ตอนที่ 15 snow drop
“ก็อย่างที่พวกเจ้าน่าจะรู้กัน เร็ว ๆ นี้จะมีการจัดงานเทศกาลโรงเรียน”
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ฉันฟื้นพลังอย่างมากจากแมเรียน ในคาบเรียนคุณตาก็พูดเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว ถ้าเมื่อวานไม่ได้ยินมาจากเบลล์ซังมาก่อน ฉันคงจะแปลกใจไปสักพัก ส่วนรูนไฮม์ซังที่อยู่ข้าง ๆ มีแสดงออกด้วยท่าทีไม่ตอบสนอง แน่นอนว่าเธอรู้อยู่แล้ว ไม่สิ โดยทั่วไปทุกคนควรรู้เกี่ยวกับกิจกรรมของโรงเรียนที่ตัวเองจะต้องเข้าร่วมที่จัดขึ้นทุกปี
“ตามปกติ ไอริสจะแสดงละครกัน แต่…..วันนี้ข้าอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการตัดสินใจอย่างเป็นรูปธรรม”
การไหลของบทเรียนเป็นไปอย่างรวดเร็วพอสมควร การตัดสินใจรายละเอียดบางทีอาจจะเป็นแบบที่ให้ทุกคนในชั้นเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเรื่องเดิมเป็นแบบไหน ฉันเลยไม่อยากเอ่ยปากออกไป แค่ระวังอย่าให้รับบทยาก ๆ รอดูสถานการณ์กันก่อน ฉันสงสัยว่ารูนไฮม์ซังจะได้บทไหน ฉันเดาว่าน่าจะเป็นตัวเอก
“อย่างแรก พวกเจ้าอยากแสดงละครแบบไหน ปีที่แล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปราบปีศาจ”
เรื่องราวของการปราบปีศาจ ฉันแน่ใจว่าไม่มีความแตกอย่างจากที่ฉันจินตนาการอย่างมีนัยยะ ไม่ว่าโลกไหน ๆ เรื่องราวของการผจญภัยก็ดึงดูดใจผู้คนโดยไม่แบ่งแยก แล้วแบบนี้จะมีความขัดแย้งในการตัดสินใจเลือกบทบาทตัวเอกและปีศาจรึเปล่าน่ะ โดยปกติพวกเขาจะให้ความสำคัญกับเกียรติ ถึงแม้จะอยากได้บทสำคัญ แต่พวกเขาก็คงไม่อยากได้บทบาทศัตรูที่ต้องถูกฆ่า สำหรับฉันแล้ว นั่นคือบทบาทที่เข้าใจง่ายจนอยากขอบคุณ แต่
“มีใครที่อยากเสนอข้อเสนอแนะหรือไม่”
“ถ้าเช่นนั้น……”
และ ทันทีที่คุณตาถาม ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งส่งเสียงออกมาทันที ยังไงก็ตามอัตราส่วนเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นผู้หญิงนั้นสูงกว่าผู้ชาย อาจเป็นการอคติ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเสนอแนะบางสิ่งบางอย่างที่เน้นเรื่องความโรแมนติกที่งดงาม มากกว่าการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น
“หนูขอเสนอ「ตำนาน(Perce)ดอก(Neige )หยาด(Mur)หิมะ」จะได้หรือไม่คะ”
(Perce-Neige Mur ภาษาฝรั่งเศส กำแพงดอกหยาดหิมะ)
“โฮ เรื่องราวโศกนาฎกรรมความรักคลาสสิค”
คืออะไร? …..แน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดออกไป แต่ดูจากปฏิกิริยารอบตัวแล้ว คงเป็นเรื่องราวที่มีชื่อเสียงเอามาก ๆ การถามว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรที่นี่ตอนนี้ ก็คงเป็นเหมือนการเปิดเผยความไม่รู้ของตัวเอง แต่ก็เป็นเรื่องโง่เขลาที่จะไม่ถามในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ ฉะนั้นฉันจะถามเบลล์ซังหรือมิร่าซังเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องนี้ในภายหลัง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้ความในใจของฉันรึเปล่า คุณตาจึงพูดเสริมขึ้นมาจนฉันเข้าใจว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก และยังเป็นเรื่องประเภทโศกนาฎกรรมด้วย
“มีใครจะเสนอเพิ่มอีกไหม”
เมื่อคุณตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีใครตอบ ฉันคิดว่าบางทีเรื่องนี้คงเป็นที่นิยมโดยทั่วไป เหล่าคนที่โตเป็นวัยรุ่นนิดหน่อยดูไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย แต่ดูเหมือนพวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะค้าน เพราะคงรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบเชิงตัวเลข ฟุมุ คุณตาลูบเครายาวของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้น ปีนี้ก็ถือว่าตัดสินใจได้แล้ว …..ตอนนี้มาทบทวนเนื้อหาของเรื่องกันเถอะน้อ”
คุณตาพูดแบบนั้นในขณะที่จ้องมาที่ฉัน สงสัยว่าเป็นเพราะฉันเผลอแสดงความไม่สบายใจออกไปรึเปล่า แต่ก็ดีแล้ว ดูเหมือนจะยังไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจเลือกบทบาทกัน ขณะที่ฉันลูบหน้าอกเบา ๆ ฉันก็กล่าวขอบคุณด้วยสายตา จากนั้นคุณตาก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนเล่าเรื่องย่ออย่างง่าย
“นานมาแล้วมีนักกวีผู้หนึ่งฝันว่า ตนเองกำลังเฝ้ามองสวนลึกลับจากภายนอก และได้พบหญิงสาวที่ดูขาวบริสุทธิ์ ทันใดนั้นหญิงสาวก็ได้ใช้นัยน์ตาเชิญชวนเขาเข้าไปในสวน ในชั่วพริบตาเขาก็ได้ตกหลุมรักหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็น”
“ฟุมุฟุมุ”
ไม่ผิดแน่ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวคลาสสิคที่ทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน ถึงจะยังอยู่แค่บทนำ แต่ฉันก็พอคาดเดาอนาคตได้แม้จะไม่ชัดเจนเท่าไร ชื่อเรื่อง และหญิงสาวผิวขาว เรื่องราวความรักที่เป็นโศกนาฎกรรม ดังนั้นถ้าไม่หญิงสาวตาย ก็ในตอนสุดท้ายทั้งคู่จะไม่ได้พบกันอีก
“จากนั้น นักกวีจะเข้ามาพบกับหญิงสาวในโลกแห่งความฝันทุกวัน แต่แล้ววันหนึ่งเข้าก็ได้ตัดสินใจที่จะสารภาพรักกับหญิงสาว”
ดูเหมือนจะตัดตอนการพบกันที่ซ้ำ ๆ ออกไป แต่ว่าแต่ละวันคงจะพรรณนาออกแนวหวานอมเปรี้ยวแน่ ๆ เลย ไม่สิ อาจจะพรรณนาเป็นสไตล์ที่สวยงามากกว่าก็ได้ และฉันแน่ใจว่าคำสารภาพนั้นเป็นจุดไคลแม็กซ์ คงเป็นจุดจบที่แสนสั้นดังเช่นจุดจบของหิมะ
“แม้ว่าเขาจะกลัวการปฏิเสธก็ตาม แต่เขาก็พยายามถ่ายทอดความรู้สึกของเขาให้หญิงสาวฟัง …..อย่างไรก็ตาม หญิงสาวปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าเพราะเธอไม่ชอบเขา ตรงกันข้าม หญิงสาวคนนั้นก็เหมือนกัน ไม่สิ หญิงสาวชอบเขามากกว่าที่เขาจะคาดคิด”
“ทะ ทำไม….. อะเฮม”
ในขณะที่ฉันอยู่ในสภาพที่ถูกดึงดูดไปยังเรื่องราวที่แม้ว่าจะยังเป็นแค่เรื่องย่อก็ตาม ฉันก็ถูกปรามด้วยสายตาของรูนไฮม์ซังหลังจากที่เผลอบ่นพึมพำออกไปอย่างไม่รู้ตัว ฉันรู้สึกทำอะไรไม่ถูกจนต้องรีบเอามือปิดปากและพยักหน้าผงก ๆ ก่อนได้เสียงถอนหายใจกลับมา น่าอาย
“แท้จริงแล้ว หญิงสาวคือ นางฟ้าผู้ควบคุมหิมะ เธอยืมโลกแห่งความฝันของนักกวี ในขณะที่ลงมายังโลกเบื้องล่างเพื่อทำให้หิมะตก เพราะแบบนั้น เธอจึงต้องกลับสวรรค์ทันทีที่หิมะได้ตกลงมา ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าหิมะจะตกลงมาเมื่อใด อาจจะตกในหนึ่งปีต่อมา หรืออาจจะไม่ตกเลยในช่วงชีวิตของเขา”
อา…..นั่นช่างเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้า ทั้ง ๆ ที่พวกเขาอยากอยู่ด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้ฝันเป็นจริงได้ แต่ถึงอย่างงั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ยังพอมีความเป็นไปได้ที่จะสมหวังแม้ไม่สมบูรณ์แบบ ตลอดกาลคงเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่แน่ บางทีพวกเขาอาจจะได้พบกันอีกใครจะรู้ได้ แม้จะดูโหดร้อย แต่ก็ยังดีกว่าการไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย
“ซู้ด”
“ดะ เดี๋ยวเถอะ…..โฮรา ชี่~”
“เฮ๊ะ…..กะ ก่ะ”
เมื่อฉันหันไปมองด้านข้างหลังแขนถูกตีหลายครั้ง ก็เห็นรูนไฮม์ซังส่งสัญญาณด้วยนิ้วอย่างแข็งขัน ในที่สุดฉันก็รู้สึกตัวว่าเสียงของตัวเองรัวออกไป และรีบปิดปากทันที เอาเป็นว่าในจิตรนาการของฉัน ฉันรู้สึกถึงสายตาจากด้านขวามาครู่หนึ่งแล้ว
“หญิงสาวพูดว่านั้นเป็นเหตุผลที่เธอไม่สามารถตกหลุมรักเขาได้ แต่ทว่านักกวีกลับบอกว่า ถึงอย่างงั้นก็ไม่เป็นไร และตะโกนว่ายังไงก็จะรักเธอทั้งน้ำตา ผมจะรอตลอดไปจนกว่าจะถึงวันที่หิมะตกอีกครั้ง”
ในที่สุดมุมด้านในดวงตาของฉันก็เริ่มร้อนขึ้น ที่ฉันรู้สึกร้อนแบบนี้เป็นเพราะเสียงของคุณตาอย่างแน่นอน เป็นอีกครั้งที่ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กก็ดูเหมือนทุกคนจะจมลงสู่ภวังค์ของเรื่องราว ในขณะเดียวกัน ก็มีเพียงรูนไฮม์ซังเท่านั้นที่กำลังกังวลเกี่ยวกับฉันที่กำลังร้องไห้อยู่จนเหมือนว่าจะไม่ฟังเรื่องราวนั้นเลย แต่ไม่ได้อะไรขนาดนั้นเพราะฉันพยายามเก็บเสียงไม่ให้รัวออกไปอยู่
“และในที่สุดพวกเขาก็ได้จูบกัน ก่อนที่นักกวีจะตื่นจากความฝัน นับจากคืนนั้น หญิงสาวก็ไม่ได้ปรากฏตัวในความฝันของเขาอีกเลย เมื่อหิมะได้ปกคลุมพื้นดินจนกลายเป็นสีขาวทั้งหมดในวันรุ่งขึ้น นักกวียังคงร่ำไห้ต่อไปอีกสองสามวัน จากนั้นจึงถ่ายทอดบทกวีด้วยความรู้สึกของเขาขณะที่หิมะละลาย เขายังคงขับขานบทกวีมาจนถึงทุกวันนี้ รอคอยวันที่จะได้พอหญิงสาวอีกครั้ง….เป็นเรื่องราวเช่นนั้น”
“แปะๆๆ”
ฉันรู้สึกว่าต้องปรบมือแม้จะรู้ตัวว่าจะได้รับความสนใจแปลก ๆ นี่เป็นเรื่องราวของโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายอย่างแน่นอน ฉันเช็ดดวงตาที่เปียกชื้น และอย่างที่คาดไว้เมื่อฉันมองไปรอบก็มีสายตาจำนวนมากมองมาที่ฉัน จากมุมมองของทุกคนนี่เป็นเรื่องราวที่ได้ฟังมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเข้าใจความหมายของสายตาที่ตั้งใจมองมาว่าต้องการถามฉันว่าประทับใจอะไรขนาดนั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกของฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมที่เคล้าไปด้วยความเศร้า และไม่ยืนยง ก็เหมือนการฟังกระแส หากอ่านบรรยากาศทุกอย่างได้ครบถ้วน ก็จะสามารถร้องไห้ได้โดยที่ไม่มีใครสังเกต การตัดสินใจไม่ถามเนื้อหาทั้งหมดที่นี่อาจจะดีกว่า
……อีกอย่างที่นี่มีหอประชุม เพราะอย่างงั้นก็ต้องมีห้องสมุดในสถาบัน
“เอาล่ะ”
ฉันตัดสินใจไปที่นั่นทันทีหลังจากนี้ และมองหา”ตำนานดอกหยาดหิมะ” โดยพื้นฐานแล้วถ้าเราไม่รู้ที่มาของบทละคร เราก็ไม่สามารถแสดงได้ ซึ่งหมายความว่าต้องอ่านหนังสือต้นฉบับอย่างครบถ้วน ฉันหวังว่าคำศัพท์จะอยู่ในระดับที่ฉันสามารถเข้าใจได้ แต่ถึงไม่เข้าใจก็ยังพึ่งพิงคนอื่นได้ สามารถเพลิดเพลินกับเรื่องราวความบันเทิงไปพร้อมกับการเรียนรู้ภาษา ฆ่านกได้กี่ตัวด้วยหินก้อนเดียว นี่เป็นรูปแบบตรงข้ามที่ไม่มีข้อดีใด ๆ นอกจากอันตราย
“เช่นนั้น การตัดสินใจเรื่องบทบาท…..”
ยังไงก็ตาม ใช่แล้ว คำถามคือใครจะเล่นบทบาทไหน เท่าที่ได้ยิน ตัวละครในเรื่องมี หญิงสาว กับ นักกวี ส่วนที่เหลือ อย่างดีที่สุดก็จะมีตัวประกอบหนึ่งถึงสองคน ในกรณีนี้จำนวนบทบาทมีไม่เพียงพออย่างชัดเจน แม้ว่าในคลาสไอริสจะมีนักเรียนน้อย แต่เมื่อรวมฉันกับรูนไฮม์ซังเข้าไปแล้วก็มีประมาณสิบสองคน ไม่ว่ายังไงก็ตามหากมีแค่สองบทบาทหลัก ยังไงตัวเลขก็ไม่ทางลงตัว
“เอาล่ะน้อ เรื่องราวดั้งเดิมแบ่งออกเป็นหกบท มาแบ่งบทกันเพื่อให้ทุกคนได้เล่นกันเถอะ”
เข้าใจแล้ว สองคูณหกได้สิบสอง แปลว่าก็จะได้แสดงกันทุกคน และเนื่องจากมีเด็กผู้ชายเพียงแค่ห้าคน จึงจะมีหนึ่งครั้งที่เด็กผู้หญิงต้องรับบทบาทนักกวี แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และผู้ชมจะรับได้ถึงขนาดไหน
ยังไงก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าฉันจะไม่สามารถแสดงบทที่ไม่เด่นได้อีกแล้ว ทั้งนักกวี ทั้งนางฟ้า ไม่ว่าจะทางไหนก็เป็นบทบาทของตัวเอก นี่เป็นผลลัพธ์ที่ฉันไม่ค่อยพอใจนัก ม๊า ไม่มีประโยชน์ที่จะบ่น ดังนั้นเงียบไว้จะดีกว่า
“มาฟังกันเถอะว่าแต่ละคนอยากจะเล่นบทไหนกันบ้างน้อ”
“เช่นนั้นหนูขอบทแรก!”
“ผมอยากเล่นบทที่สาม”
คำถามของคุณตาเป็นชนวนที่ให้ทั้งห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงของทุกคนที่เลือกบทที่อยากแสดง ฉันพยายามทำให้ตัวเองเล็กลงอย่างที่สุดราวกับกำลังหวาดกลัว หลังรอบข้างเริ่มร้อนขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ฉันภาวนาให้ไม่มีอะไรระเบิดออกมา
…..ฉันมีปัญหา ถ้าถูกถามว่าอยากเล่นบทบาทไหน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงท้ายที่สุดจะกลายเป็นส่วนเกินก็ไม่เป็นไร ถ้าจะมีเหลือก็คงเป็นช่วงที่เคลื่อนไหวน้อยจนน่าเบื่อ แต่ฉันก็กลัวว่าช่วงที่ยากจะแสดงจะยังคงเหลืออยู่ เดิมทีฉันคิดว่าถ้าแค่ส่วนหนึ่งล่ะก็ฉันก็ทำได้ แต่นี่คือผลร้ายของการไม่รู้อะไรมาก่อน ฉันมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าจะเด็กคนไหนที่เดือดร้อนเหมือนฉันบ้าง แต่ดูเหมือนทุกคนจะรู้เนื้อหาของแต่ละบทดีอยู่แล้ว
ถึงคุณตาจะเป็นสมาชิกในครอบครัว แต่ในเวลานี้ก็ยังเป็นคุณครู แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากที่จะแสดงออกถึงการเอาใจฉันเป็นพิเศษแค่คนเดียว ดังนั้นแล้ว หนึ่งเดียวที่ฉันสามารถวางใจได้ในตอนนี้
“――――เข้าใจแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง?”
อ้า ท่านนางฟ้า(รูนไฮม์)…….
ฉันมองไปหาเธอด้วยการเคลื่อนไหวที่ราบรื่น ก่อนที่รูนไฮม์ซังจะขยิบตามาให้หนึ่งคลิก เพียงแค่ฉันพึมพำขยับปากก่อนที่จะได้เริ่มถาม ช่างเป็นเวลาที่เหมาะเจาะอะไรแบบนี้ ดูเหมือนว่าความวิตกกังวลของฉันจะถูกมองเห็นได้อย่างง่ายดาย และเธอบอกว่าจะจัดการให้เอง เธอมีสถานะที่เรียกว่าเจ้าหญิง น่าจะมีความคิดข้อเสนอแนะดี ๆ ที่ฉันสามารถคาดหวังได้ว่าจะช่วยให้ผ่านสถานการณ์ไปได้อย่างราบรื่น ฉันรู้สึกขี้โกงนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกโล่งใจ
ไม่สิ ถึงจะพูดว่าขี้โกง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถลบฉากที่ดีเยี่ยมที่สุดออกไปได้ แต่ฉันก็ยังต้องการให้ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมฉากที่ไม่มีอะไรเลย ฉันแน่ใจว่าควรจะตรงกับความคาดหวังของพวกเขาด้วย ฉันขอโทษหากมีใครที่มีความคิดคล้ายกัน แต่นี่เป็นสิทธิพิเศษของเพื่อนกันไงล่ะ ไม่สิ ช่างน่ายิ่งดียิ่งนัก ทันใดฉันก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างอยู่ในการคำนวณ และในขณะที่เตือนตัวเองว่าวิธีคิดแบบนั้นไม่ดี ฉันก็ต้องขอบคุณรูนไฮม์ซัง
“อาโน…..ขอบกุณก่ะ”
“ฟุ ฟุ! แค่บังเอิญหรอกที่สิ่งที่ฉันอยากทำตรงกับของเธอพอดี …..ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
เป็นการแสดงออกที่อ้อมค้อมนิดหน่อย แต่หากให้พูดสั้น ๆ สิ่งที่รูนไฮม์อยากบอกก็คือคำสุดท้าย ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป ใจดีจังเลย น้ำตาที่ควรจะแห้งไปแล้วกลับกำลังจะไหวอีกครั้ง และหลังจากที่รูนไฮม์ซังกระแอมไอแล้วเธอก็พูดด้วยเสียงที่ดังเหมือนทุก ๆ ครั้งราวกับไม่มีอะไร แต่ยังไงก็ตามเพียงเท่านี้ ความอึกทึกของห้องเรียนก็สงบลงราวกับโกหก
“ฉันต้องการแสดงบทสุดท้าย…..และอีกหนึ่งอย่าง”
อันดับแรก เป็นข้อเรียกร้องสำหรับตัวรูนไฮม์ซังเอง แน่นอนว่าเธอต้องการที่จะเป็นคนที่ได้แสดงฉากสุดท้ายของเรื่อง ฉากที่ดีที่สุด อันที่จริงเมื่อมาคิดถึงฉากสุดท้ายให้ดี ๆ เท่าที่ฉันรับรู้ได้นั่นคือ แทบไม่มีเสียงที่บ่งบอกว่าปรารถนาอยากแสดงบทที่หกเลย ไม่ว่าใครถึงแม้จะอยากได้ดอกไม้ที่สวยที่สุดก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อเจ้าหญิงไปได้ นี่เป็นความสามัคคีที่กำหนอดเอาไว้แล้ว และ”อีกหนึ่งอย่าง”ต่อไปก็คงเป็นของฉัน…..
“――――เด็กคนนี้ ฉันอยากแสดงกับเธอ เพื่อนของฉัน อริซ”
…..ฉัน คำแนะนำ…..สำหรับฉากง่าย ๆ ……?
“เอ๊ะ”
เห็นได้ชัดว่าหูของฉันเพี้ยนไปแล้ว อ้า จริง ๆ เลย ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ถึงแม้รูนไฮม์ซังยื่นมือเข้ามาช่วยฉันก็ตาม ไม่มีทาง…….
“อาร๊า ฉันอยากรู้จริงว่ามีใครไม่พอใจอะไรในตัวอริซ「ของฉัน 」หรือเปล่า มีใครอีกบ้างที่คิดว่าตัวเองเข้ากับนิยามของหญิงสาวผู้ขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะไปมากกว่านี้?”
“จะ เจ้าฟ้าหญิง….เรื่องนั้น”
“…..เอ๊ะ?”
อย่างที่คาดคุณตารู้สึกหวั่นวิตกและพยายามติเตียนรูนไฮม์ซังที่ประกาศแถลงการณ์ปรามผู้ที่อาจจะมีความคิดเห็นแย้ง แต่ก่อนที่ใครจะได้โต้แย้งเสียงที่สง่างามก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินการบอกเล่าบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ตรงระหว่างการพูด แต่ฉันไม่มีพลังเหลือพอที่จะเปลี่ยนความคิดนั้นได้อีกแล้ว
“…..อริซเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่เข้ากันกับทั้งรูปลักษณ์ของหญิงสาวในเรื่องเล่า และฉันผู้เป็นเจ้าหญิง ประกอบกับช่วงอายุที่มีเพียงฉันที่เข้ากันได้ จะมีบทบาทอื่นที่เหมาะสมนอกเหนือไปจากการได้เฉิดฉายในตอบจบของเรื่องราวอีกงั้นรึ นอกจากนี้ฉันมั่นใจเลยว่าจะต้องมีผู้ที่ไม่พึ่งพอใจที่จะต้องเห็นบุตรสาวผู้งดงามของตนไปร่วมแสดงกับผู้ชายสองต่อสองจนอยากเข้าไปแสดงแทนเป็นแน่”
“มุ…….”
คุณตาไตร่ตรองคำพูดโน้มน้าวอันน่าเกรงขามอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้ายอมรับ ……พยักหน้า ไม่น้า ท่านตา ทำไมถึงยอมแพ้กันกะ
“ฟุมุ ย่อมได้ ที่กล่าวมาทั้งหมด ในมุมมองของผู้อำนวยการแล้วไม่มีข้อโต้แย้ง”
“เช่นนั้น”
ช่วยรอก่อน ใครก็ได้ ใครสักคนช่วยคัดค้านด้วยเหตุผลอะไรก็ได้ที!
หากเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันจะต้องถูกทิ้งให้แสดงบทบาทสำคัญในฉากสุดท้ายกับรูนไฮม์ซังอย่างปฏิเสธไม่ได้นะสิ คะ คุณไม่ได้จะมาช่วยฉันหรอกเหรอ รูนไฮม์ซัง…………
“ดูเหมือนจะไม่มีใครที่จะคัดค้านสินะ?”
“ออกจะเป็นคำพูดที่แรงไปบ้าง แต่……ก็สมเหตุสมผลแล้ว หากไม่มีผู้ใดคัดค้านก็ถือว่าไม่เป็นไร”
แน่นอนอยู่แล้ว คุณตาเองก็รู้ดีว่าไม่มีนักเรียนคนไหนสามารถคัดค้านข้อเสนอของเจ้าหญิงได้โดยตรงอยู่แล้ว และแม้แต่เหล่าอาจารย์ หรือแม้แต่คุณตาของฉันก็ไม่มีข้อยกเว้น อาจจะแตกต่างออกไปหากนี่เป็นเพียงคำสั่งที่ไม่มีเหตุผล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะครั้งนี้มีเหตุผลที่ดีพอ และแน่นอนว่าไม่มีการต่อต้าน คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับ
“งั้นถือว่าตัดสินกันได้แล้ว ฉันจะแสดงบทนักกวีในบทที่หก และอริซจะแสดงเป็นสาวน้อย”
“เอ๊ะ เอ๊ะ”
ฉันยังคงสับสนอยู่ และด้วยเหตุผลบางอย่างเรื่องก็ได้จบไปทั้ง ๆ แบบนั้น ในขณะที่ฉันงงงันอยู่คนเดียว คุณตาก็ฝืนยิ้ม ส่วนรูนไฮม์ซังกลับมีความพึ่งพอใจอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างอารมณ์ดี และจากนั้นเสียงของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นก็เริ่มการแข่งขันในการแย่งฉากที่เหลืออยู่อีกครั้ง ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกเลิก”งานเทศกาลโรงเรียนง่าย ๆ ที่ผ่อนคลาย”ไป
MANGA DISCUSSION