ตอนที่ 3: บทเพลง/สายฝน
บทเพลง/สายฝน
ผมยังไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองเท่าไหร่ว่าคนที่นั่งเรียนข้างๆ ของผมจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงขนาดนี้
คดีทุกอย่างถูกคลี่คลายลงทั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายเมื่อเช้านี้
ทั้งว่าทำไมผู้ชายหลายคนหรือแม้กระทั่งผู้หญิงบางคนถึงจ้องผมตาเขม็งตอนที่ผมอยู่กับยุย
ถึงจะไม่อยากเชื่อก็เถอะแต่ เอลิน่า ยุย คือนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากจริงๆ หลังจากนี้ผมต้องทำยังไงดีล่ะ?
ทำตัวแบบเดิมหรือควรห่างออกมา? คิดไปก็เท่านั้น….
ผมก็เคยมีเพื่อนตอนม.ต้นที่สนิทกันแค่ตอนเปิดภาคเรียนใหม่ๆ หลังจากนั้นเขาก็หายไปเลย
ในกรณีนี้ก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ ผมจะปล่อยให้มันเป็นไปตามสถานการณ์ก็แล้วกัน
“ฮ่าๆๆ อึ้งไปเลยล่ะสินะ!!”
เจ้าแว่นคนเดิมพูดจาเยาะเย้ยผมอีกแล้ว ผมว่าบางทีเขาอาจจะโมโหผมที่ผมไม่รู้จักยุยก็ได้
ผมเลยไม่คิดอะไรมากเพราะผมก็ผิดจริงๆ นี่ที่ดันไม่รู้จักนักร้องที่มีชื่อเสียงคนนี้
“อืม ถูกตามที่นายพูด ฉันอึ้งจริงๆ นั่นแหละ”
“หาา ไหงยอมรับกันง่ายขนาดนี้เล่าา”
“ฉันผิดเองแหละที่ไม่รู้จักเอลิน่า ยุยมาก่อน ดังนั้นขอบใจพวกนายมากที่เปิดวิดีโอนี้ให้ฉันดู”
หลังจากนั้นผมก็เดินออกมาจากหน้าห้องอัดเสียง ปล่อยให้เจ้าแว่นกับพรรคพวกยืนงงอยู่อย่างนั้น
ก็ผมตอบไม่ตรงคำถามหนิ จะให้ไม่งงได้ยังไง ฮ่าๆ
ผมเปิดเพลง ‘Rain’ ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับใส่หูฟังเพื่อผมจะได้ตั้งใจฟังเสียงของเครื่องดนตรี
ที่บรรเลงเมโลดี้ต่างๆ ออกมา
และแน่นอน….ตั้งใจฟังเสียงของเอลิน่า ยุย ที่ทำให้ผมหลงใหลตั้งแต่ได้ยินเสียงของเธอตรงห้องอัดเสียง
…….
30 นาทีผ่านไป
ผมเปิดฟังวนไปได้ประมาณ 5-6 คราวเห็นจะได้ เอาจริงๆ ผมรับรู้ได้ทันทีนอกจากเสียงของยุยแล้วสิ่งที่จะทำให้เพลงนี้ออก
มาดีขนาดนี้ได้คือการต้องมีโปรดิวเซอร์ที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน
‘อดัม ดีน’ คือชื่อของโปรดิวเซอร์เพลงRain ผมรู้จักผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี
เขาคือคนที่สอนผมให้ผมสามารถแต่งเนื้อร้องและเขียนทำนองเพลงได้ ใช่……เขาคืออาจารย์ของผมเอง
แย่เลยแฮะเจอโจทย์ที่ยากเข้าให้แล้วสิ ผมจะทำเพลงยังไงให้มีมาตรฐานสูงกว่า–
ไม่สิเทียบเท่ากับเขาคนนั้นได้ล่ะเนี่ย ผมเดินคิดพร้อมกับเริ่มเดินดูรอบๆ โรงเรียนอีกครั้ง
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
บ่ายสามโมง
ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วหลายๆ คนก็ทยอยกันออกนอกโรงเรียน บางคนก็กลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว
บางคน อืม.. หลายคนก็ออกไปเป็นกลุ่ม ส่วนผมน่ะหรอ ก็ต้องกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยวอยู่แล้ว
มากะเองก็กลับบ้านไปก่อนแล้ว เห็นว่ามีธุระสำคัญแต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นธุระอะไร
เพราะไม่ได้ถามเอาไว้ เอาเถอะกลับคนเดียวก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่
ผมเลือกที่จะเดินกลับแทนที่จะนั่งรถไฟเพราะอยากจะซึมซับบรรยากาศสักหน่อย….
แต่คิดผิดไปหน่อยตรงที่มันร้อนสุดๆ เลยนี่ล่ะ กว่าจะถึงบ้านระยะทางก็อีกพอสมควร
ผมคิดว่าหาร้านนั่งพักแล้วค่อยกลับตอนค่ำๆ หน่อยแล้วกัน
เดินมาเรื่อยๆ ก็เจอร้านเอบิลนี่ ร้านกาแฟชื่อดังในโซเชี่ยลที่ขยายสาขาไปกว่า 20 สาขาทั่วประเทศภายในระยะเวลาแค่
1ปี ถือว่าน่าทึ่งมากกับการขยายสาขาได้รวดเร็วในระยะเวลาเพียงเท่านี้
ผมไม่เคยซื้อกาแฟของที่นี่มาก่อนเลยแต่เห็นผู้หญิงหลายๆ คนที่โรงเรียนมัธยมต้นถ่ายรูปตัวเองคู่กับแก้วกาแฟ
อัพลงไอมูกันอย่างมากมาย
ผมเดินเข้าไปในร้านเพื่อจะสั่งกาแฟสักแก้วหนึ่งแล้วนั่งรอให้เวลาผ่านไป แต่ว่านะ…… เมนูมันลายตาจนผมอ่านไม่ออก
เลยสักนิด
“คุณลูกค้ารับอะไรดีครับ?”
“อ..อะ เอาลาเต้เย็นแล้วกันครับ”
“ลาเต้เย็นหนึ่งที่นะครับ กรุณารับบัตรคิวแล้วรอสักครู่นะครับ”
“ครับ….”
ผมสั่งโดยทิ้งสิ่งที่ผมได้เห็นจากเมนูไป ขืนสั่งตามเมนูผมคงต้องใช้เวลาพิสูจน์อักษรสักสองสามวันได้
“คิวที่ 128 ได้แล้วนะคะ!”
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่คนที่มาก่อนผมก็เริ่มทยอยออกจากร้านไปแล้ว หลังจากพนักงานเรียกหมายเลข128ผมก็ก้มลง
มองที่บัตรคิวของผมเองว่าเป็นเลขอะไร อืมม… 128 งั้นก็ของผมเอง
หลังจากรับกาแฟผมก็เดินหาที่นั่งแต่ว่าคนก็เยอะจนแทบจะเต็มร้านไปหมด ที่นั่งที่เหลือก็มีแต่สำหรับคนที่มากันสี่คนทั้งนั้น ‘เฮ้ออออ’ คงไม่ได้นั่งแล้วสินะ
“อ้าว คีธ รึเปล่า?”
ในตอนที่ผมสิ้นหวังกับที่นั่งและกำลังจะเดินออกจากร้านเพื่อมุ่งตรงกลับบ้านก็มีเสียงคนคนหนึ่งเรียกผมไว้ เมื่อผมหันไปมอง
คนที่เรียกผมก็เป็นคนที่ผมรู้จัก
“อ๊ะ! ยุยนี่เอง”
“ชู่วววว! อย่าเสียงดังสิ”
“ขอโทษ”
“ไม่เป็นไรๆ”
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอกับคีธในที่แบบนี้”
“ฮ่าๆ ฉันแค่….. เปลี่ยนบรรยากาศน่ะ”
“หาที่นั่งอยู่หรอ?”
“ก็ใช่ แต่ก็ไม่มีเลยว่าจะกลับแล้วน่ะ”
“งั้นมานั่งด้วยกันสิ”
“โอ้! เอ๊ะ จะดีหรอ”
“หืม เรื่องอะไรหรอ”
“อ่อ เปล่า ไม่มีอะไร”
หลังจากนั้นผมก็นั่งดื่มกาแฟกับยุย กันสองคน
โดยที่ลืมไปเลยว่ายุยจังเป็นคนดังจนกระทั่งเริ่มมีคนมาขอถ่ายรูปกับยุยเรื่อยๆ แต่ผมก็นั่งดื่มกาแฟของผมไปโดยไม่ได้ออกอาการตกใจแต่อย่างใด
———
“อ๊ะ! เวลาขนาดนี้แล้วหรอ ฉันขอกลับก่อนนะคีธ”
“ไม่เป็นไร ฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงหลังจากนั่งดื่มกาแฟกับยุย ข้างนอกก็เริ่มเย็นแล้ว ผมก็คิดว่าถึงเวลาที่จะกลับบ้านพอดี
ตอนแรกผมก็คิดว่าเราจะแยกทางกันกลับบ้านล่ะนะ แต่ไหงกลับทางเดียวกันล่ะเนี่ย
“เธอนี่มีคนชื่นชมเยอะเหมือนกันนะ”
“นายรู้แล้วหรอคีธ”
“เรื่องที่เธอเป็นนักร้องดังน่ะหรอ”
“อืม”
“ฉันรู้แล้วล่ะ พึ่งรู้เมื่อตอนบ่ายๆ นี่เอง ฮ่าๆ”
“งั้นหรอ…..”
พอพูดเรื่องนี้จบสีหน้ายุยก็ดูเศร้าหมองขึ้นทันที ผมไปพูดอะไรให้เธอไม่พอใจรึเปล่าล่ะเนี่ย
“นายคงจะไม่ตีตัวออกห่างฉันไปใช่ไหม”
“เอ๊ะ? ทำไมหรอ”
“หลังจากที่ฉันมีชื่อเสียงก็มีแต่คนตีตัวออกห่างฉันเพราะไม่กล้าเข้ามาคุยกันน่ะ”
“ไม่หรอก สบายใจได้”
“ขอบคุณนะ”
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงทำไมหน้าเศร้าเมื่อรู้ว่าผมรู้เรื่องที่เธอเป็นคนดังแล้ว นั่นก็เพราะเธอไม่มีเพื่อนเลย
ทุกคนรู้ว่ายุยดังขนาดไหนเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาเป็นเพื่อนกับเธอสักคน แต่ผมไม่ใช่คนที่จะตีตัวออกห่างเพื่อนด้วยเหตุผลว่าเขามีชื่อเสียงมากเกินไปหรอกนะ ถ้าถามว่าเพราะอะไรน่ะหรอ… เพราะผมก็เคยถูกตีตัวออกห่างเช่นเดียวกันยังไงล่ะ
“ว่าแต่ยุย ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่เธอมีชื่อเสียงหรอ”
“เอ๊ะ? ทำไมน่ะหรอ อืม…..”
ผมรู้สึกแปลกใจที่ยุยพูดกับผมเมื่อสักครู่เหมือนกับรู้ว่าผมไม่รู้เรื่องที่เธอโด่งดังมากแค่ไหน
ไม่มีทางที่คนที่มีชื่อเสียงจะไม่คิดว่า ‘เขาน่าจะรู้จักฉันอยู่แล้วนะ’ ผมจึงถามแบบนั้นออกไป
ยุยคิดสักพักก็ตอบคำถามผม
“เพราะว่าฉันสังเกตุนายมาตั้งแต่เช้าแล้วก็คิดว่านายคงไม่รู้จักฉันแน่ๆ น่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรอ…”
พอยุยบอกมาแบบนั้นผมก็ลองคิดย้อนกลับไปตั้งแต่เช้า แล้วก็คิดได้ว่า ‘อืม ก็คงจะแบบนั้นแหละ’
“งั้นฉันขอลาตรงนี้นะคะ เจอกันพรุ่งนี้นะคีธ”
“ได้เลย”
พอเดินแล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยๆ มาได้สักพักหนึ่งยุยก็บอกลาเพื่อจะแยกกลับบ้านของเธอ— ซะทีไหนกันล่ะ
เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับเพนท์เฮ้าส์ของผมเอง
Chapters
Comments
- ตอนที่ 4: บังเอิญงั้นหรอ ธันวาคม 28, 2021
- ตอนที่ 3: บทเพลง/สายฝน ธันวาคม 15, 2021
- ตอนที่ 2: ให้เสียงนำพา ธันวาคม 15, 2021
- ตอนที่ 1: เทอมแรก ธันวาคม 15, 2021
MANGA DISCUSSION