บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ! - ตอนที่ 132 SGS บทที่ 132 – แสงท่ามกลางความมืด? ห๊ะ!แสงจันทร์?!
- Home
- บันทึกการเดินทางของคุณแวมไพร์ล่ะ!
- ตอนที่ 132 SGS บทที่ 132 – แสงท่ามกลางความมืด? ห๊ะ!แสงจันทร์?!
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
นี่เป็นคำถามที่ทุกคนที่อยู่ที่นี่คิดขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เฟยเฟยเป็นฝ่ายได้เปรียบชัดๆ แต่แล้วทำไมคนที่กระเด็นออกมาถึงเป็นเฟยเฟยกัน? ยังกับวู่หยานเป็นฝ่ายได้เปรียบซะงั้น?
ในเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รู้คันใจยุบยิบ อยากรู้มากๆว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแต่ฮินางิคุกับมิโคโตะแล้วก็อิคารอสที่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
“ปราณดาบของพี่เฟยเฟยเองก็รุนแรงไม่ใช่น้อยเหมือนกัน……..”
วู่หยานกล้าการันตี เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นคลื่นดาบหรือรังสีดาบ ก่อนหน้านี้ตอนไปเที่ยวที่ซ่อนสมบัติเขายังเคยเห็น คาร์ลใช้คลื่นดาบ ‘ตัดวิญญาณโลหิต’ เลย
ถึงแม้คลื่นดาบของเฟยเฟยจะเทียบกับของคาร์ลงไม่ได้ ก็ฝั่งนั้นมันแรงค์8นี้นะ แต่ถ้าในแรงค์เดียวกันเรียกได้ว่าท่าของเฟยเฟยนั้นสูงส่งสุดยอด!
บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอได้ยินเสียงพึมพำของวู่หยาน เฟยเฟยจึงอธิบายว่า “นี่เป็นทักษะเฉพาะตัวของฉันเอง เทียบกับวิชาปราณทั่วไปแล้ว ทักษะนี้ของฉันมันรุนแรงกว่าอีกนะ”
วู่หยานพนักหน้าว่าเข้าใจ นี่เป็นทักษะพิเศษของเฟยเฟย แค่ทักษะการใช้คลื่นดาบนี้ก็ทำให้เธอเป็นแนวหน้าของพวกแรงค์7แล้ว!
เพราะยังไงซะ ท่าของเธอก็เป็นเทคนิคการควบคุมปราณล้วนๆโดยไม่ได้ใช่วิชาอะไรเลย
“งั้น ฉันเป็นฝ่ายถามบ้างนะ……” นัยน์ตาอันงดงามของเธอจ้องไปที่วู่หยานด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นายใช้วิธีอะไรมาหักล้างท่าของฉัน แม้กระทั่งผลักฉันกระเด็นออกมาน่ะ?”
ใช่แล้ว ขณะที่เฟยเฟยปล่อยคลื่นดาบออกมา ไม่รู้ว่าวู่หยานใช่วิธีอะไร จู่ๆก็ทำให้คลื่นดาบเธอสลายไปแถมยังมีแรงผลักเธอจนลอย!
“โอ้? เมื่อกี้พี่สาวเฟยเฟยมองไม่เห็นเหรอ?” วู่หยานจงใจถามด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“งั้นฉันจะใช้อีกครั้ง คราวนี้ต้องดูให้ชัดนะ!”
สิ้นเสียงเขา ทุกคนเห็น ณ ที่พื้นที่ประลอง อยู่ๆบรรยากาศรอบตัววู่หยานก็กลายเป็นบิดเบี้ยว จากนั้นพวกมันก็กลายเป็นกระแสอากาศแล้วเริ่มไหลไปรวมตัวที่ดาบ นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ในมือวู่หยาน!
เฟยเฟยจับดาบภูติราตรีในมือแน่น สัญชาตญาณในตัวเธอร่ำร้องขึ้น เธอสามารถสัมผัสได้ว่าในเวลานี้ดาบในมือของวู่หยานมันอันตรายขึ้น!
กระแสสอากาศไหลไปที่ใบดาบ จากนั้นมันก็หมุนวนวนอยู่เหนือ นิเอโทโนะ โนะ ชานะ เวลาผ่านไปก็ยิ่งมีกระแสอากาศไหลไปรวมตัวมากขึ้น จนกระทั่งถึงจุดๆหนึ่ง กระแสอากาศก็ถูก นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ดูดกลืนจนหมด!
ทันนั้น นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ก็สั่นสะเทือน จากนั้นก็เปล่งแสงสีแดง มีประกายไฟกระจายออกมาจากใบดาบ จากนั้นพวกมันก็รวมตัวกันอีกครั้ง ทำให้แสงสีแดงบนดาบกลายเป็นรุนแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!
“ปราณดาบ คลื่นดาบ!” เธอมองดาบในมือวู่หยานด้วยความงุนงง เพราะเธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เขาเอามาทำลายคลื่นดาบเธอจะเป็นคลื่นดาบเหมือนกัน!
ทว่าหลังจากสงสัยก็กลายเป็นตื่นเต้น ในอดีตที่ผ่านมาเธอได้ใช่คลื่นดาบนี้ชนะคู่ต่อสู้มามากมาย แต่เธอไม่คิดเลยว่าจะวันที่คลื่นดาบของตัวเองโดนคลื่นดาบของคนอื่นทำลายด้วย! ช่างรู้สึกสดชื่นดีจริงๆ………
“งั้นฉันขอคงต้องขอดูหน่อยแล้วสิว่า ปราณดาบ ของนายมันจะแรงแค่ไหนกัน!”
เฟยเฟยหมุนวนปราณในร่างกายเตรียมพร้อมเต็มที่ เธอไม่ใช่วู่หยาน ที่ใช้แค่แรงเพียวๆมาต้านคลื่นดาบ
เห็นเฟยเฟยคิดจะรับ ‘ดาราพลิกสวรรค์’ ของตน วู่หยานก็รู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย เพราะเอากันตามจริง ‘ดาราพลิกสวรรค์’ ของเขามันแรงกว่าคลื่นดาบของเธอเยอะ…….
โดยไม่ได้ตั้งใจ วู่หยานก็เผลอลดพลังลงเหลือครึ่งหนึ่ง จากนั้นยกดาบขึ้นแล้วฟันออกไป!
ทันใดนั้น แสงสีแดงเข้มบนตัว นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ก็พุ่งออกมากลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว หินที่มันพุ่งผ่านโดนตัดขาดจากนั้นแรงที่เหลือก็บดขยี้หินจนเป็นฝุ่นผง คลื่นจันทร์เสี้ยวสีแดงพุ่งผ่านอากาศไปหาเฟยเฟย!
ภาพที่เฟยเฟยเห็นกลายเป็นสีแดงไปหมด คลื่นดาบนี้มันเร็วกว่าของเธอไม่น้อย เพียงแค่พริบตามันก็มาถึงด้านหน้าเธอแล้ว!
เมื่อ ‘ดาราพลิกสวรรค์’ เข้ามาใกล้ตัวเฟยเฟยถึงได้รู้ว่าตัวเองป้องกันไม่ได้ ไม่ไหวแน่นอน เธอกัดฟันแน่น ก่อนที่ดาบภูตราตรีในมือจะเปล่งแสงอันคุ้นเคยขึ้น
ปราณดาบ คลื่นดาบ!
เผชิญหน้ากับ ‘ดาราพลิกสวรรค์’ เธอทำได้แค่ใช้คลื่นดาบออกมา พุ่งเข้าใส่จันทร์เสี้ยวสีแดง!
“บึ้ม!”
เมื่อพวกมันปะทะกัน ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น ก่อนจะมีเสียงเสียดสีดังขึ้นไม่หยุด เป็นเสียงของคลื่นดาบทั้งสองที่พยายามทำลายอีกฝ่าย!
“สะ…สุดยอดเลย!” ลูลู่พูดออกมาด้วยความอึ้ง
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย การต่อสู้ของแรงค์7นี่สุดยอดจริงๆ แม้พวกเขาจะยื่นอยู่ห่างออกมายังสมารถรู้สึกได้ถึงความรุนแรงที่ทั้งสองคนสู้กันเลย
ฉากที่คลื่นแสงปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใครไม่ได้คงอยู่นานนัก เวลาต่อมาก็เกิดเสียงระเบิดที่ดังกว่าก่อนหน้านี้ขึ้น คลื่นดาบก็โดนจันทร์เสี้ยวสีแดงฉีกจนกระจาย!
“อะไรกัน!” แสงสีแดงหม่นลงไปเล็กน้อย ทว่ามันก็ยังพุ่งเข้ามาเฟยเฟยที่ยังตกใจ!
“!” เห็นการโจมตีอันน่ากลัวใกล้เข้ามา เฟยเฟยก็มีสีหน้าประมาณว่า ‘ไม่มีทางเลือก’ คนดูที่เป็นผู้หญิงหลายคนอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา รวมไปถึงพวกผู้ชายก็กลัวที่จะได้เห็นฉากนองเลือดจึงพากันหลับตาลง ไม่กล้ามองต่อ
“ได้ผู้ชนะแล้ว…….” คนบางคนพูดพึมพำออกมาเสียงเบาเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ในช่วงเวลาวิกฤต แววตาของเฟยเฟยก็กลายเป็นหนักแน่น ราวกับได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว และภายใต้สายตาของทุกคน เธอก็หลับตาลง!
ทุกคนต่างก็กลายเป็นเอะอะ เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว การหลับตาในเวลาแบบนี้ก็หมายถึงการยอมรับโชคชะตา ทว่ามีเพียงแค่คนสองคนที่เมื่อเห็นการกระทำของเฟยเฟยก็กลายเป็นช็อคไป
“นี่มัน……” ลูลู่ทั้งตกใจทั้งช็อค เธออ้าปากเล็กๆน่ารักออกมา ‘O’ ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อมาก ใกล้ๆเธอเองก็มีอีกคนที่ทำสีหน้าเหมือนเธอ เป็น ฮิวจ์ นั่นเอง!
“อย่าบอกนะว่า…..ศิษย์พี่จะใช้ท่านั้น?” เมื่อพูดคำพูดนี้ออกมา ในแววตาของฮิวจ์ก็เผยให้ถึงความตกใจ อิจฉา แล้วก็ความไม่เต็มใจขึ้น แล้วยังมีอีกหลายๆความรู้สึกผสมปนเปไปหมด ทั้งยังจ้องเขม็งไปที่วู่หยานด้วย………
“เธอกำลังจะทำอะไร?” นี่เป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของ วู่หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะ
ภายใต้การโจมตีของดาราพลิกสวรรค์ เฟยเฟยกลับผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อราวกับตรงหน้าไม่ใช่การโจมตีอันรุนแรง แต่เป็นสายลมอ่อนๆ เธอได้เมินเฉยการโจมตีนี้อย่างสิ้นเชิง
มือหนึ่งเธอจับดาบ อีกมือก็วาดวงกลมบนท้องฟ้า ดูราวกับกำลังเต้นรำอยู่ก็ไม่ปาน เธอยืนด้วยการใช้ปลายนิ้วเท้าอย่างอ่อนช้อย จากนั้นเธอก็ตวัดดาบภูติราตรีเบาๆ……..
เมื่อดาบถูกเหวี่ยง! สวรรค์และโลกก็กลายเป็นไร้ซึ่งเสียง!
ทันใดนั่น ราวกับโลกได้หม่นหมองลง สีสีนได้จางหายไปจนหมด ในแววตาของทุกคนเห็นเพียงแค่ความมืด ทุกอย่างกลายเป็นสีดำ มีเพียงแค่ ‘ดาราพลิกสวรรค์’ ที่ยังคงเปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า และมันยังคงมุ่งหน้าไปหาเฟยเฟย!
ทว่าในเวลานี้เอง แสงที่ดูราวกับทางช้างเผือกปรากฏขึ้นมามากมาย มันส่องสว่างราวแสงจากจันทราในโลกอันมืดมิดนี้ จากนั้นพวกมันก็พากันเข้าไปหาจันทร์เสี้ยวสีแดง!
เมื่อแสงจันทร์กับคลื่นดาบสัมผัสกัน ทว่ากลับเงียบสนิทไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น ไม่มีพลังแผ่กระจายออกมา พวกมันดูราวกับสายน้ำที่เจอกับสายน้ำ ทั้งสองเคลื่อนตัวเข้ากัน และรวมตัวกันเป็นหนึ่ง……..
มันดูเป็นธรรมชาติมาก!
ดาราพลิกสวรรค์ราวก้อนหินที่ถูกโยนลงทะเล มันถูกแสงจันทร์ดูดกลืนเข้าไป สุดท้ายก็กลายเป็นประกายแสงหายไปพร้อมกับแสงจันทร์ หายไปจนหมด……….