[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 42 ตอนที่ 2 Eine・kleine・Nachtmusik
- Home
- [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 42 ตอนที่ 2 Eine・kleine・Nachtmusik
ตอนที่ 2 Eine・kleine・Nachtmusik
หลังจากยืนมองพวกคุณพ่อเดินทางกลับมาเรียน่า ฉันก็ได้รับคำแนะนำให้เดินผ่านประตูด้านในของอาคารเรียนทั้งสามที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เป็นหอประชุม อาคารด้านขวาทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นหอพัก เป้าหมายคือชั้นสามของที่นั่น
ห้องส่วนตัวที่กำหนดให้พวกเราคือ ห้องที่อยู่สุดทางเดิน
“……กว้าง”
และเมื่อเปิดประตูห้องที่ฉันจะต้องใช้เวลาด้วยอย่างยาวนานนับจากนี้ไป
นั่นคือความประทับใจแรกที่ฉันมี
หลังเปิดประตูหมุนไปด้านซ้าย สิ่งที่ปรากฎออกมาทันทีทางขวามือคือ ชั้นวางของขนาดใหญ่ที่อยู่ชิดผนัง
มีโต๊ะกลมพร้อมเก้าอี้สี่ตัวอยู่ตรงกลางห้อง
ด้านหลังมีเตียง ชั้นวางของขนาดเล็ก และโต๊ะทำงานขนาดเล็กสี่ชุด
………..ห้องพักค่อนข้างตอบสนองแล้ว
“มีเตียงด้วย”
“พวกเรามีกันสามคน ดังนั้นจึงเหลือที่ว่างหนึ่งที่ค่ะ”
“ว้าว……..”
เบลล์ซังยิ้มด้วยสีหน้าคลุมเครือระหว่างดูเหมือนมีปัญหาและดูเหมือนจะยินดี แต่ ก็ไม่มีอะไร
ก่อนอื่น กว้าง ห้องมีขนาดใหญ่มาก
ฉันได้ยินมาว่าจะมีการจัดเตรียมห้องส่วนตัวให้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีห้องว่างเพียงพอ พวกเขาจึงเตรียมห้องที่ปกติใช้สำหรับสี่คนมาให้ใช้งานเป็นกรณีพิเศษ
ตามที่คาดไว้ที่นี่เล็กกว่าห้องที่ค่อนข้างใหญ่ของฉันที่บ้าน แต่ก็เป็นห้องสำหรับสี่คนที่ใหญ่พอสมควร แม้ว่าจะใช้เวลาพร้อมกันกับเบลล์ซังและมิร่าซัง ก็ยังมีพื้นที่เพียงพอ
…..ไม่สิ บางทีนี่อาจจะเป็นความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องนักเนื่องจาก”ความทรงจำ” ตั้งแต่แรกแล้วนั้นก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าห้องส่วนตัว เป็นสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนที่ขดตัวนอนในกล่องสี่เหลี่ยมโดยที่ไม่มีความแตกต่างระหว่างชายหญิง เด็กหรือคนแก่
ก่อนอื่น เป็นเรื่องที่ผิดแน่ๆที่จะใช้ของแบบนั้นเป็นมาตรฐาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ฉันได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
“ก่อนอื่น พวกเรามาจัดสัมภาระกันก่อนเถอะค่ะ”
“อืม”
ในขณะที่กำลังสงสัยว่าเด็กในรุ่นเดียวกันคนอื่นๆอาจจะไม่พอใจในห้องแคบๆ เบลล์ซังก็เริ่มจัดห้องทันที ฉันเลยพยายามตามไปช่วยเบลล์ซัง ก่อนที่มิร่าซังจะรีบเข้ามาหยุดฉัน
“อ้า ฮิเมะ! กรุณาปล่อยให้พวกเราจัดการและไปพักผ่อนเถอะค่ะ ข้าแน่ใจว่าท่านต้องเหนื่อยกับงานพิธีแน่ๆ”
“เอ๊ะ มะ ม๊ายเป็นรัยหรอก?”
เบลล์ซังมองกลับมาเช่นกัน ดูเหมือนเธอเองก็ดูกังวลและเห็นด้วยโดยไม่พูดอะไร
ถ้าบอกว่าฉันไม่เหนื่อยก็คงเป็นการโกหก แต่อย่างน้อยถึงจะไม่สามารถทำได้ทุกอย่างในห้องของตัวเอง อย่างน้อยฉันก็อยากทำด้วยกันกับทุกคน
“แต่ว่า……..”
มิร่าซังดูไม่เต็มใจนัก ฉันรู้สึกดีใจมาก
ยังไงก็ตาม จากนี้ไปฉันจะใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนนี้ตลอดจนว่าจะจบการศึกษา หากแค่เหนื่อยจากพิธีเปิดการศึกษาจนไม่สามารถทำอะไรได้ตลอดทั้งวัน ก็คงไม่สมเหตุสมผลที่จะตัดสินใจเรียนที่นี่ต่อไป
“เพราะเป็นห้องของฉันเหมือนกัน ช่วยกัน”
“…..ไม่ได้สิคะ การกระทำแบบนั้นไม่เหมาะสมกับฐานะนะคะ แต่ถ้าฮิเมะพูดแบบนั้น!”
มิร่าอ้าปากค้างราวกับว่าเธอประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะยินยอมให้ฉันทันที
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเบลล์ซังเพื่อขอร้อง จากนั้นฉันก็ได้รับเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนของทุกคนมา
ก่อนที่จะได้รับคำแนะนำโดยละเอียด สายตาของเบลล์ซังก็หันไปที่ชั้นวางของขนาดใหญ่ข้างประตู ฉันแน่ใจว่าต้องเก็บลงที่นั้น
ขณะเดินเข้าไปหาชั้นวางได้ครึ่งทาง ฉันก็ถามเบลล์ซัง
“ฉันควรใส่ไว้ในนี้เหรอ?”
“ค่ะ อริซซามะ”
“กะ”
ดูเหมือนจะเข้าใจตรงกัน
จากนั้นฉันก็เปิดชั้นวางชั้นล่างสุดโดยไม่ตั้งใจ
“ของอริซซามะอยู่ชั้นบน……”
“เอ๊ะ อา…….”
และก่อนที่เบลล์ซังจะพูดต่อ ฉันก็เก็บชุดสำหรับเปลี่ยนชุดหนึ่งลงไปเสร็จเรียบร้อย
ฉันไม่ทันคิดว่าใครจะต้องใช้ชั้นไหน แล้วในตอนที่ฉันกำลังพยายามหยิบออกมาอีกครั้ง――――
“อริซซามะ……..”
“ฮิเมะ…….”
ทั้งสองคนก็มองมาที่ฉันด้วยดวงตาที่ชื้นแฉะเต็มไปด้วยอารมณ์
“อ้า อริซซามะ……. ว่าแล้ว กำลังคิดว่าตัวเองต้องอยู่ข้างล่าง……”
“ทั้งถ่อมตัวและอ่อนโยนอะไรเช่นนี้……”
เบลล์ซังและมิร่าซังมองหน้ากัน และพยักหน้าให้กัน พึมพำอะไรบางอย่าง ฉันไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ได้ยินแค่บางส่วนได้
เข้าใจล่ะ ดูเหมือนฉันจะทำให้เกิดความเข้าใจแปลกๆอีกแล้ว
“เอ๊ะ”
ใช่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ฉันถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนอย่างเคย ท้ายที่สุดฉันก็ทำได้แค่ยืนตัวแข็งและส่งเสียงด้วยความสงสัย
…..ฉันเดาว่า เบลล์ซังและมิร่าซังกำลังพูดถึงเรื่องที่ฉันพยายามเก็บเสื้อผ้าไว้แถวล่างสุด นี่เป็นการกระทำที่ฉันอาจไม่คิดอะไรมาก แต่อาจจะแปลกไปจากสามัญสำนึกของคนในราชอาณาจักร
ตัวอย่างเช่น เบลล์ซังตีความว่าตัวเองต้องอยู่ข้างล่างสุด
ถ้าเป็นเช่นนั้น
“….ชนชั้น?”
นี่ไม่ใช่เรื่องอะไรนอกจากเรื่องของชนชั้น
ตั้งแต่แรกฉันไม่คิดว่าจะมีสถานการณ์ที่เจ้านายและข้ารับใช้จะใช้ชั้นวางของชั้นเดียวกัน แต่ตอนนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
เจ้านายที่อยู่ข้างล่างข้ารับใช้
ฉันคิดว่านี่ไม่สมควรหรือเปล่า
การกระทำที่เป็นทางการไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกรำคาญ จริงๆแล้วเป็นเรื่องเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่ในวัฒนธรรมอันสูงส่งของชนชั้นสูงนั้น แม้จะเป็นเรื่องการหยาบคายเล็กๆน้อยๆแค่ไหน ก็สามารถพัฒนากลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น เข้าใจแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ฉันจะไม่เข้าใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ฉันจะไม่คิดมากเรื่องการยอมรับและเรื่องการทำตามใจ
“เอ๊ะโตะ นี่ไง……เพราะถ้าไม่ใช่ชั้นล่างสุด เปิดยาก”
อาจจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ แต่การปฏิเสธว่าไม่ได้ตั้งใจจะดีกว่า
แต่ฉันรู้สึกว่าจะสายไปแล้ว ยังไงก็ตามการหลับหูหลับตาประเมินที่สูงเกินไปทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด
จากนั้นทั้งสองคนก็ส่งสายตาอบอุ่นมาให้
“เอ๊ เข้าใจแล้วค่ะ อริซซามะ”
“นั้นสินะคะ ชั้นบนสุดก็เปิดยากไปจริงๆ”
“……อะ อืม”
แน่นอนว่าถูกตัดสินไปแล้วว่าเป็นการโกหก
ไม่สิ ในความเป็นจริงก็มีการโกหกไปจริงๆ
ฉันตัดสินใจที่จะไม่มองไปที่ท่าทางที่ดูอ่อนโยนแบบนั้น และเก็บเสื้อผ้าต่อไปอย่างเงียบๆเพื่อหนีความจริง
ในที่สุดฉันก็เก็บของตัวเองจนเสร็จทุกชิ้น ต่อไปคือของเบลล์ซัง ทันใดนั้นการพยายามเปิดชั้นต่อไปก็ยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง
…..หากว่ามีเรื่องเกี่ยวกับชนชั้นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เบลล์ซังกับมิร่าซัง ใครควรที่จะอยู่ด้านบนสุดกัน
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ทั้งสองคนที่กลับไปจัดของต่อก่อนที่ฉันจะรู้ตัว เบลล์ซังก็หันกลับมาตอบทันที
“เนื่องจากข้ารับใช้ก็คือ「ข้ารับใช้」จึงไม่สำคัญว่าใครจะอยู่ด้านบนของอีกคนค่ะ”
“งั้นเหรอ”
เมื่อได้ฟังคำแนะนำของเบลล์ซังแล้ว ฉันก็เก็บเสื้อผ้าของเบลล์ซังวางลงในชั้นวางที่เปิดอยู่
ทันใดนั้นฉันก็สังเกตเห็นว่าไม่มีกางเกงใจฟักทองที่ฉันให้เป็นของขวัญ
ฉันรู้ว่าเบลล์ซังดูแลอย่างดีและระมัดระวังตั้งแต่วันที่ได้รับ ฉันจำได้ว่าเธอลังเลแม้แต่ที่จะสวมใส่
ฉันสงสัยว่าบางทีเธอคงทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อไม่ให้สกปรก ฉันจะลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกครั้งในภายหลัง
อย่าหยุดมือ เตรียมห้องให้เสร็จกันดีกว่า
“ลัน ลา ล๊าาาาาาาาา”
ในขณะที่จัดเสื้อผ้าที่กองไว้ขึ้นชั้นวาง ฉันก็ฮัมเพลงทำนองร่าเริงคลาสสิกที่มีชื่อเสียงลอยออกมาโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าได้แบ่งบล็อกตามประเภทเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจอย่างถูกต้อง
“……เป็นเพลงที่ไพเราะมากเลยนะคะ”
“ลาล๊า…….หืม?”
ฉันหยุดร้องเพลงตามเสียงของเบลล์ซังที่หยุดจัดของทุกอย่าง
มิร่าซังที่กำลังเรียงหนังสือภาพของฉันก็ดูเหมือนจะหยุดทำงานและฟังเพลงของฉัน
“ดิฉันอยากรู้มาตลอดเลยค่ะ ว่านั่นเป็นเพลงที่อริซซามะแต่งขึ้นเองหรือคะ?”
“เอ๊ะ”
ไม่ ไม่แน่นอน แต่แย่แล้ว ฉันเลินเล่อไป
ความจริงคือเพลงนี้เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างของชาติก่อนเท่านั้น ไม่ใช่เพลงที่เป็นที่รู้จักของที่นี่ อาจมีบางที่คล้ายกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมถึงเข้าใจผิดกันได้ง่ายๆว่าเป็นต้นฉบับของฉันเอง เพราะอยู่ๆฉันก็ฮัมเพลงออกมาโดยไร้ที่มาที่ไป
……แต่ จะทำยังไงดี
ตอบว่าไม่ใช่ แต่ถ้าตอบว่าไม่ใช่ แล้วถูกถามว่าได้ยินมาจากที่ไหน ฉันก็ไม่สามารถตอบว่าได้ยินมาจากในชาติที่แล้ว จะโดนหาว่าบ้าเอา ไม่สิ ถ้าเป็นเบลล์ซังกับมิร่าซัง พวกเธอจะเป็นห่วงมากๆและถามว่าฉันสบายดีไหม
“เอ๊ะโตะ เอ๊ะโตะ…..”
“ฟุๆๆๆ ไม่ต้องตอบหรอกค่ะ ดิฉันเสียมารยาทไปแล้ว อริซซามะอาจต้องการประกาศโน้ตเพลงเองในสักวันแน่เลย ดิฉันมั่นใจว่าจะต้องสามารถสร้างชื่อให้อริซซามะเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ดนตรีได้อย่างแน่นอนค่ะ”
แน่นอน เพราะนี่เป็นเพลงจากบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างชื่อให้กับตัวเองได้ในอดีตของอีกโลกหนึ่ง จริงอยู่ว่าฉันอาจเป็นคนแรกที่ร้องเพลงนี้ในโลกนี้ แต่เป็นเป็นน่ารังเกียจที่จะโกงนักแต่งเพลงคนอื่นๆอย่างร้ายแรง เหมือนเป็นการเหยียบย่ำความพยายามและความสนใจทั้งหมดของพวกเขา
“มะ ไม่…… !”
“ฮิเมะ ข้าก็คิดเช่นเดียวกับน็อกซ์เบลซังค่ะ ฮิเมะมีพรสวรรค์ทางดนตรีมาก ――――”
“ไม่น๊า!”
มิร่าซังสรรเสริญฉันอย่างชื่นชม น้ำเสียงของฉันแข็งกร้าวขึ้นขณะพยายามห้ามไม่ให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต
ทั้งสองคนประหลาดใจจนเบิกตากว้างแข็งค้าง กระแสบรรยากาศเปลี่ยนเป็นละเอียดอ่อน
ฉันตกอยู่ในความตื่นตระหนกทันที
“ขะ ขอประทานอภัยด้วยค่ะ ฮิเมะ”
มิร่าซังพูดแบบนั้นออกมาอย่างร้อนรนให้กับฉันที่กรีดร้องออกไปราวกับหมดความอดทน แม้ว่าเธอจะพยายามยกย่องฉันก็ตาม ฉันจากมุมมองของทั้งสองคนคงเหมือนกำลังทำตัวแปลกๆและไร้เหตุผล
ทำยังไงดี ทำยังไงดี
ฉันไม่สามารถคิดถึงข้อแก้ตัวดีๆได้เลย หัวของฉันหมุนไปหมดแล้ว
เมื่อฉันหันไปสบตากับเบลล์ซัง ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอยิ้มอย่างเข้าใจ
หรือว่าเธอมีความทรงจำเกี่ยวกับชาติที่แล้ว…….ไม่สิ ถึงเบลล์ซังจะเข้าใจอะไรดีแค่ไหนก็ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ฉันก็คิดได้เพียงว่าหัวใจของฉันถูกเธอมองอย่างทะลุปรุโปร่งอย่างสมบูรณ์
“……เข้าใจแล้วค่ะ เช่นนั้นแล้ว เมื่ออริซซามะพอใจในผลงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรุณาช่วยบอกอีกทีตอนนั้นด้วยนะคะ”
“――――อ้า ข้าเข้าใจแล้ว! ฮิเมะต้องการแสดงผลงานเพลงในตอนที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่สุดออกไปสินะคะ!”
ว่าแล้วดูเหมือนจะแตกต่างจากที่คาดไว้
หัวใจเต้นแรงด้วนความเครียดที่พรั่งพรูออกมาจนหัวสมองเข้าใจอะไรช้าลง
……คราวนี้แย่ไปอีกแบบ
“…….เอ๊ะ!?”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนคิดว่าฉันยังไม่พอใจในผลงานเพลงของตัวเอง
ไม่สิ ฉันไม่ได้รู้สึกอยากอวดดีมากขนาดนั้นสักมิลลิเมตรเดียว ฉันไม่มีความมั่นใจพอ
ฉันไม่ได้รับการศึกษาด้านดนตรีมาตั้งแต่แรก คลุมเคลือตั้งแต่อ่านโน้ตดนตรีไม่ใด้แม้แต่โดเรมี
“ผลงานชิ้นเอกของฮิเมะผู้มีความสามารถหลากหลาย………อ้า ข้าจินตนาการไม่ออกเลย”
“แน่นอนค่ะ ทั่วทั่งราชอาณาจักร ไม่สิ แม้แต่จักรวรรดิก็จะรู้จักเพลงนี้”
รอก่อน ได้โปรดรอก่อน สมมติว่าฉันสามารถสร้างเพลงได้ด้วยปาฏิหาริย์บางอย่างโดยบังเอิญจริงๆ ฉันก็เหมือนถูกห่อด้วยโอบลาต*หลากชั้น แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ฉันอดยิ้มอย่างขมขื่นไม่ได้กับ”ล้ำยุด(เปรี้ยวจี๊ด)มากๆเลยค่ะ”
*แผ่นใสทำจากแป้งสามารถทานได้ ละลายง่ายในน้ำ แม้ดูดซึมสู่ร่างกายก็ไม่เป็นอันตราย
อ้า ฉันอยากให้คลอริน่าซังช่วยเย็บปากที่โง่เขลาและไร้ความคิดของฉันจริงๆ
“ดิฉันจะตั้งหน้าตั้งรอเลยค่ะ อริซซามะ”
เบลล์ซังประสานมือไว้ที่หน้าอกพร้อมจ้องมาด้วยดวงตาสีดำที่เปล่งประกายสดใส สิ่งที่ฉันคาดหวังจากก้นบึ่งของหัวใจคือ เธอจะไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้
……เมื่อฉันพยายามหยิบบางสิ่งที่ฉันทำหล่นโดยไม่ได้ตั้งใจ สิ่งนั้นก็มักจะถูกพัดหายไปอีกด้านหนึ่งของจักรวาลในทันใด ถึงฉันจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดถึงอะไร แต่ฉันก็รู้สึกแบบนั้น
เห็นได้ชัดว่าฉันต้องทำเพลงที่จะตกทอดไปสู่ประวัติศาสตร์ดนตรีไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานซะแล้ว
ซึ่งไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นไปไม่ได้
“ต้องไม่เป็นไร”
“ค่ะ?”
“ม๊ายมีอาร๊าย”
ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องทำอะไรเลยจริงๆ
…..ไม่สิ ใช่ ใช่แล้ว ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร
“เดะๆๆเดน…..เดะๆๆเดน…..”
เสียงฮัมเพลงต่อไปคือโทนสีแห่งความสิ้นหวังการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์
ถ้านี่คือ”โชคชะตา” ฉันก็มีแค่ความเจ็บแค้น
“อึ โช……..”
จมอยู่กับท่วงทำนองและความเศร้าจนทำให้จังหวะทำงานช้าลงกว่าเดิมมาก แต่สุดท้ายก็จัดการเสื้อแจ็คเก็ตตัวบางของมิร่าซังได้สำเร็จ ที่ข้างหลังเบลล์ซังเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพและคล่องแคล่ว ขณะสั่งงานมิร่าซังไปด้วย สมกับที่เป็นหัวหน้าข้ารับใช้ ในเวลานี้กระเป๋าส่วนใหญ่ของฉันถูกเคลียร์เรียบร้อยแล้ว
“จะได้แบบนี้ค่ะ”
“พริบตาเดียวเอง ข้าสามารถเรียนรู้เคล็ดลับการจัดของแบบนี้ได้ไหมคะ”
“ค่ะ แน่นอน แต่ดิฉันคิดว่ามิแรนดาซังก็ทำความสะอาดได้ดีเช่นกันค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ ยังไงก็ตามเพราะที่นี่เป็นห้องของฮิเมะ!”
ทั้งสองคนคุยกันอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะจ้องมายังจุดสิ้นสุดของบทสนทนา ที่ฉันที่เริ่มอุทธรณ์ต่อ
ทั้งสองคนที่สังเกตเห็น อมยิ้มทันที
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะคะ อริซซามะ”
“อืม”
เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เพราะที่นี่คือห้องของฉัน แต่คำพูดของฉันก็ถูกหยุดไว้ด้วยการที่เบลล์ซังเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ ฉันนั่งลงบนเตียงใหม่ของฉันเพื่อซ่อนแก้มที่อมยิ้มของฉัน
จากนั้นเด้งสองสามครั้งเพื่อทดสอบความนุ่มฟู
“ไม่เลว! “
ฟุฟุๆ ฉันจะใส่ไว้ว่าเป็นสไตล์ซอมเมอลิเยร์ไว้ในวงเล็บ
แน่นอนว่าฉันหัวเราะด้วยรอยยิ้ม แต่ฉันก็เริ่มครุ่นคิดถึงวันพรุ่งนี้ด้วยความช่วยเหลือจากคู่หูของฉัน
“การสอบ”
ในตอนท้ายของพิธีเปิดภาคการศึกษา เขาบอกว่าจะมีการสอบข้อเขียนสำหรับการแบ่งระดับในวันพรุ่งนี้
ฉันไม่รู้ว่าเป็นการสอบแบบไหน แต่ฉันหวังว่าจะเป็นการสอบว่าเด็กๆมีความรู้มากแค่ไหน บางทีอาจเกี่ยวกับเวทมนตร์และความรู้พื้นฐานอื่นๆ
บางทีอาจเป็นการทดสอบเพื่อจำแนกระดับ เพราะจะไม่เป็นการมีประสิทธิภาพเลย หากนำผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยและผู้ที่มีความเข้าใจในระดับหนึ่งมาเข้าเรียนในชั้นเดียวกัน
“ถ้าเป็นฮิเมะต้องไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ”
“มิร่า”
มิร่าซังก้มลงมามองที่ฉันและพยักหน้าให้
เบลล์ซังซึ่งมองมาจากข้างหน้าก็พยักหน้าให้เช่นกัน
“ดิฉันจะอยู่เฝ้ามองจากหลังห้องเรียนเสมอค่ะ”
“ฮิเมะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจให้เรียกหาข้…..”
“มิแรนด้าซัง”
“ค่ะ”
เบลล์ซังตำหนิมิร่าซังที่กำลังจะพูดในสิ่งเดียวกันด้วยสายตา
ท้ายที่สุดเหมือนมียาสำหรับทั้งสองคนที่แสดงออกปกป้องมากเกินไปเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจ
จากที่ฉันรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย ฉันก็รู้สึกสามารถผ่อนคลายความเครียดจากการสอบได้
“…..พยายามให้ดีที่สุด!”
เตียงที่ใช้ในคืนนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว