บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 3
บทที่ 3 ไล่ต้อนอย่างดุดัน
หญิงสาวกลัวจนร้องไห้และรีบก้มหน้าขอโทษถานเสี่ยวเทียนอย่างร้อนรน เธอที่อยู่ในฝุ่นธุลีมานานย่อมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อโสเภณีอย่างเธอตกไปอยู่ในมือของตำรวจ
“น้องชายได้โปรดยกโทษให้พี่สาวคนนี้ด้วย! ฉันเพียงแค่สับสนไปครู่หนึ่งเท่านั้น ฉันผิด ฉันผิดไปแล้ว”
ลำไส้หมูเช็ดเหงื่อด้วยมือของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เฮ้อ ดีที่ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เพราะความเลอะเลือน มันเกือบจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปแล้วไหมล่ะ ไป! รีบๆ ไล่เธอออกไปเถอะ!”
เขาโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่าพยายามที่ไล่หญิงสาวออกไปให้ไวที่สุด
แต่ประตูทางออกนั้นถูกถานเสี่ยวเทียนกั้นเอาไว้ การที่หญิงสาวจะออกไปได้เธอก็จะต้องผ่านประตูนี้ไปให้ได้ก่อน
ทันทีที่เธอหันกลับมา ถานเสี่ยวเทียนก็พูดขึ้นว่า “คิดว่าผมจะปล่อยให้คุณไปงั้นเหรอ?”
เขาเดินไปที่ลำไส้หมูและสะบัดด้วยมือข้างหนึ่ง เสียงแตกหัวดังออกมาจากมือของลำไส้หมูที่จับหม่าเหว่ยเอาไว้ ร่างกายของลำไส้หมูราวกับถูกไฟฟ้าช็อต มือของเขาปล่อยออกอย่างไม่สามารถความคุมได้
“หม่าเหว่ย ออกไปโทรเรียกพ่อของนายมา”
เมื่อพูดจบ ถานเสี่ยวเทียนก็หันกลับหลังแล้วเอามือไปวางไว้บนไหล่ของหญิงสาวแล้วกดเบาลงๆ… หญิงสาวกรีดร้องและทรุดตัวลงบนเก้าอี้
“ฮวาเฟินฟาง ลูกสาวของคุณน่าจะอายุ 1 ขวบใช่ไหม? เด็กคนนี้น่าสงสารมากจริงๆ เธอไม่เคยเจอหน้าพ่อตั้งแต่ยังเป็นเด็กและหลังจากนี้เธอก็จะไม่มีวันได้เจอแม่ของเธออีกแล้วด้วย” เสียงของถานเสี่ยวเทียนเบามากจนไม่มีใครได้ยินนอกจากฮวาเฟินฟางที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าขาวราวกับหิมะของเธอเปลี่ยนเป็นสีตับหมูไปในทันทีพร้อมกับน้ำตาที่เหมือนลูกปัดที่แตกหักไหลออกมา
ถานเสี่ยวเทียนสามารถเรียกชื่อจริงของเธอได้ แถมเขายังรู้อีกด้วยว่าเธอมีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้เธอตกใจกลัวจนน้ำตาไหล
เธอร้องไห้และจับแขนเสื้อชุดนักเรียนของถานเสี่ยวเทียนไว้แน่น “น้องชาย ผู้ใหญ่จะไม่รังแกเด็ก ละเว้นฉันเถอะ ลูกสาวของฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน…”
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกความจริงออกไป ไม่อย่างนั้นผมจะโทรแจ้งตำรวจ” ถานเสี่ยวเทียนพูดออกมาด้วยเสียงที่เบามาก แต่เมื่อเขาพูดคำสุดท้ายที่ว่าจะโทรหาตำรวจ เขาก็โพล่งมันออกมาดังๆ จนทำให้ฮวาเฟินฟางตกใจจนขาอ่อนล้มลงกับพื้น
วิธีนี้เป็นจิตวิทยาการสอบสวนที่ถานเสี่ยวเทียนเรียนรู้จากการเข้าไปทำงานร่วมกับตำรวจในชีวิตก่อนหน้านี้ อย่างแรกเขาใช้คำพูดที่เป็นจริงและน่าหวาดหวั่นเพื่อรบกวนจิตใจของอีกฝ่ายทีละขั้น และสุดท้ายก็ทำลายจิตใจของอีกฝ่ายโดยตรงด้วยการโจมตีด้วยคำพูดที่ทรงพลัง
ฮวาเฟินฟางหวาดกลัวจนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป “ฉันจะพูดๆ ทั้งหมดเป็นเพราะผู้อำนวยการจู เขาให้เงินกับฉัน 3000 หยวนเพื่อให้ฉันมาใส่ความคุณ โดยให้ฉันมากล่าวหาว่าคุณ… “
ความโกลาหลเกิดขึ้นทันที ไม่เพียงแต่นักเรียนเท่านั้นที่ตกตะลึง แต่เหรินชูเฟินและอาจารย์ใหญ่หลี่กงเหลียงเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน
นี่มันแปลกเกินไป ทำไมผู้อำนวยการของโรงเรียนจึงใช้วิธีที่น่ารังเกียจเช่นนี้เพื่อใส่ร้ายนักเรียนในโรงเรียนของตัวเอง?
“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ อาจารย์ใหญ่หลี่ อาจารย์เหริน ผู้หญิงคนนี้กำลังใส่ร้ายผม…” ลำไส้หมูพยายามอธิบายอย่างหมดหวัง
อะแฮ่ม…
หลี่กงเหลียงซึ่งไม่ได้พูดเลยตั้งแต่เข้ามาในห้องเรียน ในที่สุดก็กระแอมในลำคอและพูดขึ้น
“ผู้อำนวยการจูเราจะพูดถึงเรื่องนี้กันทีหลัง นักเรียนหม่าเหว่ยอย่าเพิ่งรีบโทรแจ้งตำรวจเลย อาจารย์เชื่อว่าโรงเรียนมัธยมแห่งแรกเมืองซานเฉิงของเราจะจัดการเรื่องนี้ได้ ส่วนนักเรียนที่อยู่ตรงทางเดินก็รีบกลับไปเรียนกันได้แล้ว อาจารย์เหรินเวลานี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด เราไม่ควรปล่อยให้นักเรียนฟุ้งซ่าน เริ่มสอนเถอะ”
เสียงของหลี่กงเหลียงค่อนข้างหนักแน่น แต่ความเร็วในการพูดของเขานั้นช้ามาก ทุกๆ คนสามารถได้ยินทุกคำของเขาได้อย่างชัดเจนและอดไม่ได้ที่จะทำตามคำแนะนำของเขาทันที
นักเรียนที่มามุงดูความตื่นเต้นแยกย้ายกันออกไป ส่วนเหรินชูเฟินก็ทำให้นักเรียนชั้นปี 3 สงบลง ในไม่นานทั้งชั้นก็กลับสู่ความสงบ
หลี่กงเหลียงมองไปที่ถานเสี่ยวเทียนและยิ้ม “นักเรียนเสี่ยวเทียน คิดว่าอย่างไรถ้าเราจะไปพูดคุยเรื่องนี้กันต่อที่ห้องทำงานของฉัน? ฉันรับปากว่าเธอจะได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน”
ถานเสี่ยวเทียนโค้งคำนับหลี่กงเหลียงแล้วกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ใหญ่หลี่ ตั้งแต่ท่านมารับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้ อัตราการสอบเข้าวิทยาลัยของโรงเรียนเราก็เพิ่มขึ้นทุกปี เงินเดือนและสวัสดิการของเหล่าอาจารย์เองก็เพิ่มขึ้น ทั้งความพึงพอใจของอาจารย์และนักเรียนในโรงเรียนก็ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดที่ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนไม่เคยมีจนกล่าวได้ว่า เวลานี้เป็นเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของโรงเรียนของเรา”
จู่ๆ ถานเสี่ยวเทียนก็พ่นคำชมมากมายออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ในชีวิตก่อนหน้านี้ หลี่กงเหลียงคนนี้ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานคณะกรรมการการศึกษามณฑลซานเฉิงโดยอาศัยความคิด คำพูดและการกระทำที่รอบคอบ ต่อจากนั้นเขาก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นประธานด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและสุขภาพ
ถานเสี่ยวเทียนกำลังเตือนเขาอย่างลับๆ ว่าอย่าทำลายอนาคตของตัวเองเพียงเพราะลำไส้หมูคนนี้จะดีกว่า
“อาจารย์ใหญ่หลี่ ก่อนจะไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ ผมขอถามอีกหนึ่งคำถามนะครับ”
หลี่กงเหลียงเริ่มขมวดคิ้ว ถานเสี่ยวเทียนหันไปถามฮวาเฟินฟาง “ในเมื่อคุณไม่รู้จักผมแล้วคุณหาผมเจอในครั้งเดียวได้ยังไง?”
ฮวาเฟินฟางเหลือบมองที่ลำไส้หมูอย่างอับอาย “มีรูปของคุณอยู่ในห้องโถงและเขาเป็นคนบอกฉัน”
ในตู้โชว์ทั้งสองฝั่งของห้องโถงของอาคารเรียนมีรูปถ่ายของทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนติดอยู่
“แล้วกางเกงในตัวนี้มาจากไหน?”
“เขาเป็นคนให้ฉัน เขาบอกว่าตราบใดที่ฉันเอากางเกงในตัวนี้ออกมา ทุกคนจะเชื่อว่าคุณเคยหลับนอนกับฉัน…”
“ทำไมผู้อำนวยการจูถึงอยากให้คุณใส่ร้ายผม?” ถานเสี่ยวเทียนไม่ได้วางแผนที่จะไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่หลี่กงเหลียงต้องการตั้งแต่แรกแล้ว เขาถามฮวาเฟินฟางออกมาต่อหน้าทุกคน
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้จริงๆ ฉันแค่รับเงินแล้วมาทำงาน” ฮวาเฟินฟางก้มหน้าลง
“คุณไม่รู้ แต่ผมรู้… ในสัปดาห์หน้าจะเป็นเวลาสำหรับการสอบคัดเลือกนักกีฬาระดับประเทศ โรงเรียนมัธยมของเรานั้นมีโควต้าจำกัดและหลานชายของผู้อำนวยการจูเองก็ต้องการใบรับรองนักกีฬาระดับประเทศเช่นกัน เขาจึงมาคุยกับผมเรื่องที่จะให้หลานชายเข้าทีมบาสเกตบอล แต่น่าเสียดายที่เขาวิ่งเร็วหรือกระโดดสูงไม่ได้ทำให้ผมในฐานะที่เป็นกัปตันทีมบาสเกตบอลบอกปฏิเสธเขาไป เพราะถ้าผมอนุญาตให้หลานชายเขาเข้าทีม ผมก็จะต้องสูญเสียผู้เล่นตัวจริงของผมไป… สิ่งที่ผมต้องการจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว เราจะไปคุยกันที่ไหนดีครับอาจารย์ใหญ่หลี่?” ถานเสี่ยวเทียนยืนสงบนิ่ง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หลี่กงเหลียง
การแสดงออกของหลี่กงเหลียงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่คลื่นลูกใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้นในหัวใจของเขาแล้ว
ตั้งแต่ที่โรงเรียนก่อตั้งขึ้นมาเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว เรื่องในวันนี้คงเป็นครั้งแรกและมันก็ถือเป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ ที่ผู้อำนวยการของโรงเรียนพยายามใส่ร้ายป้ายสีนักเรียนของตัวเองว่าค้าประเวณี แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือนักเรียนคนนั้นกลับแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ถานเสี่ยวเทียนคนนี้ใช้คำถามเพียง 3 ข้อเพื่อทำให้ความจริงชัดเจนออกมาและเพื่อป้องกันว่าฉันจะไม่ยุติธรรมแก่เขา ถานเสี่ยวเทียนจึงกล่าวคำชมฉันออกมาต่อหน้าทุกๆ คน ด้วยอุบายและการวางแผนระดับนี้ นักเรียนมัธยมปลายธรรมดาสามารถทำมันได้จริงๆ งั้นเหรอ? เด็กคนนี้ฉลาดเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำถามสุดท้ายที่ว่า‘จะไปคุยกันที่ไหนดี?’ที่ดูเหมือนจะเป็นคำถามธรรมดา แต่จริงๆ แล้วมันยังมีความลึกลับอีกเรื่องหนึ่งแฝงอยู่ เพราะที่ที่จะไปมันเป็นไปได้ที่จะเป็นสำนักงานของฉันหรืออีกความหมายหนึ่งคือเขาสามารถไปที่คณะกรรมการการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อรายงานและเปิดเผยเรื่องราวในครั้งนี้ทั้งหมด เขากำลังรอดูคำตอบของฉันอยู่!
หลี่กงเหลียงลังเลเพียงสองสามวินาทีก่อนที่เขาจะตัดสินใจ เขารับหน้าที่อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมนี้มาเป็นเวลา 3 ปีแล้วและด้วยความสัมพันธ์กับคนระดับบนทั้งหมดที่เขาสะสมมา หลังจากประกาศผลการสอบเข้าวิทยาลัยในปีนี้ เขาก็จะสามารถเข้าร่วมกับคณะกรรมการการศึกษาได้ เขาจะยอมให้เรื่องของผู้อำนวยการจูในครั้งนี้ทำลายอนาคตที่เขาพยายามทำมาตั้งนานได้อย่างไร?
“นักเรียนเสี่ยวเทียน อาจารย์เหริน ผู้อำนวยการจูและคุณผู้หญิงคนนี้ คุณไปกับผมที่ห้องสำนักงานของผมและผมรับปากว่าจะจัดการทุกอย่างอย่างเป็นกลางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนก็ไม่สามารถทำให้ความบริสุทธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ของสถานศึกษาแห่งนี้เสื่อมเสียได้” หลี่กงเหลียงกล่าวด้วยเสียงดังก้อง
ถานเสี่ยวเทียนมีความสุขมาก อุปสรรคแรกหลังจากการเกิดใหม่ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ในห้องทำงานของหลี่กงเหลียง ลำไส้หมูหน้าด้านยังคงต้องการปฏิเสธ แต่ด้วยคำพูดของหลี่กงเหลียงที่ว่า “ถ้าคุณเชื่อว่าคุณไม่ได้ทำ เราสามารถแจ้งตำรวจได้เดี๋ยวนี้!” ก็ปราบเขาลงอย่างง่ายดาย
“คุณควรจะพักงานเพื่อและรอจนกว่าโรงเรียนจะตรวจสอบความจริงก่อน หากมีการกระทำที่ผิดกฎหมายจริง… ทางโรงเรียนจะไม่ทนกับมัน!” หลังจากที่หลี่กงเหลียงพูดความคิดของเขาออกมา เขาก็หันไปสังเกตท่าทางของถานเสี่ยวเทียนอย่างระมัดระวัง ท้ายที่สุดในใจของเขาก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับเบื้องหลังของลำไส้หมูอยู่ เขาจึงบอกออกมาว่าเขาจะจัดการกับมันหลังจากสืบรู้ความจริงแล้วโดยไม่ได้บอกว่าจะให้ใครควรสอบสวนหรือจะสอบสวนยังไง… ทั้งหมดที่พูดออกมานี้ก็เพื่อในเรื่องราวในครั้งนี้จบลง
ความหวังริบหรี่เกิดขึ้นในใจของลำไส้หมู ตราบใดที่เขารอดไปได้ในวันนี้ ในอนาคตเขาจะไม่มีทางยอมรับความผิดแน่นอน
“นักเรียนเสี่ยวเทียน เธอคิดว่าวิธีนี้ดีหรือไม่?” หลี่กงเหลียงถามออกมาเบาๆ เขาแน่ใจว่าจะสามารถหลอกถานเสี่ยวเทียนที่ยืนอยู่ตรงข้ามที่เป็นเพียงเด็กอายุ 1718 ปีได้แน่นอนเพราะไม่ว่าเขาจะน่าทึ่งแค่ไหน เขาจะสามารถมาเป็นคู่ต่อสู้กับจิ้งจอกเฒ่าที่จมอยู่ในระบบแบบนี้มาตลอดชีวิตได้อย่างไร?
“อาจารย์ใหญ่หลี่ช่างมีความสามารถจริงๆ…” ถานเสี่ยวเทียนยกมือขึ้นตบสองครั้ง “แต่ผมขอแนะนำว่าควรให้ผู้อำนวยการจูเขียนรายงานการลาออกตอนนี้และให้อาจารย์ใหญ่หลี่ลงนามยืนยันเลยจะดีกว่านะครับ เพราะผมกำลังจะสอบเข้ามหาลัย ผมไม่มีเวลามาติดตามเรื่องแบบนี้หรอกครับ ถ้าอำนวยการจูไม่เขียนใบลาออกตอนนี้ผมก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรายงานเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อให้พวกเขาส่งคนมาแก้ไขเรื่องนี้ นอกจากนี้ พ่อของจางต้าเผิงเพื่อนของผมเองก็เป็นผู้อำนวยคณะกรรมการการศึกษาระดับมณฑล เขาสามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงนะครับ”
ขณะที่ถานเสี่ยวเทียนพูดมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าของหลี่กงเหลียงยิ่งก็แย่ลงเรื่อยๆ
ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะ “ก็ดี เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีกต่อไป! จูต้าฉางที่โรงเรียนนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับคนประพฤติผิดอีกต่อไป คุณเขียนจดหมายลาออกมาเดี๋ยวนี้!”
ลำไส้หมูนั้นเข่าอ่อน เขาร้องไห้และอ้อนวอนออกมา “อาจารย์ใหญ่หลี่ช่วยผมด้วย ผมไม่กล้าอีกแล้ว”
หลี่กงเหลียงพูดอย่างเคร่งขรึม “ขอร้องผมไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าคุณไม่เขียน ผมจะให้ตำรวจตรวจสอบคุณ!”
สิ่งนี้เหมือนกับที่ถานเสี่ยวเทียนพูดไว้ ถ้าคุณไม่เขียน เขาก็จะรายงานเรื่องนี้ทันที
ลำไส้หมูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเขียนจดหมายลาออกขณะที่ร้องไห้ไปด้วย
หลี่กงเหลียงลงนามรับรองการลาออก
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ถานเสี่ยวเทียนก็แสดงความเคารพต่อหลี่กงเหลียงและเหรินชูเฟินก่อนที่จะออกจากห้องไป
เหรินชูเฟินมองดูแผ่นหลังของเขาแล้วขยี้ตาอย่างแรง เธอดูแลนักเรียนคนนี้มาสามปี แต่ออร่าอันทรงพลังของเขาในวันนี้ทำให้เธอต้องตกตะลึง
ถานเสี่ยวเทียนปิดประตูห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ลงด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ในชาติก่อนเขาเคยแม้กระทั่งเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ในอเมริกาใต้ ทั้งพวกยากูซ่าญี่ปุ่นและพวกมหาเศรษฐีแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้กระทั่งมาเฟียอิตาลีเขายังก็ยังเคยต่อรองเอาเปรียบมาแล้ว… การบังคับผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายให้ลาออกสำหรับเขานั้นไม่ถือว่าเป็นอะไร
นี่มันก็ไม่ต่างจากการส่งเขาที่เป็นผู้เล่นมืออาชีพที่คุ้นเคยกับการเล่นกับบอสให้กลับมาที่หมู่บ้านของพวกมือใหม่ (หมูบ้านเริ่มต้น) แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการจัดงานเลี้ยงสังหารหมู่ให้เขาไม่ใช่เหรอ?