บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 11 เรียนภาษาอังกฤษในความฝัน
บทที่ 11 เรียนภาษาอังกฤษในความฝัน
เวลาประมาณ 10 โมง หลินว่านหงแม่ของฉู่ถิงมาถึงโรงเรียนมัธยมอันดับ 1 เมื่อมาถึงเธอก็ตรงเข้าไปคุยเรื่องของฉู่ถิงกับเหรินชูเฟินที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นของลูกสาวของเธอทันที
เมื่อเหรินชูเฟินได้ยินว่าฉู่ถิงอาจจะตกหลุมรักก่อนวัยอันควร เธอก็กังวลอย่างมาก
ฉู่ถิงเป็นถึงหัวหน้าห้องและยังเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ดีที่สุด นอกจากนี้เธอยังเชื่อมั่นว่าฉู่ถิงลูกของเธอจะสามารถสอบเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่ดีตามที่เธอหวังไว้ได้!
“แม่ของฉู่ถิงใจเย็นก่อนนะคะมีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ เด็กผู้ชายที่สูงหน้าตาดีที่แม่กำลังพูดถึงนี่ใช่ถานเสี่ยวเทียนหรือเปล่าคะ? มิน่าล่ะ ฉันน่าจะสังเกตได้ก่อนหน้านี้!” เหรินชูเฟินตบต้นขาของเธอจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา
หลินว่านหงเริ่มกังวล “อาจารย์เหรินฉันรู้เรื่องเสี่ยวเทียนคนนั้นแล้ว เขาเป็นนักกีฬาโรงเรียนใช่ไหม? ตอนนี้เป็นเวลาที่สำคัญที่สุด ฉันไม่ต้องการให้มีอะไรมาส่งผลกระทบต่อการสอบเข้าวิทยาลัยของลูกสาวของฉัน!”
เหรินชูเฟินลุกขึ้นยืนคิดครู่หนึ่งแล้วนั่งลง “แม่ของฉู่ถิงไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้นะคะ จากประสบการณ์ของฉันหากเราเข้าไปแทรกแซงในเวลานี้มันอาจจะทำให้อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายแปรปรวนมากกว่าเดิมและมันจะทั้งให้เรื่องทั้งหมดยิ่งแย่ลงไปอีก นอกจากนี้ทั้งสองคนก็อาจจะไม่ได้กำลังคบกันจริงๆ นะคะ”
ในฐานะผู้นำแล้วหลินว่านหงถือเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวคนหนึ่ง แต่เมื่อพูดถึงเรื่องลูก เธอกลับไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี “อาจารย์เหริน เรื่องของถิงถิงฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณ มันขึ้นอยู่กับคุณว่าจะจัดการกับมันอย่างไร”
“เราไปดูพวกเขาที่ชั้นเรียนกันเถอะ แต่เพื่อไม่ให้กดดันเด็กมากเกินไป คุณแม่อย่าพูดอะไรที่ไม่ดีนะคะ”
เหรินชูเฟินพาหลินว่านหงไปที่ชั้นเรียนม.ปลายปี 3 เมื่อทั้งสองยืนอยู่บนทางเดินหน้าห้องเรียน พวกเธอก็ได้ยินบทสนทนาภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วดังออกมาจากในห้องเรียน คนทั้งสองคนแอบมองผ่านหน้าต่างก็เห็นว่าถานเสี่ยวเทียนกำลังพูดภาษาอังกฤษกับเฉินหยู
“อาจารย์เหริน เด็กคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก! ดีมากกว่าถิงถิงเสียอีก เขาเป็นใครงั้นเหรอ?” หลินว่านหงยกย่องเด็กชาย
เหรินชูเฟินมองมาที่เธออย่างซับซ้อน “เขาคือคนที่เรากำลังพูดถึง ถานเสี่ยวเทียนค่ะ”
ปากสีแดงของหลินว่านหงเปิดกว้างจนเป็นรูปตัว O
กริ๊งๆๆ เสียงระฆังดังหลังเลิกเรียนดังขึ้น
เฉินหยูโบกมือ “ถานเสี่ยวเทียนออกมากับครู”
ถานเสี่ยวเทียนเดินตามหลังเธอออกไปพร้อมกับทำหน้ามุ่ย นักเรียนที่สนิทกับเขาต่างก็ลุกขึ้นมาแอบที่หน้าต่างเพื่อแอบฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง
เมื่อเฉินหยูเห็นเหรินชูเฟินเธอก็พยักหน้าอย่างสุภาพและกล่าวทักทาย จากนั้นก็มุ่งความสนใจไปที่ถานเสี่ยวเทียน “เธอไปฝึกพูดภาษาอังกฤษมาจากที่ไหน?”
ถานเสี่ยวเทียนลังเลอย่างเห็นได้ชัด “คือว่าผม… ผมฝึกพูดกับวิทยุครับ”
เฉินหยูพยักหน้า “วิทยุของอเมริกางั้นเหรอ? สำเนียงของเธอดีมากก็จริง แต่ครูไม่รู้ว่าความสามารถในการอ่านของเธอนั้นเป็นอย่างไร ลองอ่านนี่ให้ครูฟังหน่อย”
เธอดึงหนังสือพิมพ์ของ China Daily ฉบับภาษาอังกฤษออกมาและชี้ไปที่บทความเรื่องหนึ่ง “ลองแปลบทนี้ดู”
การสนทนาระหว่างทั้งสองเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
ผู้ชมแอบชื่นชมเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทั้งสองกำลังพูดอะไรกัน
ถานเสี่ยวเทียนสงบนิ่ง เขาเปิดปากของเขาและแปลบทความนี้เหล่านั้นออกมาเป็นภาษาจีนอย่างชัดเจนและสมบูรณ์แบบ
“ไม่เลว!” แม้แต่เฉินหยูผู้จู้จี้จุกจิกก็ยังชื่นชม เธอรู้สึกว่าความสามารถด้านภาษาอังกฤษของถานเสี่ยวเทียนนั้นเหนือกว่าตัวของเธอเองเสียอีก
“แปลอีกครั้ง ย่อหน้านี้” เฉินหยูชี้ไปที่บทความอื่นที่ยาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ถานเสี่ยวเทียนอ่านออกมาอีกครั้งโดยไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย
เฉินหยูถอนหายใจและเก็บหนังสือพิมพ์กลับไป “ในการทดสอบจำลองครั้งต่อไปถ้าเธอทำได้ไม่ถึง 140 คะแนน ฉันจะผิดหวังมากนะรู้ไหม?”
หลินว่านหงที่ได้เห็นฉากนี้ก็ตกใจจนเกือบลืมจุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ เธอยืนนิ่งจนกระทั่งเสียงของฉู่ถิงปลุกเธอ
“แม่? แม่มาที่นี่ทำไมคะ?” เมื่อฉู่ถิงออกมาจากห้องเรียน เธอก็เห็นแม่ของเธอและอาจารย์เหรินยืนอยู่ด้วยกัน
“แม่มาหาอาจารย์ของลูกเพื่อถามถึงผลการเรียนของลูก” เมื่อได้เจอฉู่ถิง หลินว่านหงก็มองไปที่ถานเสี่ยวเทียนและถามออกมาอย่างตั้งใจ “ถิงถิงเด็กคนนั้นเป็นใครงั้นเหรอ? ภาษาอังกฤษของเขาดีมากเลย”
ฉู่ถิงดูภูมิใจขึ้นมา “เขาคือถานเสี่ยวเทียนค่ะแม่! หนูก็เองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าภาษาอังกฤษของเขาจะดีมากขนาดนี้ เขาเป็นคนขี้โกง! เขาซ่อนเรื่องนี้มาตลอด ลูกจะไม่มีทางยอมแพ้เขาแน่นอน!” เธอกำหมัดเล็กๆ ของเธอแน่น
หลินว่านหงรู้สึกเวียนหัวไปครู่หนึ่ง ทำไมฉันถึงได้ยินน้ำของความรักในคำพูดของลูกสาว? เธอแล้วมองไปที่ถานเสี่ยวเทียนที่ตัวสูงและหล่อเหลา หลินว่านหงซึ่งเป็นผู้หญิงก็รู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้ปัญหาใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว!
เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง ฉู่ถิงเข้าก็เข้ามานั่งข้างๆ ถานเสี่ยวเทียนทั้งที่เธอไม่เคยเข้ามานั่งกับเขาแบบนี้มาก่อน สิ่งนี้ทำให้จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยตกใจจนรีบถือกล่องอาหารกลางวันย้ายไปที่อื่นทันที
“หัวหน้าห้อง เธอไม่กลัวคนอื่นนินทางั้นเหรอ?” ถานเสี่ยวเทียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ดวงตาของฉู่ถิงเป็นประกาย เธอไม่สนใจคนอื่นอย่างสมบูรณ์ “ถานเสี่ยวเทียน นายนี่ขี้โกงจริงๆ บอกมาเลยนะว่านายไปแอบเรียนมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เธอคิดว่าฉันแอบเรียนมาจริงๆ เหรอ?”
“แล้วทำไมภาษาอังกฤษของนายถึงดีมากขนาดนี้?”
ตาของถานเสี่ยวเทียนมองออกไปที่อื่นพยายามหลบตาเธอ “ฉันฝันน่ะ ฉันฝันว่าฉันเคยไปอยู่ที่บอสตันมาสองสามปีและฉันก็เรียนรู้ภาษาอังกฤษในความฝัน”
เขาพูดความจริง ในชีวิตก่อนหน้านี้มู่หยูได้ให้ถานเสี่ยวเทียนเข้าไปเรียนหลักสูตร MBA ที่ Harvard ร่วมกับเธอซึ่งทำให้เขาและเธอพัฒนาภาษาอังกฤษจนชำนาญได้ภายในไม่กี่ปี
“โกหกอีกแล้ว!” ฉู่ถิงมองไปทางซ้ายและขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครมองมา เธอก็หยิกมือของถานเสี่ยวเทียนที่ใต้โต๊ะอย่างแรง “รีบกินแล้วไปฝึกพูดภาษาอังกฤษกับฉันเข้าใจไหม?”
ถานเสี่ยวเทียนจงใจยิ้มและแสร้งทำเป็นว่าเขาเจ็บปวดมาก
จางต้าเผิงเอนตัวเข้ามาพร้อมด้วยข้าวเต็มปากและถามอย่างคลุมเครือว่า “ทั้งสองคนกำลังจะไปไหนกันเหรอ?”
ฉู่ถิงปิดหน้าด้วยความเขินอายและจากไป จางต้าเผิงเดินเข้ามานั่งลง โอบไหล่ถานเสี่ยวเทียนและยกนิ้วโป้งให้เขา “พี่เทียนจากนี้ไปฉันจะเรียกนายว่าพี่เทียน! การที่พี่เลือกหัวหน้าห้องของเราแบบนี้แสดงว่าในอนาคตพี่เทียนจะได้เป็นลูกของข้าราชการระดับสูงใช่ไหม?”
หม่าเหว่ยตัดบทด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า “พวกเขาไม่ใช่ข้าราชการระดับสูง นายไม่สามารถเรียกพวกเขาแบบนั้นได้นะ”
“ออกไปเลย!” ถานเสี่ยวเทียนปัดมือออกและทิ้งทั้งสองไว้ข้างหลัง
******
หลังจากเรียนจนดึกดื่น ถานเสี่ยวเทียนก็รีบกลับไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของพ่อแม่เพื่อช่วยงานตามปกติ
หลังจากยุ่งอยู่พักหนึ่ง เมื่อนักเรียนก็ค่อยๆ ออกจากร้านไปหมดแล้ว ถานเยว่จินและซ่งชุนฮวาภรรยาของเขาก็เตรียมที่จะปิดร้าน
ถานเสี่ยวเทียนเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ หญิงวัยกลางคนและยิ้ม “สวัสดีครับคุณป้า คุณป้าเป็นแม่ของฉู่ถิงใช่ไหมครับ? ผมเห็นคุณป้าอยู่กันเธอเมื่อตอนเที่ยง”
หลินว่านหงทั้งรู้สึกประหลาดใจและเขินอายในเวลาเดียวกัน “นักเรียน ป้าไม่คิดว่าเธอจะจำป้าได้ ก๋วยเตี๋ยวของเธออร่อยมาก!”
หลังจากกลับบ้านในตอนเที่ยง เธอก็ครุ่นคิดตลอดทั้งวันและในที่สุดเธอก็ตัดสินใจมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับถานเสี่ยวเทียน แต่ตอนที่เธอมาถึงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นกลับมีลูกค้ามากเกินไปจึงไม่ค่อยเหมาะที่จะพูดคุยเท่าไหร่และการที่ถานเสี่ยวเทียนเป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับเธอก่อนแบบนี้ มันจึงทำให้เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี
ไม่นาน หลินว่านหงก็รู้สึกว่าเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนนี้เป็นเหมือนผู้ใหญ่และเธอกลับกลายเป็นเด็กแทน
ถานเสี่ยวเทียนมองไปที่พ่อแม่ของเขาที่กำลังยุ่งซึ่งและยิ้มออกมาอย่างจริงใจ “ผมขอขอบคุณป้าแทนพ่อแม่ของผมด้วยนะครับ พวกท่านต้องดีใจแน่นอนที่รู้ว่าป้าชอบก๋วยเตี๋ยวชามนี้… งั้นมื้อนี้ขอให้ผมได้เลี้ยงป้าเองนะครับ ถือว่าเป็นการตามแทนเล็กๆ น้อยๆ เรื่องที่หัวหน้าห้องช่วยผมไว้!”
เมื่อหลินว่านหงมองไปที่คู่สามีภรรยาสกุลถานที่สวมผ้ากันเปื้อนที่มีคราบมันติดอยู่ ใบหน้าของเธอก็กลายเป็นดูถูกทันที “เธอจะไปทำอะไรกับถิงถิงในวันเสาร์นี้?”
ถานเสี่ยวเทียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหลินว่านหง ดวงตาและรอยยิ้มของเขาค่อยๆ เย็นชาลง จากนั้นเขาก็หมดความกระตือรือร้นที่จะพูดคุยต่อไป “หัวหน้าห้องกำลังช่วยผมทบทวนบทเรียน ในทางกลับกันผมก็จะช่วยหัวหน้าห้องเรื่องภาษาด้วย”
ตั้งแต่คุณดูถูกพ่อแม่ของฉัน มันก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องแสร้งทำอีกต่อไป มาเล่นกันเถอะ!
“นักเรียน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ป้าหวังว่าเธอจะไม่ให้สนใจกับเรื่องอื่น ในวันเสาร์นี้ป้าจะยอมให้ถิงถิงออกมาข้างนอก”
หลินว่านหงหยิบกระเป๋าถือแบรนด์เสี่ยวคุนขึ้นแล้วจากไป รองเท้าส้นสูงของเธอเหยียบลงบนพื้นถนนทำเสียงดังกึกๆ อย่างภาคภูมิใจ (เสี่ยวคุน = แบรนด์จีน)
ถานเยว่จินและซ่งชุนฮวาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ภายใต้ควันสีเทาขาวทั้งคู่ยืนตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่ถานเสี่ยวเทียนสูบบุหรี่ต่อหน้าพ่อแม่ของเขา หลังจากสูดควันเข้าไปสองสามคำเขาก็ยิ้มออกมา “พ่อครับ แม่ครับ ถ้าผมบอกว่าอนาคตครอบครัวของเราจะร่ำรวย พ่อกับแม่จะเชื่อไหม?”
“เชื่อสิ เราเชื่อ!” ที่พ่อกับแม่ตอบออกมาแบบนี้เพราะพวกเขากลัวว่ามันจะเป็นการรบกวนจิตใจของลูกของตนในช่วงเวลาสำคัญของการสอบ
“ปิดร้านแล้วกลับบ้านกันเถอะครับ!” ถานเสี่ยวเทียนพูดเสียงต่ำด้วยความโกรธ
หลังจากกลับถึงบ้าน ถานเสี่ยวเทียนก็กลับเข้าไปที่ห้องของเขาและเงียบฟังเสียงรอบๆ เป็นเวลานาน หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าพ่อกับแม่ในห้องถัดไปได้หลับไปแล้ว เขาก็หยิบสิ่งของในกระเป๋านักเรียนออกมาวางลงบนเตียง
ธนบัตรใหม่เอี่ยม 7 กอง ปืนพก Type 63 พร้อมกับกระสุนสองกล่องและสมุดอีกบันทึก 1 เล่ม นี่คือสิ่งที่เขานำออกมาจากตู้นิรภัยของหลิวจุน
ในตอนนี้เงินคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ส่วนปืนและกระสุนนั้นต้องซ่อนไว้ก่อน ส่วนสมุดบันทึกซึ่งบันทึกเวลา สถานที่และบัญชีของหลิวจุนนี้อาจจะเป็นประโยชน์ในอนาคต
ถานเสี่ยวเทียนใส่สมุดบันทึก ปืนและกระสุนไว้ในถุงพลาสติกสีดำแล้วซ่อนไว้ที่ใต้เตียง จากนั้นก็นำเงิน 70,000 หยวนใส่ไว้ที่ชั้นล่างของตู้เสื้อผ้า
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้วเขาก็ขึ้นไปนอนบนเตียง เมื่อได้ยินเสียงกรนของพ่อที่อยู่ห้องข้างๆ ความง่วงของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที อาการนอนไม่หลับที่แม้แต่ยาราคาแพงมากมายก็รักษาไม่ได้ในชีวิตก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้หายไปแล้ว