บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 21 ข่มขืน
บทที่ 21 ข่มขืน
ฉู่ถิงมองดูเครื่องเรือนในห้องอย่างสงสัย โต๊ะเก่า ผนังเป็นรอยด่างและทีวีรุ่นเก่าขนาด 18 นิ้ว สิ่งที่ทันสมัยเพียงอย่างเดียวในห้องคือโปสเตอร์ของไมเคิลจอร์แดนบนผนัง
ถานเสี่ยวเทียนออกมาจากห้องน้ำและเช็ดผมเปียกด้วยผ้าขนหนู
เพื่อขจัดความเขินอาย ฉู่ถิงชี้ไปที่โปสเตอร์และถามว่า “ชายคนนั้นคือไมเคิลจอร์แดนหรือเปล่า? เขาเล่นบาสเกตบอลเก่งมากไหม?”
พูดถึงเรื่องนี้ ถานเสี่ยวเทียนก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา หลังเกิดใหม่จนถึงตอนนี้มีสิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุด 2 อย่างเนื่องจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หนึ่งคือเขาไม่เห็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของไมเคิลจอร์แดนในรอบชิงชนะเลิศระหว่าง Bulls และ Utah Jazz ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และอีกอย่างคือเขาไม่ได้ดูฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่ม แต่โชคยังดีที่เขาจะได้ดูรอบรองชนะเลิศที่จะเตะในคืนนี้และรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 13 กรกฎาคม
“เก่งสิ เก่งมาก แต่น่าเสียดายที่ฉันจะไม่ได้เห็นเขาแข่งอีกแล้ว” ถานเสี่ยวเทียนกล่าวอย่างสบายๆ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? เขาตายแล้ว?” ฉู่ถิงที่ตาบอดสนิท ถามด้วยความสับสนด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสาของเขา
“ไม่ เขาวางมือแล้ว” ทันทีที่พูดออกไป ถานเสี่ยวเทียนเสียใจขึ้นมาทันที ในอดีตไมเคิลจอร์แดนจะจัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศการวางมือของเขาในเดือนมกราคมปี 1999 ซึ่งตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น
แต่โชคดีที่ฉู่ถิงไม่เข้าใจเรื่องนี้ เธอจึงไม่ได้สงสัยอะไรเพิ่มอีก
ฉู่ถิงเดินไปรอบๆ ร้านอาหาร ถานเสี่ยวเทียนที่เดินตามเธอก็อธิบาย “นี่คือบ้านเช่ามีห้องนอน 2 ห้องและ 1 ห้องนั่งเล่น ครอบครัวของฉันเคยอาศัยอยู่ที่หน้าสถานี แต่ย้ายมาที่นี่เพราะที่นี่คือถนนคนเดินหลงต้า”
ถานเสี่ยวเทียนเปิดตู้เย็น “หัวหน้าห้องนั่งลงก่อน อากาศร้อนมาก เธออยากกินไอติมไหม?”
แก้มของฉู่ถิงแดงขึ้นและสั่นศีรษะด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ ฉันไม่อยากกิน”
“โอ้! ไม่เป็นไร!” ถานเสี่ยวเทียนพยักหน้า
ฉู่ถิงหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิมและกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง “ถานเสี่ยวเทียน นายเป็นคนโกง”
“ตอบฉันมาเลยว่านายรู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไง?” ฉู่ถิงเดินกดดันถานเสี่ยวเทียนไปที่มุมห้อง
ถานเสี่ยวเทียนยิ้มกว้าง น้ำเสียงของเขาแผ่วลง แสร้งทำเป็นลึกลับ “ในเมื่อเธอรู้แล้ว ฉันก็จะไม่ซ่อนมันจากเธออีกต่อไป อันที่จริงฉันไม่ใช่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ”
เขาชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า “ฉันรู้จักคนที่ทำข้อสอบและพวกเขาบอกฉัน”
“ฉันไม่เชื่อ เรื่องแบบนั้นไม่สามารถเป็นไปได้” ฉู่ถิงยื่นมือออกไปดันเขาด้วยความโกรธ
เธอพยายามดันและดันอีกครั้ง แต่ถานเสี่ยวเทียนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
ทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ใกล้กันมาก
มากจนถานเสี่ยวเทียนได้กลิ่นหอมที่สดชื่นจากร่างกายของฉู่ถิง
“นาย นาย…” ฉู่ถิงตระหนักอะไรบางอย่างและต้องการจะถอยกลับ แต่…
“หัวหน้าห้อง เวลาเธอไม่ใส่แว่นและไม่ใส่เหล็กดัดฟันแบบนี้ เธอดูสวยมากเลยนะ” ถานเสี่ยวเทียนลุ่มหลง วิญญาณของเขาเป็นชายชราผู้มากประสบการณ์ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่บริสุทธิ์และสวยงามเช่นนี้ มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะตกหลุมรักเธอ
เขาก้าวไปข้างหน้า
จนทั้งสองเกือบจะตัวติดกัน
ฉู่ถิงเธอเงยหน้าขึ้นและหลับตาที่สวยงามของเธอลงช้าๆ
ถานเสี่ยวเทียนก้มหน้าลง
ความรับผิดชอบอะไร? อนาคตอะไร? ฉันไม่สนมันแล้ว!
ขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองกำลังจะสัมผัสกัน จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อกๆ ……
จากนั้นเสียงที่น่ารำคาญของจางต้าเผิงก็ดังขึ้น
“พี่เทียนเปิดประตูด่วนเลย สายขนาดนี้แล้วพี่จะนอนไปถึงไหน” เสียงตะโกนของจางต้าเผิงดังไปทั่วบ้าน
ทั้งสองได้สติขึ้นพร้อมกัน
อ๊าาา……
ฉู่ถิงอุทานออกมา
“จะทำยังไงดี? ถ้าเขาเข้ามาเห็นฉัน ฉันจะต้อง…”
มือเล็กๆ ราวกับหิมะจับแขนถานเสี่ยวเทียนด้วยความร้อนรน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
“ไปซ่อนในห้องแม่ของฉันก่อน” ถานเสี่ยวเทียนจับมือฉู่ถิงและส่งเธอไปที่ห้องนอนของพ่อแม่ของเขาแล้วเก็บกระเป๋านักเรียนของฉู่ถิงเข้าไปไว้ข้างในห้องของตัวเองแล้วปิดประตู จากนั้นเขาก็เช็ดหน้าแล้วก็เดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน
เมื่อประตูเปิดออกก็เป็นตามที่คาดไว้ คนที่มาคือจางต้าเผิงและหม่าเหว่ย เพื่อนแสนดีสองคนที่มาขัดจังหวะเขา
“พวกนายจะเคาะแรงอะไรขนาดนี้ ถ้าเพื่อนบ้านเกิดกลัวแล้วแจ้งตำรวจขึ้นมาจะทำยังไง?” ถานเสี่ยวเทียนจงใจยืนขวางประตู “พวกนายรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะไปเอากระเป๋านักเรียน…”
จางต้าเผิงผลักถานเสี่ยวเทียนและบุกเข้าไปในบ้าน “ไอติม! ขอไอติมอันหนึ่ง ฉันร้อนไม่ไหวแล้ว”
และแน่นอนว่าเขาไม่รอคำตอบจากถานเสี่ยวเทียน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบไอติมออกมากินโดนไม่สนใจเจ้าของบ้านเลยแม้แต่น้อย
หม่าเหว่ยยืนอยู่กลางห้อง หลังจากสูดดมแรงๆ สองครั้งเขาก็ทำหน้าประหลาดใจออกมา “ทำไมมีกลิ่นน้ำหอมล่ะ?”
ตอนนี้ ถานเสี่ยวเทียนต้องการจะบีบคอเจ้าหมาที่มีหน้าตาเหมือนมนุษย์ตัวนี้ให้ตายคามือ คนบ้าอะไรจะมีจมูกที่ดีขนาดนี้? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ในอนาคตเขาจะได้เป็นรองหัวหน้าหน่วยตำรวจอาชญากรรม
เมื่อได้ยินว่าในห้องมีกลิ่นน้ำหอม จางต้าเผิงก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาหันหน้ากลับไปสูดกลิ่นแรงๆ พยายามจะดมกลิ่นหาเบาะแสบางอย่าง
“ที่พี่เทียนมาเปิดประตูนานขนาดนั้นแสดงว่าพี่เทียนกำลังทำอะไรกับ…”
เมื่อเขาผลักประตูห้องด้านหลังเข้าไป สิ่งที่เขากำลังจะพูดก็หายไปทันที
ในห้องด้านหลัง ฉู่ถิงกำลังนั่งหันหลังในประตูอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าแบบโบราณ เธอไหล่กระตุก เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังสะอื้นร้องไห้
เวรแล้วไง!
ตาของจางต้าเผิงเบิกกว้างและกลายเป็นโง่งมไปในทันที
หม่าเหว่ยเองก็ตกตะลึงมากๆ เช่นกัน
ถานเสี่ยวเทียนรีบเข้ามาอธิบายอย่างร้อนรน “หัวหน้าห้องมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการสอบที่ผ่านมา เพราะอากาศมันร้อนเกินไปจนเธอเวียนหัว ฉันจึงให้เธอมาพักผ่อนในห้องนี้ก่อน แล้วพวกนายสองคนก็มากันพอดี”
เมื่อได้สติหม่าเหว่ยก็รีบลากจางต้าเผิงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว “เจ้าอ้วนเรารีบไปโรงเรียนกันเถอะ เสี่ยวเทียนอย่าไปโรงเรียนสายล่ะ…”
จางต้าเผิงพยายามดิ้นรนและตะโกนว่า “พี่เทียน นัดเตะระหว่างฝรั่งเศสกับโครเอเชียคืนนี้ พี่จะไปดูกับพวกเราไหม?”
“หยุดพูดได้แล้ว รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!” หม่าเหว่ยลากเจ้าอ้วนออกไปทันที
ทั้งสองคนก้มหน้าและเดินออกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งพวกเขาออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยก็มองหน้ากัน “นายว่าพี่เทียนข่มขืนหัวหน้าห้องหรือเปล่า?”
เจ้าพวกบ้าทั้งสองจากไปพร้อมกับความคิดบ้าๆ ในหัว ตอนนี้ในบ้านกลับมาเงียบอีกครั้ง มันเงียบจนได้ยินเสียงเข็มตก
ถานเสี่ยวเทียนเกาหัวและคิด จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องน้ำเพื่อหยิบผ้าขนหนูและเดินกลับมาหาฉู่ถิง “หัวหน้าห้อง เช็ดหน้าของเธอก่อน”
ฉู่ถิงไม่สนใจเขา เธอทำเพียงก้มหน้าและสะอื้นร้องไห้
“อย่าร้องเลยนะ ถ้าเธอร้องไห้มากๆ มันจะทำให้เธอไม่สวยนะ”
…
“งั้นให้ฉันเลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์เธอตอนเที่ยงได้ไหม”
“แล้วพิซซ่าล่ะ?”
“หลงเปา?”
“ซุปเผ็ด?”
เมื่อถานเสี่ยวเทียนกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับอาหารมื้อต่อไป ฉู่ถิงก็หันกลับมาและบ่นทั้งน้ำตาว่า “นายเป็นหมูหรือไงถึงได้แต่กิน?”
“ก็ฉันไม่อยากให้เธอร้องไห้…” ถานเสี่ยวเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตราบใดที่เธอเต็มใจที่จะพูด เขาก็ไม่กลัวว่าจะง้อเธอไม่ได้
“ทำยังไงดี? ถ้าทั้งสองคนเอาเรื่องนี้ไปพูดที่โรงเรียนล่ะ?” มือเล็กๆ ทั้งสองข้างของฉู่ถิงแทบจะฉีกชายเสื้อของเขาแล้ว
ถานเสี่ยวเทียนเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกไปทั้งนั้น”
ฉู่ถิงหลั่งน้ำตาออกมาเป็นรอยยิ้ม ราวกับดอกแพร์หลังฝนตกที่ทั้งสวยงามและไม่อาจจะต้านทานได้
ถานเสี่ยวเทียนใช้ประโยชน์จากรอยยิ้มนี้เช็ดหน้าให้เธออย่างอ่อนโยน และในที่สุดอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้น
ทั้งสองรีบไปโรงเรียนเพื่อประเมินคะแนนในการสอบเข้าวิทยาลัยของตนโดยพิจารณาจากคำตอบที่ถูกต้องของคุณครู
การประเมินคะแนนวิชาภาษาจีนของถานเสี่ยวเทียนอยู่ระหว่าง 125 ถึง 130 คณิตศาสตร์อยู่ระหว่าง 95 ถึง 100 ศิลปศาสตร์ระหว่าง 195 ถึง 200 และภาษาอังกฤษอยู่ระหว่าง 145 ถึง 150 โดยมียอดรวมระหว่าง 560 ถึง 580 เมื่อนับคะแนนพิเศษกีฬาอีก 20 คะแนน มันอาจจะยังไม่ถึง 600 คะแนน ทำให้ความหวังในการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยตงไห่เริ่มห่างไกลออกไป
แต่ไม่ว่าจะยังไง คะแนนของเขาในตอนนี้อยู่ห่างไกลจากชีวิตก่อนหน้านี้มาก และถานเสี่ยวเทียนก็ค่อนข้างพอใจกับมัน เพราะนอกเหนืออื่นใดแล้ว ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจเรื่องหัวใจของตัวเองได้แล้ว
หากเป็นในชีวิตก่อนหน้านี้ ด้วยผลคะแนนขนาดนี้ ตอนนี้ตัวของถานเสี่ยวเทียนคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไปแล้ว
แต่หลังจากประสบกับความเป็นและความตายมามากมาย หลังจากผ่านกาลเวลาและโชคชะตาที่ทับซ้อนกัน ทำให้ถานเสี่ยวเทียนในเวลานี้สามารถสงบสติอารมณ์และยิ้มได้กับทุกๆ สิ่ง