ตอนที่ 2 เสียใจที่ได้ยิน เสียใจที่ได้เห็น
“ขอบคุณสำหรับความเหน็ดเหนื่อยนะคะ ฮิเมะ”
“อืม ขอบกุณ”
ฉันสนุกกับงานเทศกาลโรงเรียนครั้งแรกอย่างเต็มที่ ฉันแยกกับลูน่าหลังมื้ออาหารเย็น และได้กลับมาที่ห้องเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งวัน ตอบกลับทั้งสองคน ขณะลอดผ่านประตูที่เปิดออก ทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตู ความเหนื่อยล้าก็เข้าครอบงำร่างกายของฉันทันที ฉันเหมือนสติหลุดลอยออกไปเมื่อกลับถึงห้อง และรู้สึกอ่อนแรงจนสติดับไปชั่วขณะหนึ่ง จนเบลล์ซังต้องรีบเข้ามาพยุงฉันทันทีที่เห็นฉันกำลังจะล้มลง
“ว๊าย……โอะโต๊ะๆๆ ไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ? อริซซามะ”
“อาฟู๊…..ทำงานได้ดี”
“ฟุๆๆๆ ขอบคุณสำหรับความเหน็ดเหนื่อยนะคะ การแสดงของอริซซามะนั้นยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ”
“จริงเหรอ?”
ฉันเอาสองมือคล้องคอของเบลล์ซังที่เข้ามารับฉันเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้หลุด ในขณะที่ได้รับการเยียวยาจากความอ่อนนุ่มในระยะที่สามารถหายใจได้ ฉันก็ถูกลูบหัวแถวท้ายทอยด้วยมือที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น บางทีฉันคงจะเหนื่อยเกินไป จึงเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนลอยจนล้น อยู่เต็มวิสัยทัศน์ เสียงของเบลล์ซังดังก้องขึ้นในอกของฉันผ่านร่างกายที่แนบชิดกัน
“ค่ะ จริง ๆ ค่ะ แถมยังร้องเพลงที่สัญญาเอาไว้ด้วย”
“เอ๊ะเฮะ เป็นยังไงบ้างเหรอ……?”
ไม่จำเป็นต้องพูด แก้มของฉันผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกตัวดีอยู่ ฉันไม่มีประสบการณ์ในการแต่งเพลงเลย แต่การได้ยินความประทับใจของเพลงที่ฉันทำสำเร็จได้ด้วยการรวบร่วมวลีที่ชอบเข้ามาด้วยกัน ฉันไม่ได้รู้เทคนิคอะไรเป็นพิเศษ ถ้าบอกไปแบบนั้นคงถูกกระแทกจากทุกทิศทาง ม๊า ก็เป็นความจริงล่ะนะ แต่ฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว ฉันเลือกวลีที่สอดคล้องกันในแบบของตัวฉันเอง และประกอบเข้าด้วยกันโดยไม่ให้แปลกแยก จากนั้นก็คิดเกี่ยวกับส่วนเชื่อมต่อตรงนั้นตรงนี้เอาเอง ถึงอย่างนั้นฉันก็ทำดีที่สุดแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ถ้าให้พูดตรง ๆ ฉันอยากให้เบลล์ซังกล่าวชม ฉันแน่ใจว่าเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าความพยายามนี้จะได้รับการตอบแทน
“นั้นสินะคะ”
และเบลล์ซังก็มุ่งไปทางเตียงพลางครุ่นคิด ฉันมองมิร่าซังกำลังทำความสะอาดชุดเดรสที่ฉันใช้ในการเล่นละครผ่านไหล่ที่โคลงเคลงไปมา จู่ ๆ เธอก็รู้ตัว และเมื่อพวกเราสบตากัน มิร่าซังก็ยิ้มในขณะเอียงหัวราวกับจะถามว่ามีอะไรรึเปล่า ไม่มี ฉันขยับริมฝีปากขอบคุณในขณะที่ส่ายหัวเล็กน้อย เธอก็ไม่พูดอะไรตอบกลับมา เป็นการดีที่จะไม่พูดอะไรที่เป็นการรบกวนเธอ และปล่อยให้เธอจัดการอย่างคล่องแคล่วด้วยมือที่คุ้นเคย
“ดิฉันจะวางลงบนเตียงแล้วนะคะ”
“อืม”
ขณะที่เบลล์ซังค่อย ๆ ย่อสะโพกลง ฉันก็ค่อย ๆ ปล่อยมือทีละนิด ลงไปนอนตามลำดับโดยเริ่มจากก้น หลังจากแน่ใจว่าด้านหลังหัวของฉันลงถึงหมอนอย่างถูกต้อง ฉันรู้สึกเหงาเล็กน้อยเมื่อร่างของเบลล์ซังแยกออกห่าง ฉันจ้องมองไปที่ดวงตาที่เหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนของเธอ เบลล์ซังสังเกตเห็นในทันที และยิ้มราวกับเขินอายเล็กน้อย เธอขยับร่างกายเข้าใกล้อีกครั้งเหมือนเล่นภาพย้อนกลับ
“……ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันจะอยู่ข้าง ๆ แน่นอน”
“อะ อืม….”
ฉันอายที่เห็นทุกอย่างผ่านไปตามปกติ ฉันเลยเบือนแก้มหนี เสียงแผ่วเบาของจูบดังขึ้น ฉันเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของความรู้สึกที่แยกจากทันที เมื่อฉันมองขึ้นไปก็เห็นเบลล์ซังแก้มแดงนิด ๆ และบอกไม่ต้องห่วงนะคะซ้ำอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหมือนมีภาพลวงตาของดวงตาที่หมุนติ้ว ๆ เมื่อฉันคว้าคู่หูที่นอนกลิ้งไปมาข้าง ๆ อย่างแรงด้วยมือทั้งสองข้าง ฉันก็กอดและกดใบหน้าลงไปเพื่อปกปิด เสียงกระแอมไอของมิร่าซังทำลายความเงียบไม่กี่วินาทีที่กลั่นตัวจนควบแน่นระหว่างฉันกับเบลล์ซัง
“――――อะแอม!”
“…..ฮา มะ ไม่! คือเพลงสินะคะ เอ๊ะโตะ……… !”
จริง ๆ เลย มิร่าซังโกรธแล้วบ่นพึมพำว่าข้าก็อยู่ตรงนี้เหมือนกันนะคะ เป็นท่าทางที่ให้ความรู้สึกน่ารักอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่เหมือนจะมีคำพูดที่ฟังดูน่าจะกำลังเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ได้โปรดช่วยทำกันต่อเวลาอยู่กันตามลำพังด้วยค่ะ ฉันต้องการที่จะแก้ไขโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ฉันไม่พลังงานเหลือพอทำแบบนั้นแล้ว หมดแรงแล้ว
“กู๊ว~”
“เอาล่ะ เอาล่ะ …..เช่นนั้น เพลง แต่ นั้นสินะคะ”
“คิระคิระ”
ฉันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำให้ตาของฉันเปล่งประกายได้จริง ๆ ดังนั้นเลยแสดงอารมณ์เป็นคำพูดแทน การสร้างคำเลียนเสียงในเวลาแบบนี้สะดวกมาก ๆ ม๊า ดูเหมือนจะเป็นนิสัยแปลก ๆ ที่ชอบพูดอะไรบางอย่างตอนที่ไม่ค่อยมีสติ และไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเริ่มเป็นตอนนี้ ถึงยังไงอย่างที่ฉันพูด ฉันรอคำชมจากเบลล์ซังด้วยความคาดหวังและความวิตกกังวล ถ้าไม่มากเกินไป ฉันจะดีใจมาก ถ้าจะช่วยพูดแบบอ้อม ๆ ผิดถูกใจดี เบลล์ซามะ
“อย่างแรกเลยคือ ความประทับใจแรกพบที่ไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ แต่ก็เป็นเพลงที่ทำให้ดิฉันรู้สึกคุ้นเคยเช่นกัน”
“ไม่เคยได้ยิน คุ้นเคย”
“ค่ะ ตัวเพลงเองก็เป็นเพลงใหม่ที่แตกต่างจากเพลงไหน ๆ ที่ดิฉันเคยได้ยินมาก่อนค่ะ”
สำหรับอย่างแรกลูน่าเองก็เช่นกัน ดูเหมือนเธอจะหลงใหลในความสดใหม่ของเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แน่นอนที่จะรู้สึกแบบนั้น เพราะนี่เป็นเพลงที่มีต้นกำเนิดต่างกันตั้งแต่แรก แต่เบลล์ซังกลับบอกว่ามีความคุ้นเคยอยู่ด้วย ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้
“แต่ พูดถึงที่มาแล้ว อืม~…..ก็ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดค่ะ แต่ดิฉันรู้สึกเหมือนกับเป็นเพลงที่มักจะได้ยินจากที่ไหนสักแห่งอยู่เสมอ เป็นเสียงบางอย่างที่ดึงดูด…….”
……เข้าใจแล้ว อ้า ไม่สิ ถูกแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในคำพูดของเบลล์ซัง
เหตุผลที่เบลล์ซังคุ้นเคยกับเพลงนี้ นั่นบางทีอาจจะเป็น “สังคม” ของดนตรี สิ่งที่ดึงดูดใจผ่านดนตรี คือ เนื้อหา หรือก็คือ สภาพแวดล้อมที่ให้กำเนิดดนตรีขึ้นมา และภูมิหลังของศิลปินที่สร้างสรรค์ ฉันคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในที่ที่อาจจะมีสภาพแวดล้อมคล้ายกับโลกและยุคสมัยที่ฉันเคยอยู่มาก่อน
“เหมือนกัน”
ใช่ เหมือนกัน เหมือนกันล่ะ แม้จะมีความแตกต่างอย่างมากในระดับของวัฒนธรรมและอารยธรรม แต่สภาพแวดล้อมทางสังคมแบบอัตตาธิปไตยที่ปิดผนึกอำนาจเอาไว้กับชนชั้นบน และแสวงหาผลประโยชน์จากการกดขี่ชนชั้นล่างให้เป็นทาสนั้นเหมือนกัน เพียงแต่มีองค์ประกอบที่เรียกว่าเวทมนตร์เพิ่มเข้ามาเป็นอีกสิ่งหนึ่งในการกำหนดสถานะทางสังคม นอกเหนือไปจากชาติกำเนิด และความมั่งคั่งทางการเงิน ท้ายที่สุดก็เกือบจะเหมือนกันจนหมด เช่นนั้นแล้ว เพลงที่ออกมาจึงมีส่วนของแก่นแท้ที่อาจจะเหมือนกัน แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ ฉันตระหนักได้หลายต่อหลายครั้งว่าเป็นทั้งเรื่องดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน
“ค่ะ ดิฉันรู้สึกบางอย่างร่วมกัน”
“อืมอืม”
เมื่อรู้สึกได้รับคำตอบของคำถามที่ชัดเจนแล้ว แก้มของฉันก็ยกขึ้นด้วยความยินดี ฉันปลุกสติตัวเองที่กำลังจะจมลงสู่ภายในอีกครั้ง จากนั้นเบลล์ซังก็โล่งใจด้วยเหตุผลบางอย่าง หรือฉันควรพูดว่าเป็นการปลดปล่อยลมหายใจของความสบายใจมากกว่า พอถามด้วยสายตาไปว่ามีอะไรเหรอ เธอมีฝืนยิ้มออกมา
“แม้เพลงของอริซซามะจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ดิฉันสามารถเข้าใจบางอย่างได้ เป็นความสบายใจที่น่าละอาย”
“…..เอ๊ะ?”
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปที่คำพูดและการกระทำของฉันแล้ว ฉันก็มั่นใจว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร …..อ้า ใช่แล้ว บทสนทนาอาจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่จากมุมมองของเบลล์ซัง ฉันเดาว่า การถูกร้องขอความเห็นให้พูดเรื่องความรู้สึกบางอย่าง และฉันเสริมด้วยคำพูดเดียวสั้น ๆ อีกทั้งเมื่อฉันได้รับการเห็นพ้องกลับมา ฉันก็ยิ้มเหมือนมีความสุข
…..บางที สิ่งที่เบลล์ซังเข้าใจอาจไม่ใช่ความตั้งใจของฉัน แต่เป็นความรู้สึกอันสูงส่งบางอย่างในผลงานต้นฉบับ ทั้งหมดที่ฉันใส่เข้าไปคือความรู้สึกที่มีต่อคนที่ฉันรัก เช่นเบลล์ซัง และฉันไม่ได้คิดอะไรสำหรับการดึงดูดใจผู้ฟัง แต่ฉันสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่ามีข้อสรุปส่วนหนึ่งของสาระสำคัญอยู่เหมือนกัน นั่นเป็นสิ่งที่ฉันไตร่ตรองได้ในตอนท้ายเมื่อกี้นี่เอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดูเหมือนว่าบางสิ่งที่เบลล์ซังเข้าใจนั้นไม่ใช่ความผิดพลาดจริง ๆ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะตอบสนอง คงดูแปลกที่จะมาปฏิเสธเอาตอนนี้ ดังนั้นตอนนี้จึงได้แต่พยักหน้ารับไป ม๊า ที่จริงนั้นก็เป็นแค่ข้อแก้ตัว ความจริงคือฉันโยนทิ้งไป เพราะฉันเหนื่อยจนใช้หัวไม่ไหวแล้ว ฉันใช้พลังงานที่มีไปกับความคิดในตอนนี้ จนไม่มีแรงที่จะคิดแก้ตัวหรือถอนตัวออกมา
“ฟู๊ว……”
ขณะที่คุยกับเบลล์ซังไปเรื่อย ๆ ในที่สุดการมองเห็นของฉันก็เริ่มเบลอ ฉันหาวขณะขยี้เปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเอง สติสัมปชัญญะเริ่มโงกเงกไม่มั่นคง หากเผลอไปคงหลับลึกในพริบตา และเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ฉันจึงรู้สึกขอบคุณที่ไม่ต้องกังวลว่าจะตื่นสาย ฉันแน่ใจทางโรงเรียนต้องพิจารณาแล้วว่าวันรุ่งขึ้นควรจะเป็นวันหยุด เพราะทุกคนน่าจะเหนื่อยจากเทศกาลงานโรงเรียนกัน
“อาร๊า….ฟุๆๆๆ อยากนอนแล้วสินะคะ?”
ฮะ สติที่กำลังจะดับไปตื่นขึ้นมาด้วยเสียงของเบลล์ซัง เมื่อฉันลืมตาได้ประมาณครึ่งทางก็เห็นเบลล์ซังกับมิร่าซังซึ่งดูเหมือนจะทำความสะอาดเสร็จแล้ว กำลังมองมาที่ฉัน ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย บางทีเธอคงจะถามฉันว่าฉันอยากจะนอนแล้วใช่ไหมประมาณนั้น ฉันพยักหน้าเล็กน้อย และปิดเปลือกตาที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งลงสนิท อ้า ร่างกายหนัก…… ไม่เหลือพลังแล้ว
“ราตรีสวัสดิ์ เบลล์ มิร่า……”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ อริซซามะ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ฮิเมะ”
ฉันปิดไฟในหัวของตัวเองหลัง”ราตรีสวัสดิ์”ทั้งสองคนที่เข้ามาโอบกอดฉันอย่างอ่อนโยน ฉันเริ่มฝันถึงความทรงจำในวันที่สนุกสนาน ยาวนาน และหนักหน่วง
“หลับไปแล้วสินะคะ”
ขณะเฝ้ามองอริซซามะจมดิ่งลงสู่งห้วงนิทราแห่งความฝันโดยไม่รบกวนหลังบอกราตรีสวัสดิ์อย่างซื่อตรง มิแรนด้าก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ว่าแล้วว่าต้องเหนื่อยมาก ๆ การแสดงละครต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ โดยเฉพาะฉากสุดท้ายกับเจ้าหญิง ความตึงเครียดดังกล่าวแม้แต่ผู้ใหญ่มีอายุก็ไม่สามารถทนได้มากนัก และสำหรับอริซซามะที่ไร้เดียงสา……ที่ไม่เก่งเรื่องรับมือผู้คนจะเป็นภาระเท่าไหร่กัน โชคดีที่ได้เจ้าหญิงพยายามสนับสนุน เมื่อถึงคิวที่ต้องขึ้นเวที ทั้งสองก็จูงมือกันขึ้นมา ดิฉันแน่ใจว่าต้องขอบคุณ”ความผูกพัน”นั้นที่ทำให้อริซซามะสามารถจดจ่ออยู่กับโลกของตัวเองอยู่ต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากได้ แต่ทว่าท้ายที่สุดดิฉันก็กังวลอยู่ ยังไงก็ดี การปรากฎตัวด้วยท่าทางเหมือนจะกลัวเล็กน้อยได้เรียกความสนใจเป็นอย่างดี แถมยังมีความน่ารักจนอยากกอดให้แน่น ดิฉันทนสายตาอ้างว้างตอนที่วางลงบนเตียงไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะหอมแก้ไป ดิฉันต้องคิดทบทวนพิจารณาตัวเองซะแล้ว ถึงจะเป็นแค่ที่แก้ม แต่มีคนใช้ที่ไหนจูบเจ้านายของตัวเองกัน
“อึก…..”
ดิฉันฟื้นคืนสติหลังได้ยิงเสียงพ่นลมหายใจแล้วพลิกตัวของอริซซามะ เมื่อพูดถึงอริซซามะแล้ว เธอมีนิสัยไม่ดีที่ชอบคิดไปเองโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง นั่นสินะคะ สำหรับมิแรนด้าซังที่เห็นดิฉันไม่เป็นธรรมชาติมาสักครู่ ในที่สุดก็ตอบกลับ ตุ๊กตาสัตว์ที่ดิฉันมอบให้ไม่กี่ปีก่อน ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อดิฉันได้เห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาหลับไหลอยู่นั้น แก้มของดิฉันก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง แต่เพื่อที่จะให้สามารถทนได้ดิฉันจึงปลดปล่อยความรู้สึกออกมาเป็นเสียง
“ฟุๆๆ…..หลับสนิทเลยนะคะ”
“การแสดงละครของฮิเมะ น่าทึ่งจริง ๆ ค่ะ”
“ค่ะ เหล่านักเวทย์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าต่างก็พูดด้วยความประหลาดใจเช่นนั้นเหมือนกัน”
อืมอืม ขณะพยักหน้า ดิฉันก็นึกถึงการแสดงของอลิซอีกครั้ง ….ใช่ ราวกับว่ามีเรื่องราวตำนานดอกหยาดหิมะเกิดขึ้นอยู่ที่นั่นจริง ๆ อริซซามะที่อยู่บนเวทีได้กลายเป็นนางฟ้าหิมะสีขาวอย่างสมบูรณ์แบบ ยังไงก็ตาม ดิฉันรู้สึกว่าแม้การแสดงและร้องเพลงจะทำได้ดีแล้ว แต่ก็คิดว่ายังไม่ถึงกับเก่งมาก มิแรนด้าซังกรีดร้องและเต้นอย่างเอะอะ ถ้าดิฉันไม่ใช่คนรับใช้ก็คงจะทำแบบนั้นเช่นกัน แม้แต่ตัวดิฉันที่อยู่ด้วยตั้งแต่เกิดก็พึ่งจะเคยเห็นด้านนี้เป็นครั้งแรก และไม่ใช่แค่อริซซามะ เจ้าหญิงเองก็ทำได้ดีมาก ดิฉันเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพรสวรรค์นั้นมาก่อน แต่ดูเหมือนจะเป็นความจริงทุกเรื่อง ….นั้นเป็นการแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์อันรุนแรงราวกับจะถ่ายทอดมาถึงฝั่งนี้ แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่ทั้งหมด ทว่านี่เกินกว่าการสงสัยอย่างมีอคติ แต่ท้ายที่สุด เรื่องเหล่านั้นก็ควรเป็นการสนทนาระหว่างเจ้าตัวที่มีสถานะเท่ากัน ดิฉันสามารถเดาการตัดสินใจที่ซ่อนอยู่ในน้ำตาของเจ้าหญิงได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าก็ไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันควรพูดออกไป คนเดียวที่สามารถพูดอะไรออกไปได้มีเพียงหนึ่งเดียวในราชอาณาจักร มีเพียงอริซซามะที่เดินเคียงข้างเจ้าหญิงเท่านั้น
“….ยังไงก็เถอะค่ะ น็อกซ์เบลซัง”
“ค่ะ?”
เมื่อดิฉันหันไปทางที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ก็เห็นมิแรนด้าซังมีรอยยิ้มที่น่าขนลุกและมีเลศนัยอยู่บนใบหน้า เมื่อเห็นดิฉันก็เข้าใจจึงเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อคุยซุบซิบเรื่องลับ ๆ ด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ที่จูบกับฮิเมะไปเพื่อต่อต้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนแสดงละครสินะคะ?”
“….เอ๊ะ? ค๊ะ!?”
จะ จู่ ๆ ก็พูดอะไรออกมากันคน ๆ นี้….. !
แน่นอนต้องขอคัดค้าน แม้จะดูเหมือนราวกับถูกกักขังอยู่ในอารมณ์ของเจ้าหญิงเอง แต่อะไรอย่างการ”ต่อต้าน”เรื่องแปลกประหลาดอย่างการจูบในการแสดงและ……ดิฉันเป็นคนรับใช้ของอริซซามะ ไม่สิ ก่อนหน้านั้น พูดกันตามหลักแล้วทำไมถึงคิดว่าดิฉันหลงรักอริซซามะอยู่ในใจกัน จู่ ๆ ก็มาพูดให้ดิฉันสับสน แต่เหตุผลอะไรที่ทำให้ถามซอกแซกตั้งแต่แรกกัน
“ลนลานแบบนั้น ว่าแล้ว”
“มะ ไม่นะคะ! เรื่องนั้น ตั้งแต่แรกแล้วดิฉัน………. !”
“อะ จากตรงนั้นเลยเหรอคะ? อย่างที่คาดไว้ ตามที่ข้ามองทั้งสองคนอยู่เสมอ ข้าไม่คิดว่าทั้งสองคนจะมีความรู้สึกอะไรอย่างนั้นเลย”
“เอ๊ะ”
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าใช้เวลาอยู่กับฮิเมะตั้งแต่เกิดมานานเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่ใช่ข้ารับใช้กับเจ้านายธรรมดา ๆ ไปไกลกว่าความรักแล้วอย่างเห็นได้ชัด”
“ระ เรื่องนั้น!”
กู๊ว ในวันหนึ่งคาลเมียร์ได้พูดตีตรงจุดที่ดิฉันพยายามไม่มองโดยจงใจ ทำให้ดิฉันแทบหายใจไม่ออก จริง ๆ แล้วดิฉันรู้ตัวดี ……แต่ว่านั่นไม่ควรเป็นอย่างนั้น คนรับใช้…..ที่อายุห่างกันเป็นสิบปี แถมคะ ความรักกับเจ้านายที่เป็นเพศเดียวกันอีก…….
“อะ อึก……เบลล์ มิร่า………?”
“อะ”
แย่แล้ว ดิฉันไม่ได้พูดออกไป แต่ถ้อยคำดังกล่าวก็แสดงออกมาพร้อมกันกับมิแรนด้าซัง ครั้งนี้พวกเราใช้เสียงดังเกินไปหน่อย อริซซามะกำลังเหนื่อยและต้องการนอนหลับพักผ่อน ดิฉันได้ปลุกขึ้นมาขณะกำลังพักผ่อน หมดคุณสมบัติการเป็นคนรับใช้อย่างสมบูรณ์ ดิฉันมองไปด้านข้าง เมื่อเห็นมิแรนด้าซังเอามือปิดปากตัวเอง ดิฉันก็รีบเข้าไปอยู่ข้างอริซซามะ
“…..ไม่ต้องห่วงนะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะที่พวกเราเสียงดังไปหน่อย”
“อือ ฟุๆๆ…….สนุก กันจังเลย”
แม้จะขัดขวางการหลับใหลของผู้เป็นนาย แต่ดิฉันกลับถูกท่าทางสุดคิ๊วยิงเข้ากลางอกที่ดิฉันบอกได้เลยว่าความสุขท่วมท้นตัวเอง เบลล์เป็นกังวลมากเลยค่ะ ลูบไล้ไปทั่วแก้มขาวภายใต้เปลือกตาที่ง่วงนอน จับมือซ้ายบอบบางไว้แน่น เฝ้ามองอริซซามะหลับไปอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกโล่งใจ……
“รักนะ เบลล์……”
วินาทีสุดท้ายก่อนที่ดิฉันจะปล่อยมือ ถ้อยคำนั้นก็พุ่งเข้าใส่โดยทันที ปิง ดิฉันพบว่าด้ายบางเส้นที่คลายออกบ้างแล้วกำลังกลับมาตึงขึ้นอีกครั้ง
――――ตอนนี้ ทำไมถึงมาพูดเอาในสถานการณ์ตอนนี้กันค๊า อริซซามะ……. !
มิแรนด้าซังทำท่าทางยืดอกภูมิใจว่า เห็นไหม ให้กับดิฉันที่ตัวแข็งทื่อ ใบหน้าสมดังหวังนั้นอะไรกันคะ
…..เล็กน้อย ไม่สิ ดิฉันค่อนข้างโมโหแล้ว
MANGA DISCUSSION