[นิยายแปล(WN)] 狂乱令嬢ニア・リストン คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน - ตอนที่ 131 การแข่งขัน
131 ทำงานต่างประเทศที่แว็ง เดอ ครุช วันที่สี่ การแข่งขัน
เมื่อสามปีที่แล้ว
เป็นเวลาสามปีแล้วที่ฉันกลายเป็นเนีย・ลิสตัน
ฉันรู้สึกเหมือนมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น แต่……พูดตามตรง ฉันจำอะไรแทบไม่ได้ ทั้งหมดที่ฉันสามารถคิดออกได้อย่างรวดเร็วก็แต่การล่าสัตว์อสูรที่ฉันสามารถทำได้ในสองสามวันที่ผ่านมาเพื่อจัดงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ และนรกการถ่ายทำ
สิ่งเดียวที่เหลือคือการบ้านบ้า ๆ มันเหมือนกับคราบมันเยิ้มที่เกาะติดตลอดไปตลอดไปจริง ๆ แม้จะพยายามลืมแค่ไหนแล้วก็ตาม การบ้านที่ปรากฎตัวทีละชิ้นทีละชิ้น ตัวเลขและตัวเลข ตัวเลขแปดหลัก สำหรับฉัน มันเป็นสัตว์ร้ายที่ดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์อสูรระดับชั้นพิเศษ ไม่มีทางที่ฉันจะตั้งสติได้เลยเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น
――ม๊า ทิ้งสัตว์ร้ายที่เรียกว่าตัวเลขไปกันดีกว่า
ฉันเล่าเรื่องราวเริ่มต้นของฉันให้กับซัคเฟิร์ด ฟิเลเดีย โครเวน และคริสโตฟัง
เมื่อนานแสนนานมาแล้ว ฉันเคยป่วยด้วยโรคร้ายแรง
เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้คนจำนวนมาก พ่อแม่ของฉันจึงลงทุนเงินจำนวนมากในอุตสาหกรรมเมจิกวิชั่น และเป็นคนแรกที่นำระบบนี้มาใช้ในอาณาเขตของพวกเขา
และด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันก็รอดชีวิตมาได้ และเวลาก็ผ่านไปแล้วสามปี
“――และนี่คือเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของหนูค่ะ ม๊า หากให้พูดตรง ๆ ก็ไม่ใช่ภูมิหลังที่น่าพูดถึงหรอกค่ะ”
ทว่า ตอนนี้ฉันหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเนีย・ลิสตันถึงได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเมจิกวิชั่น
“ทานแล้วนะคะ”
เมื่อเล่าจบ ฉันก็เอื้อมมือไปที่โต๊ะตัวเตี้ยข้างโซฟา
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ ฉันตัดสินใจที่จะทานแซนด์วิชที่คนรับใช้ของตระกูลฮาสกิตันนำมาให้ฉัน โอ้ เนื้ออย่างหนา งดงามมาก ――อนึ่ง ริโนกิสกำลังรออยู่ในห้องแยกต่างหากพร้อมกับคนขับ
“……เข้าใจล่ะ เป็นการทำให้『การประกาศอย่างเป็นวงกว้าง』เป็นไปได้สินะ”
ซัคเฟิร์ดและอีกสามคน ในตอนนี้กำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง มีความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันพึ่งเล่าไปยังไงบ้างเหรอ
……………
ฉันเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมฮิเอโร่ถึงแนะนำให้ฉันเล่าเรื่องนี้
เอพพิโซดของเนีย・ลิสตัน เป็น「เรื่องราวสะเทือนใจที่เข้าใจง่าย」ที่เกี่ยวข้องกับเมจิกวิชั่น
อาจจะมีเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเมจิกวิชั่น แต่เมื่อพูดถึง「เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆที่มีชื่อเสียง」สำหรับหลาย ๆ คนเรื่องราวนี้น่าจะถูกนึกถึงเป็นเรื่องแรก
อาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของเรื่องราวแนวนี้เลยก็ได้ ประวัติของเมจิกวิชั่นยังเยาว์นัก
เรื่องราวนั้นเข้าใจง่ายมาก นี่คือรูปแบบการใช้งานที่มีประโยชน์ของเมจิกวิชั่น และยิ่งคนที่เกี่ยวข้องโดยตรงเป็นคนพูดเอง ยิ่งมีพลังโน้มน้าวใจ ม๊า ฉันคิดว่าน่าจะมีในระดับหนึ่งล่ะนะ
“ตอนนี้เธอสบายดีแล้วเหรอ?”
เพื่อตอบคำถามของฟิเลเดีย ฉันจึงวางแซนด์วิชที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งกลับเข้าไปไว้บนจานแล้วพยักหน้า
“ขอบคุณนะคะ หนูได้ฝึกฝนร่างกายอย่างจริงจังเพื่อที่จะได้ไม่กลับไปป่วยอีกครั้ง และแข็งแรแงพอที่จะวิ่งเล่นกับสุนัขได้ด้วยแล้วค่ะ”
ดังนั้นในช่วงสามวันที่ผ่านมา ฉันจึงสามารถออกล่าสัตว์อรูสระดับกลางถึงระดับสูงจำนวนมาก และสามารถทำเงินได้มากกว่าร้อยห้าสิบล้านครัมได้
ฉันรู้สึกมีกำลังใจดีกับการได้เที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วยที่สนุกไม่น้อย ตราบที่ไม่ต้องทำการบ้าน
” ――จริงด้วย ฉันสนใจเรื่องนั้นมากกว่า”
ฉันพยายามเอื้อมหยิบแซนด์วิชอีกครั้ง แต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงของโครเวน
“ความเร็วฝีเท้าของเธอนั่นคืออะไรกัน? เรื่องของพวกสุนัขไม่ต้องสนใจเลย ฉันคิดว่าความเร็วของเธอต่างหากที่ผิดปกติเกินไปแล้ว”
ฮะฮ่า มีคนมองแบบนั้นด้วยเหรอ
โดยส่วนตัวแล้ว ฉันแค่หวังว่าผู้คนจะสนุกกับการรับชม แต่แน่นอนว่ายังมีคนที่มองในมุมที่แตกต่างออกไป
……ม๊า ผู้คนในอาณาจักรอาร์ตัวร์ค่อนข้างอิ่มเอมใจต่อความสงบสุขมากไปนิดหน่อย บางทีอาจเป็นผลกระทบของการมีราชวงศ์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้มีน้อยคนนักที่จะมองแบบนั้น
ทว่า ในสายตาของผู้คนจากประเทศอื่น ๆ ที่มีความคิดแรกสุดที่สมมติว่า「จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราเปลี่ยนเป็นศัตรูกัน」 และนั่นคือ ผู้หญิงจากราชวงศ์ รู้สึกดีจังที่ยังมีคนมีเหตุผลอยู่
“หนูบอกได้เพียงว่าเป็นผลจากการฝึกฝนค่ะ ม๊า หนูป่วยมานานมาก บางทีระดับการฝึกฝนอาจจะแตกต่างออกไปจากคนปกติก็ได้ค่ะ ที่สำคัญหนูไม่ต้องการกลับไปป่วยอีกแล้ว”
นี่เป็นเรื่องจริง
ความแข็งแกร่งในอดีตของฉันไม่สามารถฟื้นกลับมาในร่างกายนี้ได้ ฉันต้องการฝึกฝนให้มากขึ้นและต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น และไม่กลับไปป่วยอีก
“ทำไมเธอไม่ลองท้าแข่งดูล่ะ โครว์? เธอเองก็เร็วเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
อาー……คริสโตหัวเราะและเริ่มพูดอะไรที่ทำให้ลำบากใจออกมา
บางครั้งก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นที่สถาบันเช่นกัน
ผู้ท้าชิงโผล่มา และท้าให้แข่งวิ่งด้วย
ตอนแรกฉันก็แค่รับแบบส่ง ๆ ไป แต่เมื่อจำนวนคนเริ่มเพิ่มมากขึ้น ฉันจึงตัดสินใจปฏิเสธพวกเขา
ในตอนนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะปฏิเสธไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังยืนกราน ดังนั้นจึงพยายามผลักพวกเขาออกไปโดยบอกว่า「ก่อนอื่น หากคุณเร็วกว่าซาโนวิลจากแผนกมัธยมต้น ก็ตกลง」เป็นแผนที่สิ้นหวังมาก แต่ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีผู้ท้าทายเข้ามาอีก และความสงบสุขก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
จากประสบการณ์นั้น ทำให้รู้ว่าเป็นเรื่องยุ่งยากมากไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับหน้าตาชื่อเสียง
เมื่อพูดถึงสุนัขแล้ว มักจะจบลงที่แค่ สุนัขเกลียดฉัน แต่เมื่อเป็นมนุษย์ด้วยกัน มีความเป็นไปได้สูงที่จะเหลือความแค้นหรือข้ออ้าง ซึ่งก็น่ารำคาญมากเช่นกัน
“เรื่องนั้นอย่าดีกว่า”
ขณะที่ฉันเริ่มคิดว่าจะปฏิเสธยังไงดี ฮิเอโร่ก็ลงมือทันที โล่งอกไป ดูเหมือนแนวโน้มนี้น่าจะหยุดแล้ว
ซึ่งควรเป็นแบบนั้น
การแข่งขันนั่น ก่อให้เกิดเรื่องน่าลำบากแม้แต่ในประเทศตัวเอง แต่เดาไม่ออกเลยว่าจะเกิดเคราะห์กรรมแบบไหนขึ้นบ้างหากไปทำแบบนั้นกับผู้คนของชนชาติอื่น เพื่อจบเรื่องนี้อย่างสันติก็ไม่ควรไปทำแบบนั้น
“แม้ว่าเธอจะดูเป็นเด็กตัวแค่นี้ แต่เนียมีฝีเท้าที่เหนือกว่าใครในอาร์ตัวร์ ที่พอจะเทียบเคียงได้ก็มีเพียงมืออาชีพด้านการวิ่งแข่งเท่านั้น”
…………
ขอถอนคำพูด
เห็นได้ชัดว่ฮิเอโร่กำลังบอกให้ทำซะ ข้อความนี้สามารถถูกมองว่าเป็นการยั่วยุอย่างโจ่งแจ้งและเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟเท่านั้น
“จริงเหรอ? ฉันเร็วมากนะรู้ไหม? เร็วกว่าสุนัขตัวไหน ๆ ที่ออกมากับเด็กนี้ที่ได้เห็นในเมจิกวิชั่นอีก?”
โฮร๊า ดูสิ โครเวนมีไฟขึ้นมาเลยไม่ใช่รึไง
มีแต่พวกครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้นที่จะอวดความภาคภูมิใขของตัวเองออกมาง่าย ๆ ในเรื่องแบบนี้ แต่พวกเขาเป็นพวกชื่นชอบการแข่งขัน และหลงใหลในศิลปะการต่อสู้
ฉันเข้าใจดีว่าเธอรู้สึกยังไง เพราะฉันเองก็เกลียดการพ่ายแพ้เช่นกัน แต่คราวนี้สิ่งเดียวที่ฉันพูดได้ก็คือเสียใจกับอีกฝ่าย เพราะฝ่ายตรงข้ามเป็นฉันเอง
“น่าเสียดาย เนียเร็วมากเลยนะ จะดีกว่าถ้าหยุดซะตอนนี้ เป็นคู่ต่อสู้ที่เลวร้ายเลยล่ะ เร็วมากซะจนคิดว่าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้วยังได้เลย”
ใช่ใช่ เจ้าชายพูดถูก……อาเร๊ะ? ทำไมฉันไม่รู้สึกเหมือนกำลังได้รับคำชมเลยล่ะ? แต่ ม๊า ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
“ยิ่งน่าสนใจเลยไม่ใช่เหรอ ช่วยเป็นคู่มือกับโครว์ได้ไหม?”
“ไม่ ข้าคิดว่าควรหยุดจริง ๆ จะดีกว่าไม่ใช่รึไง?”
ฟิเลเดียแทรกเข้ามาด้วยจิตวิญญาณแห่งความอยากรู้อยากเห็น ซัคเฟิร์ดที่อ่อนโยนขัดกับรูปร่างภายนอกพยายามห้ามไว้
“อาร๊า แซ็ค นายคิดว่าโครว์จะเป็นคนแพ้เหรอ?”
“นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งเดียวที่ข้าคิดก็คือ ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีทางเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายได้หรอก”
ถูกต้องเลย เพราะจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ
คนประเภทที่ฉวยโอกาสจากการยั่วยุประเภทนี้ หากพวกเขาพ่ายแพ้ก็จะต้องการการแข่งขันใหม่ และแม้ว่าจะพยายามยอมออมมือและมอบโอกาสให้พวกเขา พวกเขาก็จะโกรธและบอกให้คุณเอาจริง ซึ่งก็น่ารำคาญจริง ๆ
……ถึงจะน่ารำคาญ แต่หากฮิเอโร่บอกให้ฉันทำ ฉันเดาว่าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตาม
ถ้าหากเขาเลือกที่จะทำในทิศทางแบบนี้ ก็แปลว่าน่าคงจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการเผยแพร่ของเขา
ถึงแม้ว่าฉันจะต้องเจอเคราะห์กรรมบางอย่าง แต่หากเป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมเผยแพร่เมจิกวิชั่น ฉันก็ต้องเลือกอย่างหลังแน่นอน ว่ากันตามจริงฉันอาจจะเลือกโดยไม่ต้องชั่งน้ำหนักเลยก็ได้
“ดีล่ะ งั้นมาแข่งกัน”
“ม๊า รอก่อน”
ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธ แต่ดูเหมือนโครเวนมีความตั้งใจอยู่แล้ว
ทว่า พี่ชายของเธอ คริสโต คนที่เป็นต้นเหตุทั้งหมดได้หยุดเอาไว้ก่อน
“การแข่งที่ไม่มีความเสี่ยงอะไรก็เป็นแค่การละเล่นของเด็ก ๆ แหละ เรามาเดิมพันกันดีกว่า”
โอ้ย เดิมพันเรอะ ไอ้บ้านี่
“ดีเลย ท่านพี่ แล้วจะตั้งข้อตกลงอะไรล่ะ”
โอ้ย ต้องฟังความเห็นของฉันมากกว่าพี่ชายเธอสิ
“เนีย・ลิสตันเป็นเด็กที่มีชื่อเสียงมาจากการมีส่วนร่วมกับเมจิกวิชั่นถูกไหม ถ้าคิดตามนั้นก็คงสมเหตุสมผลที่จะให้เธอช่วยรับรองแนะนำผลิตภัณฑ์เมจิกวิชั่น”
นั่นเป็นตรรกะแบบไหนกัน ม๊า ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ได้สิ จะช่วยรับรองก็ได้
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เนีย ถ้าเธอชนะ ข้าจะไปพูดกับพ่อ(จักรพรรดิ)เกี่ยวกับเมจิกวิชั่นให้เองเป็นไง ถึงไม่รู้ว่าจะมีพลังได้ขนาดไหน แต่ยังไงก็คงไม่ส่งผลเสียอยู่แล้ว”
ฟุมุ การเจรจาดำเนินไปอย่างราบรื่น ……ดูเหมือนคริสโตก็เล็งกระแสไว้แล้วอยู่เช่นกัน เป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าชาย
เมื่อฉันมองไปที่ฮิเอโร่ เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย แบบนี้ดีแล้วสินะ? ทำตามเงื่อนไขพวกนั้นไม่เป็นไรสินะ?
――ดีล่ะ ถ้างั้น มาตอบรับกันดีกว่า
“จะทำก็ได้ค่ะ แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะคะ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้”
“อ้า ไม่มีปัญหา จะเอาแต้มต่อก็ได้นะถ้าเธอต้องการ ยังไงร่างกายก็แตกต่างกันขนาดนี้”
“ได้หรือคะ? ถ้าเช่นนั้นก็ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจค่ะ”
ไม่ว่าจะมีแต้มต่อหรือไม่ ยังไงผลแพ้ชนะก็ยังคงเดิม แต่มันจะเป็นข้อแก้ตัวที่ดีให้กับโครเวนเมื่อเธอแพ้
เมื่อมีใครถาม เธอก็จะสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า「ที่ฉันแพ้ เพราะต่อให้ต่างหาก」
ฉันไม่ได้ยึดติดว่าต้องแข่งกับคู่ต่อสู้ที่ฉันสามารถเอาชนะได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่เป็นไร
“งั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ”
――และแน่นอนว่าไม่มีการพลิกผันครั้งใหญ่ ฉันชนะตามปกติ
หลังจากต้นปีน้ำหนักแกว่งไปมาแถว80กว่าเกือบ90 ในที่สุดน้ำหนักก็ลงมานิ่งที่78แล้ว เย้ แต่พุงที่ป่องแล้วดันป่องเลยนี่สิ ฮา