[นิยายแปล] Tokidoki Bosotto Russia-go de Dereru Tonari no Alya-san - ตอนที่ 4 - ฉันไม่ได้รังเกียจผู้หญิงที่มีความรักระหว่างพี่น้องหรอกนะ (4)
- Home
- [นิยายแปล] Tokidoki Bosotto Russia-go de Dereru Tonari no Alya-san
- ตอนที่ 4 - ฉันไม่ได้รังเกียจผู้หญิงที่มีความรักระหว่างพี่น้องหรอกนะ (4)
“แสดงว่าเธอตกหลุมรักเขาแล้วใช่ไหม~ วิเศษจังเลยน้า!”
อาริสะถอนหายใจเมื่อมารีญะทำเสียงสูงและปรบมือไปด้วย
“ก็ฉันบอกแล้วไง….ว่ามันไม่ใช่อย่างงั้น เธอได้ฟังที่ฉันเล่าบ้างไหมเนี่ย?”
“เหหห~? ไม่ว่าฉันจะฟังยังไง มันก็ดูเหมือนจุดเริ่มต้นความรักของทั้งสองคนเลยเนอะ?”
“อย่างพูดแปลกๆแบบนั้นสิ ก่อนหน้านี้ฉันก็บอกเธอไปแล้วไงว่าพวกเราเป็นแค่เพื่อนกันไม่ใช่รึ?”
“อื้มๆ เพื่อนน่ะเดิ๋ยวก็กลายเป็นคนรักเองแหละ คลาสสิคดีจัง~ เรื่องแบบนั้นก็เกิดขึ้นกับฉันและซาคุงเหมือนกันน้า~ ใช่ไหม?~ ซาคุง”
มารีญะหยิบล็อกเกตสีทองออกมาจากรอยแยกที่ล้ำลึกของเธอ แล้วพูดคุยกับรูปถ่ายข้างในด้วยท่าทางผ่อนคลาย
ถ้าภาพนี้กลายเป็นมังงะล่ะก็ เธออาจคงมีรูปหัวใจบินเต็มหัวก็เป็นได้ ส่วนอาริสะก็มองดูอย่างอบอุ่นให้กับพี่สาวของเธอที่อยู่ในโหมดหญิงสาวกับความรัก
“แต่ก็นะ….ดูสิ ทั้งความสามารถของเขา….ฉันยังจำได้แม่นเลย แล้วฉัน….ก็ยังเชื่อใจเขาด้วย”
ขณะที่กำลังมองรูปถ่ายของคนรักของเธอ มารีญะก็พยักหน้าให้กับอาริสะที่พูดอย่างไม่เต็มใจขณะที่มองไปทางอื่นอยู่
“อื้มๆ เด็กผู้ชายที่ทำในสิ่งที่ต้องทำน่ะ….มันเท่ห์มากเลยนะ ซาคุงก็เหมือนกัน แผ่นหลังของซาคุงที่ช่วยฉันไว้ตอนโดนหมากัดเมื่อนานมาแล้วน่ะ! นั่นเป็นเรื่องจริงที่….”
“ถ้าเธอจะสานต่อเรื่องความรักของเธอต่อล่ะก็ ช่วยออกไปจะได้ไหม?”
“หู่ว อาเรียจังเย็นชาอีกแล้ว!”
อาริสะมองด้วยสายตาที่เย็นชาให้กับมารีญะที่แก้มป่อง
“แล้วอีกอย่าง ฉันชอบคนที่ทำงานหนักเป็นปกติหนิ”
“เธอไม่เข้าใจเหรออาเรียจัง ปกติเขาก็เป็นพวกขี้แพ้อยู่แล้ว แต่ในชั่วพริบตาเดียว เขาก็แสดงให้เห็นด้านลูกผู้ชายได้นะ! ฉันคิดว่านั่นน่ะดีออกจะตายไป~”
“เราสองคนดูมีความคิดต่างกันนะ ฉันน่ะ…ค่องข้างรำคาญคุเซะคุงอย่างจริงจังที่ไม่มีแรงจูงใจเป็นทุนเดิมอ่ะนะ”
มันอาจเป็นเพราะเธอยังจำเรื่องราวต่างๆได้ขณะที่เธอเล่ามา อาริสะก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูหนักแน่น
“จริงสิ เขาชอบลืมของตลอดแถมยังนอนในคาบเรียนด้วย! ไม่ว่าฉันจะเตือนกี่ครั้งเขาก็ไม่สำนึกสักที! แล้วก็ชอบทำตัวสบายใจเฉิบกับขี้เกียจทุกครั้งเลย….นั่นแหละที่ว่าทำไมฉันสามารถพูดอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการโดยไม่ต้องมัวแต่กังวล…..”
“เข้าใจๆ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือมีความสัมพันธ์ที่ไว้ใจกันระหว่างเธอทั้งสองคนใช่ไหม?”
“ไหงกลายเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันเนี่ย”
“ก็ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร คุเซะคุงก็ไม่เคยที่จะทิ้งเธอเลยนี่ อาเรียจังเลยสามารถคุยกับเขาได้ก็เพราะเธอรู้ว่าคุเซะคุงจะไม่มีวันทิ้งเธอไปใช่ไหมล่ะ? แล้วคุเซะคุงก็ยอมรับเธอให้ทำแบบนั้นด้วย….นั่นก็เลยเป็นความสัมพันธ์ที่ไว้ใจกันที่ดีเลยไม่ใช่รึไง?”
อาริสะรู้สึกหมดคำพูดจากความเห็นที่ไม่คาดฝัน แต่เธอก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแล้วโต้ตอบกลับไป
“เธอผิดแล้ว คุเซะคุงน่ะก็แค่นักเรียนที่สมควรได้รับการบอกกล่าวกับสิ่งที่เขาทำลงไป ดังนั้นฉันก็ต้องไปเตือนเขาอย่างไม่ลังเลแบบนั้น และแน่นอนว่า….ฉันก็ยอมรับในตัวเขาที่เป็นคนเข้ากับคนง่ายอ่ะนะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะสามารถตกหลุมรักกับเขาได้ใช่ไหม? ฉันหมายถึงถ้าเธอชอบใครสักคนแล้วอยาก….ทำอะไรด้วยกัน….แบบไปออกเดทหรือจูบ….แบบนั้นที่ควรจะเป็นใช่ไหม? ฉัน….ไม่เคยคิดถึงเรื่องแบบนั้นหรอกแต่ว่า….”
มารีญะตบมือของเธอแล้วยิ้มเบาๆให้อาริสะที่กำลังพูดออกมาทุกอย่างด้วยความรู้สึกเขินอาย
“อาเรียจังน่ารักดีนะ”
“อะไรกันล่ะนั่น….เธอกำลังล้อฉันอยู่รึไง?”
“เปล่านะ?….รู้ไหมอาเรียจัง มันไม่จำเป็นต้องไปออกเดต จูบ หรืออะไรเป็นพิเศษแบบนั้นหรอก เพราะถ้าเธอชอบใครสักคนเข้าล่ะก็ เพียงแค่ได้คุยแล้วสัมผัสกันและกันก็ทำให้รู้สึกพิเศษแล้ว”
มารีญะพูดด้วยใบหน้าที่เหมือนรู้เท่าทันแล้วยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ส่วนอาริสะก็ขมวดคิ้วกับคำพูดของเธอ
“….อะไรที่พิเศษบ้างล่ะ?”
มารีญะกะพริบตาอย่างแปลกใจแล้วมองไปทางอื่น
“หืมมม~ ก็….สิ่งที่น่าจะชัดเจนที่สุดก็คงเป็น….การจับมือนะถ้าให้ฉันเดา? แม้เธอจะไม่ได้ไปถึงขั้นนั้นก็เถอะ แต่ได้แค่จับมือกับคนที่เธอชอบก็ทำให้เธอใจเต้นแรงแล้ว และความรู้สึกเขินอายจนอยากกริ๊ดออกมา เลยรู้สึกมีความสุขอยู่บ้าง แล้วก็….”
“….ความรู้สึกเขินอายจนอยากกริ๊ดออกมา…”
ขณะที่พูดอยู่ มารีญะก็ตื้นเต้นที่อธิบายเรื่องความรักว่าเป็นยังไงขณะที่ดูรูปถ่ายคนรักของเธอแล้วส่ายหัวไปด้วย
อาริสะก็จ้องไปที่ขาของตัวเองข้างหน้าเธอ แล้วเธอยกขาขวาขึ้นมาต่อหน้ามารีญะ
“อะไรเหรอ? เป็นอะไรไป? อาเรียจัง”
“โทษนะ เธอช่วย….ถอดให้หน่อยได้เปล่า?”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ?”
มารีญะกะพริบตาอย่างแปลกใจกับคำขอร้องที่อธิบายไม่ได้อย่างกะทันหัน แต่พอได้เห็นสีหน้าของอาริสะ เธอก็พอสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
มาริญะค่อยๆขยับตัวออกจากพรมช้าๆ แล้ววางมือของเธอลงบนขาขวาของอาริสะ
“อึก….”
มือของมารีญะค่อยๆถอดถุงเท้าคลุมเข่าของอาริสะอย่างลื่นไหล อาริสะก็มองดูสิ่งนั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย
“โอเค ฉันถอดให้แล้ว แต่…ข้างซ้ายด้วยไหม?”
พอมารีญะชี้ไปที่ขาซ้ายของอาริสะด้วยความสงสัย อาริสะก็พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“….ไม่ต้อง ใส่กลับไปใหม่อีกที”
“เอ๊ะ? หมายความว่ายังไงเนี่ย?”
“อย่าเรื่องเยอะน่า”
“….ก็ได้~”
ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ มือของมารีญะก็สวมถุงเท้าคลุมเข่าที่ถอดออกมาครั้งหนึ่งกลับไปที่เดิม ส่วนอาริสะที่จ้องมองอยู่ก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น
“โอเค ฉันใส่กลับแล้ว…ไงต่อล่ะ?”
“…..”
มารีญะมองหน้าอาริสะอย่างเฉยเมยราวกับว่าเธอกำลังคาดเดากับสิ่งที่เกิดขึ้น อาริสะก็ไม่สนใจสายตาของมารีญะแล้วมองลงไปที่ขาของเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ทันใดนั้นเธอก็ถอนหายใจแล้วลุกออกจากที่นั่ง
“….ไม่มีอะไรแล้ว ฉันคิดไว้แล้วเชียวว่ามารีญะก็คงช่วยไม่ได้”
“หมายความว่าไงกันแน่เนี่ย? ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่โอเน่จังกำลังเจ็บใจอยู่นะ!”
“ค่ะๆ ไม่มีอะไรแล้วเข้าใจมั้ย? ฉันจะเปลี่ยนชุดแล้วดังนั้นช่วยออกไปทีเถอะ”
“ฮือออ….อาเรียจังอยู่ในช่วงไม่เชื่อฟังแล้วเหรอ? นี่คืออยู่ในช่วงไม่เชื่อฟังแล้วใช่ไหม? ฉันจะทำยังไงดีซาคุง อาเรียจังถึงขั้นไม่เชื่อฟังฉันแล้วน่ะ”
หลังจากมารีญะได้ออกจากห้องไปด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยแล้วไหล่ตก อาริสะก็มองลงไปที่ขาขวาของตัวเองอีกครั้งแล้วค่อยๆไต่นิ้วลงไปที่ต้นขาของเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกเขินอายเล็กน้อยและมีกระจกบานใหญ่อยู่ข้างหน้าเธอ สิ่งที่สะท้อนกลับมาก็คืออาริสะที่มีแก้มที่ย้อมไปด้วยสีแดงเล็กน้อย
“หึก….”
อาริสะเริ่มทำหน้าบูดบึ้งราวกับจะปฏิเสธตัวเองอย่างไงอย่างงั้น จากนั้นเธอก็พึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผุดขึ้นในหัวของเธอ
【มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกนะ】
คำพูดภาษารัสเซียที่เธอพูดออกมาเป็นเสียงพึมพำที่ค่อยๆจางหายไปในอากาศในห้องแล้วหายไปโดยไม่มีใครคำนึงถึง
——————————————————————-