนแรงนี้
ในขณะนี้ เฉินซีเริ่มสงบมากขึ้น ทุกกระบวนท่าได้รับการเสริมพลังด้วยชะตากรรม และปราณกระบี่ได้พุ่งไปยังทุกทิศทุกทาง ซึ่งแฝงด้วยแผ่นยันต์ที่ลึกล้ำอย่างไร้ขอบเขต ทำให้พวกมันมีพลังไม่มีที่สิ้นสุด
ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบชายหนุ่มไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียว!
ฆ่า!
“พลังงานแห่งชะตากรรมของที่นี่ไร้ขอบเขตและไม่มีวันหมดสิ้น หากเรายังไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี้ ผลที่ตามมาคงยากจินตนาการได้!” เจี้ยงทิงฟางทั้งตกใจและโมโหสุดขั้วเมื่อสังเกตเห็นว่าพลังของเฉินซีเริ่มน่าสะพรึงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขากู่ร้องคำรามอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเสียความสงบสุขุมไปโดยสิ้นเชิง
ราชันเซียนคนอื่น ๆ จะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? พวกเขาโจมตีทันทีด้วยท่าทีที่บ้าคลั่งยิ่งขึ้น และดูเหมือนจะตกอยู่ในสภาวะจนตรอก
โครม!
เฉินซีไม่ได้รู้สึกใด ๆ กับสิ่งนี้เลย เขาเหวี่ยงกระบี่ชักนำชะตากรรมที่มีอยู่ในตำหนักทั้งหมด ราวกับจะควบคุมมหาเต๋าแห่งฟ้าดิน และตั้งใจที่จะใช้พลังของปฐพีเพื่อบดขยี้ศัตรู
นี่คือเหตุผลว่าทำไมชะตากรรมถึงน่ากลัว หลังจากที่ตราประทับหยกนพกระแสหลอมรวมเข้ากับหม้อมรดกเต๋าโบราณ เฉินซีได้รับการยอมรับจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์จักรพรรดิเต๋า ทำให้สามารถใช้ชะตากรรมที่ถูกสยบและสะสมอยู่ที่นี่มานานจนไม่อาจนับ
โครม!
เฉินซีฟันด้วยกระบี่สีแดงเลือด ซึ่งดูเหมือนเป็นการเคลื่อนที่เรียบง่ายยิ่ง แต่มันระเบิดเจี้ยงทิงฟางจนกระเด็นไปไกล ทำให้อีกฝ่ายเผยสีหน้าเจ็บปวด อานุภาพของกระบวนท่านี้ทรงพลังเกินไป ทำให้เลือดลมปั่นป่วน และได้รับบาดเจ็บสาหัส
คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ “ด้วยชะตากรรมที่รายล้อมตัวมัน คงไม่มีเคล็ดวิชาใดที่จะสามารถแตะต้องมันได้ หรือเจ้าเด็กสารเลวจะสามารถเอาชนะราชันเซียนและล้างโลกได้จริง ๆ? แต่… เจ้าเด็กนี่อยู่ที่ขอบเขตราชันเซียนครึ่งขั้นเท่านั้น!”
หรือเจ้าเด็กนี่จะสามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตและสังหารเทพได้ หลังจากที่บรรลุราชันเซียน?
แคร๊ก!
ทันใดนั้น ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวในใจ ร่างของเฉินซีก็พุ่งตัวไปข้างหน้าและทะยานอยู่ในอากาศซ้ำ ๆ เพียงชั่วพริบตาก็ปรากฏตัวต่อหน้ายายเฒ่าว่านฉีอิง จากนั้นก็ผ่าไม้เท้าอสรพิษเงินเป็นสองท่อนด้วยกระบวนท่าเดียว ส่งผลให้ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรงจนล้มลง
“ไอ้สารเลว! บังอาจนัก!”
ครืน!
ในช่วงเวลาวิกฤต ราชันเซียนจากตระกูลจี้ถือศิลาเบญจรงค์โกลาหลไว้ในมือขณะพุ่งเข้าโจมตีเฉินซีจากทางด้านข้าง
“ฮึ่ม!” สิ่งที่แปลกคือดูเหมือนว่าเฉินซีจะรอเขามาตั้งแต่แรก และก่อนที่จะได้เข้าใกล้อีกฝ่าย กระบี่สีแดงเลือดก็สั่นวูบ และส่งเสียงขณะผ่าห้วงมิติออกจากกัน พร้อมกับกวาดเข้าใส่อย่างดุร้าย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ทว่า เป้าหมายของเฉินซีไม่ใช่ว่านฉีอิง แต่เป็นราชันเซียนจากตระกูลจี้!
โครม
ศิลาเบญจรงค์โกลาหลแตกเป็นประกายที่พร่างพราวและเจิดจรัส
พรวด!
แรงขับเคลื่อนของกระบี่ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย และเนื่องจากราชันเซียนจากตระกูลจี้ไม่ได้ระวัง มันจึงฟันเข้าที่หน้าอกอย่างจัง เกิดเป็นเสียงกระดูกแตกหักดังก้อง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
ถ้าราชันเซียนจากตระกูลจี้หลบไม่ทัน เขาคงถูกฟันจนเป็นสองท่อนแล้ว! แต่ถึงกระนั้น เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่มีทางที่จะระเบิดพลังต่อสู้ออกมาได้อีกครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ
คนอื่น ๆ ต่างตื่นตกใจกลัว และรู้สึกว่าสถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่การร่วมมือของพวกเขาจะไม่สามารถปราบเฉินซีได้ แต่ยังพ่ายแพ้ไปทีละคน ทำให้แรงกดในหัวใจทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮึ่ม! ครั้งนี้ ข้าจะฆ่าแค่เจ้าเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะจี้เซวียนปิงแล้วละก็ ตระกูลจี้ทั้งหมดจะต้องชดใช้ความผิดนี้!” เฉินซีขมวดคิ้วทั้งไม่คาดคิดว่าจะประสบความสำเร็จในการโจมตีครั้งนี้ได้ ดังนั้นจึงพุ่งตัวออกไปพร้อมกับตั้งใจปลิดชีพราชันเซียนจากตระกูลจี้อย่างเต็มที่
ครืน!
ทันใดนั้น ง้าวทองสัมฤทธิ์ก็กวาดเข้ามาขว้างหน้า เป็นเจี้ยงทิงฟางที่เข้ามาช่วยเหลือ
เฉินซีทำได้เพียงหันหลังกลับ เพื่อต่อสู้กับเจี้ยงทิงฟางอีกครั้ง
“ตาย!” เฉินซีตะโกนเสียงดังในขณะที่พลังงานของชะตากรรมพวยพุ่ง และซัดเจี้ยงทิงฟางออกไป แล้วจึงต่อสู้กับราชันเซียนคนอื่น ๆ
ท่ามกลางเสียงดังก้องอันน่าสะพรึงกลัว เฉินซีเป็นเหมือนเจ้าเหนือหัวผู้ไร้เทียมทานซึ่งแผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขาม ในขณะที่แผ่นยันต์อักขระก็ไหลเวียนอยู่รอบกาย ปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนกวาดไปทุกทิศทุกทาง โดยที่เขาใช้พลังออกไปอย่างเต็มที่
พรวด!
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกคนหนึ่ง ในจังหวะที่คลายการป้องกัน กระดูกไหล่ของหญิงงามจากตระกูลจงหลีนั่นถูกทำลายด้วยกระบวนท่ากระบี่ของเฉินซี และแขนขวาของนางก็แทบจะพิการ
เมื่อมาถึงจุดนี้ ความหนาวเย็นที่ไม่อาจจะควบคุมก็พรั่งพรูออกมาจากหัวใจของพวกเขา
เจ้าเด็กนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ในขณะนี้ ทั้งสามคนถูกเฉินซีทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และเหลือเพียงสองคนที่ยังพอจะต่อสู้ได้
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้พวกเขาเสียเปรียบอย่างยิ่ง และจวนจะประสบอันตรายถึงชีวิต!
“ทุกคน หากเรายังคงไม่ใช้เคล็ดวิชาต้องห้าม วันนี้เราอาจต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!” เจี้ยงทิงฟางคำรามอย่างโกรธจัด เพราะพลังของเฉินซีนั้นแข็งแกร่งจนทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
โอม!
ขณะที่กล่าว ชามใบหนึ่งก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับแสงสีขาวที่เจิดจ้า มันเอ่อล้นด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันพร่ามัวและกลิ่นอายน่าเกรงขามอันน่าทึ่ง มันโปร่งแสงและเป็นผลึก ซึ่งแท้จริงแล้ว มันก็พลุ่งพล่านไปด้วยรัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่คลุมเครือขณะที่มันพุ่งเข้าหาเฉินซี
ยิ่งกว่านั้น ในพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ มีเงาภาพของเหล่าทวยเทพปรากฏขึ้นให้เห็นอยู่ราง ๆ พวกมันสว่างไสวด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่พร่างพราว รุ่งโรจน์ และคุกคามอย่างมาก
แน่นอนว่านี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์!
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง เห็นได้ชัดว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นสมบัติวิญญาณประดิษฐ์ และกลิ่นอายของมันก็ด้อยกว่าหม้อศักดิ์สิทธิ์เก้าทวีป แต่เมื่อมันถูกใช้โดยราชันเซียน กลิ่นอายของมันก็เรียกได้ว่าค่อนข้างน่าทึ่ง
ชายหนุ่มไม่กล้าใช้กระบี่เต๋าวิบัติเพื่อปะทะกับมันโดยตรง แต่เลือกใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์หมายจับสมบัตินี้!
แต่ว่าทันใดนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…
เมื่อเจี้ยงทิงฟางใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามและใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์เพื่อโจมตีเฉินซี ร่างของว่านฉีอิงก็เปล่งประกาย แล้วนางก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติเพื่อไปจากตำหนัก!
เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดที่จะต่อสู้กับเฉินซีจนตัวตาย และตั้งใจที่จะคว้าโอกาสนี้เพื่อหลบหนี
เหตุการณ์นี้ทำให้เจี้ยงทิงฟางโกรธแค้นทันที ทำให้จิตใจของเขาได้รับผลกระทบ
โอม!
ในขณะนี้ ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ได้ห่อหุ้มชามไว้ และตั้งใจที่จะชิงมันไป!
“บังอาจ!” เจี้ยงทิงฟางโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง และไม่กล้าว่อกแว่กอีกต่อไป พลางโคจรพลังทั้งหมดเพื่อควบคุมชาม
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง นอกเหนือจากราชันเซียนจากตระกูลจี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ราชันเซียนอีกสองคนก็โจมตีเฉินซีอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือเจี้ยงทิงฟางอีกแรง
“ฮึ่ม!” เฉินซีเย็นชาและไม่แยแส พลางควบคุมตาข่ายสวรรค์ แล้วใช้กระบี่เต๋าวิบัติเพื่อต้านทานการโจมตีของผู้อื่น
ในเวลานั้น สมบัติอมตะพุ่งทะยานผ่านท้องฟ้า แล้วจึงกระแทกใส่กันซ้ำ ๆ ในขณะที่เคล็ดวิชาต่าง ๆ ปะทะกัน การต่อสู้นั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง และมันก็แสดงสัญญาณของการหยุดชะงักเล็กน้อย
“จ้าวหลิงซี! ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าลอบทำร้ายข้าหรือ!” ในขณะนี้ เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นจากด้านนอกทางเข้าตำหนัก เป็นเสียงของว่านฉีอิงที่เพิ่งหนีออกไป หลังจากนั้นเสียงของนางก็หยุดลงกะทันหัน
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเหล่าราชันเซียนที่อยู่ในตำหนักสั่นไหวอีกครั้ง และสีหน้าของพวกเขาก็ไม่น่าดูจนถึงขีดสุด จ้าวหลิงซี! นั่นคือราชันเซียนจากเผ่าวิหคอมตะที่เฉินซีปล่อยตัวไปก่อนหน้านี้!
พวกเขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าว่านฉีอิงถูกสังหารแล้วอย่างแน่นอน กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากการตายของอ๋าวเหริง ว่านฉีอิงก็เดินตามรอยเท้าของเขาไป!
เฉินซีก็ได้ยินพลันหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย ทันใดนั้น ก็โคจรพลังเพิ่มอีกครั้ง และต่อสู้อย่างห้าวหาญด้วยพลังทั้งหมดที่มีอย่างเต็มที่ เพราะตอนนี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างแน่นอน และต้องคว้าโอกาสที่ยอดเยี่ยมนี้เอาไว้
ฆ่า!
ร่างกายของเฉินซีเปล่งประกาย ในขณะที่จักรวาลภายในร่างกายเดือดพล่าน และหลอมรวมเข้ากับพลังงานแห่งชะตากรรมภายในตำหนักทั้งหมด นอกจากนี้ กระบี่สีแดงเลือดในมือยังปลดปล่อยดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีใสออกมามากมาย
ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีใสทุกดอกถูกสร้างขึ้นจากปราณกระบี่ที่ขุ่นมัว ทั้งยังแผ่พลังงานที่ลึกลับอย่างไร้ขอบเขต ซึ่งทรงพลังอย่างไม่มีใครเทียบได้ โดยที่เสียงโหยหวนของเหล่าทวยเทพที่ถูกสังหาร และเสียงตะโกนของเทพอสูรก็ดังตามมาด้วย
ในขณะนี้ เฉินซีได้สำแดงพลังของกระบี่เต๋าวิบัติแล้ว!
เหตุการณ์ดังกล่าวเคยปรากฏในภูมิภาคบรรลุเทพ ในเวลานั้น มันถูกสำแดงพลังเพื่อจัดการกับค่ายกลศักดิ์สิทธิ์พินาศเต๋าแห่งเก้าวิบัติสวรรค์ และกระบี่เต๋าวิบัติได้โจมตีด้วยตัวมันเอง เพื่อช่วยนายของตนจัดการกับอันตรายที่เขาเผชิญ
ในทางกลับกัน ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป การโจมตีนี้ดำเนินการโดยเฉินซีเอง ดังนั้นมันย่อมไม่เหมือนกับในอดีต กระบี่ดอกบัวโปร่งใสเหล่านี้ราวกับพวกมันมาจากโลกแห่งทวยเทพ ซึ่งแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขาม ทำให้สีหน้าของราชันเซียนเหล่านั้นเปลี่ยนไป และรู้สึกว่าถูกคุกคามถึงชีวิต
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
กระบี่ดอกบัวโปร่งใสโปรยปรายลงมา ทำให้มิติและเวลาตกอยู่ในสภาพโกลาหล ปราณกระบี่ที่ลึกลับและพร่ามัวได้พุ่งออกมาจากใจกลางดอกบัว ปกคลุมฟ้าดิน และพัดพาออกไปราวกับพายุ
พรวด! พรวด!
คลื่นเสียงอู้อี้ดังก้อง ราชันเซียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากตระกูลจี้ไม่มีโอกาสหลบหลีก ถูกปราณกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทง ทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยรูเลือดและเสียชีวิตทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น หญิงงามจากตระกูลจงหลีซึ่งแขนขวาพิการก่อนหน้านี้ก็ประสบภัยพิบัติเช่นกัน นางถูกโจมตีด้วยปราณกระบี่จนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล โลหิตย้อมเสื้อผ้าจนเป็นสีแดงฉาน นางล้มลงพร้อมกับกรีดร้องโหยหวนที่น่าสังเวชและเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
แค่กระบวนท่ากระบี่เดียว ราชันเซียนทั้งสองก็ถูกทำลายล้าง!
เหตุการณ์นี้น่าทึ่งเป็นอย่างมาก จนทำให้เกิดคลื่นความหนาวเย็นที่ไหลลงมาตามกระดูกสันหลังของราชันเซียนอีกสองคนที่เหลืออยู่ และพวกเขารู้สึกว่าวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ทั้งหนาวสั่นราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง
เพราะมันน่าพรั่นพรึงเสียเหลือเกิน!
มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ราชันเซียนสามารถต่อต้านได้
“เราพ่ายแพ้แล้ว ไปกันเถอะ!” จู่ ๆ เจี้ยงทิงฟางก็กัดฟันหันหลังกลับและหนีไปพร้อมกับราชันเซียนคนอื่น ๆ เนื่องจากไม่มีโอกาสชนะในการต่อสู้ครั้งนี้อีกต่อไป ดังนั้นหากไม่หนีไปก็คงโง่เขลาเต็มที
“ถ้าข้าปล่อยให้เจ้าทั้งคู่หลบหนีไปได้ แล้วข้าจะรับตำแหน่งเจ้าสำนักได้อย่างไร!?” เฉินซีแค่นเสียงเย็นขณะที่แวบร่างไล่ตามอีกฝ่ายไป
ครืน!
ประตูสู่ตำหนักถูกเปิดออก เจี้ยงทิงฟางและราชันเซียนอีกคนกำลังจะพุ่งออกไป แต่วิหคอมตะที่แท้จริงที่อาบไปด้วยเปลวไฟก็ขวางทางพวกมันทันที เพลิงวิหคอมตะแท้จริงจำนวนมหาศาลโปรยปรายจากปีกอันงดงาม เข้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ทั้งยังปิดกั้นเส้นทางของพวกมันโดยสิ้นเชิง
“จ้าวหลิงซี! ไอ้คนทรยศ!” เจี้ยงทิงฟางคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและเต็มไปด้วยไฟโทสะ ขณะที่เขาฟาดด้วยชามในมืออย่างดุเดือด
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กระบี่ดอกบัวสีใสจำนวนมากก็พัดพาไปราวกับพายุ พวกมันถาโถมเข้าใส่เจี้ยงทิงฟางและราชันเซียนคนอื่น ๆ
ครืน!
ความผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้น และท่ามกลางกระแสพลังงานที่ปั่นป่วน ก็พลันเกิดเสียงกรีดร้องที่โหยหวนและโกรธเกรี้ยว ซึ่งเผยให้ความไม่เต็มใจ ความเกลียดชัง ความหวาดกลัว และความสิ้นหวัง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฝุ่นผงและหมอกควันก็สลายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงัด
บริเวณหน้าประตูทางตำหนักโบราณ วิหคอมตะที่แท้จริงกระพือปีก เปลวเพลิงจำนวนมากลุกโชน และในส่วนลึกของเปลวเพลิงก็มีร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ โดยที่ถือกระบี่สีแดงเลือดอยู่ในมือ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีศพที่แหลกเละของราชันเซียนสองศพอยู่แทบเท้า!
เมื่อมาถึงจุดนี้ ราชันเซียนทั้งหกที่ต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าสำนักก็ถูกทำลายล้าง และไม่มีสักคนที่รอดชีวิต!