บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 14
บทที่ 14 ร่างกายของเด็ก(น่ากิน)
ในโรงเรียนถานเสี่ยวเทียนและฉู่ถิงยังคงเจอกันปกติ แต่เนื่องจากคำสั่งเด็ดขาดของครอบครัวฉู่ทำให้ทั้งสองไม่มีโอกาสที่จะอยู่ด้วยกันหลังเลิกเรียนอีกต่อไป
ฉู่ถิงไม่พอใจกับเรื่องนี้จริงๆ และถานเสี่ยวเทียนก็ทำได้เพียงแค่ปลอบเธอไปว่า ที่พ่อแม่ของเธอทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเธอเองนะ หลังจากการสอบเข้าวิทยาลัยสิ้นสุดลง มันจะดีขึ้นกว่านี้
ไม่นานเดือนเมษายนและการสอบจำลองครั้งที่สองของเมืองซานเฉิงก็มาถึงตามกำหนด
หลังจากผลสอบออกมาก็มีทั้งคนที่มีความสุขและคนที่เต็มไปด้วยความเศร้า ฉู่ถิงนักเรียนชั้นนำยังคงครองตำแหน่งอันดับแรกๆ ตามปกติ แต่ผลลัพธ์ของถานเสี่ยวเทียนนั้นน่าประหลาดใจอย่างมาก ภาษาจีน 75 คณิตศาสตร์ 23 ศิลปศาสตร์ครอบคลุม 114 และภาษาอังกฤษเขาได้ดีที่สุด เขาทำคะแนนได้ 146 คะแนน วิชาทั้งสี่รวมกันได้ 358 คะแนน ซึ่งน้อยกว่ามาตรฐาน 480 คะแนนไป 122 คะแนน
ทันทีที่คะแนนออกมาเหรินชูเฟินก็เรียกถานเสี่ยวเทียนไปพบและพูดคุยกันเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อถามว่า ทำไมคะแนนสอบถึงน้อยกว่าครั้งก่อนมากขนาดนี้?
หลังจากพูดคุยถานเสี่ยวเทียนก็สัญญาอย่างดื้อรั้นว่าจะสอบได้ดีกว่านี้ในครั้งต่อไป หลังจากบ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหรินชูเฟินก็ตกลงที่จะไม่บอกผลการเรียนให้พ่อแม่ของเขา และสุดท้ายเธอก็แนะนำเขาอย่างกระตือรือร้นว่าอย่าไปฟุ้งซ่านกับสิ่งอื่น ตอนนี้ให้เขาตั้งใจสอบเข้าวิทยาลัยให้ได้ก่อน
กลับไปที่ชั้นเรียน ฉู่ถิงเข้ามานั่งลงข้างๆ เขาและก่อนที่จะพูดอะไร ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ
เด็กโง่คนนี้กำลังโทษตัวเองอย่างจริงจังเรื่องที่เธอไม่สามารถช่วยถานเสี่ยวเทียนติวหนังสือได้ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อเห็นอย่างนั้นถานเสี่ยวเทียนก็ปลอบโยนเธอไปว่า คะแนนของเขามันจะค่อยๆ ดีขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
หลังจากรับประทานอาหารตอนเที่ยง ฉู่ถิงก็พาถานเสี่ยวเทียนไปที่สวนหลังโรงเรียนอันเงียบสงบและบอกเขาว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะมาสอนคณิตศาสตร์ให้เขาในช่วงพักกลางวันทุกวัน
ในความจริงถานเสี่ยวเทียนวางแผนที่จะเลิกเรียนคณิตศาสตร์ไปแล้ว แต่ฉู่ถิงนั้นตั้งใจแน่วแน่และดื้อรั้น เธอหยิบโน้ตคณิตศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมปีแรกออกมากางลงบนม้านั่งลายดอกไม้และเริ่มอธิบายโดยไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ
ตอนเที่ยงของวันอาทิตย์ ถานเสี่ยวเทียนออกมาจากห้องสมุดและหอบเอาร่างกายที่เหนื่อยล้าขึ้นไปบนจักรยานเสือภูเขา
ผ่านไปแล้ว 1 เดือนนับตั้งแต่วันที่เขากลับมาเกิดใหม่ หนึ่งเดือนของการศึกษาอย่างเข้มข้นที่แสนจะทรมานโดยเฉพาะช่วงเวลาแห่งการเรียนคณิตศาสตร์ในช่วงพักกลางวันของทุกวัน ทุกๆ อย่างที่ว่ามานี้มันทำให้สมองของเขาเหนื่อยล้าจนแทบจะหยุดทำงาน
เมื่อเขาพบร้านขายของชำ ถานเสี่ยวเทียนก็กินไอศกรีมไปสองสามคำและดื่มน้ำเกลือโซดาอีก 1 ขวด การได้รับน้ำตาลเข้ามาในร่างกายทำให้เขามีสติมากขึ้น
จากนั้นเขาก็ขี่จักรยานพาร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขาไปที่โรงเรียน
ที่ทางเข้าหลัก ถานเสี่ยวเทียนได้พบกับไห่หงษ์โดยบังเอิญ คราวนี้ไห่หงษ์เปลี่ยนชุดของเธอแล้ว เธอมาในชุดกางเกงยีนส์สีน้ำเงินอ่อนที่แนบชิดกับผิวหนังจนสามารถมองเห็นขาเรียวยาวทั้งสองข้างของเธอได้อย่างชัดเจน และแจ็คเก็ตสตรีสีแดงที่ทำให้เธอดูมีพลังน่าดึงดูดมากกว่าเดิม
(เนื่องจากพระเอกของเรารู้แล้วว่าไห่หงคือ‘ผู้หญิง’ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ไห่หงจะกลายเป็น’ไห่หงษ์’)
เมื่อไห่หงษ์เห็นถานเสี่ยวเทียน เธอก็รีบวิ่งเข้ามาชกเข้าที่ไหล่ของเขากันที “ครั้งก่อนฉันรีบเกินไปจนไม่ได้ขอข้อมูลติดต่อของนายเอาไว้ ดูเหมือนว่าฉันจะคิดถูกที่มารอนายที่หน้าโรงเรียนแบบนี้”
ถึงไห่หงษ์จะดูดุร้าย แต่หน้าตาของเธอก็สวยมาก แม้ว่าตอนนี้เธอจะทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชายทั้งหมดต้องหลงใหลเธอ สิ่งนี้นั่นแหละที่เรียกว่ามีเสน่ห์เฉพาะตัว!
ถานเสี่ยวเทียนลูบไหล่ที่ถูกเธอชกแล้วยิ้ม “พี่สาว ผมยังเป็นนักเรียนอยู่ ผมไม่มีโทรศัพท์มือถือและผมก็ไม่มีเพจเจอร์ด้วยนะ ถ้าหากว่าพี่สาวต้องการเจอผมพี่สามารถมาหาผมที่โรงเรียนได้ตลอด ว่าแต่… พี่สาวมาหาผมทำไมเหรอ?”
“ไปคุยกันที่อื่นเถอะ!” ไห่หงษ์คว้ามือของถานเสี่ยวเทียนแล้วเดินออกไปอย่างไม่ลังเล
ไห่หงษ์โบกแท็กซี่ข้างถนนและยัดถานเสี่ยวเทียนเข้าไปในรถด้วยความกระตือรือร้น
ถานเสี่ยวเทียนสำรวจดูท่าทางของอีกฝ่ายแล้วว่าไม่น่าจะมาทำอันตรายอะไรกับเขา และตอนนี้เขาก็อยากจะพักผ่อนสักหน่อยจริงๆ เพราะถ้าหากเขายังฝืนเรียนในลักษณะนี้ต่อไป สมองของเขาจะต้องระเบิดอย่างแน่นอน
เมื่อไห่หงษ์พาเขาขึ้นแท็กซี่ ทำก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก เจ้านายใหญ่อย่างเธอไม่มีแม้แต่รถยนต์งั้นเหรอ? นี่แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างได้อย่างดีว่าเจ้านายใหญ่ที่ทุกข์ยากในยุคนี้เป็นอย่างไร…
รถแท็กซี่แล่นไปทางเหนือเข้าสู่เขตหลี่ซานและหยุดลงที่ข้างถนนเอ้อเต้า ถานเสี่ยวเทียนลงจากรถและเห็นร้านคาราโอเกะที่มีชื่อว่า Dream Paris (ปารีสในฝัน)
“เชิญ!” ไห่หงษ์เชื้อเชิญและนำทางเข้าไปในร้าน หลังจากเดินเลี้ยวไปมา 7
8 ครั้ง เธอก็พาเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่
จะเห็นได้ว่าไห่หงษ์นั้นเป็นที่เคารพนับถือของที่นี่อย่างมากเพราะทุกๆ ที่ที่เธอเดินผ่าน ทุกๆ คนก็จะโค้งคำนับและทักทายเธอว่า “พี่หงษ์”
ที่โต๊ะในห้องส่วนตัวเต็มไปด้วยไวน์และอาหารมากมาย
“นั่งลงสิ!” ไห่หงษ์นั่งลงบนโซฟา เปิดเบียร์สองขวดแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างแรง “มา! ดื่ม! ไม่เมาไม่ต้องกลับบ้าน”
ถานเสี่ยวเทียนสำนึกผิดในใจขึ้นมา หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะยอมให้ไห่หงษ์แทงมีดพลาสติกนั่นใส่เขาซะ เขาสัญญาเลยว่าจะไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย (เพราะการต่อสู้กลับครั้งนั้นมันจึงทำให้ไห่หงษ์ถูกใจถานเสี่ยวเทียนขึ้นมา)
นี่คืองานเลี้ยงหงเหมินชัดๆ! (งานเลี้ยงหงเหมินคืองานลอบสังหาร รูปแบบคือเชิญคนมาทานมาดื่มที่พื้นที่ของตัวเอง จากนั้นก็รุมล้อมสังหาร)
“พี่หงษ์ผมยังเป็นนักเรียนอยู่ ผมดื่มไม่ได้!”
ไม่ว่าคำชวนของไห่หงษ์จะน่าดึงดูดแค่ไหน ถานเสี่ยวเทียนก็จะไม่มีทางดื่มเด็ดขาด
ไห่หงษ์จิบเบียร์ไปอึกเดียวแล้วปรบมือ “ดูเหมือนว่าพี่สาวคนนี้จะแก่แล้วจริงๆ ก็ได้ พี่สาวจะตามสาวๆ สองสามคนมานั่งดื่มกับนายเอง”
ทันทีที่ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก หญิงสาวสวยหลายสิบคนก็เดินเข้ามาทีละคน เมื่อพวกเธอเห็นถานเสี่ยวเทียน ดวงตาของพวกเธอก็แสดงความหิวโหยอยากจะกินนักเรียนคนนี้ไม่ไหวแล้ว
ถานเสี่ยวเทียนสัมผัสได้ถึงความอึดอัดจากน้องเห็นของเขาแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ แต่เขาทำไม่ได้!
“พี่หงษ์ พี่ต้องการจะถามอะไรก็ถามมาเถอะ ผมยังคงเป็นดอกไม้แห่งมาตุภูมิอยู่นะ!” (อนาคตของชาติ)
ไห่หงษ์ทำเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วโบกมือของเธอ “สาวๆ มาเถอะ แต่ระวังกันด้วยนะเขายังเด็กอยู่!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เหล่าสาวๆ ก็เข้ามารุมล้อมเขาทันที ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะ ในชั่วพริบตาชุดนักเรียนของถานเสี่ยวเทียนก็ถูกถอดออก จนทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาและต้องทำทุกๆ อย่างเพื่อปกป้องเอกราชของตัวเองเอาไว้ให้ได้
เมื่อเห็นความลำบากใจของถานเสี่ยวเทียน ไห่หงษ์ก็มีความสุขอย่างมาก เธอเอนหลังพิงโซฟาแล้วหัวเราะขณะดื่ม “น้องชาย ครั้งก่อนน้องชายทำให้พี่สาวคนนี้ต้องขายหน้า น้องจะได้ไหม?”
ถานเสี่ยวเทียนพยายามผลักสาวๆ ออกไปอย่างสิ้นหวัง “โถ่พี่หงษ์ผมไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย เวลาเจอเรื่องแบบนั้นเป็นใครก็ต้องตอบโต้ทั้งนั้นจริงไหม…โอ๊ะ! นั่นมือใคร? กำลังจับตรงไหน?.. ไม่.. อย่า!”
“สาวๆ ออกไปได้แล้ว!” ในที่สุดไห่หงษ์ก็ออกคำสั่งให้สาวๆ ออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน ไห่หงษ์ก็ยิ้มมองไปที่ถานเสี่ยวเทียนที่กำลังสวมเสื้อผ้าของตัวเองและกล่าวชมเชย “น้องชาย รูปร่างดี ผิวดี แรงดี…”
ถานเสี่ยวเทียนร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา แม้แต่จิตใจคุณลุงอย่างเขาก็ยังทนสายตาของเธอไม่ไหว ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมปล่อยเขาไปมันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
“เอาล่ะ พี่หงษ์ ผมควรจะต้องกลับบ้านแล้ว”
“ไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อนายไม่ดื่มงั้นก็ร้องเพลงเถอะ และแถวๆ นี้ก็เป็นถิ่นของฉันเอง นายสามารถมาเที่ยวเล่นที่นี่ได้ทุกเวลา”
มันยากที่จะปฏิเสธความใจดีของอีกฝ่าย ถานเสี่ยวเทียนนั่งกินกับแกล้มและร้องเพลงเก่าสองเพลง เพลงหนึ่งคือ”Forget Love”ของหว๋าไจ๋ และอีกเพลงคือ”The Wind Continues Blowing”ของเก้อเก่อ
หลังจากร้องเพลงจบสองเพลง ห้องส่วนตัวนี้ก็เงียบลง ไห่หงษ์จุดบุหรี่อีกครั้งและมองไปที่ถานเสี่ยวเทียน
ถานเสี่ยวเทียนเองก็รู้ตัวว่าถึงเวลาแล้วเช่นกัน
“น้องชาย หลังจากที่เจอกันครั้งที่แล้วฉันก็กลับมาคิดอย่างรอบคอบ… ดูเหมือนนายจะใช้เทคนิคการต่อสู้ของกองทัพใช่ไหม? แต่นายอายุเท่าไหร่กัน? นายสามารถแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร?” ดวงตาดอกพีชของไห่หงษ์จับจ้องไปที่ถานเสี่ยวเทียน
ถานเสี่ยวเทียนตอบออกมาอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “พี่สาว เด็กผู้ชายก็ชอบเล่นมีดเล่นปืนเป็นธรรมดา ครอบครัวของผมมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ถูกปลดจากกองลาดตระเวนของกองทัพบก เขามักจะให้คำแนะนำแก่ผมเสมอ นอกจากนี้ผมเองก็ชอบดูหนังด้วยเช่นกัน… พี่สาว พี่สาวรู้ถึงความแตกต่างระหว่าง‘บรูซลี’กับ’เฉินหลง’ไหม?”
ถานเสี่ยวเทียนยืนขึ้นและเดินไปที่โล่งกลางห้องส่วนตัว “พี่เคยเห็น “หมัดมังกร” และ “หมัดเส้าหลินห้าธาตุ” ของเฉินหลงนี้หรือไม่?”
เมื่อพูดจบเขาก็แสดงสองท่าที่พูดก่อนหน้านี้ออกมา และเมื่อเห็นอย่างนั้นไห่หงษ์ก็พยักหน้าลงอย่างควบคุมไม่ได้
“แต่ของบรูซลีนั้นแตกต่างออกไป” ถานเสี่ยวเทียนตะโกนสองครั้งก่อนที่จะชกและยกขาขึ้นเตะอย่างรวดเร็ว ทั้งทรงพลังและหมดจด
“พี่หงษ์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมพี่ถึงถูกผมหยุดเอาไว้ได้ พี่มีการเคลื่อนไหวที่ไร้ประโยชน์มากเกินไป ถึงมันจะทำให้ดูทรงพลัง แต่มันก็ไร้ประโยชน์” ถานเสี่ยวเทียนรู้ว่าไห่หงษ์ต้องการอะไรตั้งแต่แรกแล้ว เพราะมันไม่สมเหตุผลจริงๆ ที่เด็กม.ปลายจะมีทักษะเช่นนี้ได้ มันจึงทำให้เขาเตรียมข้อแก้ตัวรอไว้หลายวันแล้ว
ผลจากการแฝงตัวเป็นสายลับเข้าไปอยู่กับมู่หยู มันทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่เก่งกาจคนหนึ่ง
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เมื่อไห่หงษ์เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอเปล่งประกาย