บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1023: นักเดินทางหลงทิศ
ตอนที่ 1023: นักเดินทางหลงทิศ
……….
ตอนที่ 1023: นักเดินทางหลงทิศ
จักรวาลพร่างดาวกว้างไกลมโหฬาร ซึ่งแต่งแต้มไปด้วยดาราระยิบระยับนับไม่ถ้วน
ตู้ม!
ช่องมิติช่องหนึ่งทอดยาวดุจสายรุ้ง ผ่ามหาจักรวาลไร้ประมาณและเคลื่อนเข้าไปลึกขึ้น
จากนั้น ช่องมิตินี้ก็ระเบิดเปรี้ยง
ท่ามกลางพิรุณแสง ร่างสูงร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
ชายผู้นั้นสวมชุดเขียว ดูสูงส่งและไร้มลทิน เขาคือซูอี้
“มันไม่ใช่ทางผ่านมิติสู่มหาทวีปคังชิงโดยตรง… หากจะไปยังโถงหลงลืมเพื่อยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นั่นล่ะก็…”
ซูอี้มองไปรอบ ๆ มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย
เขาไม่ค่อยคุ้นกับพื้นที่แห่งนี้โดยสิ้นเชิง
โชคดีที่เขาบ่มเพาะเข้าสู่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำแล้ว หาไม่ เกรงว่าคงไม่อาจขยับตนสิ้นใจไปแล้ว
นั่นเพราะจักรวาลพร่างดาวเต็มไปด้วยหายนะอันตราย และบางครั้ง เส้นแสงเล็ก ๆ ยังสามารถบดขยี้ตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิได้โดยง่าย!
นอกจากนั้น เหล่าผู้ฝึกตนที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิยังไม่อาจข้ามจักรวาลพร่างดาวได้ เพราะขอบเขตของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ จึงทนรับความรุนแรงอันปกคลุมทั่วจักรวาลพร่างดาวไม่ได้
เดิมที ซูอี้คิดว่าตนคงสามารถไปถึงมหาทวีปคังชิงได้โดยตรง
ทว่ายามนี้ ดูเหมือนเขาจะคิดมากไปเสียแล้ว
“สตรีผู้นั้นคิดว่าด้วยวิถีเต๋ายามนี้ของข้า ข้าจะสามารถข้ามจักรวาลพร่างดาวไปถึงมหาทวีปคังชิงได้อย่างราบรื่น หรืออยากฉวยโอกาสนี้แกล้งข้าสักหน่อยกันแน่?”
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วเงาร่างของผอซัวก็ปรากฏขึ้นในใจ
“ข้าชวนเจ้าไปเก้ามหาแดนดินด้วยกัน เจ้าไม่ไปไม่พอ ยังแอบมาหลอกข้าอีก ยามหน้าพบกัน ไม่ว่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่าชุยหลงเซี่ยงจะชอบใจหรือไม่ ข้าก็จะลักพาตัวเจ้าแล้ว”
ซูอี้ครุ่นคิดพลางส่ายหน้ายิ้ม ๆ
ขณะกำลังคิด ม้วนหยกม้วนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือเขา
ในม้วนหยกนั้นสลักตำแหน่งมิติเอาไว้
ยามเขาจากมหาทวีปคังชิงไป ซูอี้ได้ขอนักบวชลำดับที่เก้าแห่งโถงหลงลืมผนึกปราณมิติของมหาทวีปคังชิงไว้แล้ว
และยามนี้ มันถึงเวลาใช้งานแล้ว
วูบ!
เมื่อซูอี้ขับเคลื่อนพลัง ม้วนหยกในมือของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นจึงบังเกิดลวดลายประหลาดขึ้นมา ลำแสงดุจเข็มชี้หมุนคว้างบนลวดลายนั้น ก่อนจะชี้ไปยังทิศหนึ่งในจักรวาลพร่างดาว
ซูอี้ถอนหายใจโล่งอก
ขอเพียง ‘ตำแหน่งมิติ’ มีปฏิกิริยา ย่อมหมายความว่ามหาทวีปคังชิงไม่ได้อยู่ไกลนัก
จากนั้นชายหนุ่มก็ทะยานไปยังทิศทางดังกล่าวทันที
การเคลื่อนกายข้ามหมู่ดาวเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุด
ในอดีตชาติ ซูอี้เองก็เคยท่องอยู่ในจักรวาลพร่างดาว เคลื่อนย้ายจากภูมิสู่ภูมิ เมื่อมีตำแหน่งมิตินำทาง เขาย่อมไม่หลงทาง
หนึ่งวันจากนั้น
“ในที่สุดก็มาถึง”
ซูอี้ทอดมองออกไปไกล
ในจักรวาลพร่างดาวปรากฏเค้าของโลกกว้างแห่งหนึ่งหมุนช้า ๆ ในสุญญะ
โลกแห่งนี้ปกคลุมด้วยคลื่นอากาศโกลาหลดุจน้ำตก แก่นพลังหนาแน่นดุจพิรุณ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นมังกรยาวร่ายรำกลางหาว
จิตสัมผัสของซูอี้ทรงพลัง ดวงตาลึกล้ำเฉียบแหลม และเขาเห็นได้แม้กระทั่งกฎเกณฑ์ชั้นแล้วชั้นเล่าปกคลุมอยู่ทั่วพื้นผิวโลกหล้า
มหาทวีปคังชิง!
ตำแหน่งมิติอันสั่นสะท้านอย่างรุนแรงในมือของเขาเป็นเครื่องยืนยันอย่างดี
นี่คือครั้งแรกที่ซูอี้ได้เห็นโลกมาตุภูมิเวียนวัฏของเขาจากบนจักรวาลพร่างดาว
“ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับหลิงเสวี่ย ชิงหว่าน ฉาจิ่น หยวนเหิงและคนอื่น ๆ บ้าง…”
เมื่อคิดถึงสหายเก่าเหล่านี้ หัวใจของซูอี้ก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
สำหรับเขา มหาทวีปคังชิงถือได้ว่าเป็น ‘มาตุภูมิ’ ในชาตินี้
โลกนี้ถูกสลักด้วยความทรงจำอดีตชาติ รวมไปถึงบางคนที่เขาห่วงใยในชาตินี้
ทว่า ในฐานะผู้ฝึกตน ซูอี้รู้ดีว่าท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงคนผ่านทาง เมื่อจบเรื่องนี้ลง อีกไม่นานเขาก็ต้องหวนคืนสู่มหาแดนดินอีกครั้ง
ขณะครุ่นคิด ซูอี้ก็ได้ทะยานร่างสู่มหาทวีปคังชิงแล้ว
“หือ?”
ขณะที่เขาเข้าใกล้มหาทวีปคังชิง ซูอี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และค้นพบสิ่งใหม่
แม้ว่าโลกกว้างแห่งนี้จะปกคลุมด้วยพลังกฎสวรรค์โกลาหล ทว่ามันกลับเต็มไปด้วยรอยร้าว!
มันดูราวกับรอยร้าวเล็กจ้อยบนเปลือกไข่ ที่เพียงแค่มองก็น่าตกใจแล้ว
“ดูเหมือนว่า แม้พลังของการจองจำแห่งยุคมืดที่ปกคลุมเหนือมหาทวีปคังชิงจะเสื่อมสลายไปแล้วและนำมาซึ่งแสงสว่างแห่งโลกกว้าง แต่ด้วยกาลเวลาผันผ่าน มหาทวีปคังชิงย่อมเบ่งบานรุ่งโรจน์ยิ่ง ก่อนจะพังทลายเสื่อมทรามลงถึงจุดต่ำสุด…”
ซูอี้ลอบกล่าว
เมื่อครั้งที่เขาได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงมา เขาก็คาดการณ์เอาไว้มากมาย
ยามนี้ เมื่อได้มองลงมายังมหาทวีปคังชิงจากบนจักรวาลพร่างดาว และเห็นว่าโลกนี้มีรอยร้าวมากมาย มันก็ได้ยืนยันการสันนิษฐานของเขาไปอีกขั้น
“ยามนั้น ข้ารับปากอาคังไว้ว่าจะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิง หากเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงสามารถแปรเปลี่ยนเป็นที่มาแห่งโลกได้โดยแท้ ข้าก็จะช่วยมหาทวีปคังชิงให้แปลงสภาพกฎสวรรค์ขึ้นใหม่ เพื่อหยุดไม่ให้มันกลายเป็นโลกอันเสื่อมสลายได้”
ซูอี้ครุ่นคิด นับแต่ยามที่เขายังอยู่ในมหาทวีปคังชิง เขาก็ได้รู้แล้วว่าที่แห่งนี้มีอีกนามว่าภูมิคังชิง และในสายตาหอเก้าสวรรค์ มหาทวีปคังชิงก็คือเวิ้งเก้าดารา!
มหาทวีปคังชิงและเวิ้งดาราอีกแปดแห่งตั้งอยู่ส่วนในของจักรวาลพร่างดาวล้อมเก้ามหาแดนดิน
ขณะเดียวกัน แต่ละเวิ้งดาราต่างรายล้อมด้วยภูมิดาราน้อยใหญ่ แต่งแต้มพร่างพราวราวดวงดาว
หากเก้ามหาแดนดินเป็นดั่งดวงตะวันบนฟากฟ้า เช่นนั้น เก้าเวิ้งดาราก็คือดวงดาว
และเหนือเก้าเวิ้งดาราขึ้นไป ก็คือส่วนลึกแห่งจักรวาลพร่างดาวที่แท้จริง!
ขณะครุ่นคิด ร่างของซูอี้ก็เปลี่ยนเป็นสายรุ้งพุ่งข้ามนภาสู่มหาทวีปคังชิง
ตู้ม!
ปราณโกลาหลทั่วนภามหาทวีปคำรามลั่น
พายุอันเกิดจากเศษซากดาราในอากาศกระหน่ำโจมตีซูอี้ไม่หยุดยั้งและรุนแรง จนสามารถฉีกกระชากร่างของผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย
กระทั่งขอบเขตตัวตนจักรพรรดิก็ยังไม่อาจอยู่ได้นาน
“เปิด”
ซูอี้สงบเงียบต่อหน้าอันตราย แสงทองเจิดจ้าปกคลุมรอบร่าง และยังทะยานต่อแม้จะถูกเศษซากดาราฟาดใส่
ทันใดนั้น อำนาจโกลาหลจากสารพัดกฎเกณฑ์ก็สะกดยั้งเข้ามา ปราณทำลายล้างสูงพอจะทำลายตัวตนจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย!
ม่านตาของซูอี้หดตัว แล้วพลันหลบหายไปไกล
จุดที่เขาเคยอยู่จมหายลงไปในอำนาจโกลาหลรุนแรง
เมื่อเห็นดังนั้น เหงื่อกาฬพลันไหลย้อยลงมาจากร่างของซูอี้
นี่คือการโจมตีของกฎสวรรค์ในมหาทวีปคังชิง เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ผู้มีอำนาจในขอบเขตจักรพรรดิมาเยือน
ดวงตาของซูอี้วูบไหว “ดูเหมือนว่า แม้มหาทวีปคังชิงจะก่อเกิดแสงสว่างแห่งโลกกว้าง แต่ก็ยังไม่อาจรับพลังของจักรพรรดิไหว หาไม่ พลังกฎสวรรค์นี้คงไม่บ้าคลั่งได้เพียงนี้…”
ขณะครุ่นคิด เขาก็ใช้เคล็ดวิชาสะกดพลังของเขาไว้ในขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบ จากนั้นก็ทะยานร่างต่อ
จริงตามคาด พลังกฎเกณฑ์อันดุดันไม่ได้กั้นขวางเขาไว้อีก และปล่อยให้ชายหนุ่มผ่านไปได้
เพียงพริบตา
ซูอี้ก็มาถึงท้องฟ้าเหนือมหาทวีปคังชิง เมื่อมองลงมาแล้ว โลกหล้าดูเหมือนกระดาน และทั่วทิศดูเช่นหมากรุก
“ในที่สุดข้าก็กลับมา”
ร่างของเขาร่อนลงที่พื้น
…
“ฆ่า!”
ที่พื้นมีเสียงการรบพุ่งดุเดือด
ผู้ฝึกตนสองกลุ่มโรมรันเข่นฆ่า สารพัดวิชาและสมบัติวิเศษพุ่งทะยานบ้าคลั่ง
ตู้ม!
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงสนั่นลั่นฟ้า รุ้งทองเจิดจ้าพุ่งทะยานผ่านนภาพร้อมเสียงคำราม
คนทั้งสองฝ่ายที่กำลังรบพุ่งต่างหยุดการกระทำแล้วหลบลี้ไปไกล
“นั่นมัน… บ้าอันใดกัน?”
“หรือจะเป็นยอดฝีมือในขอบเขตวงล้อวิญญาณ?”
“ระวังด้วย!”
ในขณะที่คนทั้งสองฝ่ายตกใจลนลาน สายรุ้งสีทองก็ชะงักกลางอากาศ และท่ามกลางแสงสว่างอันคำรามก้อง ร่างสูงร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
อาภรณ์เขียวดุจหยก เด่นล้ำเหนือผู้ใด
แรงกดดันอันไม่อาจมองเห็น ไม่อาจบรรยายปกคลุมทั่วบริเวณ
ผู้ฝึกตนทั้งสองกลุ่มที่เคยต่อสู้ดุเดือดเมื่อครู่ต่างร่างสั่นสะท้าน วิญญาณตื่นตระหนก สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
บรรยากาศมืดหม่นหดหู่
“ขออภัย ข้าทำให้ตกใจเสียแล้ว”
ซูอี้ถูจมูกพลางหัวเราะให้ตนเอง
ก่อนหน้านี้เขาสะกดพลังของตนเอง แต่ไม่คาดเลยว่าหลังมาถึงมหาทวีปคังชิงจริง ๆ เขาจะยังไม่คุ้นชินกับพลังในขอบเขตวงล้อวิญญาณเท่าไร จึงไม่อาจควบคุมพลังและปราณของตนได้
นี่คือผลของกฎแห่งโลกหล้า
แต่ละโลกภูมิล้วนมีกฎสวรรค์และพลังแตกต่าง ผู้ฝึกตนจากต่างโลกเองก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้กับระดับการฝึกฝนใหม่
เมื่อได้ยินวาจาของซูอี้ เหล่าผู้ฝึกตนรอบข้างยิ่งเงียบและระวังตัว
ซูอี้อธิบายอย่างอดทน “ข้าแค่บังเอิญผ่านมา และอยากถามว่าที่ที่พวกเจ้าอยู่นี้คือที่ใดในมหาทวีปคังชิงหรือ”
ทุกผู้ต่างมองหน้ากัน ทว่ากลับไร้ผู้ใดเอ่ยตอบ ตัวตนที่มีการฝึกฝนร้ายกาจเช่นนี้หลงทางได้ด้วยหรือไร?
ข้ออ้างนี้… ดูถูกความฉลาดมนุษย์มากเกินไป!
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่เชื่อ ซูอี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขามองไปยังชายชราผมขาวผู้หนึ่งทันที และเอ่ยว่า “บอกข้าที”
ชายชราผมขาวตะลึงอึ้ง และกล่าวอย่างขมขื่นทันที “ผู้อาวุโส พรรคฝังโอสถของเรายอมแพ้แล้วขอรับ! ขอผู้อาวุโสโปรดอย่าลงมือ ไว้ชีวิตพวกเราด้วย…”
สีหน้าของทุกคนเบื้องหลังเขาต่างซีดเซียวเช่นกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาคิดว่าซูอี้เป็นกำลังเสริมจากศัตรูฝั่งตรงข้าม
ซูอี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ข้าแค่ถามทางจริง ๆ นะ”
“เอ่อ ผู้อาวุโสพูดจริงหรือขอรับ?”
ชายชราผมขาวถามด้วยความไม่เชื่อ
ซูอี้พยักหน้า
ชายชราผมขาวกัดฟันตอบ “รายงานผู้อาวุโส ที่แห่งนี้คือชายแดนระหว่างต้าเว่ยและต้าโจว สามร้อยลี้ทางบูรพาคือต้าโจว และทางประจิมคือต้าเว่ยขอรับ”
“ที่แท้ก็ใกล้ต้าโจว… บังเอิญแท้…”
ดวงตาของซูอี้เหม่อลอย
ครู่ต่อมา เขาก็โบกมือกล่าว “เอาล่ะ พวกเจ้าลงมือต่อเถอะ”
กล่าวจบ ร่างของเขาก็ทะยานหายไป
เพียงไม่กี่พริบตา ร่างของเขาก็หายลับนภากว้าง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างตะลึงงัน
“ผู้อาวุโสผู้นั้นดูจะแค่ผ่านทางมา… และดูเหมือนเขาจะหลงทางจริง ๆ นะ…”
สตรีชุดแดงผู้หนึ่งเอ่ยถาม
ทุกคนเงียบกริบลงทุกขณะ สีหน้ามืดหม่นยากเข้าใจ
คนผ่านทาง?
ถามทิศทาง?
ไฉนจึงได้น่ากลัวถึงเพียงนี้เล่า!!!
ไม่นานนัก สองกลุ่มผู้ฝึกตนที่ห้ำหั่นเอาชีวิตกันเมื่อครู่ก็ดูจะเสียจิตฆ่าฟันไปเสียเกลี้ยง และต่างฝ่ายต่างถอยทัพ
และวันเดียวกันนั้น ซูอี้ก็กลับจากภูมิมืดมิดสู่ต้าโจว!
……….