ตอนที่ 13 รักที่คุ้นเคย รักที่ไม่คุ้นเคย
“กระซิก กระซิก”
“ขอโทษ”
ฉันขอโทษคุณตาที่กำลังกึ่งร้องไห้กึ่งเศร้าอย่างจริงใจ ด้านที่แข็งแกร่งที่เห็นตอนแรกหายไปอยู่ที่ไหนแล้วน่ะ
การที่จู่ๆมีคนมาบอกว่าเป็นคุณตาของฉันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ทำให้ฉันเหมือนสมองหยุดทำงานไป ฉันจึงได้แต่ถามคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อทำความเข้าใจและยอมรับความจริง
ฉันรู้สึกผิดเมื่อมองไปที่แม็กพ็อดซัง ไม่สิ ที่คุณตาที่ทำสีหน้าผิดหวังอย่างสิ้นเชิง การที่ต้องมาอธิบายว่าตัวเองเป็นคนในครอบครัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดๆดูแล้ว ก็ทำให้จิตใจว่างเปล่าได้จริงๆ
“โอจี่จัง เศร้าเหลือเกิน”
“ขอโทษก่ะ”
ระหว่างที่ฉันกำลังปลอบคุณตาอยู่ เบลล์ซังและคาลเมียร์ซังก็เฝ้ามองมาอย่างไม่สบายใจอยู่เบื้องหลัง
เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากการที่ฉันไม่ได้รับแจ้งอะไรเลย เพราะงั้นพวกเธออาจจะกำลังเสียใจที่ตัวเองไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้าก็ได้
ยังไงก็ตาม นี่ไม่ได้เป็นความผิดของใคร แต่เป็นเพราะช่วงเวลาไม่ดี อย่างการที่คุณพ่อไม่อยู่บ้านต่างหาก และถ้าฉันจะพูดอะไรก็คงเป็นเรื่องที่โดนแช่อยู่แบบนี้เป็นชั่วโมงแล้วมากกว่า
“แม็กพ็อดซามะ…….คือว่า”
แล้วในที่สุดเบลล์ซังก็รู้สึกว่าต้องแสดงความรับผิดชอบในเบื้องต้นด้วยสีหน้าดูเสียใจ
ยังไงก็ตามคุณตาที่เห็นก็เลิกกุมหัวอย่างทันทีทันใด และพูดขัดขึ้นมาก่อน
“อ้า ไม่มีอะร๊าย ข้าเศร้าจริงๆน๊า แต่อีกครึ่งก็แค่หยอกเล่นเอง ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกน้อ”
“เร็ว”
หลังจากพูดแบบนั้นจบ ฉันที่เห็นคุณตากลับมาเป็นปกติทันทีก็เผลอตบมุกออกไปโดยไม่ตั้งใจให้กับความเร็วในการเปลี่ยนท่าทาง
แล้วคุณตาก็เริ่มแก้ตัว โดยบอกว่าทุกคนอาจจะกำลังเข้าใจผิดว่าเขากำลังตำหนิอยู่ ไม่ใช่แบบนั้นนะ อริซ เข้าใจแล้ว ฉันคงไม่มีทางจินตนาการนิสัยของคุณตาจากท่าทางที่นิ่งเงียบได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หลังจากได้ลองพูดคุยแล้ว ก็เห็นได้ว่าเขาค่อนข้างเป็นมิตรและคุยง่าย
“ในตอนนี้ฮัททีเรียซามะกำลังเดินทางไปที่ค่ายอัศวิน………”
“อ้า ดูเหมือนช่วงเวลานั้นจะเลวร้ายมากจริงๆ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนั้นแหละ แต่…….หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็ทำให้เรื่องหลุดออกไปจากหัวข้าชั่วครู่”
คุณตาเหลือบมองมาที่ฉันระหว่างที่พูดถึงเหตุการณ์นั้นก่อนมองย้อนกลับไปที่เบลล์ซัง
เข้าใจได้ง่ายๆเลยว่าเหตุการณ์นั้นที่พูดถึงกันอยู่คือ เหตุการณ์การโจมตีที่ตลาด
“ม๊ายเป็นร๊าย หรอกก่ะ”
ในตอนนี้ฉันยังไม่สามารถรู้สึกว่าเขาเป็นคุณตาของฉันได้ ยังไงก็ตามฉันก็ไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธ และยินดีที่จะรับเอาไว้
ฉันแน่ใจว่าในฐานะตา เขาเองก็กำลังกังวลใจไม่ใช่น้อยเกี่ยวกับฉัน และสายตาที่จับจ้องมาตลอดการพูดคุย ฉันก็รู้สึกได้ถึงสัญญาณแห่งความเป็นห่วง
“……ข้าคิดว่าต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย แต่ขอบคุณ ข้าใจเย็นขึ้นมากแล้ว”
ฮ่าๆๆ คุณตาเกาแก้มและหัวเราะเหมือนกำลังกลบเกลื่อน ทันใดนั้นฉันก็ได้กลิ่นของความคุ้นเคย
เป็นกลิ่นที่เหมือนกับที่ฉันรู้สึกได้ในห้องของคุณแม่ ถ้าเขาเหมือนกัน
“…..เหมือนคุณแม่?”
“…..อะไรรึ นี่น่าประหลาดใจจริงๆ สังเกตเห็นจากส่วนไหนรึอริซยะที่สีผมสินะ?”
คุณตาดูจริงจังขึ้นเล็กน้อยในตอนที่ถามกลับมา ฉันส่ายหน้าไปมา
“อือึอ จาก กลิ่น”
“……กลิ่น บอกว่าได้จากกลิ่นสินะ ฮ่าๆๆๆๆ”
ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและหัวเราะออกมาดังมากๆ เขาดูเหมือนจะเป็นคุณตาจากฝ่ายคุณแม่จริงๆ แล้วเขาก็มองขึ้นไปบนเพดานสูงของห้องโถงเหมือนคิดถึงใครบางคน โดยที่ไม่จำเป็นต้องบอก ก็รู้ได้ทันทีว่าเขามองไปที่ไหน แล้วจู่ๆความรู้สึกบางอย่างก็พุ่งเข้าโจมตีฉันจนรู้สึกแน่นหน้าอก
“เข้าใจล่ะ สมเป็นลูกสาวของยัยเด็กนั้นจริงๆ”
เขาพึมพำแบบนั้นออกมาพร้อมใบหน้าว้าเหว่ เห็นแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเสียใจในเรื่องบางอย่าง
เรียกยัยเด็กนั้น แทนที่จะเรียกด้วยชื่อ วิธีเรียกแบบนี้ บางที่อาจจะมีความบาดหมางระหว่างคุณตากับคุณแม่
“……..อะ”
ในขณะที่กำลังรู้สึกทุกข์จากความรู้สึกผิดแปลกๆ ฉันก็จ้องมองไปที่คุณตาจนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เข็มกลัดที่ประดับอยู่ปกคอเสื้อ มีรูปร่างเหมือนดอกไม้ที่ฉันเคยเห็นมาก่อน
ถึงเขาจะระวังเหมือนไม่อยากให้โดดเด่นอย่างสุดความสามารถ แต่ของใช้ที่ดูเหมือนกับของผู้หญิงก็ดูโดดเด่นภายใต้ชุดที่ดูเหมือนเสื้อคลุมยาวนั้นอยู่ดี
เข็มกลัดนั้นสร้างความประทับใจในทันทีทันใด แต่กับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
ด้วยเหตุดังกล่าว ฉันยิ้มออกมาทันใด
“อะโนเนะ”
“…….โอ้ ขอโทษๆ เป็นอะไรไปรึ อริซ”
ฉันไม่รู้รายละเอียดของเรื่องราว แต่หากบอกว่ามีกำแพงบางอย่างแยกพวกคุณออกจากกัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆจะไม่น่าเศร้าเกินไปหรอกเหรอ ฉันหวังว่าจะได้รู้ความหมายที่แท้จริงของครอบครัวอีกครั้ง
และตอนนี้ฉันไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดออกมาเป็นแบบที่ต้องการได้ ถ้าสมมุติว่าจะมีหนทางที่จะสามารถช่วยผ่อนคลายเรื่องลูกสาวแท้ๆลงได้บ้าง ก็คงจะมีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
“หนู ไม่รู้เกี่ยวกับคุณแม่ ไม่รู้แม้แต่หน้าตา แต่”
“……..อริซยะ”
“อริซซามะ……”
คุณตา เบลล์ซัง หรือแม้แต่คาลเมียร์ซังต่างส่งเสียงด้วยความกังวล
แต่ว่าครั้งนี้ต่างกัน ฉันไม่ได้ตั้งใจที่คร่ำครวญอะไรทั้งนั้น
…..ฉันแค่จะส่งต่อความรู้สึกของคุณแม่ที่มีต่อคุณตา ที่คุณแม่ไม่มีโอกาสได้พูดออกมาด้วยตัวเอง
ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกนั้นยังคงอบอุ่นจากกลิ่นที่หลงเหลืออยู่
“ท่านแม่ เรื่องของแม็กพ็อดซัง…..อือึอ ท่านตา รักเสมอมา แน่นอน”
“….ว่าอะไร”
ฉันปิดเปลือกตาต่อหน้าคุณตาที่คำพูดติดๆขัดๆ
ฉันจิตรนาการถึงห้องคุณแม่ที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้
ในห้องนั้น ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจของคุณแม่ที่ฉันไม่เคยสัมผัส
ดอกไม้ดอกเดียวสว่างไสวด้วยแสงที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง
จากนั้น ชื่อของดอกไม้ที่เบลล์ซังสอนฉันไว้ คือ ――――
“มาเรียนา ไอริส”
ฉันลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วชี้ไปที่เข็มกลัดบนปกคอเสื้อของคุณตา
คุณตาตัวแข็งทื่ออย่างน่าประหลาด
“ได้รับ จากท่านแม่ ใช่ไหมกะ?”
“อะ……อา ก็ใช่อยู่ แต่……”
“ห้องท่านแม่ มีดอกไม้ แบบเดียวกันอยู่”
เบลล์ซังและคาลเมียร์ซังหยุดหายใจ
สำหรับฉัน ฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะสามารถจดจำสิ่งที่เคยเห็นและได้ยินได้อย่างชัดเจนมานานขนาดนี้
” ―――― บานสวย มากๆ ตลอดไป แน่นอน”
ใช่ กำลังบานสะพรั่งสวยงามมากๆ
ฉันแน่ใจว่าดอกไม้นั้น อยู่ในห้องของคุณแม่เสมอมา
เป็นดอกไม้แบบเดียวกันกับที่ฉันเห็นในห้องของเบลล์ซังที่ฉันไปเยี่ยมหลังจากนั้นเช่นกัน เบ่งบานสวยงาม
เบลล์ซังบอกว่า ในวันหนึ่ง คุณแม่ได้มอบให้เธอ
แต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังจากนั้นคือ คุณแม่ได้ให้กำเนิดฉัน ก่อนที่จะเสียชีวิตลง จากนั้นเวลาก็ล่วงผ่านไป กว่าที่ฉันจะได้เห็นดอกไม้ดอกนี้ก็เป็นเวลากว่าห้าปี หมายความความดอกไม้นี่สามารถเบ่งบานได้โดยไม่เหี่ยวเฉา
〝ดอกไม้〟ตามความรู้ของฉัน ไม่ควรจะบานได้นานขนาดนั้น
“…..เน๊ะ เบลล์”
ถ้าเป็นเช่นนั้น
ความรู้สึกอบอุ่นที่ห่อหุ้มร่างกายของฉันเอาไว้ด้วยกลิ่นอันอ่อนโยนในเวลานั้น ที่ทำให้รู้สึกถึงเงาของคุณแม่ ทำให้ฉันคิดบางอย่างได้
“เวทมนตร์ของท่านแม่ คืออาร๊าย?”
“นั้น……..”
เบลล์ซังสูญเสียความเยือกเย็น ยิ่งทำให้ฉันมั่นใจในความคิด
เหมือนกับที่เบลล์ซังเชื่อว่าการถ่ายโอนบาดแผล ไม่ใช่เวทมนตร์ที่แท้จริงของฉัน
……ถ้าจะบอกว่าเวทมนตร์เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระหว่างการสืบทอด แต่ เวทมนตร์ของเด็กๆก็ไม่ควรที่จะแตกต่างจากพ่อแม่ของตนเองจนขัดแย้งกันมากเกินไป
เวทมนตร์ที่สามารถป้องกันไม่ให้ดอกไม้เหี่ยวเฉาได้ คุณสมบัติดังกล่าวมีแนวคิดคล้ายกับรูปแบบการทำงานของน้ำแข็ง
ตัวอย่างเช่นเวทมนตร์ที่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆได้ ถึงอย่างงั้นการที่สามารถทำให้ดอกไม้ยังคงบานสะพรั่งได้ เหมือนอยู่ในสถานะ〝แช่แข็ง〟มากกว่า
“ดอกไม้ยังคงบานเสมอมา เหมือนกับเข็มกลัดที่ท่านแม่มอบให้ท่านตา”
และนั้นจะต้องเป็นวิธีแสดงความรู้สึกอย่างแน่นอน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคน
ยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าการมอบเข็มกลัดดอกไม้ที่ไม่มีวันตาย ชนิดเดียวกันกับดอกไม้ที่ไม่มีวันเหี่ยวเฉา เป็นการแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกเหมือนตอนนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“ท่านแม่ ยังคงรักท่านตาเสมอมา แน่นอน”
“――――งั้น เหรอ ไม่มีอะไรยื่นยันนอกจากที่อริซพูด แต่บางที บางที…….อาจจะ…….อึก…..”
จากนั้นคุณตาก็ลืมตาขึ้น แล้วจ้องตรงมาที่ดวงตาของฉัน ฉันแน่ใจว่าคุณตาต้องกำลังเห็นร่างของคุณแม่ซ้อนทับกับฉันอยู่
ในไม่ช้าน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของคุณตาจนต้องกดเอาไว้
“……อ้า อ้าาาา……อลิเซีย…… !”
“แม็กพ็อดซามะ…….อลิเซียซามะ……”
เบลล์ซังที่รู้รายละเอียดของเรื่องราวเป็นอย่างดีครุ่นคิดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนเมื่อเห็นท่าทางของคุณตาก็เริ่มร้องไห้ตาม
แม้แต่คาลเมียร์ซังที่น่าจะไม่รู้จักคุณแม่ก็ยังถูกดึงดูดจนมีสีหน้าร้องไห้ตาม
ถ้าคุณพ่ออยู่ที่นี่ เขาจะต้องร้องไห้ตามแน่ๆ
จากนั้นความเงียบก็ดำเนินต่อไปจนกระทั้งทุกคนหยุดร้องไห้ เมื่อคุณตาเงยหน้าขึ้นมาการแสดงออกของคุณตาก็ดูแจ่มใส เพราะได้สะสางสิ่งที่ตกค้างอยู่ออกไปแล้วรึเปล่าน่ะ
“ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ…..ขอโทษด้วย ที่ข้าร้องไห้ออกมาใม่สมกับอายุแบบนี้ ทั้งๆที่ข้ามาเพื่อดูสถานการณ์ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับการปลอบโยนแบบนี้”
“…..ขะ ขอโทษก่ะ”
…..จริงด้วย นี่เป็นการพบกับคุณตาเป็นครั้งแรก แต่จู่ๆฉันก็พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันคิดว่าฉันต้องบอกเขาเรื่องนี้ให้ได้ แปลกจัง ที่ฉันรู้สึกเหมือนรู้ถึงความรู้สึกของคุณแม่ทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ แค่……
“ไม่ๆ นี่ทำให้รู้สดชื่นซะด้วยซ้ำ ถ้าผลักความผิดให้หลานสาวตัวเอง ข้าก็ไม่มีหน้าเรียกตัวเองว่าตาน่ะสิ”
คำพูดที่ออกมากลับตรงกันข้ามกับที่ฉันกลัว คุณตากล่าวอย่างมีความสุข และเริ่มหัวเราะเบาๆอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้ว่าแก้มของตัวเองเริ่มผ่อนคลายเองอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฉันก็ตระหนักได้ถึงความรู้สึกของการเป็นที่รักได้อย่างชัดเจน เข้าใจแล้ว เขาคือคุณตาของฉัน และฉันคือหลานสาวของเขาอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นฉันก็คิดที่อยากจะทำอะไรบางอย่าง ฉันมองกลับไปที่เบลล์ซังและพูดด้วยสายตา
“…..อยากจะลงงั้นรึคะ?”
“อืม”
“รับทราบแล้วค่ะ”
ราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว เบลล์ซังยิ้มและอุ้มฉันลงจากเก้าอี้ ฉันกอดคู่หูเอาไว้แนบอก คิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะเดินไปยืนข้างๆคุณตา
“โอ๊ะ โอ้? มีอะไรรึ อริซยะ”
แม้ว่าคุณตาจะสับสน แต่เขาก็ลุกออกจากโต๊ะมาหาฉัน ก่อนก้มตัวลงมานั่งยองๆวางศอกไว้บนเข่า จนระดับสายตาของพวกเราเท่ากัน
ดวงตาสีเดียวกันที่เปล่งประกายวูบวาบถามฉัน จากนั้นฉันก็วางมือลงที่หลังมือของเขา ซ้อนประสานมือเพื่อแสดงความรัก
“ท่านตา”
“กู้ว…… !?”
คุณตาลืมตาขึ้นอีกครั้งในทันที และจ้องไปที่มือที่ซ้อนกันอย่างแนบแน่น ก่อนส่งเสียงประหลาดๆออกมา หรือว่าการพยายามทำสกินชิพในทันทีทันใดจะทำให้คุณตารู้สึกอึดอัดงั้นเหรอ ในตอนที่กำลังพยายามจะดึงมือกลับมา ฉันก็รู้ว่าไม่ใช่จากคำพูดที่ตามมา
“กู้วโอออออออออออ้……….. ! ข้าในตอนนี้ ความสุขของคนแก่คนนี้ได้พุ่งถึงขีดสุดแล้ววว……. !”
คุณตาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยอารมณ์ถึงขนาดแทบจะทำให้เห็นภาพลวงตาของน้ำตาแห่งความซาบซึ้งได้เลย ครงไหนสักแห่งของคุณตาให้ความรู้สึกเหมือนคุณพ่อ แต่ทันใดนั้นมือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยที่ฉันจับอยู่ ก็พลิกกลับมาบีบมือของฉัน
“อ้า โอ้ นี่สินะ ความรู้สึกอบอุ่นจากหลานสาวของข้า…….”
ฉันเป็นคนที่เริ่มทำก่อน แต่วิธีการพูดแบบนี้ พูดตรงๆว่าทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีนิดหน่อย
แต่ ไม่ใช่ความไม่พอใจ เพราะเมื่อเห็นเขากำลังยินดีอยู่ ฉันก็รู้สึกไม่อยากสลัดมือออก
ฉันเองก็รู้สึกเขินเล็กน้อยเหมือนกัน ดังนั้นเลยค่อยๆจับมือกลับไป มือนั้นอบอุ่นอย่างแน่นอน ถ้าให้พูดก็คงอบอุ่นแบบคนแก่ นี่คือความอบอุ่นของครอบครัว
แต่ ม๊า ว่าแล้วว่า ยังมีบางอย่างที่ทำให้ฉันยังรู้สึกผิดหวังอยู่ คุณตาเหมือนจะรู้สึกได้ เขาหัวเราะเบาๆแล้วลูบหัวฉันดังแปะๆ จากนั้นก็ปล่อยมือออก
“ขอบคุณนะ อริซ”
“อือึอ”
ฉันเบือนหน้าหลบเพื่อกลบเกลื่อนความอาย เบลล์ซังยิ้มอย่างอารมณ์ดี คาลเมียร์พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก เป็นการแสดงออกด้วยใบหน้าโดยไม่ต้องพูดออกมา อ้า ฉันสังเกตเห็นของในถาดที่เธอถืออยู่ ในตอนนี้เองที่ฉันนึกขึ้นได้
“ถะ ถ้าเช่นนั้น ดิฉันคิดว่าทั้งสองท่านน่าจะหิวกันแล้ว เชิญทานแมเรียนก่อนดีไหมเจ้าคะ?”
คาลเมียร์ซังรับมือด้วยการพูดสุภาพแบบแปลกๆเล็กน้อย ดูเหมือนเบลล์ซังเองก็จะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ นั้นสินะ หลังจัดระเบียบตัวเองเรียบร้อย เธอก็เดินตามคาลเมียร์ซังมาที่ฉัน ก่อนที่จะยกตัวฉันขึ้นแล้วพาไปนั่งที่ข้างๆคุณตา
“แมเรียนรึ ข้าไม่ได้กินมานานแล้วสิ”
“นี่เป็นของโปรดของอริซซามะค่ะ”
“โฮ ดีแล้วที่ได้ยิน ครั้งหน้าโอจี่จังจะหาซื้อแมเรียนชั้นยอดมาฝากอลิซเอง”
“จริงเหรอก่ะ !?”
ฉันพยายามควบคุมตัวเอง หลังเห็นคุณตาประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางอยากกินของฉัน
แต่ว่าก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้นี่ มีใครบ้างที่จะไม่รู้สึกตื่นเต้นตอนที่ได้ยินว่าจะได้กินแมเรียนชั้นยอดที่สุด ไม่สิ ไม่มีอะไร
……ยังไงก็ตาม ตอนนี้เรามาตั้งใจชิมแมเรียนที่อยู่ตรงหน้ากันก่อนดีกว่า
ฉันวางคู่หูลงข้างตัว ก่อนจะประสานมือตามปกติ
“จะทานแล้วนะกะ”
ทันใดนั้นคุณตาก็บิดคอมามอง ก่อนที่จะสามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเองก่อนที่เบลล์ซังจะได้ทันอธิบาย
“…..เข้าใจล่ะ อย่าลืมที่จะขอบคุณสำหรับอาหารสินะ ไม่ผิดแน่ งั้น จะทานแล้วน่ะ”
ฉันชำเลืองมองไปที่ด้านข้าง ตามปกติฉันจะส่งเสียง〝อ้าม〟ก่อนเสมอ แล้วค่อยประกบผลไม้สีทองไว้ระหว่างริมฝีปาก และก็จะดูดจู๊บ~โดยไม่ใช่ฟัน จากนั้นก็กลิ้งไปมาในปากเล่นสนุกด้วยลิ้น ในขณะที่เพลิดเพลินไปกับน้ำหวานแสนหวานที่เอ่อล้นออกมา
“หวาน”
“หวานจังน้อ”
เสร็จแล้วก็เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนให้ชุ่มคอ
……อ้า ความลึกลับของโลกใบนี้
ทันใดนั้น เบลล์ซังก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออกมาได้
เธอคุยกับคุณตาไปด้วยในขณะที่ลูบผมฉันที่กำลังดื่มด่ำไปกับความสุขโดยไม่รู้เบื่อ
“จะว่าไปแล้ว แม็กพ็อดซามะ”
“มีอะไรรึ เบลล์”
“ท่านมาที่นี่เพียงเพื่อจะมาดูสถานการณ์ของอริซซามะเพียงอย่างเดียวจริงๆเหรอคะ?”
ดูเหมือนจะกลับเข้าสู่หัวข้อการสนทนาเก่า เมื่อโดนถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล คุณตาก็กลืนแมเรียนในปากลงคอไป ก่อนที่จะร้อง โอ้ พร้อมตบมือ
“เกือบจะลืมไปเลย ……อริซยะ”
“กะ”
คำพูดถูกพูดออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนท่าทางเสียมารยาทของฉันที่ตอบกลับไปทั้งๆที่กำลังเคี้ยวแมเรียนตุ้ยๆอย่างมีความสุข
“ข้าได้ยินมาว่าในเหตุการณ์ล่าสุด เวทมนตร์ของหลานได้ปรากฏออกมาแล้วสินะ”
“อืม”
คุณตาพยักหน้าว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก และพูดต่อจากตรงนั้นทันที
ในขณะที่ฉันก้มหน้าหยิบชิ้นต่อไปเข้าปากอย่างแน่วแน่
“ไม่สำคัญว่าอาการบาดเจ็บของหลานจะหายเมื่อไหร่”
ดูเหมือนกำลังอาจจะมีคำชวนบางอย่างออกมาจากปากของคุณตา
ในขณะที่ฉันกำลังเคี้ยวชิ้นที่เพิ่งดูดเข้าไปรอคำพูดต่อไป
“หลานต้องการไปเรียนที่ Royal Capital Academy หรือเปล่า?”
ต้องขอบคุณความรักทั้งหมดที่ฉันมีให้กับแมเรียน ฉันจึงสามารถทนต่อสัญชาตญาณที่พยายามระเบิดออกมาได้
MANGA DISCUSSION