บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 1016: การโจมตีข้ามโลกภูมิ
ตอนที่ 1016: การโจมตีข้ามโลกภูมิ
……….
ตอนที่ 1016: การโจมตีข้ามโลกภูมิ
ผีเฒ่าแบกโลงจำคำเตือนของซูอี้ได้ เขาจึงไม่กล้าใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ ทำได้เพียงมองด้วยตาเท่านั้น
น่าเสียดายที่พวกเขาอยู่ไกลเกินกว่าจะได้เห็นรูปร่างของหนอนไหมสีทองตัวนั้นได้ชัด
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู ยามเจ้ามาคราก่อน ได้เห็นหนอนไหมสีทองเช่นนี้บ้างหรือไม่?”
ผีเฒ่าแบกโลงเอ่ยถาม
ซูอี้ส่ายหน้า “ข้าถูกขังที่นี่มาร้อยปีจนนับใบไม้บนพฤกษานี้เล่น ข้ายังจำได้ดีว่ามีทั้งหมด 10,836 ใบ”
“…”
ต้องเบื่อต้องเหงาเพียงไหนถึงมานับใบไม้เล่น?
“หากเจ้าว่าเช่นนั้น หนอนไหมสีทองนี่ต้องเพิ่งปรากฏเร็ว ๆ นี้แน่แท้”
ผีเฒ่าแบกโลงกล่าวสรุป
ซูอี้เวียนวัฏสงสารเมื่อห้าร้อยปีก่อน
ทว่าห้าร้อยปีที่ผ่านมา ซูอี้ติดอยู่ในเส้นทางเวียนวัฏ และไม่เคยได้เห็นหนอนไหมสีทองตัวนี้จนถึงคราเวียนวัฏเลย
สิ่งนี้สามารถตัดสินได้ว่าหนอนไหมสีทองปรากฏขึ้นหลังการเกิดใหม่ของซูอี้
“กล่าวโดยสรุปก็คือ หนอนไหมสีทองตัวนี้โผล่มาในช่วงสิบแปดนี้”
ซูอี้กล่าว
เขาเวียนวัฏมาได้จนอายุเกือบสิบเก้าปีแล้ว จากการคำนวณนี้ก็พอคาดเดาคำตอบได้
“แปลกจัง นี่คือที่มาแห่งภูมิมืดมิดนะ ไฉนจึงมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้โผล่มาได้”
ผีเฒ่าแบกโลงงุนงงมากขึ้นทุกที “อีกอย่าง มันยังกินใบของต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิอีกด้วย เหลือเชื่อแท้”
“ไหนดูซิ”
ซูอี้เองก็ถูกกระตุ้นต่อมสงสัย เขาสูดหายใจลึก ๆ และตรวจสอบรอบข้างด้วยจิตสัมผัส
เขาพร้อมตัดจิตสัมผัสได้ทุกเมื่อหลังถูกพลัง ‘เวียนวัฏสงสาร’ ของต้นวัฏสงสารหมื่นภูมินี้จับได้
เขาไม่อยากเวียนวัฏสงสารอีกครั้ง
ขวับ!
ซูอี้ใช้เคล็ดเวียนวัฏสงสารกระตุ้นจิตสัมผัส เคลื่อนมันไปทางต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิซึ่งอยู่ห่างออกไปอย่างระมัดระวัง
ทว่าก่อนที่จิตสัมผัสของเขาจะทันได้เข้าใกล้หนอนไหมสีทอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
ตู้ม!!!
ใบไม้ซึ่งหนอนไหมสีทองกำลังกัดกินพลันเปล่งแสง และจากภาพร่างแห่งโลกภูมิที่ปรากฏบนใบไม้ใบนั้น ได้เกิดศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินระเบิดออกมา
พริบตานั้น จิตสังหารของซูอี้ก็ถูกป่นสลาย
และศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินนั้นก็ทะยานแหวกนภาเข้าใส่ซูอี้โดยไม่ผ่อนแรง
ศรนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง เจิดจ้าเยี่ยงสายรุ้ง ทรงพลังเยี่ยงอสนีบาต ปลายลูกศรสลักลวดลายสีเงินประหลาดตา เผยอำนาจร้ายกาจอันไม่อาจอธิบายออกมา
ตู้ม!
ปราณที่รายล้อมต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิสั่นกระเพื่อม และอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ก็กระหวัดเกี่ยวผุดพราย อำนาจเยี่ยงนี้สามารถกำจัดตัวตนเยี่ยงผีเฒ่าแบกโลงได้โดยง่าย
และศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินนี้ก็ถูกสกัดขวาง
สิ่งที่น่าแปลกใจคือศรนี้แหลมคมเหลือเชื่อ มันฝืนทะลวงผ่านปราณโกลาหล สาดประกายแสงสีเงินเข้าโจมตีใส่ซูอี้
น่ากลัวเกินไป!
ผีเฒ่าแบกโลงไม่แม้แต่จะยั้งคิด เขายืนขวางตรงหน้าซูอี้และลงมือโจมตีสุดกำลัง
“เฮอะ!”
สองมือของเขาฟาดออกไปอย่างรุนแรง
ตู้ม!!!
ตราประทับหัตถ์และศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินพุ่งเข้าปะทะกัน ก่อนที่ทั้งสองจะระเบิดออก
ผีเฒ่าแบกโลงมิอาจหลบทัน อกข้างหนึ่งของเขาถูกศรเงินฟาดทะลวง โลหิตกระฉูดพุ่ง
ทว่าเป็นเพราะการยื้อต้านของผีเฒ่าแบกโลงจึงสามารถสลายพลังของศรเงินไปจนสิ้น ปลายศรจึงกระเด็นหลุดจากอกชุ่มเลือดของผีเฒ่าแบกโลง
ผีเฒ่าแบกโลงตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาซีดขาว หอบหายใจหนัก ก่อนจะกล่าวด้วยความหวั่นเกรง “แม่ย่าเอ็งเอ๊ย ผู้ใดกันทำเช่นนี้!?”
ใบหน้าของซูอี้ถมึงทึง ในแววตาลึกล้ำคู่นั้นเจือโทสะจาง ๆ
การโจมตีนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนเขาไม่ทันตั้งตัว
เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้รู้ว่าเขาและผีเฒ่าแบกโลงปรากฏตัวแล้ว และเมื่อสังเกตได้ว่าจิตสัมผัสของเขาเข้าใกล้หนอนไหมสีทอง เขาก็โจมตีเข้ามาโดยไม่ลังเล!
ดูท่า อีกฝ่ายคงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย หาไม่คงมิอาจลงมือโดยไร้วาจาเช่นนี้ได้!
“บาดแผลเป็นเช่นไรบ้าง?”
ซูอี้ถาม
“ไม่ถึงตายหรอก”
ผีเฒ่าแบกโลงหอบน้อย ๆ ฝืนกลั้นความเจ็บปวด “แต่พลังของศรนี้พิสดารร้ายกาจอย่างยิ่ง มันกัดกร่อนทำลายพลังชีวิตข้า ยากจะต่อต้านได้ในระยะเวลาสั้น ๆ”
ซูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย “ทนก่อนนะ ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นตัวทีหลัง”
เขาสังเกตเห็นเมื่อครู่นี้ว่ายามศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินถูกยิงออกมา พลังส่วนใหญ่ของมันถูกระงับไว้โดยที่มาแห่งภูมิมืดมิด หาไม่แล้ว จะไม่อาจคาดคิดถึงชะตาของผีเฒ่าแบกโลงได้เลย!
ยามนี้ เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างเสียดาย
“เสียดายจริงที่ไม่ได้ฆ่าไอ้หนูนั่น ข้าเสีย ‘ศรดับสวรรค์’ ไปเปล่า ๆ เสียแล้ว”
ซูอี้พลันเงยหน้าขึ้น และพบว่าบนใบไม้ที่มีหนอนไหมสีทองอยู่ เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากภาพนิมิตโลกภูมิ
ร่างนั้นมีเส้นผมสีขาวดุจหิมะ ร่างผอมบางสวมใส่เกราะสีคราม เขาดูเหมือนเป็นชายหนุ่มผู้มีสีหน้าเย็นชาไม่ยี่หระ ยามดวงตากะพริบปพลันปรากฏเพลิงสีเงินพลุ่งพล่านแผดเผา
ในมือของเขาถือคันธนูยาว แล่งศรสีดำห้อยอยู่ที่เอว
เขายืนเฉย ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกถึงอำนาจเย็นเยียบไร้จำกัด
ภาพนี้ดูน่าอัศจรรย์
ชายผมขาวท่าทางดุจเทพผู้หนึ่งปรากฏขึ้นจากใบของต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิ เพียงยืนเฉย ๆ กลับให้ความรู้สึกไกลเกินเอื้อม
ราวถูกกั้นขวางด้วยอสงไขยไร้จุดจบ
“คนผู้นี้อันตรายมาก ระวังตัวด้วย”
ผีเฒ่าแบกโลงส่งกระแสเสียงปราณย้ำเตือน
ควรค่าจดจำว่าที่นี่คือที่มาแห่งภูมิมืดมิด!
ทว่าร่างของอีกฝ่ายกลับสะท้อนออกมาจาก ‘นิมิตโลกภูมิ’ บนใบไม้ใบนั้น และยังสามารถยิงศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินเข้าใส่ที่มาแห่งภูมิมืดมิดได้ ดูไม่ต่างจากเป็นเทพเซียน
“ข้าย่อมต้องระวังตัว แต่จะไม่ทำเพียงบีบจมูกอดทนแน่”
ซูอี้ตอบกลับผ่านกระแสปราณ แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู เจ้าอย่าหุนหันนะ ระวังอย่าถูกบังคับเวียนวัฏสงสารเสียเล่า!”
ผีเฒ่าแบกโลงตะลึง
ขณะทั้งสองกำลังสนทนา ชายผมขาวในชุดเกราะสีครามผู้ถือธนูยาวในมือบนต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิก็ดูเหมือนกำลังสนทนากับใครบางคนเช่นกัน ปากของเขาขยับ และพยักหน้าเป็นครั้งคราว
น่าเสียดายที่ร่างของเขาสะท้อนออกมาจาก ‘นิมิตแห่งโลกภูมิ’ บนใบไม้ เหมือนเงาที่ยืนอยู่ในกระจกเงา พวกเขาจึงมองไม่เห็นว่าคนผู้นี้กำลังพูดคุยกับใคร
ทันใดนั้น ชายผมขาวในชุดเกราะสีครามก็หันมา ดวงตาเจิดจ้าดุจตะวันมองทะลุผ่านม่านหมอกโกลาหล จับจ้องมาที่ซูอี้และผีเฒ่าแบกโลง
จากนั้นเขาก็แย้มยิ้มและกล่าวเบา ๆ “ช่างเถอะ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วกัน ขอเพียงตอบคำถามมา ข้าจะปล่อยเจ้าไป หาไม่…”
เขาตบไปที่แล่งศรสีดำที่ข้างเอว “ข้าไม่คิดมากหากจะใช้ศรดับสวรรค์พวกนี้ยิงพวกเจ้าอีก”
วาจาของเขาราบเรียบเย่อหยิ่งราวผู้ปกครองออกโองการ โดยไม่ได้ซุกซ่อนคำข่มขู่สักนิด!
ผีเฒ่าแบกโลงขมวดคิ้ว สีหน้าไม่สู้ดี
สีหน้าของซูอี้เยือกเย็นลง และกล่าวว่า “เจ้าต้องการถามสิ่งใด?”
ชายผมขาวในชุดเกราะสีครามกล่าวด้วยแววตาน่าหวาดกลัว “บอกมาว่าเจ้าเข้ามายัง ‘ต้นกำเนิดแห่งการเวียนวัฏ’ ได้เช่นไร?”
ด้วยหนึ่งวาจานั้น พวกซูอี้ทั้งสองก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายเหมือนไม่ทราบว่าเส้นทางเวียนวัฏนี้นำไปสู่ที่มาแห่งภูมิมืดมิด!
“แน่อยู่แล้ว เดินเข้ามาอย่างไรเล่า”
ผีเฒ่าแบกโลงฉีกยิ้มด้วยความเย้ยเยาะ
สีหน้าของชายผมขาวในชุดเกราะสีครามดำมืดลง “วอนตาย”
เขาหยิบศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินดอกหนึ่งออกจากแล่ง และวางลงบนคันธนูยาว ก่อนจะยิงออกไป
ตู้ม!!
แสงสีเงินเจิดจ้าเฉิดฉายขึ้นมา เสียงวายุกัมปนาทเลือนลั่น
ศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินพุ่งออกมาจาก ‘นิมิตโลกภูมิ’ ราวรุ้งทิพย์อันรวดเร็ว ทะลวงผ่านอำนาจโกลาหลเข้าใส่
ซูอี้คว้าตัวผีเฒ่าแบกโลงหลบไปด้านข้าง
สิ่งที่น่าหวาดหวั่นคือ แม้ซูอี้จะเคลื่อนไหวล่วงหน้า ทว่าเมื่อศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินทะยานออกมา คลื่นอำนาจร้ายกาจก็ระเบิดออกมาเยี่ยงมหาสุริยัน ทำให้ร่างของเขาซวนเซ โลหิตพลุ่งพล่านทั่วกาย
“อำนาจที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากฎเกณฑ์วอนสรรค์และวิเวกดารา!”
ดวงตาของซูอี้วูบไหว
เขาพอจะเข้าใจแล้ว
เหตุที่อำนาจของศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินสามารถเข้ามายังที่มาแห่งภูมิมืดมิดได้นั้นก็เพราะมันปกคลุมด้วยกฎกำเนิดห้วงดาราหนึ่งชั้น!
ทว่าซูอี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงปรากฏตัวจากใน ‘นิมิตโลกภูมิ’ ที่อยู่บนใบต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิได้
วิชานี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงแท้
“การฝึกฝนอยู่เพียงขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ แต่กลับเดินทางผ่านที่มาแห่งการเวียนวัฏโดยไม่เกรงกลัวต่อการข่มปราบของมัน ช่างน่าอัศจรรย์!”
ชายผมขาวในชุดเกราะสีครามดูจะมองทะลุปรุโปร่ง แววตาเฉิดฉายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์แรงกล้า “เจ้าเองก็เห็นว่าความต่างชั้นระหว่างข้ากับเจ้าเป็นเช่นไร หากข้าคิดฆ่าเจ้า ต่อให้เจ้าสามารถเดินทางผ่านที่มาแห่งการเวียนวัฏนี้ได้ ใช้ไม่ถึงสามศรก็ฆ่าเจ้าได้แน่!”
แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนวาจาทันที “ทว่า หากเจ้าตกลงร่วมมือและส่งพลังต้นกำเนิดของเจ้าส่วนหนึ่งให้ข้า ไม่เพียงข้าจะปล่อยเจ้าไปเท่านั้น แต่ยังจะปูนบำเหน็จเจ้าอย่างงามด้วย”
แววตาของซูอี้เฉยเมยหมางเมิน
เขาแบกร่างสาหัสของผีเฒ่าแบกโลงไว้บนหลัง จากนั้นก็เดินเข้าใกล้ต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิเข้าอีกนิด
วูบ!
เคล็ดเวียนวัฏสงสารพลุ่งพล่านรอบกายเขา และไม่ว่าจะผ่านไปยังที่ใด ปราณโกลาหลที่ดูเหมือนม่านหมอกก็แยกทางให้เขาอย่างเงียบ ๆ
“เจ้าหมายความเช่นไร? อยากตายหรือ?”
ชายผมขาวในเกราะสีครามขมวดคิ้วอย่างงุนงงเล็กน้อย
ซูอี้ยังคงเมินเขา
เมื่อร่างเขาเข้าใกล้ต้นวัฏสงสารหมื่นภูมิ เขาก็ลอยตัวขึ้นเข้าใกล้ใบไม้ใบนั้น
“เจ้าคนสมควรตาย กล้าดีเช่นไรเมินคำพูดข้า หยุดนะ! หากเจ้ากล้าเข้ามาใกล้ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ชายผมขาวในเกราะสีครามกล่าวกับซูอี้ เปี่ยมด้วยจิตสังหาร
“บอกข้าสิ จะเกิดอันใดขึ้นหากข้าฆ่าหนอนไหมสีทองนั่น?”
ยามนี้เอง ซูอี้ก็กล่าวอย่างสุขุมด้วยแววตาลึกล้ำ
วาจายังไม่ทันจางหาย ซูอี้ก็ชี้มือดุจดาบ ฟาดฟันปราณดาบสายหนึ่งเข้าใส่หนอนไหมสีทองบนใบไม้ห่างออกไป
ฉัวะ!
ปราณดาบสายนั้นไวเยี่ยงสายฟ้า ทะลวงผ่านอำนาจโกลาหลอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของชายผมขาวในเกราะสีครามแปรเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลงมือโจมตีทันที
ตู้ม!
ศรศักดิ์สิทธิ์สีเงินดอกหนึ่งทะยานออกจากคันศร เผยอำนาจน่ากลัวไร้ขอบเขตเกินคาดเดา
เสียงคำรามก้องสะท้อนแดนดิน แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออก
ตรงข้ามกับความคาดหวังของชายผมขาวในเกราะสีคราม ศรอันแข็งแกร่งของเขาแหลกสลายทีละน้อยยามประมือกับปราณดาบฝ่ายตรงข้าม!!
ชิ้ง!
แม้ว่าท้ายที่สุด ปราณดาบสายนั้นจะสลายไปก็ตามที
ทว่าภาพนี้ทำให้สีหน้าของชายคนนั้นแปรเปลี่ยนโดยสมบูรณ์ ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
……….