บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1018: ก่อเกิดเป็นผีเสื้อ
ตอนที่ 1018: ก่อเกิดเป็นผีเสื้อ
……….
ตอนที่ 1018: ก่อเกิดเป็นผีเสื้อ
ขณะเดียวกัน ซูอี้ก็ค้นพบเรื่องใหม่
แม้ว่าหนอนไหมสีทองจะหยุดปราณดาบที่สองของเขาได้ แต่แสงบนร่างของมันก็ริบหรี่ลงทุกที แผลเฉี่ยว ๆ บนร่างของมันเผยเค้าลางการปริแตก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันบาดเจ็บหนักขึ้นทุกที
“หยุด… ที่นี่ได้หรือไม่? ข้า… ยอมแพ้แล้ว!”
เสียงเย็นชาดุจน้ำแข็งของหนอนไหมสีทองอ่อนแรงยิ่ง เจือด้วยความขมขื่นหดหู่อย่างลึกล้ำ
ดูเหมือนมันจะก้มหัวยอมแพ้แก่ซูอี้ ซึ่งเป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวงสำหรับมัน
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู ไม่ฉวยโอกาสนี้นำหนอนไหมสีทองนี่ไปใช้ประโยชน์เองหรือ?”
ผีเฒ่าแบกโลงหวั่นไหวเล็กน้อย
ในความเห็นของเขา หนอนไหมสีทองตัวนี้ลึกลับไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หากเขาสามารถใช้มันได้ ผลดีที่ตามมาจะอเนกอนันต์!
“สิ่งที่อันตรายเกินไปมักกลายเป็นหอกข้างแคร่ยามอยู่ข้างกายนะ”
ซูอี้เมินเฉยและโจมตีอีกครั้ง
ตู้ม!
ปราณดาบกู่คำราม อำนาจฆ่าฟันโหมคลั่ง
ครานี้ ขณะที่ซูอี้ใช้เคล็ดเวียนวัฏสงสาร เขายังเจือปราณจากดาบเก้าคุมขังเข้าไปด้วย
เขาไม่เชื่อว่ามันจะฆ่าหนอนไหมสีทองมิได้
“บ้าเอ๊ย!!”
ยามนี้ หนอนไหมสีทองเดือดดาลขึ้นมาแล้ว แม้ว่ามันจะยอมก้มหัวรับความพ่ายแพ้แล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้าหนูน้อยในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นจะไร้ปรานีเสียจนคิดสังหารมันอยู่ดี!
ทว่ามันไม่อาจขัดขืนได้อีกต่อไปแล้ว และทำได้เพียงมองดาบนั้นฟันเข้ามา
ยามนั้นเอง ลึกเข้าไปในดวงตาลึกล้ำใสกระจ่างราวน้ำพุของมันปรากฏแววตาประหลาด และกระซิบว่า “ข้าบอกแล้ว ว่าข้าไม่ตายหรอก…”
ปราณดาบระเบิดออก ภาวะดาบพลุ่งพล่าน
ภายใต้สายตาของซูอี้และผีเฒ่าแบกโลง ร่างที่ขดเป็นวงของหนอนไหมสีทองสั่นสะท้านรุนแรง จากนั้นแผลริ้วฝอยบนร่างของมันก็ปริระเบิดเปรี้ยงออกมา
ม่านหมอกมงคลสีทองพราวระยับทั่วผืนฟ้า
ทันใดนั้น ภาพอันน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นตรงหน้าซูอี้และผีเฒ่าแบกโลง
ท่ามกลางแสงสีทองที่เปล่งออกมาจากร่างหนอนไหมสีทอง ปรากฏผีเสื้อตัวหนึ่งสยายปีกออกเบา ๆ ร่างผอมสูงและคู่ปีกงดงามอาบไล้ละอองแสงทองราวกับเวียนวัฏก่อเกิด
“ผีเสื้อออกจากรังไหม?”
ผีเฒ่าแบกโลงตะลึงไม่อยากเชื่อ
ซูอี้เองก็ขมวดคิ้ว
หนอนไหมนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตอันน่าอัศจรรย์จริงแท้ ยามเมื่อพวกมันออกจากรังไหม มันจะแปรร่างกลั่นบริสุทธิ์อย่างสุดขั้ว
ทว่าหนอนไหมสีทองตัวนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่ามันระเบิดร่างตัวเองออก ทว่ากลับแปรเปลี่ยนเป็นผีเสื้อ ไม่ต่างจากการเกิดใหม่เลย!
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของซูอี้และผีเฒ่าแบกโลงโดยสิ้นเชิง และยังทำให้ทั้งคู่ตระหนักว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
แสงทองเหล่านั้นหนาแน่นเจิดจ้า และท้ายที่สุด พวกมันทั้งหมดก็หายลับเข้าไปในร่างของผีเสื้อ
มันมีขนาดราวฝ่ามือ ร่างเพรียวบางเปล่งประกาย คู่ปีกบางเยี่ยงปีกจักจั่น เผยประกายแสงทองงดงามดุจภาพฝันและลวดลายวิถีตามธรรมชาติอันแปลกประหลาด!
จากนั้น ร่างของมันพลันแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นกระเพื่อมสีทองสร้างเป็นร่างอรชรร่างหนึ่งกลางอากาศ
“ขอบคุณสหายเต๋าที่ช่วยข้าปลดพันธนาการสร้างร่างจริงขึ้นใหม่!”
เสียงลำพองเสียงหนึ่งดังขึ้น
บนอากาศ ร่างอรชรก่อเกิดขึ้นเป็นหญิงงามผู้หนึ่งในชุดสีสันสะท้อนแสง
เรือนผมนุ่มยาวสลวยทิ้งตัวลงถึงเอวบางฉายประกายเจือแสงทอง ร่างอ้อนแอ้นเพรียวบางสง่างามดูสูงส่งศักดิ์สิทธิ์
สิ่งที่โดดเด่นคือตราวงกลมสีทองที่อยู่บริเวณหว่างคิ้วของนางซึ่งดูราวสัญลักษณ์ปริศนา ‘หนอนไหมสีทองกลืนหางตัวเอง’
กล่าวได้ว่าความงามของหญิงสาวผู้นี้ชวนลืมหายใจ เอวบางลำคอระหง ไหล่ตรงดุจมีด ร่างอรชรสง่างาม
หลังจากผีเฒ่าแบกโลงส่ายหัวเล็กน้อย เขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เข้าใจล่ะ ก่อนหน้านี้นางมารนี่หลอกใช้เรา!!”
ซูอี้ถูหว่างคิ้วพึมพำ “ว่าแล้วเชียว ยิ่งสตรีงามเพียงไร นางยิ่งเจ้าเล่ห์”
เขาไม่อาจยอมรับได้ว่าตนถูกหลอกใช้!
หนอนไหมสีทองดูร่อแร่ใกล้ตาย ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ มันจงใจใช้พลังของซูอี้เพื่อช่วยให้ตนเองสลายร่างเก่าแปรเปลี่ยนเป็นผีเสื้อต่างหาก!
ไกลออกไป ดวงตาดุจภาพวาดของหญิงสาวพราวระยับ เอื้อนเอ่ยวจีอันไพเราะ “กล่าวเช่นนั้นไม่ได้นะ พวกเจ้าต่างหากที่หมายมาดจะฆ่าข้า และพอดีว่าข้าต้องการแรงช่วยกะเทาะร่างเก่าข้าพอดี”
นางไม่ได้ซุกซ่อนความภาคภูมิและการเย้าหยอกแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทำให้ผีเฒ่าแบกโลงกัดฟันกรอดด้วยโทสะ
ไม่ว่าเขาหรือซูอี้ล้วนแต่ผ่านหายนะฝ่ามรสุมในโลกหล้ามาแสนนาน ทว่าใครเล่าจะคิดว่าพวกเขาในยามนี้มาถูกหนอนไหมสีทองหลอกใช้!
เป็นความอับอายโดยไร้กังขา
ซูอี้ถามอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ได้มาจากที่เดียวกับชิงเซียวเมื่อครู่หรือ?”
เมื่อพูดถึงชิงเซียว จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นในแววตากระจ่างของหญิงสาวอย่างบางเบา
ทันใดนั้น นางก็กล่าวพร้อมกับยิ้ม “ถามเรื่องพวกนี้ไปเพื่อการใด ก่อนหน้านี้เจ้าไม่คิดสนใจและหมายฆ่าข้านี่ ไฉนจึงไม่ทำเสียยามนี้เล่า?”
ริมฝีปากสีชมพูของนางยกยิ้มยั่วยุ แววตาหยอกเย้าพราวระยับราวแมวที่จ้องหยอกล้อหนู
ผีเฒ่าแบกโลงกระแอมแห้ง ๆ และกล่าวว่า “แม่นาง ไม่ว่าเราจะเจตนาดีหรือร้าย เราก็ช่วยเจ้าแปรเปลี่ยนชีวิตมาได้ ในความคิดข้า คงดีกว่าหากเราจะเปลี่ยนร้ายเป็นดีไปได้นะ”
หญิงสาวยิ้มเย้ย “กลัวหรือ? อืม ข้าในยามนี้กำลังอารมณ์ดีและไม่มีสิ่งใดทำ ดังนั้นข้าจะคุยกับพวกเจ้าแล้วกัน”
ซูอี้ยิ้มเยาะ “แต่ข้าไม่อยากคุยนี่สิ”
หญิงสาวตกใจ คิ้วโก่งดุจกิ่งหลิวของนางขมวดเข้าหากัน “เจ้าหมายความเช่นไร?”
ตู้ม!
ซูอี้ฟาดฟันออกไปโดยไร้ลังเล
ร่างของหญิงสาววูบไหวหายไปในอากาศธาตุ ทำให้ปราณดาบนั้นพลาดเป้า
เค้าความเย้าหยอกปรากฏบนใบหน้าจิ้มลิ้ม สง่างามและเย่อหยิ่งนั้น “รีบจัง? ไฉนจึงโกรธนักเล่า? โกรธที่ถูกข้าหลอกหรือ? ใจร้อนแบบนี้เด็กน้อยจังเลยนะ”
ซูอี้กระโดดขึ้นโจมตีใส่หญิงสาวโดยไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว
หญิงสาวหัวเราะร่า แววตาหยอกเย้า ทว่านางไม่ได้ขัดขืน ร่างของนางวูบไหว และแต่ละครั้งล้วนหลบการโจมตีของซูอี้ล่วงหน้าหนึ่งก้าว วูบไหวหลบหลีกราวนางเซียน
“เจ้าหนู เปล่าประโยชน์น่า การฝึกฝนของเจ้าอยู่เพียงขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้น ดังนั้นทำอันใดพี่สาวผู้นี้ไม่ได้หรอกนะ”
อาภรณ์สีสะท้อนแสงที่หญิงสาวสวมใส่พลิ้วไสว ที่ใดที่นางเคลื่อนผ่านล้วนทิ้งร่องรอยกลิ่นหอมเย็นสดชื่นราวนางเซียนผู้พลิ้วไหวไร้ร่องรอย
สิ่งนี้ทำให้ผีเฒ่าแบกโลงเป็นกังวล
หญิงสาวผู้แปรร่างจากหนอนไหมสีทองนี้ร้ายกาจยิ่ง นางเคลื่อนไหวบนต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิโดยไม่ได้รับผลกระทบจากพลังโกลาหลแต่อย่างใด!
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู เจ้าถอยมาก่อนไม่ดีหรือ หญิงผู้นี้อันตรายและเจ้าเล่ห์เกินไป อย่าบุ่มบ่ามเลยนะ”
ผีเฒ่าแบกโลงส่งกระแสปราณให้ซูอี้
“บุ่มบ่ามหรือ? ผิดแล้ว ข้าแค่มองหาโอกาสอยู่เท่านั้น ที่ยิ่งกว่านั้น เจ้าไม่เห็นหรือไรว่านางมารผู้นี้เอาแต่หลบตลอดเลย?”
ซูอี้กล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น “หากนางอยากเล่นกับข้าจริง ๆ นางไม่ต้องหลบสะเปะสะปะไปหมดก็ได้นะ”
ผีเฒ่าแบกโลงหรี่ตาลง ดูจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“เจ้าหนู หากเจ้ายังไม่รู้จักลดราวาศอกเช่นนี้ อย่าหาว่าพี่สาวผู้นี้โหดร้ายเลยนะ”
วาจาของหญิงสาวแผ่วเบา ดวงตาดุจสายธาร ทว่าน้ำเสียงเจือความเย็นชา
“จริงหรือ งั้นแสดงให้ข้าเห็นสิ”
ซูอี้กล่าวอย่างสุขุม
เขากล่าวพลางกวัดแกว่งดาบไล่ตาม ไม่ได้ลดละแม้แต่น้อย
หญิงสาวขมวดคิ้ว และกำลังจะกล่าวบางอย่าง
ทว่ายามนั้นเอง ซูอี้พลันใช้เคล็ดเวียนวัฏสงสารเคลื่อนบันทึกยมโลกในมือซ้ายของเขา
ตู้ม!
บันทึกยมโลกทอประกาย และชุดลวดลายลี้ลับโกลาหลก็ปรากฏขึ้นที่พื้นผิวดุจหน้ากระดาษนั้น
ทันใดนั้น ต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิก็สั่นสะท้านรุนแรง ก่อเกิดเป็นเสียงคำรามลั่น และที่มาแห่งภูมิมืดมิดซึ่งแต่เดิมเงียบงันพลันเดือดพล่านคลุ้มคลั่งขึ้นมา
ใบหน้างามของหญิงสาวชะงัก ร่างของนางแข็งค้าง และกรีดร้องลั่น
นางกำลังจะหลบอยู่แล้ว
ตู้ม!
ทว่าอำนาจโกลาหลก็ประดังราวคลื่นยักษ์ถล่มปฐพีเคลื่อนจากทุกสารทิศ
“จงตื่น!”
ตราสีทองที่หว่างคิ้วของหญิงสาวพลันเรือนแสงราวแผดเผา ปล่อยวงแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองออกมาปกคลุมร่างนาง
วงแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองนั้นหมุนวน สร้างสัญลักษณ์แทนอนันตกาลสมบูรณ์แบบไร้จุดเริ่มจุดจบ ฝืนต้านคลื่นพลังอันประดังประเดเข้ามา
ตู้ม!
วงแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองสะท้านสั่นรุนแรง ทำให้ร่างอรชรของหญิงสาวสะท้านตาม
คิ้วโก่งดุจจันทร์เสี้ยวของนางกระตุก ดวงตาพร่างดาวเบิกกว้างด้วยโทสะ “เจ้าช่างน่ารังเกียจนัก เจ้าหนู! ไม่อาจทำร้ายพี่สาวผู้นี้ได้ ก็ใช้พลังโกลาหลเข้าช่วย น่ารังเกียจจริง ๆ!”
นางเดือดดาลอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากกลับสู่ความผ่อนคลายสบายใจเช่นกาลก่อน นางก็เริ่มใช้วาจาล้อเลียนวิจารณ์ซูอี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผีเฒ่าแบกโลงก็อดฉีกยิ้มมิได้ “นี่เรียกว่าอำนาจแห่งฟ้าดิน หากรับไม่ได้ เจ้ากล้าจำกัดการฝึกฝนตนเองแล้วต่อสู้กับน้องซูของข้าในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำไหมเล่า? นี่ยุติธรรมสุดแล้วมิใช่หรือ?”
เขากล่าวขณะที่คลื่นคลั่งของพลังโกลาหลกดดันเข้าใกล้หญิงสาว ปิดกั้นทุกทิศไร้ทางหนี ไม่อาจหลบเลี่ยงได้เช่นก่อน
และด้วยพลังที่ประดังเข้ามา วงแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองรอบกายของนางก็กระเพื่อมอย่างรุนแรง แรงกระแทกมหาศาลทำให้ร่างของนางซวนเซ ดูหมดสภาพเล็กน้อย
ใบหน้างามดุจภาพวาดของนางซีดขาวด้วยโทสะคุกรุ่น
“ว่าแล้วเชียว แม้ว่าเจ้าจะแปลงร่างเหมือนผีเสื้อ แต่อาการบาดเจ็บที่เจ้าได้รับก่อนหน้านี้ก็ร้ายแรงเสียจนวิถีเต๋าของเจ้าไม่อาจฟื้นฟูได้ และทุกการกระทำเมื่อครู่เป็นเพียงการกล่าวข่มเท่านั้น”
ซูอี้หัวเราะ “หากไม่ใช่เช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องหลบสะเปะสะปะเลย แต่โจมตีสยบข้าก็พอแล้ว”
“ฮึ!”
หญิงสาวแค่นเสียงอย่างเย็นชา ดวงตาลึกล้ำดุจตาน้ำพุเปี่ยมโทสะ
ตู้ม!
อำนาจโกลาหลกดดัน และในที่สุดวงแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองรอบร่างของหญิงสาวก็ถูกสยบแตกสลาย
ใบหน้าของหญิงสาวซีดขาวด้วยความตกใจ หัวใจลงไปถึงตาตุ่ม มันจบแล้ว!
ทว่ายามนี้เอง อำนาจโกลาหลจากทั่วสารทิศพลันหยุดชะงักแล้วถอยร่นไปดุจกระแสน้ำ
ดวงตาของหญิงสาวเหม่อค้างราวไม่อยากเชื่อ
ครู่ต่อมา นางก็หันไปมองชายหนุ่มชุดเขียวซึ่งอยู่ห่างออกไป ดูจะยังรับความจริงไม่ได้ “ไฉน… จึงไม่ลงมือ?”
“เจ้าไม่คิดว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมกับการสนทนาหรือ?”
ซูอี้ซึ่งอยู่ไกลออกไปกล่าวอย่างสุขุม
เขากล่าวพลางวางผีเฒ่าแบกโลงลง จากนั้นก็เก็บดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ไป
ชายหนุ่มหยิบไหสุราขึ้นมาด้วยหนึ่งมือ อีกมือถือบันทึกยมโลก ยืนท่ามกลางหมอกโกลาหล ร่างสูงของเขาเปี่ยมความสูงส่งเกินใคร
……….