ตอนที่ 15: -คาราสุมะ คุมิโกะไม่ใช่มิโกะ- ตอนจบ เจ้าดอกซากุระ เพียงมองเจ้าใจก็คะนึงถึง หลายสิ่งหลายอย่าง
{ “พระองค์ตาบอดแล้วบัดนี้” มันพูด
“ดังนั้น ฉันจะอยู่ที่นี่กับท่านตลอดไป”
“อย่าเลย เจ้านางแอ่นน้อย” เจ้าชายตรัส
“เจ้าต้องรีบเดินทางไปไอคุปต์บัดนี้”
“ฉันจะอยู่กับท่านตลอดไป” นางแอ่นพูด และมันก็หลับอยู่ที่เท้าของเจ้าชาย
———ออสก้า ไวลด์, เจ้าชายเปี่ยมสุข}
ฉันได้ยินเสียงผู้คนโวยวายรอบตัว ขณะที่กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นอย่างไร้ความรู้สึก
แม้ทัศนวิสัยจะมืดลงเรื่อยๆ แต่ยังพอเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันคือบ่อของเหลวสีแดงดำที่กำลังไหลรินทั่วตัว ถึงอย่างนั้นสติของฉันกลับชัดเจน
“…หืม? ไม่เห็นสนุกอย่างที่คิดไว้เลย…”
ฉันนึกในใจ คิดว่าทำอะไรสักอย่างที่ผิดไปจากปกติจะสนุก แต่กลับมาตกอยู่ในสภาพนี้
ฉันนึกย้อนกลับไปถึงเพื่อนสมัยเด็กที่โกรธ เพราะฉันขอให้กลับบ้านหลังเคอร์ฟิว ฉัน… ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอโกรธเลย
X X X
“รถบัสคันนี้จะไม่มีวันไปถึงที่ปลอดภัย”
คำพูดของฉันทำให้ทุกคนบนรถบัสสั่นเทิ้ม บางคนงงงวย บางคนสงสัย บางคนใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ… มีปฏิกิริยาที่หลากหลาย
“มะ… หมายความว่าไงคะคุณคุมิโกะ!?”
ยูนะพุ่งเข้าหาฉัน
“หมายความว่าไงเหรอ? ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ รถบัสคันนี้จะไม่ไปชิโกกุ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพาไปที่ปลอดภัยมาตั้งแต่แรกแล้ว”
จะยูนะหรือมัตสึริดูเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อ พวกเธอได้แต่ขมวดคิ้วไม่พูดอะไร
“ตั้งแต่แรกแล้ว” ฉันเหยียบคันเร่งมิดเท้า “ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันแปลก? มันไม่มีทางใช้เวลานานขนาดนี้ในการเดินทางจากนาระไปชิโกกุ ตามปกติใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็ถึงด้วยซ้ำ”
“แต่พวกเรา… พวกเราเลือกที่จะอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายกับทางที่ไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ…”
มัตสึริคั้นเสียงออกมา
“นั่นก็ถูกอย่างหนึ่ง แต่มีใครบ้างล่ะที่ดูว่าทางอ้อมทั้งหมดนั่นมันจำเป็นจริงๆ หรือเปล่า?”
“หือ…?”
“ฉันคอยเลือกทางอ้อมที่ไม่จำเป็นและตั้งใจขับไปในทางที่จะไม่พาเราไปชิโกกุ แต่ก็ไม่มีใครทันสังเกตเลย ฉันสามารถพาทุกคนไปถึงชิโกกุภายในเวลาไม่ถึงวันด้วยถ้าต้องการ”
“อะ…” มัตสึริตกตะลึง “แต่… ทำไมล่ะคะ? ทำไมถึง…? คุณคุมิโกะ อะไรทำให้คุณทำอย่างนี้…?”
“นั่นแหละคำถามที่ฉันรออยู่!!!”
“!?”
ยูนะกับมัตสึริตกใจที่จู่ๆ ฉันก็ตะโกนขึ้นมา
“พวกเธอคิดจะทำอะไรหลังไปถึงที่ปลอดภัย หะ!? โลกที่สงบสุขและปลอดภัยมันมีอะไรดี!? เอาเลย บอกฉันสิ! มันให้อะไรกับพวกเธอ!? หืม!?”
“มะ-หมายความว่ายังไงคะ…?”
“…ตอนนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ตที่จะใช้ติดต่อกับใคร พวกเราเลยไม่รู้ว่าชิโกกุเป็นยังไงแล้วบ้าง วันก่อนมันอาจจะปลอดภัย แต่ตอนนี้อาจจะถูกทำลายเหมือนที่อื่นๆ แล้วก็ได้ แต่ถ้าเกิดมีโอกาสที่ฟ้าส่งนรกสั่งมาให้ชิโกกุยังคงปลอดภัยไม่เจอชะตากรรมเหมือนกับที่อื่น การเดินทางครั้งนี้ก็จะจบลงทันที ไม่มีแล้วความสนุกที่ได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ไม่เหลือแล้วความสนุกที่จะได้พยายามเอาชีวิตรอด”
“ละ-แล้วที่การเดินทางครั้งนี้จบลงมันไม่ดีตรงไหนกันคะ!? ไม่เห็นจะมีอะไรสนุกเลยสักนิด!”
“มัตสึริ จริงอยู่ที่เธอจะคิดอย่างนั้น แต่สำหรับยูนะล่ะ?”
“เอ๋?”
ยูนะมองมาที่พวกเรา ดวงตาเบิกกว้าง
“เด็กคนนี้ก็เหมือนกับฉัน เป็นยิ่งกว่าฉันซะอีก เด็กขี้มูกโป้งที่ยอมสละชีวิตตัวเองต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อคนอื่น และสามารถกำจัดพวกมันด้วยหมัดเดียวทั้งที่ไม่มีสิ่งใดทำอะไรมันได้ ไอ้เด็กแบบนี้มันจะไปเหมือนเด็กปกติได้ยังไง? ไม่มีทางที่เด็กแบบนี้จะมีความสุขตอนใช้ชีวิตร่วมกับคนปกติหรอก เพราะจะถูกสิ่งรอบข้างขับไล่ยังไงล่ะ เด็กคนนี้จะมีความสุขมากกว่าหากได้ใช้ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด นี่แหละคือที่ที่เด็กคนนี้ควรอยู่”
“ไม่มีทาง! ยังไงยูจังก็ต้องมีความสุขกว่าในโลกที่สงบสุขค่ะ!”
มัตสึริเถียงเสียงดัง
ยูนะพูดอะไรไม่ออก สภาพเหมือนกับคนที่ถูกบอกว่าป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ แต่เธอก็ค้างไปเพียงครู่เดียว เธอตั้งสติได้อีกครั้งและกลับมาเป็นตัวของตัวเอง
“มะ… ไม่ต้องสนใจหนูหรอกค่ะ! ที่นี่มีอีกหลายคนที่ต้องการไปที่ปลอดภัยนะคะ! ช่วยหยุดรถบัส! แล้วไปที่ชิโกกุทีเถอะค่ะ!”
“ไม่ไป”
ฉันพูดและส่งยิ้มให้
ยูนะหันไปทั่วและตะโกนใส่ผู้โดยสารคนอื่นๆ
“ทุกคนคะ! เกาะให้แน่นๆ นะคะ! เพราะรถจะโยกเยกนิดหน่อย!”
หลังพูดจบ เธอก็เข้ามาจับพวงมาลัยที่ฉันคุมอยู่และใช้กำลังหมุนมัน
รถบัสหักโค้งไถลไปกับถนนคอนกรีต ข้างในรถเสียงกรีดร้องระงม
แรงเสียดทานทำให้ความเร็วลดลง
ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
“หึหึ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นพวกชอบใช้กำลังอย่างนี้”
ฉันยิ้มก่อนจะจับข้อมือของยูนะ แล้วบิดมันบังคับให้เธอล้มลงกับพื้น
“อ้า!”
ฉันลุกขึ้นจากที่นั่งคนขับไปเปิดประตูแล้วลงจากรถ
“เดี๋ยว! จะไปไหนคะ!?”
มัตสึริกับยูนะก็ลงจากรถบัสไล่ตามฉันมา
“ฉันไม่ได้หนี ฉันแค่คิดว่ามันดีกว่าถ้าคุยกันในที่โล่งๆ ไม่ใช่ในรถบัสแคบๆ”
ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับทั้งสอง
“เอาล่ะ ฉันเป็นคนเดียวที่สามารถขับรถบัสได้ หรือก็คือถ้าต้องการไปชิโกกุพวกเธอจำเป็นต้องมีฉันอยู่ด้วย ดังนั้นนะยูนะ ถ้าเธอต้องการช่วยเหลือพวกเขาล่ะก็ เธอจะต้องทำให้ฉันยอมฟังไม่ว่าจะชอบหรือไม่ พนันเลยว่าเธอสามารถทำให้ฉันยอมจำนนได้ถ้าต้องการ”
ฉันจุดบุหรี่และพ่นควันออกมา
“…เอาเลยยูนะ สู้กับฉันและดูซิว่าจะทำให้ฉันยอมได้หรือเปล่า”
“เดี๋ยวก่อน! ทำไมทั้งสองคนต้องสู้กันด้วย!?”
มัตสึริกรีดร้องออกมาอย่างโศกเศร้า
“เพราะมันสนุกไงล่ะ นั่นล่ะคือแรงผลักดันที่ทำให้ฉันยังมีชีวิตอยู่ มันสนุกที่เอาตัวเองลงไปอยู่ในความโกลาหล ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเติมเต็มความสนุกให้กับตัวเอง และการต่อสู้กับทาคาชิม่า ยูนะก็ควรจะเป็นเรื่องสนุกด้วยเช่นกัน”
ฉันทิ้งบุหรี่ลงพื้นและกระทืบมัน
“แล้วเธอล่ะ ยูนะ? ฉันไม่รู้ว่าเธอจะตอบสนองยังไง และนั่นก็ทำให้มันสนุกขึ้นด้วย เธอจะเอาพลังที่ใช้ปราบสัตว์ประหลาดมาใช้กับมนุษย์อย่างฉันหรือเปล่า? หรือยังไงซะ เธอไม่ใช่พวกสู้คนอยู่แล้วนี่นะ จริงไหม?”
“…เข้าใจแล้วค่ะ ขอโทษนะคะ แต่มันจะเจ็บนิดหน่อย”
ยูนะกำหมัดแน่น
“งั้นเหรอ งั้นเหรอ อย่างนี้นี่เอง”
ถึงจะกำหมัดเอาไว้ แต่มันก็ไม่พุ่งเข้ามา พวกเรามองหน้ากันหลายวินาที
“ยูนะ เธอลังเลอยู่นะ”
“เอ๋?”
“ขอเดาสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ในหัวนะ เธอกังวลว่าหมัดนั่นจะฆ่าฉันใช่ไหม? กำปั้นคู่นั้นมีพลังที่สามารถซัดสัตว์ประหลาดให้กลายเป็นผงได้ ถ้าใช้กับคนล่ะก็มันจะได้ผลแบบเดียวกันหรือเปล่า? เธอไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้ใช่ไหมล่ะ? สิ่งที่เธอทำได้เลยมีแค่ต่อย แล้วเธอคิดว่าตัวเองสามารถยั้งมือพอที่จะไม่ฆ่าฉันซะก่อนได้หรือเปล่า?”
“…”
ยูนะไม่ตอบ ฉันลดการ์ดลงและเดินเข้าไปหายูนะแบบธรรมดา
“กำปั้นคู่นั้นสามารถบดขยี้สัตว์ประหลาดได้ คิดเหรอว่ามนุษย์อ่อนแอจะรับมันได้ไหวโดยไม่ตาย? มันจะทำให้คนเป็นๆ แหลกเป็นชิ้นๆ เปลี่ยนสภาพของเขาจนกลายเป็นเศษเนื้อหรือเปล่านะ? เธอกลัวที่จะฆ่าสินะ ยูนะ?”
“อึก…”
ฉันยืนอยู่ตรงหน้ายูนะ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความลังเล ชัดเจนเลยว่าไม่คุ้นเคยกับการทำร้ายคนอื่น
“ถ้าสู้ไม่ได้ล่ะก็ยอมแพ้ไปซะ พวกเราสองคนมาเดินทางในโลกที่พังทลายนี่ต่อไปด้วยกันเถอะ ทั้งที่ได้พลังที่สุดยอดขนาดนี้มา จะกลับไปโลกธรรมดาไปทำไม? เธอควรอยู่ในที่ที่สามารถใช้พลังนั้นได้ อย่าปล่อยให้มันเสียเปล่าสิ”
“…อึกโโโโอ้!”
ยูนะปล่อยหมัดออกมาอย่างปวดใจ
ฉันหลบหมัดและเตะตัดขา ใช้น้ำหนักของเธอส่งตัวเองลงพื้น
“อัก!!”
ฉันรวบแขนทั้งสองข้างของยูนะมาไขว้หลังแล้วมัดด้วยสายเคเบิ้ลไทร์ที่หยิบจากกระเป๋า
“ดูเหมือนว่าเธอจะสู้กับศัตรูที่เป็นมนุษย์แบบเต็มกำลังไม่ได้สินะ การเคลื่อนไหวไม่ได้ถึงครึ่งของตอนต่อสู้กับสัตว์ประหลาดด้วยซ้ำ”
“อึก…”
“เอาล่ะ กลับไปที่รถบัสกันเถอะ มาใช้ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดนี่จนกว่าจะตายกันไปข้าง!”
ฉันอุ้มยูนะขึ้นพาดไหล่แล้วเดินกลับไปที่รถบัส
“ดะ-เดี๋ยวก่อน!”
เสียงสั่งให้ฉันหยุดมาจากมัตสึริ
ฉันหยุดเดิน วางยูนะลงกับพื้นและหันกลับไป
“มีอะไร?”
“…”
มัตสึริไม่พูดอะไรต่อ
“มัตสึริ ฉันไม่ต้องการเธออีกต่อไปแล้ว และก็ไม่คิดจะพาเธอไปด้วย”
“เอ๋?”
“ฉันจะพาเธอไปส่งที่ชิโกกุ ฉันไม่ต้องการอะไรก็ตามที่มีคำจำกัดความว่าปกติ”
“คุณ… พูดเรื่องอะไร?”
“ฉันบอกว่า ฉันไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับเธอแล้ว เพราะงั้นช่วยทำตัวว่าง่ายและไม่ต้องมาขว้างพวกเรา”
“หนูไม่สนใจเรื่องนั้น! ส่งยูจังมานะ! ยูจังจะต้องไปชิโกกุกับพวกเรา!”
มัตสึริเข้ามาเกาะฉัน
ฉันจับแขนของเธอแล้วบิดมันไปไขว้หลัง เสียงข้อต่อของมัตสึริดังกร๊อบ
“โอ้ย!”
“อ่อนแอจังเลยนะ ยัยคนธรรมดา”
“อึก…”
“ในพวกเราสามคน สำหรับฉันมันผ่าเหล่าอยู่แล้ว แต่คิดเหรอว่ายูนะจะเหมือนกับเธอ ผิดถนัดเลยล่ะ ยูนะเหมือนกับฉัน ส่วนเธอมันคนนอก”
“หนูรู้… ว่าหนูเป็นแค่คนธรรมดา ไม่เหมือนกับพวกคุณสองคน… พลังที่ใช้เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดก็ไม่มี…”
“ไม่เกี่ยวกันเลย นั่นเป็นเรื่องของจิตใจ พวกเธอสองคนมีจิตใจที่ต่างกันเกินไป พิสูจน์ได้จากที่ไม่มีคำพูดไหนของเธอที่สะท้อนอยู่ในใจของยูนะเลยสักคำ”
“….!”
มัตสึริเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ยูนะที่นอนอยู่บนพื้นมองไปที่มัตสึริด้วยสีหน้าเศร้า
“สาเหตุหลักที่ทำให้เราสองคนต่างเจอเธอคือการยอมรับโลกที่เป็นอยู่ตอนนี้ โลกที่มีสัตว์ประหลาดอยู่ทุกที่ มันฆ่าผู้คนและเราต้องสู้กับมัน เธอยอมรับโลกแบบนี้ได้หรือเปล่า? นึกภาพที่เธอต้องอยู่ร่วมกับสัตว์ประหลาดนั่นได้หรือเปล่า? ยูนะทำได้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เธอสามารถต่อสู้กับมันได้โดยไม่รู้สึกว่ามันพิเศษอะไร และไม่ร้องไห้คร่ำครวญอะไรด้วย แล้วเธอล่ะ มัตสึริ นึกภาพที่ตัวเองต้องอยู่ร่วมโลกกับสัตว์ประหลาดนั่นได้หรือเปล่า? หรือเธอปรารถนาโลกที่ไม่มีพวกมันอยู่มากกว่า?”
“…”
“พวกเธอสองคนเป็นเหมือนเหรียญคนละด้าน ฉันสามารถใช้ยูนะได้ดีกว่าที่เธอทำได้ หน้าที่ของเธอจ- อุ้ก!?”
ความเจ็บปวดวิ่งไปทั่วเท้า พอมองลงไปก็เห็นมัตสึริกำลังกระทืบใส่เท้าของฉันอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันเธอก็ใช้ฝ่ามือบรรจงตบเข้าที่หน้าฉัน เสียงของมันไม่ได้ดังเหมือนในหนังหรือมังงะ แต่มันมาโดยที่ฉันไม่ทันได้ระวังตัว ภาพที่เห็นตรงหน้าเลือนลางไปชั่วขณะ
“หนูรู้ดี!” มัตสึริใช้ร่างเล็กๆ ของตัวเองพุ่งกระแทกจนฉันล้มลงกับพื้น เธอขึ้นคร่อมและกระชากคอเสื้อของฉัน “เรื่องนั้น ต่อให้คุณไม่บอกก็รู้! ว่าคำพูดของหนูไม่เคยส่งไปถึงยูจัง และพวกเราแตกต่างกันคนละขั้ว! แต่ไม่ว่ายังไงชีวิตธรรมดาก็ดีกว่า! เพื่อยูจังและก็เพื่อคุณด้วย คุณคุมิโกะ! หยุดทำเหมือนกับว่าการใช้ชีวิตปกติเป็นเรื่องที่ผิดด้วยเถอะ!”
ฉันจับนิ้วชี้กับนิ้วกลางจากมือทั้งสองข้างของมัตสึริแล้วงอมันอย่างแรง
“อ้าาา!”
มันเจ็บเกือบเท่ากับโดนหักนิ้ว ร่างกายของมัตสึริเบาลงไปครู่หนึ่ง เป็นโอกาสให้ฉันได้เคลื่อนไหวและสับเปลี่ยนตำแหน่ง ครั้งนี้มัตสึริเป็นฝ่ายนอนอยู่บนพื้น
ฉันบีบคอมัตสึริ
“เรื่องผิดงั้นเหรอ? ต่างกันเลยต่างหาก ฉัน… อิจฉาเธอ มัตสึริ”
“อ๊อค…”
ฉันเริ่มใส่แรงบีบลงไป
“ดีจังเลยนะที่สามารถใช้ชีวิตธรรมดาได้ ฉันบอกแล้วนี่ ว่าจะพาเธอไปส่งที่ชิโกกุ เธอควรจะได้ไปใช้ชีวิตปกติ แต่พวกเราจะไม่ข้ามไปฝั่งนั้น เรื่องมันก็แค่นี้เอง ทำไมถึงไม่เข้าใจสักที?”
“คุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ คุณคุมิโกะ!”
มัตสึริสะบัดแขนไปมา ฉันเอามือออกจากคอมาจับแขนทั้งสองข้างของเธอเพื่อหยุด แขนสองข้างของฉันอยู่กับแขนสองข้างของเธอ ทำให้พวกเราต่างไม่สามารถขยับได้
“มันไม่มีทางดีกว่าหรอก ชีวิตที่อยู่ในโลกที่เต็มด้วยสัตว์ประหลาดกับอันตรายมันไม่มีทางดีกว่าโลกที่สงบสุข! ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจสักทีล่ะ คุณคุมิโกะ!?”
ฉันมัดแขนมัตสึริด้วยสายเคเบิ้ลไทร์ เท่านี้ก็ขยับไม่ได้แล้ว
“ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อยไง! อือออออออ!”
มัตสึริพยายามปลดพันธนาการออก แต่ใช้กำลังไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่างแย่ที่สุดก็ทำให้หนังฉีกจนเลือดออก และคนกลัวเลือดอย่างมัตสึริไม่มีทางไปได้ไกลกว่านั้น
ฉันทิ้งมัตสึริไว้ตรงนั้นแล้วเดินไปหายูนะ
“อ้าาาาาาาาา!”
ทันใดนั้น มัตสึริพุ่งกระแทกหลังฉัน ทำเอาเกือบล้ม
“คึก!?”
“ห้ามเอายูจังไปนะ! ห้ามเอาไป!”
“หุบปาก”
ฉันยกขามัตสึริขึ้นแล้วขว้างลงกับพื้น
แต่มัตสึริลุกขึ้นมาทันทีและพุ่งกระแทกฉันอีกครั้ง เพราะมือถูกมัดอยู่เลยทำอะไรไม่ได้มาก แต่การปฏิเสธความพ่ายแพ้หัวชนฝาของเธอทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยง
ฉันแทงเข่าเข้าไปที่ท้องของมัตสึริ และตามด้วยใช้ฝ่ามือฟาดเข้าที่กาม
เธอล้มลงกับพื้นตัวงอและกุมท้องด้วยความเจ็บปวด ฉันมัดขาของเธอด้วยเลย เท่านี้ก็ไม่สามารถยืนขึ้นได้อีก
ฉันหันหลังและผละตัวออกมาจากมัตสึริ
“แค่ก คัก…. อุกก…”
ได้ยินเสียงมัตสึริพูดพร้อมไอตามหลังมา ฉันเมินใส่และเดินไปหายูนะ ยังไงซะทั้งแขนขาก็ถูกมัดไว้แล้ว ไม่มีทางยืนขึ้นมาได้หรอก
จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่แขน มันรุนแรงพอที่จะทะลุไปถึงสมอง ฉันรู้ความรู้สึกนี้ดี มันคือความรู้สึกของการถูกแทง
ที่ต้นแขนซ้ายของฉันถูกปากกาปักเข้าที่ข้างหลัง
“อ้าาาาาาาา!”
ความเจ็บปวดทำให้เบลอไปชั่วขณะและเกือบสลบไป ฉันเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณลำตัว ควบคุมลมหายใจให้นิ่ง และตั้งสติ
มีเลือดไหลออกมาจากแผล ทำให้ใจฉันระส่ำระสาย มันมาจากใครกัน?
ไม่น่าจะมีใครอยู่ข้างหลังฉันนอกจากมัตสึริ แต่เธอถูกมัดแขนขาจนไม่น่าลุกขึ้นได้แล้วนี่นา เรื่องเดินไม่ต้องพูดถึงเลย ต่อให้ซ่อนปากกาเอาไว้ ก็ไม่มีทางเข้ามาแทงฉันได้
แต่พอหันกลับไป ก็เห็นมัตสึริยืนอยู่ข้างหลัง สายเคเบิ้ลไทร์ที่ควรจะอยู่บนแขนกับขามันหายไป หายไปไหนกัน?
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก อึก…”
เธอหายใจติดขัด เพราะโดนแทงเข่าเข้าที่ท้อง แถมยังเห็นเลือดที่ไหลจากแขนของฉัน มัตสึริใช้ปากกาแทงฉันโดยรู้ดีว่าถ้าตัวเองเห็นแล้วจะนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
“ว้าาาากกกก!”
มัตสึริตะโกนเสียงดังออกมาและต่อยหมัดตรงเข้าที่หน้าฉัน หมัดลุ่นๆ ไม่ใช่ตบแบบก่อนหน้านี้
สติของฉันดับไปวูบหนึ่ง สิ่งที่เห็นต่อมาคือท้องฟ้ามืดที่อยู่ข้างบนขณะที่ฉันนอนลงกับพื้น ความเจ็บปวดที่แขนทำให้ไม่สามารถตั้งสมาธิกับการต่อสู้ได้ ไม่ดีแน่ แม้แต่หมัดของมือสมัครเล่นก็หยุดไม่ได้
มัตสึริขึ้นคร่อมฉันอีกครั้งและใช้ปากกาอีกแท่งหนึ่งจ่อที่คอหอย ส่วนแท่งก่อนหน้ายังคงปักอยู่ที่แขนของฉัน
“ช่วยพาไปที่ชิโกกุด้วยเถอะค่ะ…! ทั้งคุณ ทั้งยูจัง และคนในรถบัส… พาทุกคนไปที่ปลอดภัยด้วยเถอะค่ะ…!”
“มัตสึริ… เธอปลดมัดได้ยังไง…?”
“แฮ่ก แฮ่ก คุณคุมิโกะ จำได้ไหมว่าคุณเคยบอกว่านักวิชาการไม่สนอะไรเลยนอกจากสิ่งที่ตัวเองถนัด …จริงอย่างที่พูด… แฮ่ก แฮ่ก สายเคเบิ้ลไทร์เนี่ย… มันตัดง่ายมากๆ ถ้ารู้วิธี พอปลดที่แขนออกได้แล้ว ที่ขาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย”
“…ฮะฮะ งั้นเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
มัตสึริคงเล็งโอกาสที่จะโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวตั้งแต่แรกแล้ว การพุ่งกระแทกซ้ำๆ หลายรอบด้วยร่างของตัวเองขณะที่รู้วิธีหลุดจากพันธนการก็เพื่อทำให้ฉันประมาท
ช่างเป็นวิธีการสู้ที่แสนธรรมดา และน่าเบื่อ
“พอ… ได้หรือยังคะคุณคุมิโกะ? …ไปชิโกกุกันเถอะค่ะ”
“…”
“ความปลอดภัยไม่ดีตรงไหนเหรอคะ? ความสงบสุขไม่ดีตรงไหนเหรอคะ…?”
“ฉัน…” ฉันเริ่มพูดขึ้น โดยไม่มีใจที่จะสู้กับมัตสึริอีกต่อไปแล้ว “บอกไปแล้วว่า ฉันอิจฉาเธอ นั่นน่ะคือความจริง ความพอใจที่ได้ใช้ชีวิตแบบธรรมดานี่แหละดีที่สุด ฉัน… อยากจะเป็นอย่างเธอ อยากจะเป็นคนที่มีความสุขเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตแบบธรรมดา”
ฉันถอดสายเคเบิ้ลไทร์ของยูนะออกและพวกเราก็กลับไปที่รถบัส ผู้โดยสารคนอื่นๆ แสดงท่าทางประหลาดใจอย่างชัดเจนเมื่อเห็นพวกเรามีแผลทั้งตัว จะอธิบายทุกอย่างให้พวกเขาฟังก็ป่วยการ ดังนั้นฉันเลยบอกแบบง่ายๆ ไป
“พวกเราจะไปชิโกกุ”
พวกเขาส่งเสียงเอะอะโวยวายและเริ่มรุมถามพวกเราทั้งสาม แต่พวกเราไม่ตอบอะไรกลับจนกระทั่งพวกเขาเลิกถามไปเอง
รถบัสของเราเดินทางตรงไปตามทางด่วนชิมานามิ ยังดีที่แขนที่โดนแทงเป็นแขนซ้าย เพราะฉันใช้แขนขวาควบคุมพวงมาลัยเป็นหลัก ฉันให้หมอปฐมพยาบาลแผลที่ถูกแทงแล้ว แต่มันยังคงรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ขยับ
ยูนะเงียบไปตั้งแต่ที่เรากลับมาที่รถบัส เธอยังคงพูดให้กำลังใจผู้โดยสารด้วยรอยยิ้ม บอกพวกเขาว่าอีกไม่นานพวกเราจะไปถึงที่ปลอดภัยไม่ต้องกังวล แต่สีหน้าของเธออ่านได้ยากกว่าปกติ
พอพวกเราใกล้ถึงทางด่วนชิมานามิ มัตสึริก็เข้ามาคุยด้วยนิดหน่อย
“หนูคิดอยู่ตลอดตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรกว่าคุณเป็นคนดีหรือคนไม่ดี คุณคุมิโกะ”
ฉันขับต่อไประหว่างที่ฟังเธอพูด
“คุณทั้งใช้ความรุนแรงและทำร้ายคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้น… ก็มีเส้นบางๆ เส้นหนึ่งที่คุณไม่เคยข้ามมันเลย”
“……..”
“ทุกคนที่คุณลงมือต่างก็เป็นคนที่ทำร้ายคนอื่นบนรถบัสหรือไม่ก็พวกที่เอาตัวรอดไว้ก่อนโดยไม่สนใจคนใคร และตอนที่คุณสู้กับหนู… คุณสามารถฆ่าหนูได้ง่ายๆ ถ้าต้องการ กฎหมายไม่มีความหมายในโลกตอนนี้ และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าคุณฆ่าหนู แต่คุณไม่ทำ”
ฉันพูดไม่ออก
“ยิ่งกว่านั้น คุณคุมิโกะช่วยพวกเราทุกคนไว้หลายครั้งตลอดการเดินทางครั้งนี้”
“ฉัน…” ฉันพูดขณะคุมพวงมาลัย “ฉันกลัวสิ่งที่สามารถ [คาดการณ์ได้] และ [ความมั่นคง] การทำอะไรซ้ำๆ ในชีวิตที่สงบสุข… เป็นสิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุด”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะคะ….?”
ขณะที่ฉันคุยกับมัตสึริ ยูนะก็เข้ามาได้ยินพอดีและถามขึ้น
“ฉันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณ แบบที่คนกลัวความสูงรู้สึกตอนมองลงจากที่สูง หรือคนกลัวที่แคบตอนอยู่ในที่แคบ มันทำให้ฉันเป็นบ้า ก็เลยอยากให้ชีวิตมันวุ่นวาย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“คุณเองก็ลำบากเหมือนกันนะคะ” มัตสึริพูดด้วยความเห็นใจ “ยิ่งกว่านั้น มันเป็นชีวิตที่น่าเศร้ามากเลยค่ะ คงอึดอัดมากเลยสินะคะที่สามารถใช้ชีวิตได้แค่แบบนั้น”
รู้สึกเจ็บที่แผลถูกแทงที่แขนซ้าย
“ตอนยังเด็ก มีครั้งหนึ่งที่ฉันหลอกเพื่อนคนหนึ่งและทำร้ายเธอ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น”
ฉัน—- เป็นผู้ใหญ่ที่ล้มเหลว จริงๆ แล้วฉันก็เป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งที่ยึดติดกับแนวคิดที่จะไม่เป็นคนปกติธรรมดา คาดหวังว่าวันพรุ่งนี้จะต้องไม่เหมือนวันนี้เสมอ
มัตสึริมองมาที่ฉันด้วยสายตาโศกเศร้าจางๆ
“คุณคุมิโกะ คุณไม่ใช่คนไม่ดีหรอกค่ะ แค่เป็นคนอันตรายเท่านั้นเอง”
“ไม่ใช่คนไม่ดี แต่เป็นคนอันตรายงั้นเหรอ… คงอย่างนั้นล่ะมั้ง”
“คุณคุมิโกะ” ยูนะเริ่มพูด “หลังจากเราไปถึงชิโกกุแล้ว ถ้าคุณเกิดเบื่อเพราะต้องใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ทุกวันล่ะก็มาหาพวกเราสิคะ หนูกับคุณมัตสึริและคุณคุมิโกะ พวกเราสามคนจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ถึงจะเป็นแค่ไปเที่ยวเล่นเฉยๆ ก็เถอะ จากนั้น… บางทีความกลัวที่จะใช้ชีวิตแบบสงบสุขที่คุณเคยพูดถึงอาจจะหายไปในที่สุดก็ได้นะคะ”
ยูนะมองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้ม ราวกับให้อภัยทุกเรื่องไม่ดีที่ฉันทำลังไปทั้งหมด ชัดเจนเลยว่าเธอไม่ได้มีจิตใจเหมือนคนปกติทั่วไป จิตใจของยูนะนั้นอยู่ระดับเดียวกับเหล่านักบุญที่ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์
ฉันยิ้มมุมปากออกมาแล้วให้คำตอบ
“พูดอย่างกับเป็นเรื่องง่าย ยัยเด็กบ้าเอ้ย”
จากจุดนี้ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงทางด่วนชิมานามิ พอเข้าเมืองโอโนมิจิในจังหวัดฮิโรชิมะและมองเห็นสะพานใหญ่ข้ามทะเลเซโตะ เหล่าผู้โดยสารคงรู้สึกว่าการไปถึงชิโกกุมันง่ายดายจนเหมือนเป็นเรื่องโกหก
พวกเราเจอกับพวกสัตว์ประหลาดสีขาวที่มาขว้างทางครั้งหนึ่ง แต่ยูนะจัดการพวกมันได้อย่างรวดเร็ว
ทางด่วนชิมานามิถูกสร้างบนเกาะมากมายในทะเลเซโตะและเป็นสะพานใหญ่เจ็ดเส้นที่เชื่อมต่อกัน สะพานใหญ่โอโนมิจิเป็นทางเข้าของฝั่งฮอนชู
ไม่นานหลังจากเราเข้าไป ก็เจอเข้ากับสิ่งกีดขว้างบนถนน มันคือแท่งไม้โอโอนุสะที่เรียงกันราวกับเป็นกรวยจราจร
“นั่นมันอะไรน่ะ…?”
ความรู้สึกแปลกแล่นไปทั่วตัวฉันขณะมองไปที่โอโอนุสะผ่านกระจกหน้ารถ ข้างหลังพวกมันคือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดเหมือนกับนักบวชชินโตทั้งชายและหญิง
ฉันหยุดรถบัสแล้วลุกจากที่นั่งเดินลงจากรถ ยูนะกับมัตสึริเดินตามมาด้วย
กลุ่มนักบวชที่อยู่หลังแท่งไม้เดินเข้ามา ตรงกลางของพวกเขาคือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในวัยประมาณเด็กประถมได้ การได้เห็นผู้ใหญ่ปฏิบัติเหมือนเด็กคนนี้เป็นหัวหน้าทำเอารู้สึกขนลุกจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก
ชายสูงอายุคนหนึ่งที่เป็นเหมือนหัวหน้านักบวชกระซิบบางอย่างกับเด็กหญิง แต่ฉันไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไร
เด็กหญิงพยักหน้าและตอบกลับไป
“ค่ะ คำพยากรณ์บอกไว้อย่างนั้น”
เด็กหญิงเดินออกจากกลุ่มมาที่พวกเราแล้วก้มหัวให้อย่างเป็นมารยาท
“ยินดีที่ได้พบค่ะ หนูชื่ออูเอซาโตะ ฮินาตะ พวกคุณคงได้พบเจอเหตุการณ์ผิดธรรมชาติมากมายระหว่างลี้ภัยจากฮอนชูมาที่ชิโกกุแห่งนี้ อย่างแรก ขอหนูอธิบายสิ่งที่พวกเรารู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกตอนนี้ก่อน ข้อมูลมากมายเป็นความลับและยังไม่ถูกเปิดเผยอย่างเป็นสาธารณะ แต่ว่า…”
จากนั้นเด็กหญิงที่ชื่ออูเอซาโตะ ฮินาตะก็บอกเล่าอะไรหลายอย่างให้กับพวกเรา พวกเธอไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดสีขาวมาจากไหน แต่รู้ว่าพวกมันปรากฏตัวในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมทั่วญี่ปุ่นและไล่ฆ่ามนุษย์อย่างไร้ปราณี ที่ชิโกกุถูกล้อมรอบด้วยกำแพงบางอย่างที่ป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดเข้าไปข้างในได้ และจำนวนที่เข้าไปได้มีน้อยจนไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมาก
มีโอกาสที่จะมีพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับการปกป้องแบบเดียวกับชิโกกุอยู่ แต่นอกเหนือจากนั้นถูกทำลายหมดแล้ว มีผู้ลี้ภัยหลั่งไหลจากทุกสารทิศเข้ามาที่ชิโกกุและผู้คนจำนวนมากกำลังถกเถียงอย่างดุเดือดว่าจะเริ่มต้นทำมาหากินยังไง
และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เด็กคนนั้นบอก—- ตัวตนของกลุ่มคนที่เรียกว่า [ผู้กล้า] กับ [มิโกะ]
ผู้กล้าคือเด็กสาวที่มีพลังในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดสีขาวที่ถูกส่งลงมาจากบนฟ้า พูดง่ายๆ คือเด็กแบบยูนะ
มิโกะคือเหล่าเด็กที่มีความสามารถในการรับสารจากเทพพิภพ คำพยากรณ์เหล่านั้นทำให้สามารถรับรู้ได้ว่าสัตว์ประหลาดจะปรากฏตัวที่ไหนหรืออาจเป็นคำชี้นำจากเทพเจ้า หรือก็คือเด็กแบบมัตสึริ
จากที่ได้ฟังมา มีผู้กล้ากับมิโกะอีกหลายคนนอกจากยูนะกับมัตสึริที่ฉันเจอ อูเอซาโตะ ฮินาตะเองก็เป็นมิโกะเช่นกัน
“ตอนนี้โลกของเรากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตที่ไม่เคยเจอมาก่อน พวกเรายังไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ลงมาจากฟ้ามันคืออะไร… เพื่อที่จะขับไล่พวกมัน พวกเราต้องการพลังของผู้กล้ากับมิโกะค่ะ”
อูเอซาโตะพูดอย่างคนมีความรู้ สอดคล้องกับอากัปกริยาที่เกินคาดว่าเป็นเด็กประถม ฉันคิดว่าสภาพจิตใจของยูนะผิดปกติพอแล้วนะ แต่เด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่ยิ่งกว่าซะอีก พวกผู้กล้ากับมิโกะคนอื่นๆ จะแปลกแบบนี้ไหมนะ?
ขณะที่ฟังสิ่งที่อูเอซาโตะพูดอยู่ฉันก็คิดบางสิ่งขึ้นมาได้
เด็กคนนี้ไม่หันมามองฉันเลยสักครั้ง เธอมองไปที่ยูนะกับมัตสึริที่ยืนอยู่ข้างหลังของฉัน แต่กลุ่มคนในชุดนักบวชที่ยืนอยู่ข้างหลังอูเอซาโตะมองมาที่ฉันทุกคน
มีเพียงอูเอซาโตะคนเดียวที่รู้ถึงความสำคัญของยูนะกับมัตสึริ—- สองคนนี้คือ [ผู้กล้า] กับ [มิโกะ] นั่นคงเป็นความสามารถในการรับคำพยากรณ์ของ [มิโกะ]
“พวกเราในฐานะองค์กรองค์กรหนึ่งกำลังตามหา [ผู้กล้า] กับ [มิโกะ] จากทั่วประเทศเพื่อขับไล่สัตว์ประหลาดเหล่านั้น คำพยากรณ์บอกหนูว่าจะมีผู้กล้ากับมิโกะมาที่ชิโกกุ พวกเราจึงออกมาที่นี่เพื่อต้อนรับ”
“เดี๋ยวก่อน” ฉันหยุดอูเอซาโตะ “ฉันอยากจะพูดกับอูเอซาโตะสองต่อสองสักหน่อย”
เหล่าคนสวมชุดนักบวชแตกตื่นกับคำพูดของฉัน คงไม่มีใครคาดว่าจะมีคนยื่นข้อเสนออย่างนี้ และมิโกะอูเอซาโตะเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าสำหรับพวกเขา เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะกังวลเรื่องปล่อยให้เธออยู่กับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา
เห็นได้ชัดว่าอูเอซาโตะฉลาดเกินวัย เธอหันกลับไปหาพวกผู้ใหญ่ด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลเพื่อทำให้พวกเขาสงบลง
“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เธอคนนี้ไม่มีความตั้งใจจะทำอะไรอันตรายกับหนู คำพยากรณ์ของท่านชินจูกล่าวไว้เช่นนั้น ขอพวกเราสองคนคุยกันครู่หนึ่งนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
มัตสึริเข้ามาขัดระหว่างอูเอซาโตะกับฉัน
“หนูให้ทั้งสองคนคุยกันตามลำพังไม่ได้ ยูจังกับหนูจะฟังด้วยค่ะ”
อูเอซาโตะ มัตสึริ ยูนะ และฉันเดินออกห่างจากพวกผู้ใหญ่ไปอยู่ในระยะที่พวกเขาไม่ได้ยิน
“เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าสองคนนี้เป็นผู้กล้ากับมิโกะ?”
ฉันถามอูเอซาโตะ เธอพยักหน้าและพูด “ค่ะ” ตอบ
“คนที่อ่อนกว่าคนนี้เป็นผู้กล้า ชื่อทาคาชิม่า ยูนะ ส่วนเด็ก ม.ต้น นี่เป็นมิโกะชื่อโยโคเตะ มัตสึริ และฉัน… คาราสุมะ คุมิโกะ เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป”
อูเอซาโตะฟังฉันโดยไม่พูดอะไร
“อูเอซาโตะ เธอบอกว่ากำลังรวมรวบผู้กล้ากับมิโกะอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ค่ะ คนที่รวบรวมไม่ใช่หนู แต่เป็นประเทศค่ะ”
“ฉันไม่สน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับมิโกะกับผู้กล้าที่พวกเธอเจอ? พวกเขาเป็นยังไงบ้าง?”
“หนู… ไม่รู้ค่ะ ตอนนี้ยังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ หนูคิดว่าพวกเขาเพียงแค่รวมตัวผู้คนที่มีพลังพิเศษในกรณีที่มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น”
อูเอซาโตะเลือกคำตอบอย่างระมัดระวัง
ทำให้ฉันพอคาดเดาตำแหน่งของเด็กคนได้
เธอมีบทบาทสำคัญในองค์กรที่ว่ามา แต่ถึงจะสำคัญยังไง ก็ไม่ได้มีอิทธิพลในการตัดสินใจขององค์กร
ยิ่งกว่านั้น เด็กคนนี้กำลังโกหกอยู่
“เธอกำลังโกหกอยู่นะตอนที่บอกว่าไม่รู้ เธอเองก็รู้ดีใช่ไหมล่ะ? ว่าพวกเธอกำลังรวบรวมคนเหล่านั้นมาเป็นทหารต่อสู้กับสัตว์ประหลาดน่ะ”
อูเอซาโตะไม่ตอบอะไร ทำเพียงฟังฉันอย่างเดียว
“ชิโกกุดูเหมือนจะมีกำแพงป้องกันจากการโจมตีของสัตว์ประหลาดสินะ แต่พวกเธอไม่รู้ว่ามันจะกันได้นานแค่ไหน จากสิ่งที่รู้ทั้งหมด พรุ่งนี้พวกสัตว์ประหลาดสามารถรวมตัวกันบุกชิโกกุและไล่ฆ่าผู้คนได้ พวกเธอเลยต้องการผู้คนที่สามารถสู้ได้เพื่อกรณีนั้น”
อูเอซาโตะไม่พูดอะไร
“[เพื่อขับไล่สัตว์ประหลาด] ที่ว่ามาน่ะ ความหมายจริงๆ ของมันคือ [เพื่อเอาไปสู้กับสัตว์ประหลาด] หรือก็คือส่งพวกเขาไปสู่อันตรายถ้าหากสัตว์ประหลาดบุกเข้ามาได้และทำให้พวกเขายอมสละชีวิตเพื่อปกป้องทุกคน”
อูเอซาโตะหลังจากที่เงียบฟังมานานก็เริ่มเปิดปากพูด
“หนู… ไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนั้นได้…”
เสียงของเธอฟังดูโศกเศร้าเสียใจ
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอก เธอเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องเสียสละเหมือนกัน คนธรรมดาอย่างฉันจะได้รับการคุ้มครองโดยการเสียสละของพวกเธอ พวกเธอมีสิทธิที่จะโกรธ เกลียด และซัดหน้าฉัน โมโหที่ตัวเองต้องเสียสละเพื่อคนอย่างพวกเรา จะเอาความรู้สึกนั้นมาลงที่ฉันก็ได้นะ”
“หนู… ไม่ทำอย่างนั้นหรอกค่ะ เพื่อนสนิทของหนูที่กลายเป็นผู้กล้าบอกว่าพลังที่ใช้ในการต่อสู้นี้มีไว้สู้เพื่อปกป้องคนอื่น หนูทำตามสิ่งที่เธอพูดไว้”
ว่าแล้วว่าผู้กล้ากับมิโกะทุกคนต้องเป็นอย่างนี้
มัตสึริที่ฟังเราสองคนคุยกันมานานก็ตะโกนออกมาเสียงดังจนน่าตกใจ
“เดี๋ยวสิคะ! พวกเธอ พวกเธอจะส่งเราไปสู้งั้นเหรอ!? ยูจังกับฉัน… จะต้องสู้กับสัตว์ประหลาดนั่นอีกแล้วเหรอ!?”
“ถ้าเธอเข้าร่วมกับองค์กรที่อูเอซาโตะพูดถึงน่ะนะ”
“……..”
มัตสึริกำหมัดเล็กๆ ของตัวเอง ตัวสั่นทั้งตัวด้วยความโกรธที่มีต่อความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น
“แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่เรื่องสมมติค่ะ ชิโกกุในตอนนี้กำลังสงบสุขอยู่นะคะ”
ถึงพูดอย่างนั้น เสียงของฮินาตะก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เธอคงรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่ [เรื่องสมมติ] แต่เป็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
เป็นคนที่มีความเมตตาสุดกู่จริงๆ น่าจะฝังรากลึกไปถึงจิตวิญญาณเลยล่ะมั้ง การที่สัตว์ประหลาดปรากฏตัวออกมาไม่ใช่ความผิดของอูเอซาโตะเลย อีกทั้งการรวบรวมผู้กล้ากับมิโกะก็ไม่ใช่ความตั้งใจของเธอเองด้วย อูเอซาโตะไม่ได้ทำอะไรผิด เธอเพียงแค่ถูกกลืนกินโดยสายธารที่มองไม่เห็น ไม่มีอะไรที่เธอต้องไปรู้สึกผิดเลย
“แต่… ทั้งที่พวกเราคิดว่าถ้ามาถึงที่นี่จะปลอดภัย… ทั้งที่คิดไว้ว่าจะไม่ต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแล้วแท้ๆ…”
ฉันจุดบุหรี่และมองขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะฟังเสียงที่สั่นเครือของมัตสึริ พระอาทิตย์ไม่ขึ้นตั้งแต่วันที่เรื่องเกิดขึ้น
“ยูจังเป็นแค่เด็ก! เธอก็ด้วยคุณอูเอซาโตะ! ฉันเอง… ถึงฉันจะอายุมากกว่าทั้งสองคน แต่ฉันยังเพิ่งอายุสิบสี่เอง! ทำไมเด็กอย่างพวกเราต้องออกไปแนวหน้าและต่อสู้ด้วย!? ทำไมพวกผู้ใหญ่ที่อยู่กับเธอถึงยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ล่ะ!?”
มัตสึริเค้นเสียงออกมา
“…พวกผู้ใหญ่เขาทำเท่าที่ทำได้แล้วค่ะ แต่มีเพียงคนแบบพวกเราเท่านั้นที่สามารถเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดได้…”
มัตสึริเงียบไป ยูนะเองก็คอตกและไม่พูดอะไร
“ฉัน… ทำไม่ได้ ฉัน… จะไม่เข้าร่วมองค์กรของพวกเธอ!”
มัตสึริพูด และยื่นไปจับมือของยูนะ
“ยูจังก็ด้วยใช่ไหม!? เธอก็จะไม่เป็น [ผู้กล้า] เหมือนกัน!”
“…หนู……”
ในที่สุดยูนะก็ยอมเปิดปากหลังจากที่เงียบมาตลอด แต่คำพูดเหล่านั้นหยุดลงทันทีไม่มีต่อ
ฉันดับบุหรี่และใส่ในที่เขี่ยบุหรี่พกพา
“เอาล่ะ อูเอซาโตะ ถึงเวลาเข้าเรื่องจริงๆ แล้ว”
ฉันโค้งหัวให้อูเอซาโตะที่กำลังตกใจ
“ได้โปรด บอกพวกเขาทีว่าฉันเป็นมิโกะไม่ใช่มัตสึริ”
“เอ๋!?”
ยูนะกับมัตสึริอุทานด้วยความตกใจ
อูเอซาโตะดูสับสน
“เงยหน้าขึ้นมาเถอะค่ะ แต่ว่า… ทำไมล่ะคะ?”
“จริงอยู่ที่มัตสึริมีคุณสมบัติเป็น [มิโกะ] แต่ข้างในของเธอเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เธอไม่สามารถใช้ชีวิตแบบคนอย่างพวกเธอได้” ฉันมองไปที่ตาของอูเอซาโตะขณะพูด “ฉันเหมาะกับหน้าที่นี้มากกว่า มั่นใจว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับพวกเธอได้แน่ และฉันชอบชีวิตแบบนั้น”
“……..”
“เอาฉันกับยูนะเข้าองค์ของเธอด้วย จิตใจของยูนะน่ะเป็นแบบเดียวกับพวกเธอเลย ดังนั้นไม่เป็นปัญหาแน่นอน”
“พะ- พูดอะไรน่ะคะคุณคุมิโกะ!? ยูจังเธอ…”
ฉันเมินมัตสึริที่พยายามเถียงและหันไปหายูนะแทน
“ยูนะ เธออยากทำอะไร? จะออกไปสู้ในฐานะ [ผู้กล้า] อย่างที่ฟังมาหรือจะปฏิเสธ?”
“หนู…”
เธอพูดขึ้นอย่างลังเล
“พอเถอะยูจัง!”
มัตสึริอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง
“หนูจะเป็น [ผู้กล้า] ค่ะ”
ยูนะได้คำตอบ
และตอบออกมาอย่างมั่นใจ
“ทำไม… ทำไมต้องพยายามเสียสละตัวเองด้วย…?”
มัตสึริตกตะลึง ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“เพราะถ้าหนูต่อสู้ ก็จะมีคนบาดเจ็บน้อยลง”
น้ำเสียงของยูนะดูเสียใจ แต่ก็รู้สึกเหมือนไม่ได้ต่างจากเดิม
มัตสึริเงียบไป ตัวยังคงสั่นอยู่ ยันท้ายที่สุดก็ไม่มีคำพูดไหนของมัตสึริส่งไปถึงยูนะเลย
“งั้น ตอนนี้ยูนะก็จะเข้าร่วมกับพวกเธอ ดูจากสถานะของพวกผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังนั่นแล้ว เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ตัดสินใจว่าใครเป็นผู้กล้าใครเป็นมิโกะสินะ อูเอซาโตะ ดังนั้นพวกเรามาสร้างเรื่องราวที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าฉันเป็นมิโกะกันเถอะ”
“….แต่ถ้าหากว่า…”
อูเอซาโตะลังเล
“ได้โปรด”
ฉันคุกเข่าลงและวางมือลงบนพื้นถนน
จากนั้นก็ก้มหัวลงจนหน้าผากชนพื้น
“โยโคเตะ มัตสึริเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง ความสุขเล็กๆ ของเธอมีค่ามากกว่าหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็นกังวลอย่างมากถ้าคนใกล้ตัวต้องเจ็บปวด แต่เป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกแบบเดียวกันกับคนแปลกหน้า เธอเลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้มากกว่าความสุขที่จะมาในอนาคต… เธอเป็นเพียงแค่คนปกติคนหนึ่ง ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษมาก คิดว่านั่นแหละคือความหมายของการเป็นมนุษย์ ฉันอยากให้มัตสึริเป็นอย่างที่เป็นตอนนี้ต่อไป”
นั่นคือความในใจของฉัน เพราะฉะนั้น—-
“อย่าเอามัตสึริไปมีส่วนร่วมกับพวกเธอเลย”
“…….”
อูเอซาโตะมองมาที่ฉันประมาณสองสามวิฯ หรืออาจจะสิบกว่าวิฯ ได้
“เข้าใจแล้วค่ะ คงต้องใช้ความพยายามสักหน่อย แต่หนูจะโกหกพวกเขาดูค่ะ แต่ถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมาก็ขอให้ยอมแพ้เรื่องนี้ไปด้วยนะคะ ตอนนี้หนูจะไปบอกพวกเขาว่าผู้กล้าคือ คุณทาคาชิม่า ยูนะ ส่วนมิโกะคือ คุณคาราสุมะ คุมิโกะ และคุณโยโคเตะ มัตสึริ คุณจะได้ไปอยู่ในที่หลบภัยในฐานะผู้ลี้ภัยคนหนึ่ง”
“ขอบคุณ ฉันติดหนี้เธอแล้ว”
“เดี๋ยวสิ……” มัตสึริพยายามหยุดเรา “หยุดก่อนสิคะ! ทำไมคุณถึงต้องมาตัดสินแทนหนูด้วย!? หนูน่ะ…”
“มัตสึริ เธอมาได้เท่านี้ล่ะนะ”
“หนูจะไปด้วย!”
“เธอมาด้วยไม่ได้”
“ทำไมล่ะ…!?”
“เมื่อถึงตอนที่ยูนะต้องสู้ เธอทนเห็นบาดแผลที่ยูนะได้รับจากการต่อสู้ต่อหน้าต่อตาไม่ได้หรอก”
“…คึ!”
“และเธอมีความฝันว่าอยากจะเป็นนักเขียนหนังสือภาพไม่ใช่เหรอ? เธอมีเป้าหมายและวิถีชีวิตที่ตั้งเป้าไว้แล้ว ยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ? แม้โลกจะเปลี่ยนไปตามที่มันต้องการ แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะเปลี่ยนไปตามโลก”
“หนู… ตลอดมาหนูเป็นอะไรกันแน่…?”
มัตสึริคอตก ตัวสั่นไปทั้งตัว
“อย่าเข้าใจฉันผิดไปล่ะ เรื่องที่เธออยู่เคียงข้างยูนะตลอดเวลากับพลังมิโกะที่มีอยู่ในตัวเธอ—- มันไม่ได้สูญเปล่าสักหน่อย ที่รถบัสมาถึงที่ปลอดภัยอย่างชิโกกุได้เป็นเพราะความสามารถของเธอเลยนะ เธอช่วยแม่ลูกคู่นั้นไว้ด้วย”
ฉันรู้ว่าคำพูดของฉันช่วยมัตสึริไม่ได้มาก แต่ก็ต้องพูดออกไป
“และรู้อะไรไหมมัตสึริ ฉันอยากเป็นคนแบบเธอ เธอคือ [ตัวฉัน] ที่ฉันอยากเป็น เพราะงั้นได้โปรด อย่าได้เปลี่ยนไปเลยนะ”
คำพูดของฉันคงไม่ได้ก้องกังวาลอยู่ในหัวใจของมัตสึริ ความสัมพันธ์ระหว่างฉัน ยูนะ และมัตสึริต่างก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ข้างเดียว คำพูดของฉันส่งไปไม่ถึงมัตสึริ คำพูดของมัตสึริส่งไปไม่ถึงยูนะ และคำพูดของยูนะส่งมาไม่ถึงฉัน
“คุณมัตสึริ….” ยูนะพูดออกมาเสียงเบา เค้นความร่าเริงที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมดออกมา “อย่ากังวลไปเลยนะ หนูจะไปเป็นไรแน่นอน! ถ้าสัตว์ประหลาดสีขาวเข้ามาชิโกกุเมื่อไหร่ หนูจะจัดการมันเอง! และจะปกป้องคุณมัตสึริด้วย!”
อูเอซาโตะบอกว่า “ไม่แน่ใจว่าจะโกหกพวกเขาได้ไหม” แต่ไม่รู้ว่าด้วยวิธีไหน เธอก็หลอกพวกผู้ใหญ่ได้สำเร็จ และฉันก็ได้เข้าร่วมองค์กรที่พูดถึง —-[ไทชะ]—- ในฐานะมิโกะของทาคาชิม่า ยูนะ
“คุณคาราสุมะติดหนี้หนูก้อนโตเลยนะคะ และสักวันหนึ่งหนูจะเรียกคืนค่ะ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมทำตามล่ะก็ หนูจะเปิดเผยว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกและเชิญคุณมัตสึริมาเป็นมิโกะแทน”
อูเอซาโตะแอบหัวเราะ ถึงจะดูเหมือนเป็นการหัวเราะอย่างใสซื่อตามประสาเด็ก แต่ฉันรู้สึกถึงความตึงเครียดในคำพูดเหล่านั้น ฉันพาตัวเองเข้ามาติดในพันธนาการของรังแมงมุมซะแล้วสิ
และฉันก็สนุกกับสภาพที่เป็นอย่างนี้
“เข้าใจแล้ว เมื่อไหร่ที่เธอต้องการฉัน ฉันจะทำตามที่เธอบอก”
ด้วยเรื่องนี้ทำให้ฉันกับอูเอซาโตะมีความสัมพันธ์เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด เพื่อให้มัตสึริได้สนุกกับชีวิตปกติ ฉันจะต้องไม่ขัดแข้งขัดขาอูเอซาโตะ
นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้วจากตอนนั้น และฉันกำลังเขียนจดหมายให้โยโคเตะ มัตสึริหลังจากได้รับแจ้งมาว่าทาคาชิม่า ยูนะตายแล้ว
ฉันไม่ได้เจอมัตสึริตั้งแต่วันนั้น พอมาคิดดูแล้ว ยูนะเคยพูดว่า “พวกเราสามคนมาเที่ยวด้วยกันนะ” ก่อนที่จะถึงชิโกกุ แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง และเพราะหนังสือภาพที่วางอยู่ในชั้นหนังสือ ทำให้จนถึงวันนี้ฉันยังไม่ลืมมัตสึริ
หลังเขียนจดหมายเรื่องที่ยูนะถูกฆ่าตายในการต่อสู้เสร็จ ฉันก็ส่งคำขอออกจากสำนักนักงานใหญ่ไทชะ เดินทางลงเขาและไปที่เมือง
ในขณะเดียวกัน ฉันก็นึกถึงช่วงเวลาระหว่างวันที่ยูนะเข้าร่วมไทชะและวันที่เธอตาย
การเข้าร่วมไทชะเป็นทางเลือกที่ถูกแล้วสำหรับยูนะหรือเปล่า?
ยูนะคิดอะไรตอนที่ต่อสู้?
ยูนะคิดยังไงกับการเสียสละทั้งกายและใจเพื่อปกป้องคนอื่น?
ยูนะโต้ตอบยังไงกับพรรคพวกที่ต้องแบกรับภาระเดียวกัน?
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรอยู่ในหัวของยูนะ แม้แต่พวกผู้กล้าเองก็คงไม่สามารถเข้าใจหัวใจของเธอได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่ฉันเองก็ไม่สามารถให้คำบรรยายกับเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าทาคาชิม่า ยูนะได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจเกี่ยวกับเด็กคนนั้น เด็กที่เข้าใจยากที่สุดในโลก
เธอไม่เคยเสียใจที่เข้าร่วมไทชะ… ไม่เลยสักนิด
แม้จะต้องเจ็บปวด แม้จะต้องสู้จนร่างกายพังทลาย แม้ตัวจะตายไปแล้ว เธอก็ไม่เสียใจ
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ยูนะก็เป็นคนแบบนั้น
ฉันยืนอยู่หน้าตู้ไปรษณีย์ข้างร้านสะดวกซื้อในเมือง และใส่ซองจดหมายที่จ่าหน้าถึงมัตสึริ จู่ๆ คลื่นแห่งอารมณ์ความรู้สึกก็ถาโถมในใจฉัน
ตอนนี้มัตสึริทำอะไรอยู่นะ? เธอได้ใช้ชีวิตตามปกติหรือเปล่า? การได้รับหนังสือภาพปีละครั้งไม่สามารถบอกได้ว่าวิถีชีวิตของเธอเป็นยังไง
ฉันหันออกจากตู้ไปรษณีย์และพูดพึมพำกับตัวเอง
“…บางทีฉันควรไปหามัตสึริบ้างดีกว่า”
บันทึกประวัติศาสตร์ไร้มูลเหตุ บทที่ 3 จบ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 15: -คาราสุมะ คุมิโกะไม่ใช่มิโกะ- ตอนจบ เจ้าดอกซากุระ เพียงมองเจ้าใจก็คะนึงถึง หลายสิ่งหลายอย่าง ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 15.5: ตอนพิเศษ ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 14: -คาราสุมะ คุมิโกะไม่ใช่มิโกะ- ตอนที่ 4 ซากุระจะงาม ยามร่วงหล่น ใดๆในโลกล้วน ไม่จีรังยั่งยืน ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 13: -คาราสุมะ คุมิโกะไม่ใช่มิโกะ- ตอนที่ 3 หากโลกนี้ ไร้ซึ่งซากุระ ฤดูใบไม้ผลิ คงไม่เหลือความสงบในดวงจิต ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 12: -คาราสุมะ คุมิโกะไม่ใช่มิโกะ- ตอนที่ 2 ซากุระต้นหนึ่ง เหตุใดมันถึง เบินหน้าหนีฤดูใบไม้ผลิ ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 11: -คาราสุมะ คุมิโกะไม่ใช่มิโกะ- ตอนที่ 1 แม้นเพิ่งได้เบิกตาดูโลก ก็หาใช่ห่างไกลจากความตาย ดั่งดอกซากุระ ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 10: -ฟุโยว ยูนะไม่ใช่ผู้กล้า- ตอนที่ 5 The first step is always the hardest. ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 9: -ฟุโยว ยูนะไม่ใช่ผู้กล้า- ตอนที่ 4 Every man is the architect of his own fortune. ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 8: -ฟุโยว ยูนะไม่ใช่ผู้กล้า- ตอนที่ 3 Everyone lies. And it's the truth. ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 7: -ฟุโยว ยูนะไม่ใช่ผู้กล้า- ตอนที่ 2 All is fish that comes to the net. ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 6: -ฟุโยว ยูนะไม่ใช่ผู้กล้า- ตอนที่ 1 There is no time like the present. ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 5: -อูเอซาโตะ ฮินาตะเป็นมิโกะ- ตอนที่ 5 อธิษฐานแก่การหวนคืน ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 4: -อูเอซาโตะ ฮินาตะเป็นมิโกะ- ตอนที่ 4 พานพบกันอีกครั้ง ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 3: -อูเอซาโตะ ฮินาตะเป็นมิโกะ- ตอนที่ 3 สิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื่องหลัง ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 2: -อูเอซาโตะ ฮินาตะเป็นมิโกะ- ตอนที่ 2 โคโอริ จิคาเงะกับฮานะโมโตะ โยชิกะ ธันวาคม 16, 2021
- ตอนที่ 1: -อูเอซาโตะ ฮินาตะเป็นมิโกะ- ตอนที่ 1 เหล่ามิโกะ ธันวาคม 16, 2021
MANGA DISCUSSION