ตอนที่ 16 เงาสะท้อนสีทอง
” ―――― อันตาร๊าย!”
เมื่อหมาป่าเห็นว่าฉันวิ่งเข้ามาขวางก็หยุดวิ่งทันที และตั้งท่าก้มต่ำจ้องมาที่ฉันอย่างระแวดระวังด้วยดวงตาสีทองที่เฉียบคมและเปล่งประกาย
“คุณหนูน้อย!? ทำอะไรน่ะ เจ้านั้นคือลูกหมาป่าสีทองนะ! ถึงจะตัวเล็ก แต่ก็ไม่ใช่ของที่คุณหนูน้อยจะไปเผชิญหน้าได้ด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ!”
เห็นได้ชัดว่าตัวที่คล้ายหมาป่านี้เรียกว่าหมาป่าสีทอง คำว่า ลูน ควรหมายความว่า พระจันทร์ ในภาษาราชอาณาจักร เมื่อคิดถึงพระจันทร์ที่มาพร้อมดวงตาสีทองแล้วก็ทำให้ฉันถึงนึก “แมวสีทอง” บางทีนี่อาจจะเป็นสัตว์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้
หมาป่าส่งเสียงคำรามและแยกเขี้ยวเข้าหาฉันที่กำลังกางแขนพยายามปกป้องอาจารย์ที่อยู่ข้างหลังห่างไปหลายสิบก้าว
ขนาดความยาวของหมาป่าพอๆกับตัวฉัน
แน่นอนตามที่อาจารย์พูด หากหมาป่าใช้ประโยชน์จากความว่องไวของสัตว์ร้ายกระโจนเข้ามา ฉันจะไม่สามารถตอบสนองได้เลย และฉันจะโดนกินลงท้องโดยไม่สามารถต่อต้านใดๆได้
“อริซซามะ อย่าทำอะไรบ้าๆนะคะ!!”
“อริซซามะ!?”
ขณะที่เบลล์ซังและคาลเมียร์ซังพยายามจะวิ่งเข้ามา หมาป่าก็ลดระยะห่างมาขวางและหันไปหาพวกเธอก่อนจะคำรามเสียงดัง
เหมือนกับว่าหมาป่าเคลื่อนไหวราวกับรู้ว่าฉันอยู่ในสถานะได้รับการคุ้มครองจากทั้งสองคน
เมื่อเบลล์ซังกับคาลเมียร์เห็นดังนั้นก็หยุดลงโดยไม่เต็มใจ
“กรรรร…….”
เขาหรือเธอคำรามจ้องใส่ฉันและเบลล์สลับกัน เข้าใจล่ะ ดูเหมือนฉันจะไม่ได้คิดไปเอง
ฉันเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าทำไมทำแบบนี้
“ตัวปากัน”
ฉันกำลังถูกจับเป็นตัวประกัน ไม่ว่าฉันจะถูกนับร่วมเข้าไปด้วยหรือไม่ แต่จำนวนตอนนี้คือ 4 ต่อ 1 หมาป่าคงสรุปไปแล้วว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบอยู่จริงๆ ตอนนี้ขาของฉันดูเหมือนว่ากำลังสั่นและขยับไม่ได้
……เล็งผู้อ่อนแอ หากสิ่งนั้นสำคัญต่ออีกฝ่ายด้วยก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยังไงก็ตาม
“……หัว ดี”
ใช่ ฉลาด หมาป่าฉลาดพอที่จะรับรู้และสังเกตเห็นก่อนจะลงมืออย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างงั้น ไม่ นั่นไม่มีเหตุผล
“ทำไม?”
“คุณหนูน้อย อะไร……?”
ทำไม ถึงรีบร้อนเข้ามา?
แม้ว่าอาจารย์จะอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย แต่การเข้าโจมตีอาจารย์ในจังหวะนั้น หมาป่าก็น่าจะรู้ว่ายังเป็นสถานการณ์ 4 ต่อ 1 อยู่ดี
ต่อให้ทุกอย่างไปได้สวย กลายเป็นแค่ 3 ต่อ 1 แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเสียเปรียบเชิงตัวเลขอยู่ดี แม้ว่าอีกสามคนที่เหลือจะเป็นผู้หญิงทั้งหมด และฉันจะเป็นแค่ภาระก็ตาม หมาป่าดูฉลาดมากๆ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าหมาป่าถึงได้กระโดดเข้ามาในความเสี่ยงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้
หากจะโจมตีก็ควรจะเป็นตอนที่อาจารย์แยกตัวออกไปด้วยสมบูรณ์ หรือในตอนที่ฉันหลงทาง ซึ่งง่ายและคาดหวังได้มากกว่า
ดวงตาสีทองที่แสดงถึงสติปัญญา ไม่มีทางที่จะคิดไม่ออก
“เอ๊ะ…..โตะ คะ คือ คะอ คุณ หมาป่า”
“กรรรรรรร!”
“ฮี่……..”
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างเข้ามาอยู่ในความคิดของฉัน
ฉันพยายามเข้าหาหมาป่าอย่างตั้งใจ พยายามสงบที่สุดเพื่อไม่ให้กระตุ้นมากเกินไป ฉันเริ่มการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
แน่นอนว่าฉันรู้สึกหวาดกลัวกับการคุกคามที่กลับมา แต่
“………หืม”
ฉันเชื่อมั่น
จะน่าไม่แปลกใจเลยถ้าฉันจะถูกโจมตีและคอถูกตัดจนขาดได้ตลอดเวลา แต่ขาของฉันกลับหยุดสั่น
ฉันรู้สึกถึงอันตรายต่อชีวิต แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันไม่รู้สึกอยากวิ่งหนี นี่ฉันไม่รู้สึกความรู้สึกอันตรายที่ปกคลุมอยู่แล้วงั้นเหรอ?
……ไม่ใช่ มีแค่เรื่องนั้นที่ไม่ใช่
การแยกเขี้ยวและตื่นตัวอยู่เสมอ นั้นคือการแสดงออกของความสิ้นหวัง
ฉันคุ้นเคยกับท่าทางแบบนั้นดี
“กรรรรร…… !”
“อริซซามะ!?”
“คุณหนูน้อย!!”
ฉันตัดสินใจถลาเข้าไปหาก่อนที่หมาป่าจะหมดความอดทน
จากนั้นแทนที่จะวิ่งหนี
ก้าวเข้าไปใกล้อีกขั้น
“กูว…… !?”
――――กรรรร เวลาบิดเบี้ยวเหมือนสโลว์โมชั่น
ฉันสามารถมองเห็นหมาป่าพุ่งกระโจนเข้ามาหาฉัน และใบหน้าของเบลล์ซังที่กรีดร้องได้สมบุรณ์แบบอย่างน่าประหลาดใจ
ฉันขยับร่างกายที่ตอบสนองอย่างเชื่องช้า บิดคอหลบเพื่อหลีกเลี่ยงคมเขี้ยวที่น่าจะมุ่งมากัดเข้าที่ลำคออย่างแน่นอน
เวลาที่ถูกยืดออกกลับมาเป็นปกติผ่านดวงตาสีทองที่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“อากู๊…….”
“กิ๊ววว!!”
ยังไงก็ตามแม้ตอนนี้ฉันจะถูกกระโจนเข้าใส่แล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ถูกฆ่า พลั่ก ฉันกลิ้งไปตามพื้นหลังถูกชนไปทั้งๆแบบนั้น
อาละวาดเปลี่ยนตำแหน่งอย่างลนลาน ฉันรีบใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบคออย่างรวดเร็ว
ฉันกับหมาป่า……….
“อริซ、ซามะ……?”
――――กำลังกอดกัน
ฉันคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นมาก่อน
ความกระวนกระวายก่อนหน้านี้ดูจะสงบลง แต่ดูเหมือนยังมีความกลัวอะไรบางอย่างแสดงออกมาอย่างชัดเจน มีท่าทีข่มขู่แหลมคมอย่างแข็งก้าว
……นั่นคือ สายตาของคนที่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“กำลังกลัว?”
“กรร…..”
ฉันกอดหมาป่าเบา ๆ แล้วถามที่ข้างหูที่ตั้งเคร่งเครียด
หมาป่าดูเหมือนจะประหลาดใจอย่างมาก และหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
“กรรรรร!!”
“จะ เจ็…..บ”
หมาป่าพยายามตะเกียกตะกายให้หลุดจากมือที่กอดคอเอาไว้ แต่ฉันก็กอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เพราะตอนนี้ตัวหมาป่าถูกกอดอยู่ ทำให้ทุกครั้งที่ตะเกียกตะกายพยายามเอาขาลงพื้น กรงเล็บที่อยู่ที่หลังและไหล่ก็จะแกะสลักเส้นสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนลงบนตัวฉัน หนึ่งในนั้นข่วนผ่านชุดลงไปบนแผลที่ยังไม่ปิดสนิทดีของฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลออกจำนวนมาก
ในความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เสียดแทงสมอง ฉันยังคงกอดไว้
“คุณหนูน้อย ข้าจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!”
“อริซซามะ!”
ฉันได้ยินเสียงพวกเบลล์ซังกำลังวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยดึงหมาป่าออกไป แต่ฉันตะโกนห้ามไว้
“――――รอก่อน!”
พวกเบลล์ซังหยุดลงด้วยความงุนงง หมาป่าเองก็ตกใจกับเสียงนั้นจนตัวสั่น
…..อย่างที่คิดไว้
ฉันคลายกอดออก แล้วค่อยๆลูบจากคอลงไปที่หลัง
“ม๊ายเป็นร๊ายแล้ว ม๊ายเป็นร๊าย”
“กรรร……กรรรรร”
…..แล้วหมาป่าก็หยุดอาละวาด
ในขณะที่ครางด้วยเสียงสับสน ก็ยอมให้ฉันลูบตามตัวได้ตามใจชอบ
คราวนี้เป็นพวกเบลล์ซังที่ตัวแข็งทื่อ
“…..เน๊ กลัวสินะ อยู่ตัวคนเดียวคงจะเหงาน่าดู”
“กู๊ว……”
“โม๊ว ม๊ายเป็นร๊ายล่ะ”
ฉันมองไปที่ดวงตาใหญ่ในขณะที่ทุ่งหญ้ารอบข้างเปียกชุ่มจนย้อมเป็นสีแดง
ฉันมองเข้าไปใกล้ๆ
หมาป่ามองกลับมาที่ฉันอย่างเงียบๆ
แค่กลัว
แค่หมดความหวังที่จะมีชีวิตอยู่
อาจารย์บอกว่าเขายังเป็นแค่เด็ก จะต้องหลงออกจากฝูงแน่นอน
หรือบางทีเขาอาจสูญเสียพ่อแม่ไป ฉันคิดว่าเขากำลังหิวเพราะไม่สามารถล่าสัตว์ได้สำเร็จ จากที่เขายังเด็กอยู่ เพราะอย่างงั้น ถึงแม้จะรู้ว่าอันตราย ถึงแม้จะรู้ว่าเสี่ยง แต่เขาก็ยังอยากมีชีวิตอยู่
ฉันแน่ใจว่าเขาเข้ามาโจมตีพวกเราด้วยความที่สิ้นหวัง
………ท่าทางการดิ้นรนแบบนั้นคล้ายกับใครบางคนเอามากๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกใกล้ชิดกับหมาป่าตัวนี้ ฉันไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้
ฉันรู้ว่าที่ตัวเองทำเป็นเรื่องบ้าๆ แต่ฉันอยากช่วยจริงๆ
“ด้วยกัน”
ฉันไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกไปถึงได้ไหม แต่ฉันก็ยิ้มด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ดวงตาของหมาป่าที่จ้องประสานกลับมา ฉันรู้สึกเหมือนพวกเราค่อยๆทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
และเมื่อเห็นเขายอมทำตาม ฉันก็รู้สึกว่าได้โอกาศแล้ว
หากทำอะไรบางอย่างตอนนี้ทันที………เช่น ให้อาหารกับเขา บางทีอาจจะสามารถสื่อสารกันได้
“ใช่แล้ว หิว ไหม…..?”
ดูเหมือนเขาจะฟังคำพูดโดยไม่ตอบสนองอะไรเป็นพิเศษ
ฉันเห็นขนมปังหั่นที่ฉันทำหล่นไปในตอนที่ถูกขัดจังหวะตกอยู่ข้างๆ
“ให้”
หยิบมันขึ้นมาและยื่นเข้าปากหมาป่า
ฟุดฟิดๆ หมาป่าดมขนมปังหลายครั้ง แล้วมองกลับมาที่ฉันอีกครั้งราวกับกำลังถามอยู่
“กินได้”
เขายังกังวลอยู่จนไม่แม้แต่จะลองพยายามชิมดู ผลสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจทำตามวิธีการของเบลล์ซังที่น่าเชื่อถือที่สุดของฉัน
“…….อะ อ้ามมมม”
ฉันอ้าปากกว้างพูดแบบนั้น ในขณะที่ยื่นขนมปังเข้าไปใกล้จะแทบจะติดปากของเขา
แล้วจากนั้น
“กู๊ว”
“อะ…..”
ในที่สุดหมาป่าก็อ้าปากและคาบขนมปังไว้แน่นอย่างหวาดๆโดยไม่กัดโดนมือของฉัน
ปากของเขาทำท่าทางเคี้ยวเล็กน้อยก่อนที่จะกลืนลงไปทั้งอย่างงั้น
“เด็กดี”
จากนั้นหมาป่าก็จ้องมาที่ฉันอย่างเงียบ ๆ สักพัก
ไม่นานก็มองไปที่ไหล่ของฉันและอ้าปากเล็กน้อย
“……――――หงิงๆๆ กิ๊ว”
“เฮะๆๆ จั๊กจี้”
แผลบๆ เขาเริ่มเลียแผลของฉัน
แววตาดูรู้สึกผิดอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าจะได้ผล
ทุกครั้งที่ถูกลิ้นเลีย ฉันก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดกำลังหายไป ไม่สิ
“อะ เอ๊ะ…….?”
ใต้รอยเลือดที่ถูกเลีย เมื่อฉันลองชำเลืองมองให้แน่ใจ ไม่มีรอยขีดข่วนที่ควรจะมี มีเพียงผิวขาวบริสุทธิ์ที่งดงาม
“กู๊ว……”
ฉันจ้องมองหมาป่าที่หูตกขอโทษอย่างประหลาดใจ
……ไม่จริงน๊า ใช้เวทมนตร์ได้จริงๆด้วย?
“……หมาป่าสีทองสามารถใช้เวทมนตร์รักษาพวกพ้องที่บาดเจ็บได้ นี่เป็นครั้งแรกเลบที่ข้าได้เห็น…..ไม่สิ เรื่องนั้นช่างก่อน คุณหนูน้อย ท่าน……..”
ในที่สุดแฮงค์ล็อตซังก็หายตกตะลึง และได้รับคำพูดคืนมา
ตุบ คราวนี้เป็นเสียงของคาลเมียร์ที่ทรุดตัวลงคลุกเข่าลงข้างๆ
“….อะไรกัน อะไรกันคะ ………อริซซามะ……..”
“……บะ เบลล์”
เบลล์ซังกำลังร้องไห้
เธอก้มหน้าลงต่ำส่งเสียงสะอื้นไห้
เธอกำลังร้องไห้ปล่อยให้น้ำตาไหลถึงคอ
“ได้โปรด ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดอย่าหายไปไหนเลยนะคะอริซซามะ…….อึก……”
ฉันไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
แน่นอนว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่มีความรู้สึกคุ้นเคยกับหมาป่าตัวนี้
และเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่คุกคามถึงชีวิต
……..ฉันทำให้เบลล์ซังต้องร้องไห้อีกแล้ว
“เบลล์”
ฉันปฏิเสธหมาป่าที่ยังคงเลียแผลฉันอยู่ และลุกขึ้น
จากนั้นค่อยๆเดินไปข้างๆเบลล์ซัง
“…..ขอ、โทษ”
“――――อริซซามะ อริซซาม๊าาา……..”
จากนั้นฉันยืนให้เบลล์ซังกอดเงียบๆจนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้
นี่คือผลสะท้อนอันรุนแรงสมบูรณ์แบบ สำหรับการตัดสินใจก้าวเข้าสู่อันตรายด้วยตัวเอง
“จะ เลี้ยง……งั้นเหรอคะ…… !?”
“อืม ไม่ได้เหรอ?”
ใจเย็นๆ สิ่งที่อริซซามะกำลังทำกับแมมคือ การขอในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
หากคุณต้องการแค่เลี้ยงสัตว์ก็ไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากเด็กชนชั้นสูงส่วนใหญ่ก็ต้องการเลี้ยงม้า และคนธรรมดาเองก็มีเลี้ยงแมวและนกเช่นกัน
แต่ใช่ ปัญหาคือ “สัตว์” ตัวที่ว่านั้นเอง
“คะ คุณหนูน้อย……ข้าก็ดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ แต่ท่านไม่เคยได้ยินเรื่องที่ว่า หมาป่าสีทองมีชื่อเสียงในด้านความดุร้ายและไม่ชอบผู้คนเลยหรือ?”
ไม่แปลกใจเลยที่แฮงค์ล็อตซังจะวิตกกังวล นานๆครั้ง เกษตรกรที่ทำฟาร์มปศุสัตว์จะต้องผลัดเวรกันเฝ้าระวัง หรือจ้างนายพรานมาติดตาม แต่นั้นเป็นเรื่องของแค่หมาป่าธรรมดา
หมาป่าสีทองได้รับการกล่าวขานว่ามีความฉลาดทัดเทียมมนุษย์ และสามารถควบคุมเวทมนตร์ได้ แต่ไม่ค่อยจะปรากฎตัวต่อหน้าผู้คนมากนัก นอกจากนี้ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วย
“แต่ว่า…….”
“ม๊ายเป็นร๊าย เด็กคนนี้ ฉลาดมาก”
แมมแสดงท่าทางสับสนอย่างเห็นได้ชัดต่อคำพูดของอริซซามะที่กำลังลูบขนหมาป่าสีทองอยู่
เชื่อหรือไม่ว่าลูกหมาป่าสีทองตัวนี้เงียบไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
ข้าคิดว่าเจ้าหมาป่ากำลังรอจังหวะเพื่อเข้าโจมตี ข้าพร้อมที่จะช่วยอริซซามะทุกเมื่อ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้น ข้อพิสูจน์คือ การที่มันเอาแต่ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ และคลอเคลียแถวเท้าของอริซซามะไปมา
ถึงแม้จะเป็นหมาป่าสีทอง แต่ก็เป็นหมาป่าชนิดหนึ่ง และเมื่อลองคิดดูแล้ว พฤติกรรมการคลอเคลียไปมา และการร้องเสียงสูงแบบนี้ ก็หมายถึงอย่างน้อย มันก็มองอริซซามะเป็นพวกพ้อง
เห็นได้จากการที่อลิซซามะซึ่งน่าจะเป็น “เหยื่อ” กำลังได้รับเลียและรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น
“แต่ว่า อริซซามะ……”
ฉันเข้าใจในสิ่งที่แมมต้องการจะสื่อ น่าแปลกใจที่หมาป่าสีทองดูเหมือนจะให้การยอมรับอลิซซามะแล้ว ดูได้จากการที่มือของอริซซามะที่ลูบอยู่จะไปแตะหูของหมาป่าเข้าเป็นครั้งคราว แต่มันก็ยังดูว่าง่ายไม่เปลี่ยน
…..แม้แต่นายพรานที่ใช้เวลาด้วยกันหลายปีและมีความคุ้นเคยกันดี แต่เมื่อไปแตะหูของหมาป่าเข้า มันก็ยังมีท่าทีรังเกียจและเห่าเจ้านายของมัน
แต่ว่านั้นกับอริซซามะเพียงเท่านั้น มันจะเชื่อฟังกับคนอื่นๆแบบนั้นหรือเปล่า เป็นอีกเรื่อง
และเหนือสิ่งอื่นใดหมาป่าสีทองตัวนี้โจมตีพวกเราในตอนแรก แถมอริซซามะเป็นคนที่ถูกทำร้ายโดยตรง เพราะงั้นจะเชื่อมันได้จริงๆเหรอ
“เด็กคนนี้ ด้วยกัน กับฉัน”
“กิ๊ว”
อย่างไรก็ตามทั้งข้า ทั้งแมม ทั้งแฮงค์ล็อตซัง มีเหตุผลที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ในทันที
ไม่มีอะไรอื่น นอกจาการกระทำของอริซซามะ
แน่นอน บางทีที่อริซซามะสังเกตเห็นหมาป่าสีทองเข้ามาโจมตีได้ก่อนใคร อาจเป็นเพราะความหลาดระแวงโลกภายนอกมากกว่าคนอื่นๆ เธอเข้าไปขวางเป้าหมายอย่างแฮงค์ล็อตซัง ด้วยการกางแขนเล็กๆนั้นออกกว้างเพื่อปกป้องเขา
……ในที่สุดเมื่อหมาป่าสีทองกระโจนเข้ามาถึงตัว ในเวลานั้นข้ารู้สึกว่าดวงตาของอริซซามะเปล่งประกายอยู่ครู่หนึ่ง และด้วยเหตุผลบางอย่างอริซซามะสามารถหลีกเลี่ยงการกัดได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้าต้องขอบอกเลยว่า จากมุมมองของข้านั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่ปราศจากการเคลื่อนไหวสูญเปล่าอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลราวกับว่ามองเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นก็พยายามคุยกับหมาป่าสีทองในอ้อมกอดที่ยังอาละวาดอยู่ จากนั้นในช่วงเวลาที่สบตากัน หมาป่าสีทองก็หยุดอาละวาด
ในตอนนั้น บางสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจอาจจะเกิดขึ้น ในความเป็นจริงหมาป่าสีทองในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้พยายามไปทำร้ายใครอีกแล้ว
และการกระทำของอริซซามะก็ซาบซึ้งเข้าไปในใจทุกคนในพริบตา น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ที่นำไปสู่ความหลงใหล ที่ฝังลึกลงไปในความทรงจำ
ด้วยประสบการณ์เช่นนั้น ข้าไม่สามารถไล่หมาป่าสีทองที่แสดงท่าทางเชื่องตัวนี้ออกไปได้
“…..ว่าแล้ว ไม่ได้? เบลล์ คาลเมียร์”
เมื่อโดนถามในขณะที่ดวงตาชุ่มชื้นพร้อมใบหน้าเศร้าๆ ข้าก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ ทุกอย่างคงต้องฝากไว้ที่แมมที่กำลังสั่น
…..ไม่ แต่ว่านี่เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของพื้นที่โดยรอบและอริซซามะ ตอนนี้ต้องใจเย็นๆไว้ก่อน
“เอ่อ……”
“กิ๊ว……”
……จะ ใจเย็นๆ
ไม่ต้องรอนาน หมาป่าสีทองโจมตีด้วยลักษณะเศร้าสงร้อยเข้าใส่เต็มๆ หากเป็นการเผชิญหน้าที่สงบสุขกว่านี้ผลคงแตกต่างออกไป
“……เข้าใจแล้วค่ะ”
“แมม !? “
แมมถอนหายใจราวกับยอมแพ้ จากนั้นก็นั่งลงย่องๆมองไปที่อริซซามะ เธอจ้องมองด้วยท่าทางจริงจัง
“แต่อริซซามะยังไม่สามารถนำกลับไปเลี้ยงที่บ้านได้ในทันทีหรอกนะคะ ดิฉันไม่มั่นใจว่าเด็กคนนี้จะไม่โจมตีผู้คนจริงๆไหม ต้องคุยกับฮัททีเรียซามะก่อน และเฝ้าดูสักระยะ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
อริซซามะยืนยันเงื่อนไขแต่ละข้อ ก่อนพยักหน้ารับอย่างแรก
“อืม ……แต่ เด็กคนนี้ ในระหว่างนั้น อยู่ไหน………?”
“เรื่องนั้น เอ๊ะโตะ เอายังไงดี…….”
พวกเรายังไม่สามารถพาหมาป่ากลับไปด้วยได้อย่างที่แมมบอก ในระหว่างนี้อาจจะต้องให้ใช้ชีวิตในป่าไปก่อน แต่ว่าหมาป่าสีทองตัวนี้ยังเป็นแค่เด็กที่ยังล่าอาหารเองไม่ได้ และอาจจะตายในเวลาไม่นานจากการถูกสัตว์ป่าอื่นๆเข้าโจมตี
……พูดตามตรง พวกเรายังไม่สามารถขจัดความโกรธที่มันโจมตีอริซซามะจนเจ็บปวดไปได้ ยังไงก็ตามหากเป็นเช่นนั้น อริซซามะจะต้องเสียใจอย่างมากแน่ๆ
ข้อสรุปจากอารมณ์ที่ขัดแย้งกันมาปะทะกัน และข้าไม่สามารถให้คำตอบที่ดีได้
ทันใดนั้น แฮงค์ล็อตซังที่เงียบอยู่ก็ส่งเสียงดังราวกับระเบิดออกมา
“……คุณหนูน้อย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง! ข้าจะจัดการเรื่องอาหาร กับใช้ที่ว่างในสวนก็ได้”
“จริงเหรอ!?”
“อ้า คุณหนูน้อยที่เป็นผู้ช่วยชีวิตข้ากำลังมีปัญหา ข้าก็อยากจะช่วย แต่……”
บรรยากาศรอบตัวแฮงค์ล็อตซังเปลี่ยนไป บิริ สายตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นแหลมคมที่แทบจะแทงทะลุผิวหนังได้ ยามเมื่อหันไปหาลูกหมาป่าสีทองที่อยู่ข้างๆอริซซามะ สายตาที่กำลังยับยั้งชั่งใจและเฝ้าระวังหมาป่าสีทอง
“แต่ทว่า ถ้าเจ้านี้ไปทำร้ายสัตว์อื่นๆ หรือทำลายทุ่งสวน หรือทำร้ายคนอีกครั้ง ตอนนั้น――――ข้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด”
ซู๊ด อริซซามะสูดลมหายใจเต็มแรง
หมาป่าสีทองเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความเย็นชา
“ถ้าแบบนั้นตกลงไหม?”
“….อืม ขอฝากด้วย、นะกะ”
อริซซามะก้มหัวให้แฮงค์ล็อตซังที่กลับมามีรอยยิ้มพึ่งพอใจบนใบหน้าตามปกติ ก่อนพูดอย่างรีบร้อน
“…..จะว่าไป แฮงค์ล็อตซังเคยเป็นนายพรานมาก่อนใช่หรือไม่คะ”
“ใช่ สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ”
แล้วข้าก็จำคำพูดที่แมมเคยตอบกลับมาตอนที่คุยกันตามลำพังได้ เราสองคนมองหน้ากันทันที เริ่มจากแมมมาที่ข้า ฮัททีเรียซามะ ลาบริกซ์ซามะ มิแรนดาถึงคลอริน่าซัง แม็กพ็อดซามะ และคราวนี้ก็แฮงค์ล็อตซัง ในท้ายที่สุดก็เป็นหมาป่าสีทอง
ข้ารู้สึกเย็นวาบไปทั้งกระดูกสันหลังจนถึงขั้นตัวสั่นด้วยซ้ำ เมื่อมองย้อนไปยังโชคชะตาที่เชื่อมโยงเข้ากับอริซซามะ
เธอได้แสดงให้เห็นถึงเศษเสี้ยวของความสามารถพิเศษอันยิ่งใหญ่ แม้จะมีพรจากสายสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ในฐานะเด็กตัวเล็กๆที่อายุเพียงห้าขวบ เธอก็กำลังสร้างเครือข่ายที่สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งราชอาณาจักรได้
“อาจาน เด็กคนนี้ เด็กผู้ชาย? เด็กผู้หญิง?”
“อะ อาจาร……? อ้า นี่ตัวเมียน่ะ”
“เด็กผู้หญิง อืมมมม จ๊า……”
ข้าแน่ใจว่าแมมกับข้ากำลังคิดเรื่องเดียวกันอยู่ พวกเราเฝ้ามองอริซซามะที่ลูบหมาป่าสีทองอย่างไร้เดียงสา
ข้าภาวนาพร้อมทั้งให้ปณิธานแน่วแน่ในฐานะผู้ติดตามว่าจะไม่ยอมให้สีขาวบริสุทธิ์ที่ถูกย้อมด้วยเลือดจนเป็นสีแดงเล็กน้อยนั้นต้องแปดเปื้อนมลทินอีกต่อไป
“อะไร จะตั้งชื่อ?”
“อืม …..สีทอง ด้วยกัน อริซ ไอริส ใช่แล้ว”
ผมสีเงินฟูฟ่องพลิ้วไปตามสายลม
“อายาเมะ ตั้งแต่วันนี้ไปเธอชื่ออายาเมะ คุณหมาป่า”
ข้าคล้อยตามไปกับรอยยิ้มที่เหมือนกับดอกไม้ของอริซซามะ
และเสียงร้องอันไพเราะที่ฟังดูมีความสุข
ก่อนที่จะตัดสินใจคลายความเฝ้าระวัง “ อายาเมะ ” ลง แค่นิดหน่อยตอนที่ 16 เงาสะท้อนสีทอง
” ―――― อันตาร๊าย!”
เมื่อหมาป่าเห็นว่าฉันวิ่งเข้ามาขวางก็หยุดวิ่งทันที และตั้งท่าก้มต่ำจ้องมาที่ฉันอย่างระแวดระวังด้วยดวงตาสีทองที่เฉียบคมและเปล่งประกาย
“คุณหนูน้อย!? ทำอะไรน่ะ เจ้านั้นคือลูกหมาป่าสีทองนะ! ถึงจะตัวเล็ก แต่ก็ไม่ใช่ของที่คุณหนูน้อยจะไปเผชิญหน้าได้ด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ!”
เห็นได้ชัดว่าตัวที่คล้ายหมาป่านี้เรียกว่าหมาป่าสีทอง คำว่า ลูน ควรหมายความว่า พระจันทร์ ในภาษาราชอาณาจักร เมื่อคิดถึงพระจันทร์ที่มาพร้อมดวงตาสีทองแล้วก็ทำให้ฉันถึงนึก “แมวสีทอง” บางทีนี่อาจจะเป็นสัตว์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้
หมาป่าส่งเสียงคำรามและแยกเขี้ยวเข้าหาฉันที่กำลังกางแขนพยายามปกป้องอาจารย์ที่อยู่ข้างหลังห่างไปหลายสิบก้าว
ขนาดความยาวของหมาป่าพอๆกับตัวฉัน
แน่นอนตามที่อาจารย์พูด หากหมาป่าใช้ประโยชน์จากความว่องไวของสัตว์ร้ายกระโจนเข้ามา ฉันจะไม่สามารถตอบสนองได้เลย และฉันจะโดนกินลงท้องโดยไม่สามารถต่อต้านใดๆได้
“อริซซามะ อย่าทำอะไรบ้าๆนะคะ!!”
“อริซซามะ!?”
ขณะที่เบลล์ซังและคาลเมียร์ซังพยายามจะวิ่งเข้ามา หมาป่าก็ลดระยะห่างมาขวางและหันไปหาพวกเธอก่อนจะคำรามเสียงดัง
เหมือนกับว่าหมาป่าเคลื่อนไหวราวกับรู้ว่าฉันอยู่ในสถานะได้รับการคุ้มครองจากทั้งสองคน
เมื่อเบลล์ซังกับคาลเมียร์เห็นดังนั้นก็หยุดลงโดยไม่เต็มใจ
“กรรรร…….”
เขาหรือเธอคำรามจ้องใส่ฉันและเบลล์สลับกัน เข้าใจล่ะ ดูเหมือนฉันจะไม่ได้คิดไปเอง
ฉันเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าทำไมทำแบบนี้
“ตัวปากัน”
ฉันกำลังถูกจับเป็นตัวประกัน ไม่ว่าฉันจะถูกนับร่วมเข้าไปด้วยหรือไม่ แต่จำนวนตอนนี้คือ 4 ต่อ 1 หมาป่าคงสรุปไปแล้วว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบอยู่จริงๆ ตอนนี้ขาของฉันดูเหมือนว่ากำลังสั่นและขยับไม่ได้
……เล็งผู้อ่อนแอ หากสิ่งนั้นสำคัญต่ออีกฝ่ายด้วยก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยังไงก็ตาม
“……หัว ดี”
ใช่ ฉลาด หมาป่าฉลาดพอที่จะรับรู้และสังเกตเห็นก่อนจะลงมืออย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างงั้น ไม่ นั่นไม่มีเหตุผล
“ทำไม?”
“คุณหนูน้อย อะไร……?”
ทำไม ถึงรีบร้อนเข้ามา?
แม้ว่าอาจารย์จะอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย แต่การเข้าโจมตีอาจารย์ในจังหวะนั้น หมาป่าก็น่าจะรู้ว่ายังเป็นสถานการณ์ 4 ต่อ 1 อยู่ดี
ต่อให้ทุกอย่างไปได้สวย กลายเป็นแค่ 3 ต่อ 1 แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเสียเปรียบเชิงตัวเลขอยู่ดี แม้ว่าอีกสามคนที่เหลือจะเป็นผู้หญิงทั้งหมด และฉันจะเป็นแค่ภาระก็ตาม หมาป่าดูฉลาดมากๆ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าหมาป่าถึงได้กระโดดเข้ามาในความเสี่ยงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้
หากจะโจมตีก็ควรจะเป็นตอนที่อาจารย์แยกตัวออกไปด้วยสมบูรณ์ หรือในตอนที่ฉันหลงทาง ซึ่งง่ายและคาดหวังได้มากกว่า
ดวงตาสีทองที่แสดงถึงสติปัญญา ไม่มีทางที่จะคิดไม่ออก
“เอ๊ะ…..โตะ คะ คือ คะอ คุณ หมาป่า”
“กรรรรรรร!”
“ฮี่……..”
ทันใดนั้นก็มีบางอย่างเข้ามาอยู่ในความคิดของฉัน
ฉันพยายามเข้าหาหมาป่าอย่างตั้งใจ พยายามสงบที่สุดเพื่อไม่ให้กระตุ้นมากเกินไป ฉันเริ่มการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
แน่นอนว่าฉันรู้สึกหวาดกลัวกับการคุกคามที่กลับมา แต่
“………หืม”
ฉันเชื่อมั่น
จะน่าไม่แปลกใจเลยถ้าฉันจะถูกโจมตีและคอถูกตัดจนขาดได้ตลอดเวลา แต่ขาของฉันกลับหยุดสั่น
ฉันรู้สึกถึงอันตรายต่อชีวิต แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันไม่รู้สึกอยากวิ่งหนี นี่ฉันไม่รู้สึกความรู้สึกอันตรายที่ปกคลุมอยู่แล้วงั้นเหรอ?
……ไม่ใช่ มีแค่เรื่องนั้นที่ไม่ใช่
การแยกเขี้ยวและตื่นตัวอยู่เสมอ นั้นคือการแสดงออกของความสิ้นหวัง
ฉันคุ้นเคยกับท่าทางแบบนั้นดี
“กรรรรร…… !”
“อริซซามะ!?”
“คุณหนูน้อย!!”
ฉันตัดสินใจถลาเข้าไปหาก่อนที่หมาป่าจะหมดความอดทน
จากนั้นแทนที่จะวิ่งหนี
ก้าวเข้าไปใกล้อีกขั้น
“กูว…… !?”
――――กรรรร เวลาบิดเบี้ยวเหมือนสโลว์โมชั่น
ฉันสามารถมองเห็นหมาป่าพุ่งกระโจนเข้ามาหาฉัน และใบหน้าของเบลล์ซังที่กรีดร้องได้สมบุรณ์แบบอย่างน่าประหลาดใจ
ฉันขยับร่างกายที่ตอบสนองอย่างเชื่องช้า บิดคอหลบเพื่อหลีกเลี่ยงคมเขี้ยวที่น่าจะมุ่งมากัดเข้าที่ลำคออย่างแน่นอน
เวลาที่ถูกยืดออกกลับมาเป็นปกติผ่านดวงตาสีทองที่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“อากู๊…….”
“กิ๊ววว!!”
ยังไงก็ตามแม้ตอนนี้ฉันจะถูกกระโจนเข้าใส่แล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ถูกฆ่า พลั่ก ฉันกลิ้งไปตามพื้นหลังถูกชนไปทั้งๆแบบนั้น
อาละวาดเปลี่ยนตำแหน่งอย่างลนลาน ฉันรีบใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบคออย่างรวดเร็ว
ฉันกับหมาป่า……….
“อริซ、ซามะ……?”
――――กำลังกอดกัน
ฉันคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นมาก่อน
ความกระวนกระวายก่อนหน้านี้ดูจะสงบลง แต่ดูเหมือนยังมีความกลัวอะไรบางอย่างแสดงออกมาอย่างชัดเจน มีท่าทีข่มขู่แหลมคมอย่างแข็งก้าว
……นั่นคือ สายตาของคนที่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“กำลังกลัว?”
“กรร…..”
ฉันกอดหมาป่าเบา ๆ แล้วถามที่ข้างหูที่ตั้งเคร่งเครียด
หมาป่าดูเหมือนจะประหลาดใจอย่างมาก และหยุดนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
“กรรรรร!!”
“จะ เจ็…..บ”
หมาป่าพยายามตะเกียกตะกายให้หลุดจากมือที่กอดคอเอาไว้ แต่ฉันก็กอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
เพราะตอนนี้ตัวหมาป่าถูกกอดอยู่ ทำให้ทุกครั้งที่ตะเกียกตะกายพยายามเอาขาลงพื้น กรงเล็บที่อยู่ที่หลังและไหล่ก็จะแกะสลักเส้นสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนลงบนตัวฉัน หนึ่งในนั้นข่วนผ่านชุดลงไปบนแผลที่ยังไม่ปิดสนิทดีของฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลออกจำนวนมาก
ในความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เสียดแทงสมอง ฉันยังคงกอดไว้
“คุณหนูน้อย ข้าจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ!”
“อริซซามะ!”
ฉันได้ยินเสียงพวกเบลล์ซังกำลังวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยดึงหมาป่าออกไป แต่ฉันตะโกนห้ามไว้
“――――รอก่อน!”
พวกเบลล์ซังหยุดลงด้วยความงุนงง หมาป่าเองก็ตกใจกับเสียงนั้นจนตัวสั่น
…..อย่างที่คิดไว้
ฉันคลายกอดออก แล้วค่อยๆลูบจากคอลงไปที่หลัง
“ม๊ายเป็นร๊ายแล้ว ม๊ายเป็นร๊าย”
“กรรร……กรรรรร”
…..แล้วหมาป่าก็หยุดอาละวาด
ในขณะที่ครางด้วยเสียงสับสน ก็ยอมให้ฉันลูบตามตัวได้ตามใจชอบ
คราวนี้เป็นพวกเบลล์ซังที่ตัวแข็งทื่อ
“…..เน๊ กลัวสินะ อยู่ตัวคนเดียวคงจะเหงาน่าดู”
“กู๊ว……”
“โม๊ว ม๊ายเป็นร๊ายล่ะ”
ฉันมองไปที่ดวงตาใหญ่ในขณะที่ทุ่งหญ้ารอบข้างเปียกชุ่มจนย้อมเป็นสีแดง
ฉันมองเข้าไปใกล้ๆ
หมาป่ามองกลับมาที่ฉันอย่างเงียบๆ
แค่กลัว
แค่หมดความหวังที่จะมีชีวิตอยู่
อาจารย์บอกว่าเขายังเป็นแค่เด็ก จะต้องหลงออกจากฝูงแน่นอน
หรือบางทีเขาอาจสูญเสียพ่อแม่ไป ฉันคิดว่าเขากำลังหิวเพราะไม่สามารถล่าสัตว์ได้สำเร็จ จากที่เขายังเด็กอยู่ เพราะอย่างงั้น ถึงแม้จะรู้ว่าอันตราย ถึงแม้จะรู้ว่าเสี่ยง แต่เขาก็ยังอยากมีชีวิตอยู่
ฉันแน่ใจว่าเขาเข้ามาโจมตีพวกเราด้วยความที่สิ้นหวัง
………ท่าทางการดิ้นรนแบบนั้นคล้ายกับใครบางคนเอามากๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกใกล้ชิดกับหมาป่าตัวนี้ ฉันไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวได้
ฉันรู้ว่าที่ตัวเองทำเป็นเรื่องบ้าๆ แต่ฉันอยากช่วยจริงๆ
“ด้วยกัน”
ฉันไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกไปถึงได้ไหม แต่ฉันก็ยิ้มด้วยพลังทั้งหมดที่มี
ดวงตาของหมาป่าที่จ้องประสานกลับมา ฉันรู้สึกเหมือนพวกเราค่อยๆทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
และเมื่อเห็นเขายอมทำตาม ฉันก็รู้สึกว่าได้โอกาศแล้ว
หากทำอะไรบางอย่างตอนนี้ทันที………เช่น ให้อาหารกับเขา บางทีอาจจะสามารถสื่อสารกันได้
“ใช่แล้ว หิว ไหม…..?”
ดูเหมือนเขาจะฟังคำพูดโดยไม่ตอบสนองอะไรเป็นพิเศษ
ฉันเห็นขนมปังหั่นที่ฉันทำหล่นไปในตอนที่ถูกขัดจังหวะตกอยู่ข้างๆ
“ให้”
หยิบมันขึ้นมาและยื่นเข้าปากหมาป่า
ฟุดฟิดๆ หมาป่าดมขนมปังหลายครั้ง แล้วมองกลับมาที่ฉันอีกครั้งราวกับกำลังถามอยู่
“กินได้”
เขายังกังวลอยู่จนไม่แม้แต่จะลองพยายามชิมดู ผลสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจทำตามวิธีการของเบลล์ซังที่น่าเชื่อถือที่สุดของฉัน
“…….อะ อ้ามมมม”
ฉันอ้าปากกว้างพูดแบบนั้น ในขณะที่ยื่นขนมปังเข้าไปใกล้จะแทบจะติดปากของเขา
แล้วจากนั้น
“กู๊ว”
“อะ…..”
ในที่สุดหมาป่าก็อ้าปากและคาบขนมปังไว้แน่นอย่างหวาดๆโดยไม่กัดโดนมือของฉัน
ปากของเขาทำท่าทางเคี้ยวเล็กน้อยก่อนที่จะกลืนลงไปทั้งอย่างงั้น
“เด็กดี”
จากนั้นหมาป่าก็จ้องมาที่ฉันอย่างเงียบ ๆ สักพัก
ไม่นานก็มองไปที่ไหล่ของฉันและอ้าปากเล็กน้อย
“……――――หงิงๆๆ กิ๊ว”
“เฮะๆๆ จั๊กจี้”
แผลบๆ เขาเริ่มเลียแผลของฉัน
แววตาดูรู้สึกผิดอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าจะได้ผล
ทุกครั้งที่ถูกลิ้นเลีย ฉันก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดกำลังหายไป ไม่สิ
“อะ เอ๊ะ…….?”
ใต้รอยเลือดที่ถูกเลีย เมื่อฉันลองชำเลืองมองให้แน่ใจ ไม่มีรอยขีดข่วนที่ควรจะมี มีเพียงผิวขาวบริสุทธิ์ที่งดงาม
“กู๊ว……”
ฉันจ้องมองหมาป่าที่หูตกขอโทษอย่างประหลาดใจ
……ไม่จริงน๊า ใช้เวทมนตร์ได้จริงๆด้วย?
“……หมาป่าสีทองสามารถใช้เวทมนตร์รักษาพวกพ้องที่บาดเจ็บได้ นี่เป็นครั้งแรกเลบที่ข้าได้เห็น…..ไม่สิ เรื่องนั้นช่างก่อน คุณหนูน้อย ท่าน……..”
ในที่สุดแฮงค์ล็อตซังก็หายตกตะลึง และได้รับคำพูดคืนมา
ตุบ คราวนี้เป็นเสียงของคาลเมียร์ที่ทรุดตัวลงคลุกเข่าลงข้างๆ
“….อะไรกัน อะไรกันคะ ………อริซซามะ……..”
“……บะ เบลล์”
เบลล์ซังกำลังร้องไห้
เธอก้มหน้าลงต่ำส่งเสียงสะอื้นไห้
เธอกำลังร้องไห้ปล่อยให้น้ำตาไหลถึงคอ
“ได้โปรด ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดอย่าหายไปไหนเลยนะคะอริซซามะ…….อึก……”
ฉันไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
แน่นอนว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่มีความรู้สึกคุ้นเคยกับหมาป่าตัวนี้
และเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่เป็นสถานการณ์ที่คุกคามถึงชีวิต
……..ฉันทำให้เบลล์ซังต้องร้องไห้อีกแล้ว
“เบลล์”
ฉันปฏิเสธหมาป่าที่ยังคงเลียแผลฉันอยู่ และลุกขึ้น
จากนั้นค่อยๆเดินไปข้างๆเบลล์ซัง
“…..ขอ、โทษ”
“――――อริซซามะ อริซซาม๊าาา……..”
จากนั้นฉันยืนให้เบลล์ซังกอดเงียบๆจนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้
นี่คือผลสะท้อนอันรุนแรงสมบูรณ์แบบ สำหรับการตัดสินใจก้าวเข้าสู่อันตรายด้วยตัวเอง
“จะ เลี้ยง……งั้นเหรอคะ…… !?”
“อืม ไม่ได้เหรอ?”
ใจเย็นๆ สิ่งที่อริซซามะกำลังทำกับแมมคือ การขอในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
หากคุณต้องการแค่เลี้ยงสัตว์ก็ไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากเด็กชนชั้นสูงส่วนใหญ่ก็ต้องการเลี้ยงม้า และคนธรรมดาเองก็มีเลี้ยงแมวและนกเช่นกัน
แต่ใช่ ปัญหาคือ “สัตว์” ตัวที่ว่านั้นเอง
“คะ คุณหนูน้อย……ข้าก็ดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ แต่ท่านไม่เคยได้ยินเรื่องที่ว่า หมาป่าสีทองมีชื่อเสียงในด้านความดุร้ายและไม่ชอบผู้คนเลยหรือ?”
ไม่แปลกใจเลยที่แฮงค์ล็อตซังจะวิตกกังวล นานๆครั้ง เกษตรกรที่ทำฟาร์มปศุสัตว์จะต้องผลัดเวรกันเฝ้าระวัง หรือจ้างนายพรานมาติดตาม แต่นั้นเป็นเรื่องของแค่หมาป่าธรรมดา
หมาป่าสีทองได้รับการกล่าวขานว่ามีความฉลาดทัดเทียมมนุษย์ และสามารถควบคุมเวทมนตร์ได้ แต่ไม่ค่อยจะปรากฎตัวต่อหน้าผู้คนมากนัก นอกจากนี้ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องราวความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วย
“แต่ว่า…….”
“ม๊ายเป็นร๊าย เด็กคนนี้ ฉลาดมาก”
แมมแสดงท่าทางสับสนอย่างเห็นได้ชัดต่อคำพูดของอริซซามะที่กำลังลูบขนหมาป่าสีทองอยู่
เชื่อหรือไม่ว่าลูกหมาป่าสีทองตัวนี้เงียบไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
ข้าคิดว่าเจ้าหมาป่ากำลังรอจังหวะเพื่อเข้าโจมตี ข้าพร้อมที่จะช่วยอริซซามะทุกเมื่อ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้น ข้อพิสูจน์คือ การที่มันเอาแต่ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ และคลอเคลียแถวเท้าของอริซซามะไปมา
ถึงแม้จะเป็นหมาป่าสีทอง แต่ก็เป็นหมาป่าชนิดหนึ่ง และเมื่อลองคิดดูแล้ว พฤติกรรมการคลอเคลียไปมา และการร้องเสียงสูงแบบนี้ ก็หมายถึงอย่างน้อย มันก็มองอริซซามะเป็นพวกพ้อง
เห็นได้จากการที่อลิซซามะซึ่งน่าจะเป็น “เหยื่อ” กำลังได้รับเลียและรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น
“แต่ว่า อริซซามะ……”
ฉันเข้าใจในสิ่งที่แมมต้องการจะสื่อ น่าแปลกใจที่หมาป่าสีทองดูเหมือนจะให้การยอมรับอลิซซามะแล้ว ดูได้จากการที่มือของอริซซามะที่ลูบอยู่จะไปแตะหูของหมาป่าเข้าเป็นครั้งคราว แต่มันก็ยังดูว่าง่ายไม่เปลี่ยน
…..แม้แต่นายพรานที่ใช้เวลาด้วยกันหลายปีและมีความคุ้นเคยกันดี แต่เมื่อไปแตะหูของหมาป่าเข้า มันก็ยังมีท่าทีรังเกียจและเห่าเจ้านายของมัน
แต่ว่านั้นกับอริซซามะเพียงเท่านั้น มันจะเชื่อฟังกับคนอื่นๆแบบนั้นหรือเปล่า เป็นอีกเรื่อง
และเหนือสิ่งอื่นใดหมาป่าสีทองตัวนี้โจมตีพวกเราในตอนแรก แถมอริซซามะเป็นคนที่ถูกทำร้ายโดยตรง เพราะงั้นจะเชื่อมันได้จริงๆเหรอ
“เด็กคนนี้ ด้วยกัน กับฉัน”
“กิ๊ว”
อย่างไรก็ตามทั้งข้า ทั้งแมม ทั้งแฮงค์ล็อตซัง มีเหตุผลที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ในทันที
ไม่มีอะไรอื่น นอกจาการกระทำของอริซซามะ
แน่นอน บางทีที่อริซซามะสังเกตเห็นหมาป่าสีทองเข้ามาโจมตีได้ก่อนใคร อาจเป็นเพราะความหลาดระแวงโลกภายนอกมากกว่าคนอื่นๆ เธอเข้าไปขวางเป้าหมายอย่างแฮงค์ล็อตซัง ด้วยการกางแขนเล็กๆนั้นออกกว้างเพื่อปกป้องเขา
……ในที่สุดเมื่อหมาป่าสีทองกระโจนเข้ามาถึงตัว ในเวลานั้นข้ารู้สึกว่าดวงตาของอริซซามะเปล่งประกายอยู่ครู่หนึ่ง และด้วยเหตุผลบางอย่างอริซซามะสามารถหลีกเลี่ยงการกัดได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้าต้องขอบอกเลยว่า จากมุมมองของข้านั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่ปราศจากการเคลื่อนไหวสูญเปล่าอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลราวกับว่ามองเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นก็พยายามคุยกับหมาป่าสีทองในอ้อมกอดที่ยังอาละวาดอยู่ จากนั้นในช่วงเวลาที่สบตากัน หมาป่าสีทองก็หยุดอาละวาด
ในตอนนั้น บางสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจอาจจะเกิดขึ้น ในความเป็นจริงหมาป่าสีทองในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้พยายามไปทำร้ายใครอีกแล้ว
และการกระทำของอริซซามะก็ซาบซึ้งเข้าไปในใจทุกคนในพริบตา น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ที่นำไปสู่ความหลงใหล ที่ฝังลึกลงไปในความทรงจำ
ด้วยประสบการณ์เช่นนั้น ข้าไม่สามารถไล่หมาป่าสีทองที่แสดงท่าทางเชื่องตัวนี้ออกไปได้
“…..ว่าแล้ว ไม่ได้? เบลล์ คาลเมียร์”
เมื่อโดนถามในขณะที่ดวงตาชุ่มชื้นพร้อมใบหน้าเศร้าๆ ข้าก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ ทุกอย่างคงต้องฝากไว้ที่แมมที่กำลังสั่น
…..ไม่ แต่ว่านี่เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของพื้นที่โดยรอบและอริซซามะ ตอนนี้ต้องใจเย็นๆไว้ก่อน
“เอ่อ……”
“กิ๊ว……”
……จะ ใจเย็นๆ
ไม่ต้องรอนาน หมาป่าสีทองโจมตีด้วยลักษณะเศร้าสงร้อยเข้าใส่เต็มๆ หากเป็นการเผชิญหน้าที่สงบสุขกว่านี้ผลคงแตกต่างออกไป
“……เข้าใจแล้วค่ะ”
“แมม !? “
แมมถอนหายใจราวกับยอมแพ้ จากนั้นก็นั่งลงย่องๆมองไปที่อริซซามะ เธอจ้องมองด้วยท่าทางจริงจัง
“แต่อริซซามะยังไม่สามารถนำกลับไปเลี้ยงที่บ้านได้ในทันทีหรอกนะคะ ดิฉันไม่มั่นใจว่าเด็กคนนี้จะไม่โจมตีผู้คนจริงๆไหม ต้องคุยกับฮัททีเรียซามะก่อน และเฝ้าดูสักระยะ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
อริซซามะยืนยันเงื่อนไขแต่ละข้อ ก่อนพยักหน้ารับอย่างแรก
“อืม ……แต่ เด็กคนนี้ ในระหว่างนั้น อยู่ไหน………?”
“เรื่องนั้น เอ๊ะโตะ เอายังไงดี…….”
พวกเรายังไม่สามารถพาหมาป่ากลับไปด้วยได้อย่างที่แมมบอก ในระหว่างนี้อาจจะต้องให้ใช้ชีวิตในป่าไปก่อน แต่ว่าหมาป่าสีทองตัวนี้ยังเป็นแค่เด็กที่ยังล่าอาหารเองไม่ได้ และอาจจะตายในเวลาไม่นานจากการถูกสัตว์ป่าอื่นๆเข้าโจมตี
……พูดตามตรง พวกเรายังไม่สามารถขจัดความโกรธที่มันโจมตีอริซซามะจนเจ็บปวดไปได้ ยังไงก็ตามหากเป็นเช่นนั้น อริซซามะจะต้องเสียใจอย่างมากแน่ๆ
ข้อสรุปจากอารมณ์ที่ขัดแย้งกันมาปะทะกัน และข้าไม่สามารถให้คำตอบที่ดีได้
ทันใดนั้น แฮงค์ล็อตซังที่เงียบอยู่ก็ส่งเสียงดังราวกับระเบิดออกมา
“……คุณหนูน้อย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง! ข้าจะจัดการเรื่องอาหาร กับใช้ที่ว่างในสวนก็ได้”
“จริงเหรอ!?”
“อ้า คุณหนูน้อยที่เป็นผู้ช่วยชีวิตข้ากำลังมีปัญหา ข้าก็อยากจะช่วย แต่……”
บรรยากาศรอบตัวแฮงค์ล็อตซังเปลี่ยนไป บิริ สายตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นแหลมคมที่แทบจะแทงทะลุผิวหนังได้ ยามเมื่อหันไปหาลูกหมาป่าสีทองที่อยู่ข้างๆอริซซามะ สายตาที่กำลังยับยั้งชั่งใจและเฝ้าระวังหมาป่าสีทอง
“แต่ทว่า ถ้าเจ้านี้ไปทำร้ายสัตว์อื่นๆ หรือทำลายทุ่งสวน หรือทำร้ายคนอีกครั้ง ตอนนั้น――――ข้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด”
ซู๊ด อริซซามะสูดลมหายใจเต็มแรง
หมาป่าสีทองเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความเย็นชา
“ถ้าแบบนั้นตกลงไหม?”
“….อืม ขอฝากด้วย、นะกะ”
อริซซามะก้มหัวให้แฮงค์ล็อตซังที่กลับมามีรอยยิ้มพึ่งพอใจบนใบหน้าตามปกติ ก่อนพูดอย่างรีบร้อน
“…..จะว่าไป แฮงค์ล็อตซังเคยเป็นนายพรานมาก่อนใช่หรือไม่คะ”
“ใช่ สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ”
แล้วข้าก็จำคำพูดที่แมมเคยตอบกลับมาตอนที่คุยกันตามลำพังได้ เราสองคนมองหน้ากันทันที เริ่มจากแมมมาที่ข้า ฮัททีเรียซามะ ลาบริกซ์ซามะ มิแรนดาถึงคลอริน่าซัง แม็กพ็อดซามะ และคราวนี้ก็แฮงค์ล็อตซัง ในท้ายที่สุดก็เป็นหมาป่าสีทอง
ข้ารู้สึกเย็นวาบไปทั้งกระดูกสันหลังจนถึงขั้นตัวสั่นด้วยซ้ำ เมื่อมองย้อนไปยังโชคชะตาที่เชื่อมโยงเข้ากับอริซซามะ
เธอได้แสดงให้เห็นถึงเศษเสี้ยวของความสามารถพิเศษอันยิ่งใหญ่ แม้จะมีพรจากสายสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ในฐานะเด็กตัวเล็กๆที่อายุเพียงห้าขวบ เธอก็กำลังสร้างเครือข่ายที่สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งราชอาณาจักรได้
“อาจาน เด็กคนนี้ เด็กผู้ชาย? เด็กผู้หญิง?”
“อะ อาจาร……? อ้า นี่ตัวเมียน่ะ”
“เด็กผู้หญิง อืมมมม จ๊า……”
ข้าแน่ใจว่าแมมกับข้ากำลังคิดเรื่องเดียวกันอยู่ พวกเราเฝ้ามองอริซซามะที่ลูบหมาป่าสีทองอย่างไร้เดียงสา
ข้าภาวนาพร้อมทั้งให้ปณิธานแน่วแน่ในฐานะผู้ติดตามว่าจะไม่ยอมให้สีขาวบริสุทธิ์ที่ถูกย้อมด้วยเลือดจนเป็นสีแดงเล็กน้อยนั้นต้องแปดเปื้อนมลทินอีกต่อไป
“อะไร จะตั้งชื่อ?”
“อืม …..สีทอง ด้วยกัน อริซ ไอริส ใช่แล้ว”
ผมสีเงินฟูฟ่องพลิ้วไปตามสายลม
“อายาเมะ ตั้งแต่วันนี้ไปเธอชื่ออายาเมะ คุณหมาป่า”
ข้าคล้อยตามไปกับรอยยิ้มที่เหมือนกับดอกไม้ของอริซซามะ
และเสียงร้องอันไพเราะที่ฟังดูมีความสุข
ก่อนที่จะตัดสินใจคลายความเฝ้าระวัง “ อายาเมะ ” ลง แค่นิดหน่อย
MANGA DISCUSSION