บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ! - ตอนที่ 620 ฉันเป็นวายร้าย!
SGS บทที่ 620 – ฉันเป็นวายร้าย!
วู่หยานตาค้างมองอาสึนะเขมือบแฮมเบอร์เกอร์ที่ขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่หมดภายในไม่กี่คำ ถึงจะมองไม่เห็นหน้า แต่พอเอาภาพอาสึนะในชุดรองหัวหน้ากิดล์ในอนาคตที่เข้มงวดและองอาจมาเทียบกับอาสึนะตรงหน้าเขา วู่หยานก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่มันยังคนเดียวกันจริงเหรอ?
หรือว่านี่…อาสึนะก็เป็นพวกตะกละเหมือนยัยแอสเทรียด้วย?……
วู่หยานยิ้มมุมปากอย่างขำขัน เขาพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต ในขณะเดียวกันก็หยิบเอาแฮมเบอร์เกอร์อีกอันออกมาแล้วโยนให้อาสึนะ
ราวกับมองเห็นสมบัติล้ำค่า อาสึนะอ้าแขนกว้างคว้าหมับ และโดยไม่สนว่ามันยังร้อนอยู่หรือไม่ เธออ้าปากกัดลงไปทันที จะต่างจากเมื่อกี้ก็แค่ความเร็วในการกินของเธอมันลดน้อยลงมาหน่อย……
จากนั้นบรรยากาศระหว่างทั้งสองก็ตกลงสู่ความเงียบอันประหลาด นอกจากเสียงเคี้ยวของ อาสึนะแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นอีก…..
ขณะที่คนหนึ่งก้มหน้ากิน อีกคนหนึ่งก็กำลังเงยหน้ามองชมท้องฟ้ายามราตรีไปกินไปด้วย ทั้งคู่ได้กินแฮมเบอร์เกอร์ของตัวเองจนหมดลงอย่างเงียบๆ……
“….ขอบคุณนะ”
ทันใดนั้นเสียงพูดที่เบาเสียกว่าเสียงยุงบินก็ดังออกมาจากภายใต้ฮู้ดของอาสึนะ แต่ถึงอย่างงั้นหูผีของวู่หยานก็ยังคงได้ยิน
เขายกยิ้มหัวเราะคิกแล้วส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหยิบดาบ ‘Sky Gazer’ ขึ้นมาพาดไว้ที่หลังแล้วก้าวเดินจากไป…….
เห็นวู่หยานกำลังจะไป คำพูดก็หลุดออกมาจากปากอาสึนะโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง “ทำไมนายไม่เข้าร่วมทีมกับคนอื่นล่ะ?…..”
วู่หยานหยุดเดิน เขายืนนื่งไปครู่นึงก่อนที่บนใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้มอันแสนโดดเดี่ยว
“บางทีคงเป็นเพราะ บนโลกใบนี้ไม่มีใครเก่งพอที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมทีมกับฉันล่ะมั้ง……”
นับตั้งแต่ตอนที่วู่หยานถูกอัญเชิญไปต่างโลกอย่างงุนงง เส้นทางที่เขาก้าวเดินก็แตกต่างจากคนทั่วไปแล้ว
ที่ผ่านมาวู่หยานไม่เคยเหงาเลย ไม่นับชีวิตคนป่าตอนแรกนะ พอผ่านช่วงนั้นไปเขาก็มีฮินางิคุ จากนั้นก็มิโคโตะเป็นเพื่อนร่วมทาง ก่อนจะตามมาด้วยคนอื่นๆจนในที่สุดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ข้างกายเขาก็เต็มไปด้วยผู้คนที่เขารักและรักเขา วู่หยานมีความสุขมาก
แต่ในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่มีพลังพิเศษ ไม่มีอะไรเลย เป็นโลกของคนธรรมดาอย่างสมบูรณ์ ถึงบางคนจะเก่งกาจอยู่บ้างแต่ก็แค่ในระดับคนปกติ มันไม่มีใครสามารถทำลายกำแพงขีดจำกัดกลายเป็นเหนือมนุษย์ได้……
ที่บอกว่า ‘ไม่มีใครเก่งพอที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมทีมฉัน’ ประโยคนี้ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝงเลย ตรงตัวทุกอย่างมันไม่มีใครเก่งพอจะมาเข้าตี้กับวู่หยาน ถ้าเข้ามามันก็เป็นได้แค่ภาระเท่านั้น
เขาที่มีพลังชนิดที่ว่าคนธรรดาไม่มีทางฝันถึงหรือมีได้เด็ดขาด แต่กลับต้องมาเดินในโลกที่มีแค่ปุถุชนคนธรรมดาแบบนี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกของวู่หยานเลย เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหงาโดดเดี่ยวในต่างโลก………
ถ้าเกิดสมมติวู่หยานถูกส่งกลับไปอยู่โลกเดิมก่อนจะมาซิลวาเรีย เขาเชื่อว่าไม่นานตัวเองต้องเป็นบ้าแน่…..
ทว่าคำพูดของวู่หยาน พอมาถึงหูอาสึนะดันกลายเป็นนอีกความหมายนึง……
ที่อาสึนะเข้าใจก็คือ เพราะมือของเขาเปื้อนเลือดมามากเกินไปจนทำให้เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับคนธรรมดาได้อีกแล้ว
หรือก็คือเขาไม่มีเพื่อนแท้ที่สามารถพูดคุยได้แบบสนิทใจ………
…..อืม ในบางมุมมอง ที่อาสึนะเข้าใจก็ไม่ได้ผิดไปหมดนะ…..
“นายสามารถเข้าร่วมทีมกับพวกเราได้นะ…..” เมื่อคำพูดนี่หลุดออกมา กระทั่งตัวคนพูดเองยังตกใจนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรากัน?
ไม่ใช่ว่าวันนี้เขา(วู่หยาน)ก็พูดปฏิเสธหมอนั่น(คิริโตะ)อย่างชัดเจนไปแล้ว? ทำไมเรายังดื้อไปถามซ้ำอีก?
วู่หยานยกคิ้วประหลาดใจ ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ขอบใจ ฉันคนเดียวก็พอ…..”
ได้ยินอาสึนะก็ขมวดคิ้วดูไม่พอใจขึ้นมาแล้ว
ตัวเธอมีครั้งไหนบ้างที่เคยเชิญคนอื่นแบบนี้? ไม่-มี-เลย! มันมีแต่คนถูกเธอปฏิเสธ แม้แต่ในโลกแห่งความจริงเธอก็ไม่เคย แต่พอออกปากเชิญครั้งแรกกลับโดนปฏิเสธ?…….
“นายคิดว่าตัวเองคนเดียวมีโอกาศเอาชนะบอสได้จริงน่ะเหรอ?…..” อาสึนะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จริงอยู่ที่นายดูแข็งแกร่งมาก แต่นั่นน่ะเป็นบอสประจำชั้นเลยนะ นายมั่นใจแน่เหรอ?….”
“โอกาสสินะ?…..” วู่หยานถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าเพราะเพื่อโอกาสอันน้อยนิดที่ว่าหรอกหรือไงผู้คนถึงได้ยังยังก้าวต่อไปข้างหน้าน่ะ?…..”
ตัวอาสึนะทั้งตัวสั่นระริกราวโดนฟ้าผ่า
ทำเป็นมองไม่เห็นปฏิกิริยาของอาสึนะ วู่หยานพูดต่อ “ถึงจะมีโอกาสน้อยแค่ไหน แต่ก็ยังเลือกที่จะมุ่งหน้าต่อไป ไม่ใช่เพราะว่าเธอมีความคิดนี่หรอกเหรอ เธอ…ถึงได้อดทนต่อสู้ตลอดหนึ่งเดือนจนมาอยู่ที่นี่ตอนนี้น่ะ?……”
อาสึนะเงียบ
ยกมือจับด้ามจับดาบ ‘Sky Gazer’ วู่หยานเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเหม่อลอย “วันหนึ่ง…ถ้าวันหนึ่งฉันเจอคนที่คู่ควร คนที่ฉันสามารถฝากแผ่นหลังให้ได้ ฉันก็จะสร้างทีมกับเขา(เธอ)คนนั้น!”
“….แต่น่าเสียดาย คนแบบนั้นไม่มีอยู่ในโลกใบนี้…..”
พูดถึงตรงนี้ วู่หยานก็นึกไปถึงพวกเธอที่ซิลวาเรีย บนใบหน้าเขาก็ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นจริงใจขึ้น วู่หยานหันมามองอาสึนะครั้งหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆเดินห่างออกไป……
“เดี๋ยวก่อน……” อาสึนะยกมือขึ้นราวกับคิดจะพูดบางอย่าง แต่ก็ถูกคำพูดไม่กี่คำของทำให้เธอเงียบไป
“ฉันเป็น วายร้าย ทางที่ดีเธออย่าเข้ามาใกล้ฉันมากจะดีกว่า……”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ เงาหลังวู่หยานก็เดินหายไปท่ามกลางความมืด……
เห็นแบบนี้อาสึนะก็ลดมือลง ในหัวนึกถึงคำพูดของวู่หยานตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ ขณะที่คิดตัวอาสึนะก็มีสีหน้าเหม่อลอยจิตใตไม่อยู่กับตัว……
ในเวลาเดียวกันหัวใจที่ด้านชาของอาสึนะก็เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ใหญ่กว่าและรุนแรงกว่าครั้งแรก กระทั่งผ่านไปเป็นเวลานานหัวใจเธอก็ยังเต้นตึกตักไม่หาย……
ไม่มีใครเห็นตอนวู่หยานเดินจากไปยกเว้นอาสึนะ ผู้เล่นคนอื่นก็ยังคงกินดื่มเฮฮากันต่อไป
และค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองก็ผ่านไปด้วยประการฉะนี้ ต้อนรับเช้าวันต่อมา……
เดียร์เบลมองคนที่เข้าร่วมก่อนจะเหลือบมองไปยังสามคนที่อยู่หลังสุดของขบวน วู่หยาน อาสึนะ และ คิริโตะ ก่อนจะตะโกนประกาศ
“ในเมื่อมากันครบแล้วก็ออกเดินทางได้!!!”
ผู้เล่นพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจังมาก พวกเขาเดินตามหลังเดียร์เบลไปยังหอคอยที่สูงเสียดฟ้า……
ใน ‘ไอน์แครด’ ทุกชั้นตรงจุดกึ่งกลางจะมีหอคอยตั้งทะลุไปข้างบนเหมือนกันหมด
หอคอยพวกนี้คือเส้นทางที่จะนำพวกเขาไปสู่ชั้นต่อไป
แต่มันไม่ได้ขึ้นไปง่ายขนาดนั้น ข้างในหอคอยมีมอนสเตอร์ที่คอยกำจัดผู้บุกรุกอย่างผู้เล่นอยู่ หรือก็คือข้างในนั้นหอคอยเป็นดันเจี้ยน(เขาวงกต)!
มอนสเตอร์ในดันนั่นแตกต่างจากมอนข้างนอก พวกมันดุร้ายกว่า แข็งแกร่งกว่า น้อยคนนักที่จะกล้าเข้าไปคนเดียว ขนาดเบต้าเทสเตอร์ก็ยังต้องจับกลุ่มกับคนอื่นก่อนเข้าไป แต่ถ้าเป็นมอนข้างนอกถ้าเก่งหน่อยก็สามารถฉายเดี่ยวได้แล้ว
และในหมู่น้อยคนนักที่ว่ามันรวมถึง วู่หยาน อาสึนะ และ คิริโตะด้วย สองคนหลังได้เคยฉายเดี่ยวเข้าไปในดันเจี้ยนแล้วแต่ก็ไม่ได้เข้าไปลึกมาก ผิดกับคนแรกที่บุกฝ่าตะลุยจากประตูทางเข้าไปยังลึกสุดมาแล้วอย่างวู่หยาน แต่ถึงอย่างงั้นชายหนุ่มก็ไร้โชคไม่สามารถหาห้องบอสเจอได้
พวกผู้เล่นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าในหมู่ตัวเองได้มีเทพเจ้าตามติดมาด้วย ถึงเมื่อวานวู่หยานจะทำให้พวกเขาช็อตไป แต่ก็ถูกสถานะทหารทำให้ผู้คนคิดไปว่ามันก็ปกติที่เขาจะเก่งกว่าคนธรรมดาอย่างพวกตน….แต่ไหนเลยจะคิดได้ว่าเขาไม่ใช่เพียงแค่เก่งกว่าคนธรรมดา แต่มันเป็นเก่งเกินขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์ไปไกลแล้ว…….
เดียร์เบลกำลังไม่พอใจวู่หยาน ขนาดคิริโตะกับอาสึนะยังปาร์ตี้กัน แต่ทำไมเขาคนนั้นถึงได้ยังดื้อจะอยู่คนเดียวอีก?
คิดว่าตัวเองเก่งพอจะล้มบอสได้เองจริงรึไง?……
นี่คือความคิดของเดียร์เบล
แน่นอนว่าวู่หยานย่อมเห็นแววตาไม่พอใจตอนเดียร์เบลมองตน แต่เขาก็ไม่พูดอะไร ยังคงเดินตามหลังแถวด้วยตัวคนเดียวพลางมองซ้ายมองขวาชมนกชมไม้อย่างสบายอารมณ์ เขาดูชิวมาก ชิวเกิน ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลย
และ อาสึนะ ที่คอยมองสังเกต วู่หยาน อยู่ตลอดก็ย่อมเห็นการกระทำของเขาชัดเต็มสองตา……..
ทำไมกัน…ทั้งที่อยู่ในเกมที่สามารถตายจริงได้ แล้วทำไมเขาถึงได้ดูสงบไม่กังวลเลย?…….