บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 9 ทักษะเลียนเสียง
บทที่ 9 ทักษะเลียนเสียง
กริ๊งๆๆๆ……
เวลา 04.30 น. ของวันจันทร์ นาฬิกาปลุกแบบโบราณส่งเสียงปลุกเสียงดัง
ถานเสี่ยวเทียนเด้งขึ้นจากเตียง ร่างกายของเขาเหยียดตรงยาวราวกับท่อนเหล็กและมองสำรวจไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
สิบวินาทีต่อมา ถานเสี่ยวเทียนก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอดีตที่ไม่มีมือปืน ไม่มีพ่อค้ายาและไม่มีมู่หยู
ที่นี่คือบ้าน! แม้ว่าจะเป็นบ้านเช่า แต่การมีพ่อแม่อยู่ด้วยมันก็ทำให้บ้านหลังนี้มันกลายเป็นบ้านที่อบอุ่นที่สุด เมื่อคืนนี้คือการนอนหลับที่สงบสุขที่สุดในรอบหลายปีของเขา
ก่อนรุ่งสาง ถานเสี่ยวเทียนเปิดไฟจนเห็นภายในห้องอย่างชัดเจน เตียงเดี่ยวทำจากไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดและเสียงดังแปลกๆ ดังออกมาเป็นระยะๆ ผ้าปูที่นอนลายตารางสีน้ำเงินสลับขาวที่มีกลิ่นหอมของสบู่และโปสเตอร์ของไมเคิลจอร์แดนที่กำลังบินทำแสลมดังค์ติดอยู่บนผนัง
ถานเสี่ยวเทียนลุกขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้า พ่อแม่ของเขาออกจากบ้านไปแล้ว ตอนนี้ในบ้านมีเขาอยู่คนเดียว
เขากินไข่เจียว ขนมปังและนมที่ซ่งชุนฮวาแม่ของเขาชงทิ้งไว้ก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วออกไปนอกห้องเช่า เขาขี่จักรยานเสือภูเขาไปบนถนนที่ว่างเปล่าไปยังเขตเต้าซี
ในเขตหลิวเจี่ยซีของเต้าซีมีอาคารสองชั้นขนาดเล็กหลังหนึ่งอยู่และมีป้ายที่หน้าอาคารเขียนว่าบริษัทจวินเฉียงเทรดดิ้งซึ่งจริงๆ แล้วที่นี่เป็นที่ทำงานของหลิวจุนโดยที่ชั้นแรกเป็นห้องไพ่นกกระจอกสำหรับต้อนรับแขกและชั้นสองเป็นห้องทำงานของเขา
ในชีวิตก่อนหน้านี้ ในปีที่สองหลังจากเข้าร่วมกองทัพถานเสี่ยวเทียนได้ใช้ประโยชน์จากการขอลากลับมาเยี่ยมบ้านเพื่อสืบหาเรื่องราวทุกอย่างของหลิวจุนและในคืนหนึ่งเขาก็ย่องมาที่นี่และทุบตีหลิวจุนจนกลายเป็นผัก (อัมพาต)
แล้วชีวิตนี้ล่ะ?
เมื่อวานนี้ตอนที่ถานเสี่ยวเทียนกำลังวิ่งอยู่ในสนามกีฬาเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ทุบตีหรือฆ่าอีกฝ่าย แต่เขาจะทำให้หลิวจุนไม่มีที่ยืนแทน
ถานเสี่ยวเทียนซ่อนกระเป๋านักเรียนและจักรยานไว้ในพุ่มไม้ข้างถนน จากนั้นก็ถอดชุดนักเรียนออกและสวมชุดทำงานกับถุงมือสีเทาเข้มแทน หลังจากเดินไป 100 เมตรเขาก็มายืนอยู่ที่หน้าอาคารเป้าหมาย เขาจับคางจ้องมองไปที่ราวเหล็กข้างหน้าหน้าต่างและครุ่นคิดเป็นเวลาห้าวินาที… หลิวจุนคนนี้อยู่บนเส้นทางสีเทามานานทำให้เขาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองเป็นอย่างมาก
อาคารนี้อยู่ไกลจากเขตชุมชนแถมตอนนี้ก็ตี 5 แล้วด้วยซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีนักพนันน้อยที่สุด เพราะแม้แต่นักพนันที่บ้าพนันมากที่สุดก็จะไม่อยู่จนถึงตอนนี้ ทำให้ในบริเวณชั้นที่ 1 ที่เป็นห้องไพ่นกกระจอกไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ตึกเล็กๆ หลังนี้ตอนนี้มีคนอยู่มากที่สุดก็แค่ 1 หรือ 2 คนเท่านั้น พวกเขาเหนื่อยมาทั้งคืนและน่าจะนอนหลับไปแล้วเช่นกัน
หลังจากที่ถานเสี่ยวเทียนเดินไปรอบๆ อาคาร เขาก็วางมือลงบนลูกกรงของหน้าต่างที่ชั้นหนึ่งและด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อยร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ด้วยมือและเท้าปีนเขาปีนขึ้นไปที่สอง
ด้านบนหลังคามีทางเข้าพิเศษที่ทำไว้สำหรับใช้ในการซ่อมแซมอาคารซึ่งมักจะถูกล็อกไว้ด้วยแม่กุญแจเหล็ก
ถานเสี่ยวเทียนหยิบลวดออกมาจากกระเป๋าและเสียบมันเข้าไปในรูกุญแจ หลังจากขยับสองสามครั้งเสียง คลิก! ก็ดังขึ้น
สามเหลี่ยมทองคำเป็นพื้นที่มีอาชญากรที่มีความสามารถรวมตัวกันมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศจีนด้วยเช่นกัน ที่นั่นมีทั้งโจร ทหารรับจ้าง นักฆ่าที่เลือดเย็นและสายลับที่เชี่ยวชาญในกลอุบายและยังเป็นแหล่งค้าประเวณีทุกประเภทอีกด้วย เมื่อถานเสี่ยวเทียนว่างและไม่มีอะไรทำเขาก็จะไปหาคนเหล่านี้เพื่อดื่ม พูดคุยและเรียนรู้ความสามารถของอีกฝ่าย
ครอบครัวของมู่หยูนั้นมีชื่อเสียงมากที่สุดในสามเหลี่ยมทองคำ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ถานเสี่ยวเทียนจดจำพวกเขาได้
ทางเข้าพิเศษเปิดออก ถานเสี่ยวเทียนยื่นหน้าเข้าไปข้างในและแอบฟังอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีใครอยู่บนชั้นสอง เขาก็กระโดดลงไปเหมือนกับแมวตีนเบาโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
บนชั้นสองมีห้องที่มีคำว่าแผนกการเงินและสำนักงานติดไว้ที่หน้าประตู
ถานเสี่ยวเทียนเดินตรงไปที่ห้องพร้อมกับลวดเหล็กสำหรับปลดล็อกประตูโดยครั้งนี้มีไขควงอันเล็กเพิ่มเข้ามาด้วย ภายในเวลาไม่ถึงนาที ประตูกันขโมยอันแน่นอนก็เปิดออก
ห้องทำงานของหลิวจุนรกมากทั้งกล่องบุหรี่ ไฟแช็กและนิตยสารวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะกาแฟแถมที่เขี่ยบุหรี่ก็เต็มไปด้วยก้นบุหรี่
ถานเสี่ยวเทียนเดินตรงไปที่โต๊ะและยื่นมือออกไปเปิดประตูไม้ที่ซ่อนอยู่บนผนังจนเผยให้เห็นตู้เซฟสีเขียวเข้มอยู่ข้างหลังประตู
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มหมุนรหัสล็อกที่ตู้เซฟสีเขียวเข้ม
5, 8, 3, 1, 6, 9
ด้วยเสียงคลิก! ตู้เซฟสีเขียวเข้มก็เปิดออก
ถานเสี่ยวเทียนดีใจมาก รหัสผ่านคือแบบเดิมจริงๆ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเอาชนะหลิวจุนในห้องสำนักงานนี้ ในตอนนั้นมันคือฤดูหนาวปี 2000 เขาได้บังคับให้หลิวจุนบอกรหัสผ่านตู้เซฟ หลิวจุนคงจะไม่แม้แต่จะฝันถึงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในชีวิตก่อนหน้านี้จะส่งผลกับเขาในตอนนี้ได้
ที่ชั้นบนของตู้เซฟมีธนบัตรร้อยหยวนจำนวน 8 กองโดยมีหนังสือและสมุดบันทึกหลายเล่มกองอยู่ตรงกลาง ถานเสี่ยวเทียนเปิดลิ้นชักด้านล่างออกและพบปืนพกสีดำเงาคู่หนึ่ง
ตาของถานเสี่ยวเทียนเป็นประกาย เขาเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาหนึ่งกระบอก จากน้ำหนักของมันแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเป็นของจริงแน่นอน ปืนพก type 63 นี้เป็นรุ่นที่ผลิตในประเทศ มันขนาดเล็กและสวยงามง่ายต่อการพกพาและปกปิด เสียงเองก็ไม่ดังมากเกินไปทำให้ง่ายต่อการใช้งาน [1]
ถานเสี่ยวเทียนไม่เกรงใจ เขาหยิบเอาเงิน 70,000 หยวน ปืนพก 1 กระบอกพร้อมกระสุนและสมุดหนึ่งเล่มออกมา จากนั้นเขาก็หยิบสมุดที่เหลือทั้งหมดกับปืนพกมารวมกันไว้ที่ลิ้นชักชั้นบนสุดของโต๊ะทำงานเพื่อที่จะให้ตำรวจเจอหลักฐานพวกนี้ได้ทันที เพราะสมุดบัญชีและสมุดโน๊ตเหล่านี้เป็นบัญชีกระแสรายวันของธุรกิจซึ่งเป็นหลักฐานการก่ออาชญากรรมทั้งหมดของหลิวจุน
หลังจากปิดตู้เซฟแล้ว ถานเสี่ยวเทียนก็ค่อยๆ ลบร่องรอยของตัวเองออกและจงใจเปิดประตูกันขโมยจากด้านในไว้หน่อยหนึ่ง จากนั้นเขาก็หนีออกไปโดยไม่มีใครรู้ตัว
เมื่อเวลา 07.00 น. มาถึง ถานเสี่ยวเทียนก็ปรากฏตัวในห้องเรียนของชั้นม.ปลายปีที่ 3 แล้ว
ในระหว่างการท่องหนังสือ เขาเหลือบมองไปที่นาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ราคา 60 หยวนบนข้อมือเป็นครั้งคราว
เมื่อเวลา 07:50 น. มาถึงและการเรียนด้วยตนเองก็สิ้นสุดลง ถานเสี่ยวเทียนออกจากโรงเรียนไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะและเตรียมจะโทรออกตามแผน
เวลา 08:05 น. เขาไปยังเบอร์ 2247986 ซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์รองผู้อำนวยการจินปิงชาง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมากกว่าสิบครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย
หลังจากนั้นทันที ถานเสี่ยวเทียนก็กดโทรศัพท์ไปหารองผู้อำนวยการโจวซินเฟย คราวนี้โชคดีมีเสียงผู้ชายที่แหบแห้งเล็กน้อยดังออกมา
“สวัสดี นั่นใคร?”
ถานเสี่ยวเทียนปรับลมหายใจของเขาและกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้นว่า “สวัสดีครับโจวจู ผมคือเสี่ยวหลี่จากกรมประชาสัมพันธ์! เราได้เห็นการประชุมยกย่องสำนักงานเทศบาลครั้งล่าสุดแล้ว” (โจวจู (จู) = ท่านรองโจว)
“โอ้… เสี่ยวหลี่นี่เอง!” โจวซินเฟยสับสนไปครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น?”
“ในอนาคตอันใกล้นี้ กระทรวงของเรามีแผนจะเปิดตัวรายงานชุดหนึ่งโดยจะมีสื่อต่างๆ มากมายเช่นวิทยุ โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์เข้าร่วมด้วย เนื้อหาหลักในรายงานคือเรื่องของกระทรวงรักษาความปลอดภัยสาธารณะ โดยเฉพาะหัวข้อเรื่องการเสี่ยงชีวิตเพื่อสำหรับประชาชนของตำรวจที่อยู่แนวหน้า ผมหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากโจวจูนะครับ”
“นี่เป็นสิ่งที่ดี! แน่นอนว่าผมจะต้องสนับสนุนแน่นอน เมื่อถึงเวลา ผมจะไปพูดคุยกับสำนักงานการเมืองมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
“ขอบคุณครับโจวจู คราวหน้าไว้ให้ผมได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อค่ำท่านสักมื้อนะครับ!”
ถานเสี่ยวเทียนชวนคุยอีกสองสามคำแล้ววางสาย
โจวซินเฟยวางหูลงและถูขมับอย่างสงสัย “เสี่ยวหลี่จากกรมประชาสัมพันธ์คือคนไหน? ทำไมฉันถึงจำไม่ได้? ยิ่งแกก็ยิ่งเลอะเลือนจริงๆ ฉัน…”
ถานเสี่ยวเทียนหยิบหนังสือพิมพ์สองสามฉบับออกจากกระเป๋าของเขาและกดหมายเลขโทรไปยังกองบรรณาธิการอย่างรวดเร็ว
“ข่าวภาคค่ำซานเฉิงใช่ไหมครับ? อยู่ตอนนี้มีบรรณาธิการคนไหนกำลังทำงานอยู่บ้าง? ผมโทรมาจากสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ตอนนี้มีเหตุฉุกเฉิน!”
น่าประหลาดที่เสียงจากปากของถานเสี่ยวเทียนในตอนนี้นั้นเหมือนกับเสียงของโจวซินเฟยอย่างมากโดยมีความคล้ายคลึงกันมากกว่า 70%
“นั่นใช่บรรณาธิการจางหรือเปล่า? ฉันโจวซินเฟยรองผู้อำนวยการสำนักงานเขต ฉันเพิ่งพูดคุยกับกรมประชาสัมพันธ์และหวังว่าหนังสือพิมพ์จะติดตามให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ตอนนี้เรามีคดีสำคัญ คุณช่วยส่งคนมาเลยได้ไหมแล้วฉันโทรคุยกับหัวหน้ากองบรรณาธิการมาทีหลัง!”
“ดี! เวลา 08:30 น. ที่ซอยซิงฟู่ 3 เขตหลิวเจี่ยซีตะวันตกมีอาคารสีเทาสองชั้นขนาดเล็ก เมื่อนักข่าวไปถึงคุณสามารถติดต่อกับตำรวจอาชญากรรมที่นั่นได้เลย”
หลังจากวางสายจากสำนักงานหนังสือพิมพ์ ถานเสี่ยวเทียนก็กดหมายเลขโทรหาสถานีโทรทัศน์ต่อทันที
“ใช่สถานีโทรทัศน์หรือเปล่า? ฉันมาจากสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ฉันมีเหตุฉุกเฉินและจะขอให้นักข่าวภาคสนามติดตาม…”
…
ในเขตการค้าประเวณีของสามเหลี่ยมทองคำมีโสเภณีมากมายที่นั่น ตราบใดที่คุณเลี้ยงเหล้าเธอสักแก้ว คุณก็จะได้สัมผัสกับเสียงบางอย่างที่จะทำให้ผู้ชายนั้นตื่นตัวและเวลาที่ถานเสี่ยวเทียนไปที่บาร์ นอกเหนือจากเรื่องตลกแล้ว เขาก็ยังได้เรียนรู้วิธีแยกแยะเสียงของมนุษย์อย่างช้าๆ ทั้งวิธีค้นหาลักษณะเฉพาะและวิธีควบคุมกล้ามเนื้อคอเพื่อเลียนแบบคนอื่น
การโทรศัพท์ครั้งแรกของถานเสี่ยวเทียนนั้นเพื่อจดจำเสียงและวิธีการพูดของโจวซินเฟย
ด้วยทักษะเล็กๆ สามารถแก้ปัญหาใหญ่ๆ ได้ เว้นแต่อีกฝ่ายจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับโจวซินเฟยเป็นอย่างดีเพราะคนเหล่านั้นจะจำเสียงของโจวซินเฟยได้
[1] อันนี้หาไม่เจอจริงๆ ครับผมเลยเดาๆ เอาว่าน่าจะเป็น type 63 รุ่นที่ผลิตในจีนหรือชื่อรุ่นสากลว่า FEG PA-63 (63式7.62毫 คำเดิมของจีนด้วยชื่อและขนาดกระสุนแล้วมันคือปืนกลไม่ใช่ปืนพก WTF ขออภัยในความไม่สัดทัดในเรื่องนี้)