บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1388 โอสถทิพย์เส้นโคจรใจสวรรค์
บทที่ 1388 โอสถทิพย์เส้นโคจรใจสวรรค์
บทที่ 1388 โอสถทิพย์เส้นโคจรใจสวรรค์
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว กำลังลุกไหม้ราวกับมหาสมุทรเปลวเพลิงที่พลุ่งพล่าน
ณ ทางเดินดาวหางที่ทอดข้ามมหาสมุทรแห่งเปลวเพลิง กลุ่มของเฉินซีได้ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคง ดาวหางที่พุ่งลงมาถูกทำลายจนแตกสลายกลายเป็นผุยผง บังเกิดเป็นแสงแวววาวระยิบระยับมากมายประหนึ่งสายฝนที่โปรยปราย เป็นฉากที่งดงามยิ่ง
เฉินซียังคงนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง
จิตใจของชายหนุ่มนั้นจดจ่ออยู่กับข้อจำกัดอย่างสมบูรณ์ เขามีสมาธิและพิถีพิถันอย่างเต็มที่ ทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่เคร่งขรึม สงบ และล้ำลึกออกมา
เต๋าแห่งยันต์อักขระได้ซึมซับเข้าไปในกระดูกของเฉินซี และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้วิธีการสร้างยันต์อักขระมาตั้งแต่ยังเด็ก หรือได้เริ่มสัมผัสกับเต๋าแห่งยันต์อักขระที่แท้จริงหลังจากที่ได้รับเคหาดารา แต่ไม่ว่าจะเป็นอักขระยันต์ วิถี ผังค่ายกลยันต์อักขระ ยันต์เทวะ… สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อเส้นทางสู่เต๋าของเขาอยู่ตลอดเวลา
สร้างยันต์เทวะ สร้างแดนฮุ่นตุ้นขึ้นใหม่ภายในร่างกาย เดินทางผ่านพิภพยันต์อักขระ… จนกระทั่งเข้าสู่ภพเซียน สร้างหนึ่งในยันต์อักขระต้องห้ามทั้งเจ็ด รวมถึงได้รับมรดกของยันต์เทวะอนันต์ และบ่มเพาะสุดยอดมรดกต่าง ๆ ของเต๋าแห่งกระบี่…
ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งยันต์อักขระทั้งสิ้น
ถึงขนาดที่ว่าความสามารถในการอนุมานของเต๋าแห่งยันต์อักขระ ได้ส่งผลต่อความเข้าใจของเฉินซีที่เกี่ยวกับทั้งสามภพโดยไม่รู้ตัว
ทว่าสิ่งสำคัญที่สุด คือเต๋าแห่งยันต์อักขระเป็นสุดยอดมรดกของเขาเทพพยากรณ์!
อาจกล่าวได้ว่า แม้ตอนนี้เฉินซีจะอยู่ที่ขอบเขตเซียนปราชญ์เท่านั้น แต่ความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ก็เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าไม่สามารถเทียบได้!
นี่เป็นพรสวรรค์โดยธรรมชาติอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพลังแห่งมรดก และเป็นมหาเต๋าที่เฉินซีใฝ่หามาโดยตลอด
หากไม่เป็นเช่นนั้น แล้วเขาจะตัดสินใจบัญญัติเต๋าปราชญ์ยันต์อักขระของตนเองโดยไม่คำนึงถึงเต๋าปราชญ์อื่น ๆ เช่นเต๋าปราชญ์กระบี่ หรือเต๋าปราชญ์เบญจธาตุได้อย่างไร
เป็นเพราะว่าชายหนุ่มครอบครองความสำเร็จเหล่านี้ในเต๋าแห่งยันต์อักขระ ซึ่งข้ามผ่านสามัญสำนึกไปแล้วและถือได้ว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้นเฉินซีจึงสามารถสงบและมั่นใจมากขึ้นเมื่อเผชิญกับข้อจำกัดบนทางเดินดาวหางแห่งนี้
เพราะเมื่อต้องเผชิญกับข้อจำกัดเหล่านี้ เขาก็เปรียบดั่งช่างทำกุญแจที่คอยเปิดล็อก ผู้เชี่ยวชาญด้านกลไกที่สามารถจัดการกับกลอันซับซ้อนต่าง ๆ ผู้เชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์ที่แก้ปัญหาแล้วปัญหาเล่า… มันจึงไม่อาจถือว่าเป็นเรื่องที่ยากนัก
อย่างน้อยที่สุด ข้อจำกัดที่พบจนถึงขณะนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เฉินซีรู้สึกว่าเป็นการยากที่จะรับมือ
อุกกาบาตลูกที่สองร้อย
อุกกาบาตลูกที่สามร้อย
อุกกาบาตลูกที่สี่ร้อย
…
เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มของพวกเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยแทบไม่ได้หยุดแม้แต่น้อย หากอธิบายเป็นคำพูดสั้น ๆ พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่ยากเย็นเหมือนมีดร้อนตัดผ่านหิมะ
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ พวกเขาได้รับรัศมีปราชญ์เต๋าเป็นรางวัลครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อข้อจำกัดของอุกกาบาตลูกที่ห้าร้อยถูกทำลาย เฉินซีได้หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุเข้ากับเต๋าแห่งปราชญ์ยันต์อักขระอย่างสมบูรณ์!
ประสิทธิภาพระดับนี้ นับว่าเป็นการท้าทายสวรรค์อย่างยิ่ง
เพราะเฉินซีได้ปิดด่านบ่มเพาะมานานกว่าหนึ่งปีในโลกแห่งดารา และหลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุเพียงเก้าในสิบส่วนเท่านั้น ตอนนี้ผ่านไปไม่ถึงสามชั่วยาม เขาไม่เพียงแต่หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์เบญจธาตุอย่างสมบูรณ์ แต่ยังได้หลอมรวมตราศักดิ์สิทธิ์แห่งพายุด้วยเช่นกัน!
สิ่งนี้เฉินซีไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงมาก่อน
ทว่าเขาไม่มีเวลามารู้สึกยินดีหรือตื่นเต้นกับมัน เพราะจิตใจของเขาจดจ่อไปที่ข้อจำกัดที่ปกคลุมอุกกาบาตอย่างเต็มที่
…
“ไม่เลวเลย หากพวกเขาเดินหน้าต่อไปตามความเร็วนี้ ย่อมสามารถตามทันกลุ่มของเนี่ยซิงเจินได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน…” ด้านนอกแดนโบราณจักรพรรดิเต๋า สายฟ้าแล่นผ่านดวงตาของหัวเจี้ยนคง ก่อนอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนทางเดินดาวหางให้จั่วชิงไท่อู่ และหวังต้าวหลูทราบอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่ากลุ่มของเฉินซีมาถึงอุกกาบาตลูกที่ห้าร้อยภายในเวลาเพียงสามชั่วยาม เหล่าผู้อาวุโสต่างรู้สึกตกใจอย่างอดไม่ได้
เด็กคนนี้ช่างท้าทายสวรรค์เสียจริง!
เวลานี้ไม่มีใครให้ความสนใจเจิ่นลู่ จี้เซวียนปิง จ้าวเมิ่งหลี และอ๋าวจ้านเป่ยเลยสักนิด
เหตุผลนั้นง่ายมาก สถานที่ฝังมรดกของจักรพรรดิเต๋านั้นมีความหมายที่พิเศษต่อหัวเจี้ยนคงและบรรดาผู้อาวุโสอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมรดกของจักรพรรดิเต๋า มันเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่างในสำนัก ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับมันเป็นพิเศษ
…
“พี่ใหญ่เนี่ย ดูสิ! พวกเขาไล่ตามพวกเราได้เร็วมากจริง ๆ!” ณ อุกกาบาตลูกที่ 1,413 บนทางเดินดาวหาง จงหลีหลัวพบว่ากลุ่มของเฉินซีมาถึงอุกกาบาตลูกที่ห้าร้อยแล้ว เขาจึงกล่าวอย่างร้อนรน
“อะไรนะ?” เนี่ยซิงเจินที่กำลังต้านทานดาวหางลูกแล้วลูกเล่าอย่างไม่หยุดยั้งพลันตกตะลึง สีหน้าพลันหนักอึ้ง “มันเพิ่งผ่านไปไม่ถึงสามชั่วยามไม่ใช่หรือ?”
“ราว ๆ นั้น” จงหลีหลัวขมวดคิ้ว ความรู้สึกกดดันถาโถมเข้ามา เนื่องจากการไปถึงอุกกาบาตลูกที่ห้าร้อยภายในเวลาไม่ถึงสามชั่วยามนั้นเร็วกว่าพวกเขามาก
แม้จะมีอุกกาบาตกั้นกลางกว่าเก้าร้อยลูก แต่ด้วยอัตราความเร็วที่กลุ่มของเฉินซีทำได้ คงไล่ตามทันภายในเวลาไม่ถึงวัน!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่จงหลีหลัวต้องการที่จะเห็น
“ใจเย็น ๆ ยิ่งไปได้ไกลเท่าใด ข้อจำกัดบนทางเดินดาวหางจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เดี๋ยวพวกนั้นก็ช้าลงแน่นอน” เนี่ยซิงเจินชำเลืองมองกู่เยวหรูที่กำลังทะลวงข้อจำกัดอยู่ด้านหน้า พลันปลอบใจนางด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เพราะเขาสังเกตเห็นว่าใบหน้าอันงดงามของกู่เยวหรูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ท่าท่างเหนื่อยล้าบนหว่างคิ้วก็ไม่อาจปกปิดได้แม้แต่น้อย และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ทำให้กู่เยวหรูไขว้เขวแม้แต่น้อย
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน” กู่เยวหรูเผยยิ้มอันสงบ ทันใดนั้น เม็ดยาทรงกลมสวยงามก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ จากนั้นนางก็กลืนมันลงไป
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ความเหนื่อยล้าระหว่างคิ้วก็เลือนหายออกไปจนหมด จิตวิญญาณก็สดชื่นอย่างสมบูรณ์ ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าที่ซีดเซียวก็ขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
“ศิษย์น้องกู่ เม็ดยาที่เจ้ากลืนคือโอสถทิพย์เส้นโคจรใจสวรรค์หรือ?” เมื่อสังเกตเห็นสิ่งนี้ ไม่เพียงแต่เนี่ยซิงเจินจะไม่มีความสุขเท่านั้น คิ้วของเขากลับขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นแทน
เท่าที่เขารู้ เม็ดยาดังกล่าวมีผลอัศจรรย์อันไร้ขอบเขต สามารถเติมเต็มพลังดวงใจที่เหือดแห้งได้อย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลาอันสั้น ทว่าผลข้างเคียงของมันก็มหาศาลเช่นเดียวกัน มันไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะในดวงจิตแห่งเต๋าของคนคนหนึ่งเท่านั้น ครั้นสิ้นฤทธิ์ยา คนผู้นั้นจะหมดสติ และอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนถึงหนึ่งปีก่อนที่จะฟื้นตื่นขึ้นมา
“ไม่ต้องกังวล ศิษย์พี่เนี่ย เมื่อข้ากลืนโอสถทิพย์เส้นโคจรใจสวรรค์เข้าไปแล้ว ข้าจะยืนหยัดจนกว่าเราจะออกแดนโบราณจักรพรรดิเต๋าได้” กู่เยวหรูอธิบายด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปทำลายข้อจำกัดต่อ
เนี่ยซิงเจินพลันถอนหายใจ ทว่าเขารู้สึกสะเทือนใจเสียมากกว่า เหตุผลที่กู่เยวหรูพยายามอย่างหนักก็เพื่อให้พวกเขาได้รับการยอมรับจากมรดกของจักรพรรดิเต๋า
แต่การเสียสละนี้อาจหนักเกินไป…
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสามคนนั้น ถ้าพวกเขาไม่มาปรากฏตัวที่นี่ล่ะก็…” จงหลีหลัวนำความแค้นและความกดดันไปลงที่กลุ่มของเฉินซี ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความโกรธแค้นอย่างยิ่ง
“หยุดนะ! เราทุกคนล้วนเป็นศิษย์ร่วมสำนัก และเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่ที่ก้าวเข้าสู่แดนโบราณจักรพรรดิเต๋า ศิษย์น้องจงหลี เจ้าอย่าได้กล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนั้นอีก”
เนี่ยซิงเจินขมวดคิ้วพลางเอ่ยตำหนิ เขาไม่เคยดูแคลนกลุ่มของเฉินซี ถึงขั้นนับถืออีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพราะในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถขึ้นสู่การเป็นสุริยันอันเจิดจ้าของภพเซียนได้ และไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำให้เกิดความปั่นป่วนในโลกเช่นที่เฉินซีทำ
ในความคิดเห็นของเขา ไม่ว่าจะเป็นหลิงชิงอู๋ เยี่ยถัง หรือเฉินซี ความสำเร็จในอนาคตของสามคนนั้นจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน และการไม่พอใจหมู่พวกเขาเพียงเพราะการแข่งขัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรอย่างยิ่ง
“ฮึ่ม!” จงหลีหลัวแค่นเสียงอย่างเย็น เขานั้นค่อนข้างเมินเฉยต่อคำพูดของเนี่ยซิงเจิน
เมื่อเผชิญกับท่าทีเช่นนี้ เนี่ยซิงเจินก็ไม่ได้กล่าวอันใด เพียงส่ายหัวและไม่สนใจจงหลีหลัวอีกต่อไป ก่อนจะมุ่งความสนใจไปที่การรับมือกับดาวหางที่กระหน่ำโจมตีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
…
หลังจากมาถึงอุกกาบาตลูกที่ห้าร้อย ความเร็วในการทำลายข้อจำกัดของเฉินซีก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม มันช้าลงเพียงประมาณสามสิบลมหายใจเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากก่อนหน้านี้บอกว่าพวกเขาได้ก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง สถานการณ์ปัจจุบันคือพวกเขาจะหยุดเป็นเวลาสามสิบลมหายใจ ก่อนที่จะก้าวไปยังอุกกาบาตลูกถัดไป
ถึงอย่างนั้น ความเร็วดังกล่าวก็น่าตกใจพอสมควร หากเป็นกลุ่มของเนี่ยซิงเจิน พวกเขาจะไม่สามารถรักษาความเร็วดังกล่าวได้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินซีใช้พลังดวงใจไม่มากนัก ถึงขั้นที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย
เหตุผลก็คือการบ่มเพาะในพลังดวงใจได้บรรลุขอบเขตทารกดวงใจมานานแล้ว และมันเป็นขอบเขตที่มีเพียงราชันเซียนเท่านั้นที่จะบรรลุได้!
หากใช้เพียงพลังดวงใจเป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบ เฉินซีแทบจะสามารถบดขยี้เซียนปราชญ์ในภพเซียนทั้งหมดได้อย่างแน่นอน
หลิงชิงอู๋และเยี่ยถังต่างตกใจจนมึนงง แต่ไม่แปลกใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
พวกเขามุ่งเน้นไปที่การทำลายดาวหางที่พุ่งเข้าหาจากทุกทิศทางอย่างต่อเนื่อง
หลังจากมาถึงที่นี่ แรงกดดันที่สัมผัสได้จากดาวหางที่พุ่งผ่านท้องฟ้าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับหลิงชิงอู๋มันเป็นเรื่องปกติ แต่เยี่ยถังเริ่มแสดงสัญญาณว่าไม่สามารถทนต่อมันได้เล็กน้อย
เพราะแม้เขาจะสามารถเบี่ยงพลังของดาวหางได้ แต่เมื่อพลังนั้นแข็งแกร่งขึ้น เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการได้รับผลกระทบเมื่อเปลี่ยนเส้นทางของพวกมัน
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเขาหนักอึ้งมาก เริ่มหายใจหอบถี่ กลิ่นอายก็แสดงสัญญาณปั่นป่วนเลือนราง
หลิงชิงอู๋สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายของเยี่ยถังอย่างชัดเจน แต่นางไม่ได้กล่าวอะไรแต่ใช้การกระทำช่วยเหลือให้เยี่ยถังยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลิงชิงอู๋ทำลายดาวหางที่พุ่งเข้ามาไปเจ็ดส่วน และเยี่ยถังจัดการอีกสามส่วนที่เหลือเท่านั้น
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยถังรู้สึกขอบคุณหลิงชิงอู๋อยู่ลึก ๆ ใครบอกว่าการคบหากับศิษย์พี่หลิงไม่ใช่เรื่องง่าย? แม้ภายนอกนางจะเย็นชา แต่ภายในกลับอบอุ่น!
ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน
เมื่อพวกเขามาถึงอุกกาบาตลูกที่หกร้อย หลิงชิงอู๋ก็รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนักเช่นกัน แต่นางก็เม้มริมฝีปากสีแดงสดแน่น และพยายามยืนหยัดอย่างเต็มที่ เพราะนางไม่ต้องการที่จะรบกวนเฉินซีจากการทำลายข้อจำกัดต่าง ๆ
ส่วนเยี่ยถังที่ทำลายดาวหางที่พุ่งเข้ามาเพียงสามส่วน แต่ขณะที่ก้าวไปสู่อุกกาบาตที่อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทีละก้าว พลังของดาวหางก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นแม้จำนวนพวกมันจะน้อย แต่มันก็ทำให้เขาสั่นสะท้านจนเลือดในร่างกายเริ่มปั่นป่วน
•