บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ! - ตอนที่ 88 การต่อสู้อันโหดร้าย! และ จิตใจของสองสาวล่ะ!
- Home
- บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ!
- ตอนที่ 88 การต่อสู้อันโหดร้าย! และ จิตใจของสองสาวล่ะ!
บนเส้นทางหินที่แสงสลัวๆอยู่เล็กน้อย ได้เกิดการต่อสู้อันวุ่นวายขึ้น…….
กองทัพนักรบที่สวมชุดเกราะซึ่งมีทั้งคนใช้ดาบ ขวาน หอก หลากหลายชนิดกำลังเข้าไปโรมรันฟันแทงกับฝูงมอนสเตอร์
นักรบบางส่วนก็ใช้ท่าโจมตีใส่ ทำให้ศัตรูบาดเจ็บ และมีบางพวกที่กำลังรอให้ปราณตัวเองฟื้นฟู ขณะเดียวก็ใช้อาวุธสู้ไปด้วย
ส่วนด้านหลังก็มีกองทัพนักเวทย์ที่สวมเสื้อคลุมเบาอยู่ แตกต่างจากพวกพ้องด้านหน้า นักเวทย์แทบทุกคนจะถนัดในการโจมตีระยะไกล ตอนนี้พวกเขากำลังชูคทาขึ้นปากพูดพึมพำอะไรบางอย่าง
เมื่อร่ายคาถาเสร็จสิ้น บางคนก็ปล่อยลูกไฟ แทงน้ำแข็ง ไม่ก็คมมีดวายุใส่พวกศัตรู เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของนักรบด้านหน้า
และเมื่อเทียบกับท่าโจมตีของนักรบที่เรียบง่ายแล้ว นักเวทย์นั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ลองนึกภาพกองทัพนักเวทย์ปล่อยเวทมนตร์พร้อมกันสิ เหมือนเช่นภาพตรงหน้าที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยแสงหลากสีสัน
มันดูเหมือนดอกไม้ไฟที่ใช้ในงานเลี้ยงฉลอง มากกว่าเอาไว้ใช้ในการต่อสู้ซะอีก
คำถาม แล้ว….ศัตรูของพวกเขาคืออะไรล่ะ?
แน่นอนว่าเป็น แมงมุมศิลา! ด้วยความสูงที่เทียบเท่าผู้ใหญ่ ฝูงแมงมุมยักษ์ไงล่ะ!
พวกแมงมุมโคตะระใหญ่นี่ไม่ได้สู้แบบมีแบบแผน แต่ใช้สัญชาติญาณแทน พวกมันพึ่งร่างกายอันใหญ่โตของตนพุ่งเข้าไปบดขยี้ศัตรูที่โผล่เข้ามาในสายตาดุจรถถัง และถ้าตัวมันไม่สามารถบดขยี้ศัตรูได้มันก็จะใช้ขาอันเรียวแหลมของตนแกว่งไปรอบๆด้วยความเร็วที่คุณไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
และเมื่อศัตรูของมันมาอยู่ในระยะประชิด แมงมุมศิลายักษ์ก็จะอ้าปากกว้างขนาดที่สามารถเอาแกะยัดเข้าไปได้ แล้วพ่นแทงหินใส่นักรบหรือนักเวทย์ที่โชคร้าย
สถานการณ์เรียกได้ว่ายุ่งเหยิง แมงมุมบางตัวถูกฟันตาย บางก็ถูกท่าของนักรบบดขยี้ บางก็ถูกเวทมนตร์ที่ร่วงหล่นมาจากฟ้าฆ่าไป
และแน่นอนว่าทางฝ่ายมนุษย์ก็ไม่ได้เทพไปเสียหมดทุกคน ณ ตอนนี้เมื่อมองไปที่พื้นก็จะเห็นร่างผู้คนนอนทอดกายอยู่เต็มไปหมด บางก็ถูกขาอันแหลมคมฆ่าตาย แต่ถ้าโชคร้ายหน่อยก็โดนแทงหินเสียบตาย ไม่เว้นแม้แต่นักเวทย์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง!
แมงมุมศิลาทองแดง : เลเวล50
เมื่อเห็นข้อมูลนี้ พวกวู่หยานก็ช็อคไป ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะมันแข็งแกร่งมากจริงๆ!
แมงมุมศิลาแรงค์6! ถ้าเกิดมันมีจำนวนเท่าแมงมุมศิลาก่อนหน้านี้ แล้ว….บทสรุปของการมาล่าสมบัติครั้งนี้จะเป็นยังไงล่ะ?
แถมในเมื่อมันมี แมงมุมศิลาทองแดง แล้วใครจะกล้ารับประกันล่ะว่าหลังจากนี้จะไม่มีตัวที่แข็งแกร่งกว่านี้โผล่ออกมา?
อาทิเช่น แรงค์7 ไม่ก็แรงค์8?
หรือว่าจะเป็น……
คิดถึงตรงนี้ พวกวู่หยานก็หน้าเปลี่ยนสี ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ งั้นที่นี่มันก็จะ….น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!
มิน่าล่ะ นักรบแรงค์9ก่อนหน้านี้ ถึงต้องหนีออกมาด้วยสภาพอเนจอนาถขนาดนั้น แถมสุดท้ายก็ยังต้องมาตายจากไป
ถ้าวู่หยานไม่มีไอเท็มคุ้มครองชีวิตจากระบบ เขาคงพาสาวๆหนีออกไปจากที่บัดซบนี่แล้ว เพราะถึงแม้สมบัติมันจะล้ำค่า แต่ชีวิตของพวกเธอนั้นสำคัญกว่า ถ้าให้เลือกล่ะหว่างสมบัติกับชีวิตตนเอง เชื่อได้เลยว่าแม้แต่คนโง่ก็ยังต้องเลือกอย่างหลังอย่างแน่นอน
ถึงแม้ถ้าวู่หยานไม่ตาย ก็สามารถใช้แต้มอัญเชิญชุบชีวิตพวกมิโคโตะได้ แต่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเธอเป็นผู้หญิงที่เขาชอบเลย เอาแค่ถ้าคนๆนั้นพอจะมีจิตสำนึกสักหน่อย ก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกเธอตายแน่นอน
ตอนนี้ วู่หยาน ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และก็ลิลิน ต่างก็อยู่ในเสื้อคลุม พวกเขาหลบอยู่หลังศพแมงมุมศิลาคอยสังเกตุสถานการณ์
จำนวนของแมงมุมศิลาทองแดงมีเยอะมาก แต่แน่นอนว่าถ้าเทียบกับแมงมุมเป็นกองทัพก่อนหน้านี้ย่อมน้อยกว่า แต่ถึงยังงั้นพวกมันก็มีเป็นร้อยตัว!
เผชิญหน้ากับแมงมุมศิลาแรงค์6เป็นร้อยตัวแบบนี้ แบบนี้คนที่ยืนอยู่หน้าสุด จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากนักรบแรงค์6ที่กลายเป็นกองกำลังหลักในการต้านศัตรู ส่วนพวกแรงค์5ที่ยังไม่ตายก็จะคอยช่วยอยู่รอบๆ เพื่อให้นักรบกับนักเวทย์แรงค์6มีโอกาสในการฆ่า!
เพราะแบบนี้บวกกับนักเวทย์ที่คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง จำนวนแมงมุมก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆจนถึงจุดที่พวกมันมีจำนวนเท่ากับฝ่ายทีมล่าสมบัติแล้ว! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเชื่อได้เลยว่าอีกไม่นานพวกมันต้องตายหมดแน่!
ถึงจะพูดว่าเป็นแรงค์6 แต่พวกแมงมุมก็ไม่ได้มีสติปัญญาที่สูงอะไร ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะโดนลุมจนตายไปทีล่ะตัวสองตัว ซึ่งไอ้วิธีที่ว่าทำให้นัยน์ตาฮินางิคุกับมิโคโตะลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ!
วิธีรุมที่ว่าก็คือการวิ่งวนไปรอบตัวแมงมุม จากนั้นก็จะเตะนักรบแรงค์5ออกมาให้แมงมุมศิลาโจมตี และขณะที่แมงมุมกำลังยุ่งอยู่กับนักรบแรงค์5 คนที่เหลือก็จะใช้โอกาสนี้ในการปล่อยท่าไม้ตายต่างๆใส่มันไปพร้อมๆกับนักรบแรงค์5 ผลคือทำให้เขาตกตายไปกับแมงมุม
“ไอ้เลวเอ้ย!” ฮินางิคุกับมิโคโตะทนความโกรธที่พุ่งพลานในอกไม่ไหวจนต้องสบถด่าออกมาเสียงดังโดยไม่สนสถานการณ์ โชคดีที่เสื้อคลุมมีความสามารถปกปิดทุกอย่างรวมไปถึงเสียงด้วย ไม่งั้นตอนนี้พวกเขาคงโดนพบไปแล้ว
ถึงแม้วู่หยานจะไม่ได้เอ่ยปากด่าเหมือนสองสาว แต่ทว่าในนัยน์ตาเขาก็ส่องประกายอย่างเย็นชา มองไปที่พวกนักรบแรงค์6นั้นเงียบๆ
“ไอ้พวกนั้น ทำไมถึงไม่ไปช่วยกันห๊ะ!? ยืนดูอยู่เฉยๆแบบนั้น นี่ยังเป็นคนอยู่อีกเหรอ!” มิโคโตะมองไปที่กลุ่มคนแรงค์7ที่อยู่ห่างออกไป แล้วกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“นี่คือนิสัยของคนในโลกนี้ที่หยานเคยบอกนะเหรอ? ผู้เชี่ยวชาญ? กฎแห่งป่า? ถ้าโลกมันเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นหยานก็พูดถูก มันมีบางคนที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรได้รับความเมตตา!”
ด้วยความตริงอันโหดร้ายตรงหน้า ทำให้ท่านประธานคิดในใจว่า ช่างเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตจริงๆที่เธอไม่ได้มาเกิดบนโลกพรรค์นี้
สามารถทำให้คนอย่างฮินางิคุพูดออกมาได้ถึงขนาดนี้ มันบ่งบอกได้เลยว่าเธอกำลังโกรธมากขนาดไหน
วู่หยานถอนหายใจ จากนั้นก็เอื่อมมือไปดึงสองสาวเข้าอ้อมอกตน
ฮินางิคุกับมิโคโตะพร้อมใจกันเบิกตากว้างอย่างอึ้งๆ วินาทีต่อมาพวกเธอก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงทันที พยายามดิ้นให้หลุด แต่วู่หยานก็ยังกอดไว้ไม่ยอมปล่อย
วู่หยานเป่าลมหายใจอุ่นๆรดใส่หูสองสาว ผลคือหูพวกเธอแดงก่ำแบบหาอะไรเทียบไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็ตัวสั่นไปด้วย และแรงที่ใช้ดิ้นก็ลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เห็นท่าทางสองสาว วู่หยานก็แอบหัวเราะในใจ แน่นอนว่าตอนนี้ใบหน้าของเขายังฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มสุภาพบุรุษ แต่คงมีแต่ตัวเขาไม่ก็พระเจ้าที่รู้ว่าตอนนี้ในใจเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่…….
“ฮินางิคุ มิโคโตะ ฉันว่าทางที่ดีพวกเธออย่าไปมองมันจะดีกว่านะ…..” วู่หยานหุบรอยยิ้มแล้วถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้น
ฮินางิคุกับมิโคโตะหันมามองหน้ากัน จากนั้นพวกเธอก็ก้มหน้าแล้วก็..เงียบไป
ผ่านไปสักพัก ฮินางิคุก็เป็นคนแรกที่เงยหน้าขึ้นมา เธอมองตาวู่หยานด้วยดวงตาสีอำพันโดยไม่คิดหลบสายตาเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่ หยาน ฉันต้องดู!”
ได้ยินคำพูดฮินางิคุ วู่หยานก็อึ้งไป กลับกันเป็นมิโคโตะที่หันไปมองฮินางิคุด้วยรอยยิ้ม ราวกับรู้เหตุผลวว่าทำไมเธอถึงพูดไปแบบนั้น
“ทำไมล่ะ?”
“ไม่ทำไมหรอก…..” ฮินางิคุก้มหน้าลงอีกรอบแล้วพูดว่า “หลังจากนี้แน่นอนว่าพวกเราต้องออกไปผจญภัยโลกอื่นๆ และที่โลกอื่นก็ต้องมีคนนิสัยน่ารังเกียจแบบนี้แน่ เพราะงั้น..ฉันเลยคิดว่าไม่สู้ทำให้มันชินไปซะตั้งแต่ตอนนี้ไปเลยจะดีกว่า…..”
“ไม่ต้องมามองเลย ฉันก็คิดเหมือนกัน กับคนต่ำช้าแบบนั้นที่โลกอื่น มันต้องมีแน่ เพราะงั้นฉันต้องปรับตัว!” เห็นวู่หยานหันมามองตน มิโคโตะก็พูดขึ้นทันที
มองฮินางิคุและมิโคโตะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่นานนักวู่หยานก็ถอนหายใจ จากนั้นเขาก็กดหัวพวกเธอเข้ามาในอกตัวเอง จมูกได้กลิ่นตัวอันหอมหวานที่ถูกส่งออกมาจากร่างบาง เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ต้องลำบากพวกเธอแล้ว…….”
ฮินางิคุ และ มิโคโตะต่างก็ยิ้มออกมา ก่อนจะหลับตาลงอย่างอดไม่ได้ มีความสุขไปกับความอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่งนี้……….